[นิยายแปล] ฉันได้สกิลใหม่ทุกครั้งหลังจากถูกขับไล่ และหลังจากผ่านมา 100 โลก ก็ไม่มีใครสามารถเทียบฉันได้ - ตอนที่ 27 ผู้แข็งแรงมักจะหัวเราะอย่างสันโดษเสมอ
- Home
- [นิยายแปล] ฉันได้สกิลใหม่ทุกครั้งหลังจากถูกขับไล่ และหลังจากผ่านมา 100 โลก ก็ไม่มีใครสามารถเทียบฉันได้
- ตอนที่ 27 ผู้แข็งแรงมักจะหัวเราะอย่างสันโดษเสมอ
――ทำตามเงื่อนไขสำเร็จ คุณจะถูกย้อนกลับในอีก 10 นาที
“…ขอบคุณ”
ฉันบอกอเล็กซิสว่าฉันรู้สึกขอบคุณเขามากที่ไล่ฉันออกจากปาร์ตี้ผู้กล้า
ใช่ฉันคิดแบบนั้น ฉันรู้สึกขอบคุณเขาจริงๆ ในตอนแรก ฉันคิดว่ามันเป็นสถานการณ์ที่สิ้นหวัง …… แต่นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันถึงสามารถขับไล่ตัวเองออกไปได้ด้วยวิธีที่เป็นธรรมชาติมาก ผลลัพธ์ดีกว่าการหักหลังพวกเขาหรืออะไรทำนองนั้นหลายเท่า และเพราะฉันถูกเนรเทศ… ฉันสามารถใช้ไพ่ลับของฉันฟันฝ่ากองทัพของจอมมารได้
(เปิดใช้งาน [Blood Engine](โลหิตขับเคลื่อน) )
ทันทีที่ฉันเปิดใช้สกิลผู้ถูกขับไล่ในหัว หัวใจของฉันก็เต้นแรง การเต้นของหัวใจที่เร่งขึ้นสูบฉีดเลือดไปทั่วร่างกายของฉันในอัตราที่เผาผลาญผ่านเส้นเลือดของฉัน ในขณะนั้น ความสามารถทั้งหมดของฉันเพิ่มขึ้นเป็นร้อยเท่า
ใช่ 100 เท่า ถ้าตัวคูณไร้สาระนั่นคิดโดยเด็กคนนึงล่ะนะ――
( [ย่างก้าวเฮอร์มีส] )
“ย๊าาากกกก!!!!”
ด้วยเสียงตะโกน ฉันพุ่งตรงเข้าไปหากองทัพของจอมมารแม้ว่ามันจะเป็นเพียงทักษะการเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูง แต่หากความแข็งแกร่งของมันเพิ่มขึ้น 100 เท่า มันจะกลายเป็นอาวุธสังหารที่สามารถเปลี่ยนทุกสิ่งที่สัมผัสให้กลายเป็นเศษเนื้อ
ฉันวิ่งผ่านกองทัพของจอมมารและเคลื่อนตัวไปด้านข้างเพื่อไม่ให้ทำร้ายอเล็กซิสและคนอื่นๆที่กำลังมาทางนี้ จากนั้นฉันก็กลับสู่ตำแหน่งเดิมของฉันในขณะที่ไถผ่านกองทัพของจอมมารอีกครั้งด้วย [ย่างก้าวเฮอร์มีส] จากนั้น ที่นั่นฉันเห็นมนุษย์ปีศาจหน้าตาคุ้นเคยที่คอยบินและออกคำสั่งแก่ลูกน้องของเขา
“…หะ-เห้ย!! ทำอะไรกันอยู่เนี่ย! ไล่ตามผู้กล้าไป――”
“ไม่มีทางซะหรอก!”
“คุ อ๊ากกก!!!”
นักรบปีศาจกลิ้งไปกับพื้น เกราะหนักของมันแตกกระเด็นขณะที่มันถูกฉันเตะเข้าที่ด้านหลังศีรษะ มันกระเด็นไปชนต้นไม้และหยุดเคลื่อนไหว… ดีล่ะ ไอ้หมอนี่ดูไม่เก่งเลยสักนิด
“มาเลย ฉันต้องการมากกว่านี้! ได้เวลาที่พวกแกต้องวิ่งหนียมทูตแล้ว!” ฉันพูดไปแบบนั้น
คราวนี้แทนที่จะใช้ [Hermes Dash] ฉันกระโดดเข้าไปในกองทัพของจอมมารแม้จะใช้ความเร็วปกติของฉัน ถ้าพวกมันชนกับฉัน พวกมันคงปลิวไปแล้ว แต่แค่นั้นยังไม่พอ
“โอร่า โอร่า โอร่า โอร่า โอร่า โอร่า โอร่า โอร่า!!!” (T/N: Jojo?)
ฉันเหวี่ยงดาบปีกเงินของปลอมที่ฉันสร้างโดยใช้ [Copy And Fake](คัดลอกและปลอมแปลง) อย่างสุดกำลังของฉัน เหตุผลที่ฉันไม่ใช้ของจริงก็เพราะว่าถ้าฉันใช้มันด้วยกำลังที่มีอยู่ ดาบมิธริลจะหักแม้จะไม่ได้กางคมปีกก็ตาม
ความแข็งแกร่งของดาบปีกเงินของจริงนั้นค่อนข้างดี อย่างไรก็ตาม นอกจากจะเป็นของปลอมแล้ว ยังเปราะบางกว่าของจริงอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ถ้าฉันยังคงสร้างของปลอมต่อไปหลังจากการสวิงแต่ละครั้ง ก็จะไม่มีปัญหาในการฆ่ากองทัพของจอมมาร แค่ทุบพวกมันทิ้งไปเรื่อยๆ …แต่มันไม่ได้มีประสิทธิภาพเท่าที่ฉันคิด ถ้าฉันเอาชนะพวกมันด้วยวิธีนี้ไม่ได้ล่ะก็…!!
“ย๊ากกก!!!! ดาบโลหิต! ฮ่าาาาา!!!!!”
ฉันใช้ดาบปีกเงินของปลอมฟันแขนขวาของตัวเองที่อยู่ต่ำกว่าข้อศอก เลือดค่อยๆไหลออกมา กลายเป็นแท่งของเลือด และเห็นได้ชัดว่ามีเลือดไหลออกจากร่างกายของฉันมากกว่าที่ปกคลุมทั่วร่างกายของฉันตอนนี้ซะอีก…. ถ้าฉันสามารถหลอมมันขึ้นมาใหม่ด้วยทักษะของฉันได้ ใบดาบโลหิตยาว 20 เมตรจะถูกสร้างขึ้นที่แขนขวาของฉัน
“ตาย ตาย ตาย!! ตายให้หมด!! พวกแกทุกคนตายไปซะ!!!!”
พายุไต้ฝุ่นมรณะที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 40 เมตรพัดอยู่รอบตัวฉัน ทุกสิ่งที่สัมผัสถูกฉีก กระแทก ทำลาย และบดขยี้ และสิ่งที่มีชีวิตเมื่อสักครู่นี้กำลังถูกเปลี่ยนเป็นแอ่งเลือดและเนื้อในอัตรามหาศาล
“ฮา… ฮา… โอเค ได้เท่านี้แหละ”
แปดนาทีผ่านไปในขณะที่การร่ายรำแห่งความตายยังคงดำเนินต่อไป กองทัพของจอมมารซึ่งมีชีวิตอยู่และต่อสู้มาเป็นเวลานานได้หายไปแล้ว และพรมที่เต็มไปด้วยเลือดและเนื้อก็ถูกปูบนพื้นพรมสีแดงโดยไม่มีช่องว่างระหว่างพวกมัน
“อเล็กซิสและคนอื่นๆ … ไปแล้วสินะ”
ด้วยการใช้สกิล [Akashic Compass] และ [Auto Mapping] ฉันยืนยันว่าอเล็กซิสและคนอื่นๆ ออกจากที่นี่ไปแล้ว ฉันวางมือบนหน้าอกด้วยความโล่งอก
เหตุผลเดียวที่ฉันมีไปต่อไม่ได้ก็เพราะฉันถูกโจมตีอย่างต่อเนื่องโดยกองทัพเกือบ 10,000 นาย ซึ่งบั่นทอนกำลังของฉัน อเล็กซิสและทีมของเขาจะไม่มีปัญหาในการจัดการกับพวกมันที่เหลือจำนวนเล็กน้อยในตอนนี้
แม้ว่าฉันจะยังคงมีความกังวลอยู่เล็กน้อย แต่หลังจากนี้ไม่นานข่าวการพ่ายแพ้ของจอมมารคงจะแพร่กระจายไปทั่วโลกในไม่ช้า แม้ว่าฉันจะผิดหวังที่ไม่สามารถอยู่ดูจนจบได้ แต่ฉันก็ไม่สามารถทำอะไรได้
“ฉันมีเวลาเหลืออีกเล็กน้อย อืมม ฉันจะทำอะไรดี? …”
ในช่วงที่ผลของสกิล [Blood Engine] ยังคงอยู่ ผลของสกิลผู้ถูกขับไล่ทั้งหมดได้รับการปรับปรุง และแขนของฉันก็กลับมาเป็นปกติแล้วด้วยพลังของ [Regenerate] ซึ่งเพิ่มขึ้น 100 เท่า
ความแข็งแกร่งทางร่างกายก็เช่นเดียวกัน ดังนั้นหากฉันเริ่มวิ่งตอนนี้ การไปเหลือบมองอเล็กซิสและคนอื่นๆ เป็นครั้งสุดท้ายก็ไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้ แต่ …
“อึก ….”
“โอ้ใช่ ยังเหลือแกอยู่”
นักรบปีศาจผู้ที่ฉันลืมเขาไปแล้ว เพราะฉันเตะเขาออกไปยังชายแดนปีศาจได้ส่ายหัวเบา ๆ แล้วมองมาที่ฉัน …และหยุดเคลื่อนไหว
ฉันเข้าใจว่านายรู้สึกยังไง นายคงไม่เคยคิดมาก่อนว่าผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งหมดของนายจะถูกกวาดล้างและทำลายล้างโดยคนคนเดียวเช่นฉันโดยที่ไม่ได้ฆ่าใครเลยใช่ไหมล่ะ?
“… นี่มันอะไร? แกเป็นตัวบ้าอะไร” ปีศาจถามออกมา
“นายถามฉัน? ฉันก็แค่คนแบกกระเป๋า? ไม่สิ ฉันถูกไล่ออกจากงานนั้นแล้ว สุดท้ายแล้วนายเป็นใคร? ก่อนจะให้คนอื่นแนะนำตัว ทำไมนายถึงไม่แนะนำตัวเองก่อน?”
“ฉัน? ฉันคือคนที่แข็งแกร่งที่สุดในกองทัพของจอมมาร… …”
เข่าของเขาส่งเสียงแตกในขณะที่เขาพูด ร่างกายของเขาทรมานด้วยความสิ้นหวัง หมดสิ้นกำลังใจที่จะต่อสู้
“หึ? คนแข็งแกร่งที่สุดกำลังทำอะไรด้วยสถานะที่น่ากลัวเช่นนี้(คนแบกกระเป๋า)? … ฉันเป็นเพียงทหารนิรนามคนนึง แต่ถ้าไอ้สารเลวอย่างแกต้องตายเพื่อแลกกับชีวิตของฉัน ก็ไม่มีชัยชนะใดจะยิ่งใหญ่ไปกว่านี้อีกแล้ว”
“โห? หมายความว่าไง ช่วยสรุปให้ฉันเข้าใจหน่อยได้ไหม?”
“ฉันไม่แน่ใจแต่ แม้จะถูกซ่อนไว้ด้วยการกระอักเลือดเอาไว้ แต่ฉันก็สามารถเห็นได้อย่างง่ายดายว่าร่างกายของแกไม่อยู่ในสภาพปกติ แกส่งผู้กล้าออกไปเพื่อแลกกับชีวิตของแกเอง… ฉันจะบอกว่าความมุ่งมั่นของแกนั้นน่าชื่นชม โอ้ ท่านจอมมาร ฉันประสบความสำเร็จในการแยกภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่นี่ออกจากผู้กล้าแล้ว แม้ว่าฉันจะปล่อยให้ผู้กล้าผ่านเข้าไปได้ก็ตาม สำหรับความสำเร็จนั้น โปรดยกโทษให้ฉันในความไร้ความสามารถของฉันด้วย …”
นักรบปีศาจก็เอาดาบจ่อคอแล้วพูดต่อ
“แกไม่เหลือพลังชีวิตในตัวแกอีกแล้วสินะ นี่คือดาบที่แกให้ฉัน เพื่อเป็นเกียรติแก่นักรบผู้ยิ่งใหญ่ ฉันขอเสนอหัวนี้ให้กับแกก็แล้วกัน … ฉันจะไปรอที่โลกข้างหน้าและหวังว่าจะได้พบแกอีกครั้งที่นั่น”
(T/N: เขาหมายถึงการได้พบกันอีกครั้งในชีวิตหลังความตายเมื่อเอ็ดเสียชีวิต)
มือของเขาตวัดและทำให้ศีรษะของเขาตกลงไปที่พื้น หลังจากดูเขาตาย ฉันก็ตระหนักได้ว่าฉันอยู่ที่ไหน
“ฉันเข้าใจแล้ว ฉันอยู่ที่…”
ด้านข้างของก้อนหินสูงแค่เอวเลยวงเวทไป ที่นี่คือที่ที่อเล็กซิสและคนอื่นๆ ตายในรอบแรก … และที่ที่ฉันดูแลเทีย ฉันไม่เคยคิดว่าจุดจบของฉันจะมาอยู่ที่นี่ด้วย ….โชคชะตา? หรือเป็นการประชดจากสวรรค์? แต่ทั้งสองก็เป็นเรื่องที่ดี
“… นั่นสินะ ฉันขอฝากสิ่งนี้ไว้กับพวกคุณด้วย”
ฉันหยิบดาบปีกเงินของจริงจาก [Stranger Box] และแทงมันลงบนพื้น ถ้าฉันไม่ทิ้งร่องรอยไว้เทียและคนอื่น ๆ จะตามหาฉันเป็นเวลาหลายทศวรรษ แม้ว่าจอมมารจะพ่ายแพ้และโลกสงบสุข ฉันก็ไม่อยากให้เธอตามหาฉันที่ไม่มีอยู่จริงต่อไป เพราะนั่นจะไร้ประโยชน์
“โชคดี อเล็กซิส นายควรจะสามารถเอาชนะจอมมารได้อย่างง่ายดาย ตาแก่กอนโซก็เช่นกัน อย่าฝึกกล้ามเนื้อของคุณมากเกินไปล่ะ ฉันแน่ใจว่าเขาจะไม่ฟังฉันแม้ว่าฉันจะบอกเขา ฮ่าๆๆ”
อีกไม่นานฉันคงหายไปจากโลกนี้ อย่างไรก็ตาม ไม่เหมือนกับรอบแรก ฉันทำเต็มที่แล้วที่นี่ ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับอเล็กซิสและคนอื่นๆ ที่ยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ และมันไม่จำเป็นสำหรับฉันซึ่งเป็นคนนอกที่จะต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้
“ซึ่งทำให้ฉันนึกได้ว่า ในท้ายที่สุด ฉันก็ทำให้เธอร้องไห้ในครั้งนี้เหมือนกัน”
ใบหน้าของเทียเข้ามาในความคิดเมื่อเราแยกทางกัน และฉันก็อดหัวเราะไม่ได้ ฉันต้องการนำรอยยิ้มกลับมาสู่ใบหน้าของเธอ ดังนั้นฉันจึงท้าทายโลกนี้เป็นครั้งที่สอง แต่สุดท้ายก็ต้องทำให้เธอร้องไห้ ฉันเดาว่าฉันยังขาดประสบการณ์
ถ้าฉันกลับมาโลกนี้หลังจากผ่านไป 100 ปี เธอคงโกรธมากจริงๆ ด้วยดาบเล่มนั้น เธอไม่จำเป็นต้องหันไปใช้เวทมนตร์ต้องห้ามแบบนั้นซึ่งใช้ทั้งชีวิตของเธอ และฉันก็จะได้เห็นเทียอีกครั้ง ซึ่งเติบโตเต็มที่ตามอายุของเธอ
“… ระวังตัวด้วยนะ เทีย”
เวลาผ่านไปและหัวใจของฉันก็เต้นแรงและบอกให้ฉันจ่ายราคาสำหรับพลังของฉัน แต่ก่อนที่หัวใจของฉันจะแตกสลายไปในที่สุด ――
――สาม …สอง …หนึ่ง …ดำเนินการย้ายโลก
ร่างกายของฉันค่อยๆเบาบางและฉันก็ได้ถูกเนรเทศจากโลกนี้