[นิยายแปล]グリード×グリード (Greed x Greed) - ตอนที่ 21
ตอนที่ 21
「ทำไม……」
มานะมองมาที่ชั้นด้วยสีหน้าประหลาดใจ
อันที่จริงชั้นแค่ยั่วยุพวกเลบอยและเอมี่ แล้วกก็วิ่งหนีไปทางตรงกันข้ามกับมานะ
นั่นเป็นเหตุผลที่ชั้นไม่น่าจะมาอยู่ที่นี่
หลังจากอุ้มมานะเอาไว้ในอ้อมแขนชั้นก็ตรวจบาดแผลของเธอ
「ไม่เป็นไรใช่ไหม? ขอโทษนะแต่ว่าชั้นใช้เวทย์รักษาไม่ได้น่ะ」
「เอ่อ…เรื่องนั้น….ไม่ต้อง…..แต่ว่า…..ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้…!」
「เดี๋ยวจะอธิบายขณะที่พวกเราออกไปได้……」
จากนั้นชั้นก็อุ้มมานะไว้บนหลังและออกจากที่นี่โดยระวังพวกเลบอย
***
――――ย้อนกลับไปเล็กน้อย
เมื่อรู้ว่าทำลายบาเรียไม่ได้ ก็ตัดสินใจร่วมมือกับมานะและรอการช่วยเหลือมาถึง
เพราะแบบนั้นเลยต้องกลับไปสบทบกับเธอ
「เฮ้ เฮ้ เกิดอะไรขึ้นฟะเนี่ย……」
เปลวไฟและมวลน้ำขนาดมหึมาพุ่งออกมาจากโรงงานร้าง
จากนั้นแมมอนก็เอ่ยปากชม
『อืม….สาวน้อยคนนั้นเก่งกว่าที่ข้าคิด』
「หมายความว่าไง?」
『ก่อนอื่นเปลวเพลิงนั้นจะต้องเป็นข้ารับใช้ของเบลเซบับ แต่น้ำนั่นน่าจะเป็นจากสาวน้อยอัญเชิญวิญญาณมา』
「วิญญาณ?」
『ก็เหมือนกับการจุติของธาตุนั้นๆนั่นแหละ ดังนั้นจึงออกมาในสภาพที่ไม่สมบูรณ์ วิญญาณตรงหน้าก็เป็นธาตุน้ำ กล่าวอีกนัยหนึ่งจะสามารถฟื้นคืนชีพได้ตราบใดที่มีน้ำ แต่จะอัญเชิญอีกครั้งได้ไหมก็อีกเรื่อง……』
「เหหห……」
『และสิ่งที่สาวน้อยคนนั้นอัญเชิญมา น่าจะเป็นอันดีนหนึ่งในสี่วิญญาณที่ยิ่งใหญ่ อย่างไรก็ตาม ผลกระทบของความอ่อนแอนั่นแหละปัญหา』
วิญญาณเองก็มีอยู่ในโลกแฟนตาซี
จากคำอธิบายของแมมมอนดูเหมือนจะไม่แตกต่างจากที่จินตนาการไว้มากนัก
บางทีเวทย์ที่ไม่รู้จักอาจจะเป็นของมานะ
「บอกว่ามานะอ่อนแอลง เพราะอะไรล่ะ?」
『ณ ตอนนี้ไม่ทราบสาเหตุ อย่างไรก็ตาม ผลกระทบของมันแสดงให้เห็นอย่างชัดเจน คงเป็นเพียงเรื่องของเวลาว่าจะแพ้ให้กับลูกน้องเบลเซบับตอนไหน』
「ถ้างั้น……!」
ชั้นเปิดใช้เวทย์เสริมพลังกายโดยเร็วและวิ่งไปทั่วเมือง
ข้อดีของเวทย์เสริมพลังกายคือการไม่ใช้พลังเวทย์
มันจะทำเพียงแค่หมุนเวียนพลังเวทย์ในร่างกายเท่านั้น
ไม่ว่ายังไงก็ต้องขอบคุณเวทย์นี้ จึงสามารถกลับไปได้เร็วกว่าที่คิด
แต่……。
「ไม่อยากจะสู้เลยแหะ……?」
『……จบแล้วนะการต่อสู้น่ะ』
「หมายความว่า!」
『แน่นอนแม่สาวน้อยแพ้』
「เฮ้อ!」
เผลอแอบคิดว่ามานะจะชนะอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็โดนปฏิเสธอย่างง่ายดาย
แทนที่จะเป็นอย่างงั้น จะเกิดอะไรขึ้นหากแพ้มาจริงๆ……。
「บางทีเธออาจจะถูกฆ่า……」
『ช้าก่อน เธอยังมีชีวิตอยู่ แต่ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้』
「บ้าเอ้ย…..ถ้างั้นก็ยิ่งต้องรีบ……」
『รอก่อน!』
「รออะไรอีก!」
แมมมอนรั้งชั้นไว้ขณะที่ชั้นจะรีบไปหามานะ
จากนั้นแมมมอนก็พูดขึ้นมา
『เจ้าคิดจะไปทั้งๆที่ไม่มีแผนเลยงั้นเรอะ?』
「เออสิ หากปล่อยแบบนี้มานะถูกฆ่าตายแน่!?」
『แต่ตอนนี้เจ้าทำอะไรได้บ้าง? หากยังอ่อนปวกเปียกแบบนี้ เจ้าก็คงจะโดนจับเหมือนกัน』
「อึก……」
ดังที่แมมมอนพูด ตอนนี้ชั้นอ่อนแอมากและไม่สามารถช่วยมานะได้
ท้ายที่สุดแล้วพวกนั้นก็จะใช้มานะเป็นตัวประกัน
ในขณะที่ชั้นพูดอะไรไม่ออก แมมมอนก็ถอนหายใจ
『เฮ้อ………ทำไมถึงเอาแต่ห่วงคนอื่น? ไม่คิดถึงตัวเองบ้างรึไง? แม้ว่าสาวน้อยคนนั้นจะตายก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรเจ้านี่?』
「……」
นั่นเป็นความคิดปกติของคนทั่วไป
ชีวิตของชั้นต้องมาก่อน นั่นคือความจริง
ชั้นเองก็ไม่อยากตาย และก็ไม่อยากโดนจับตัวด้วย
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์นี้ก็ไม่ต่างจากมานะ
ถ้าเลบอยไล่ตามชั้นและทิ้งมานะไว้ มานะก็คงจะหนีออกไปได้
อย่างไรก็ตาม ชั้นเองก็คงโดนส่งตัวไปให้เบลเซบับ ก่อนที่มานะจะพาคนมาช่วย
แต่มานะไม่ทำแบบนั้น
เพื่อที่จะให้ชั้นหนีไปเธอจึงสู้และรอความช่วยเหลือ
『มีเพียงสองทางให้เจ้าเลือกตอนนี้ ละทิ้งแม่สาวนั่นรอการช่วยเหลือมาถึงหรือจะพยายามไปช่วยเธอด้วยความโง่เขลา แน่นอนว่าเจ้าคงจะทิ้งแม่สาวนั่นและรอการช่วยเหลือใช่ไหม? ไม่ว่าคิดยังไงวิธีนั้นก็ดีที่สุด』
แมมมอนพูดราวกับเป็นเรื่องปกติ
แต่……。
「――――ไม่ ชั้นจะช่วยมานะ」
นั่นคือสิ่งที่ชั้นพูด
จากนั้นแมมมอนก็บ่นด้วยความไม่พอใจ
『เฮ้อ ล้อเล่นใ่ช่ปะเนี่ย? ชีวิตของเจ้าไม่ใช่ของๆเจ้าเพียงคนเดียวแล้วนะ?』
「รู้อยู่แล้วล่ะ」
『รู้งั้นเหรอ? รู้จริงๆยังงั้นเหรอ!? ถ้าเจ้ารู้จริงก็คงไม่ทำตัวงี่เง่าแบบนี้อย่างการเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยคนอื่นหรอก เจ้าจะทำตัวโง่เง่าแบบนั้นไปจนถึงเมื่อไรกัน!』
แมมมอนที่อยู่เงียบๆมานานก็ระเบิดอารมณ์และออกมาจากร่างของชั้น
ถ้าชั้นกับแมมมอนไม่มีสัญญาต่อกัน ก็คงโดนแมมมอนฆ่าไปแล้ว
ถ้าชั้นพูดอะไรแปลกๆอีก ดูเหมือนว่าหมอนั่นจะต้องหยุดชั้นแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ชั้นเองก็จริงจัง
「ชั้นมีแผน」
『……แผนอะไร?』
แมมมอนทำท่างุนงง
「สิ่งที่ดีสำหรับชั้นตอนนี้คือการเข้าไปช่วยมานะและรอการช่วยเหลือ ด้วยเหตุนี้พวกเราต้องแยกเลบอยออกมาจากมานะให้ได้」
หากเราสามารถแยกเลบอยออกจากมานะ และพาเธอกลับมาได้ก็จะรอความช่วยเหลือมาถึงได้
ไม่รู้ว่าจะใช้เวลานานเท่าไร……。
เมื่อแมมมอนได้ยินเช่นนั้นก็หงุดหงิด
『เป็นไปไม่ได้น่า――――』
「――――แมมมอน ถอดเสื้อผ้านายออกซะ」
『………………หะ?』
แมมมอนงง
อย่างไรก็ตาม เมื่อได้ยินเช่นนั้นเขาก็โกรธทันที
『ฮะ จะให้ข้าถอดเสื้อผ้างั้นเหรอ? ล้อเล่นรึเปล่า……!』
「ไม่ได้ล้อเล่น นี่แหละกลยุทธ์สุดแกร่ง」
『กลยุทธ์!?』
ใช่นี่คือสิ่งจำเป็น
โดยไม่สนใจแมมมอนที่โกรธจัด ชั้นหยิบเหรียญออกมา
「ชั้นจะใช้เจ้านี่」
『เหะ? ก็อบลินเนี่ยนะ……?』
แมมมอนไม่เข้าใจและสับสน
ชั้นยิ้มออกมา
「แค่นั้นแหละ ถอดเสื้อผ้านายออกและให้ก็อบลินใส่ซะ จากนั้นมันจะกลายเป็นนายตัวปลอมไง!」
『บ้าหรือเปล่าเนี่ย!?』
แมมมอนหัวเราะ
『เหอะ ตัวปลอมงั้นเหรอ คิดว่าจะหลอกได้ง่ายๆแบบนั้นเหรอ……!』
「หลอกได้ดิ!」
『ตอบทันทีเลย!?』
ชั้นพูดอย่างมั่นใจ
หากจับก็อบลินมาแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าของแมมมอนยังไงก็ดูไม่ออก……!
นี่คือกลยุทธ์ของชั้น
「ชั้นจะให้แมมมอนสร้างภาพลวงตาของชั้นขึ้นมา และก็ให้ภาพลวงตาของชั้นอยู่กับเจ้าก็อบลินนี่เพื่อไปยั่วยุเลบอย จากนั้นก็พาภาพลวงตาของชั้นหนีออกไป แบบนั้นจะแยกเลบอยออกจากมานะได้」
『กลยุทธ์ไร้สาระบ้านั่นมันอะไรกัน!?』
「สมบูรณ์แบบจะตาย!」
『กับผีอะดิ!』
ดูเหมือนว่าแมมมอนจะไม่เข้าใจ งี่เง่าจริงๆ
「ด้วยวิธีนี้ นายหลอกพวกนั้นได้อย่างแน่นอน ! เหนือสิ่งอื่นใด จุดประสงค์ของพวกเขาแต่เดิมคือพวกเรา ตราบใดที่เราปรากฏตัวให้เห็น พวกนั้นก็จะไม่จับมานะเป็นตัวประกัน」
แมมมอนบอกให้ชั้นทิ้งมานะเพื่อเอาตัวรอด
แต่ว่าชั้นทำแบบนั้นไม่ได้หรอก
「ต้องขอโทษด้วย พอดีชั้นเป็นคนโลภมาก เพราะงั้นทั้งชั้นและมานะจะต้องรอด ไม่ยอมรับข้อโต้แย้งทั้งนั้น」
『อึก……』
แมมมอนหมดคำพูดทันทีที่ได้ยิน
จากนั้น……。
『แม้ว่าจะมีโอกาสก็ตาม…ไม่ แม้ว่าจะหลอกได้ก็เหอะ แต่ทำไมข้าต้องให้พวกชั้นต่ำนั่นยืมเสื้อผ้าข้าด้วยฟะ!』
แมมมอนไม่คิดจะถอดเสื้อผ้า
ถ้าเป็นตามปกติก็คงมองข้าม แต่ตอนนี้เสียเวลามาเยอะแล้ว
「หุบปากน่า ! รีบๆถอดได้แล้วไอ้งั่งเอ้ย!」
『เฮ้ย แก….หยุดน้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา!』
――――ด้วยเหตุนี้เองจึงเปลื้องผ้าแมมมอนและสวมให้กับก็อบลินเดินหน้ากลยุทธ์
***
「ดังนั้นพวกนั้นโดนต้มซะเปื่อยเลยล่ะ」
『ไม่อยากจะเชื่อว่าโดนหลอกจริงๆ……』
นั่นเป็นเหตุผลที่ชั้นบอกไปแล้ว
ตามที่คาดคิด เลบอยโดนก็อบลินที่ปลอมเป็นแมมมอนหลอกและไล่ตามไป
『เอ่อ….ตอนนี้ข้าก็เป็นเหมือนพวกก็อบลินธรรมดาหน้าโง่แล้วดิไม่มีชุด……』
「ยอมรับซะเถอะ แกมันก็โง่พอตัวอยู่แล้ว」
『หาาาา ก็ได้ตรูเองก็เป็นก็อบลินนี่หว่า!』
เป็นที่ยอมรับว่า เลบอยเป็นคนเดียวที่ชั้นหลอกได้ แต่เนื่องจากชั้นคิดไว้แล้วว่าชั้นรู้สึกไม่ผิดจริงๆ
อย่างไรก็ตามแมมมอนที่โดนแก้ผ้าก็เข้ามาอยู่ในร่างของชั้น
『อา….แกมันปีศาจ…..เอาเสื้อผ้าข้าไป ศักดิ์ศรีข้าไม่เหลือแล้ววววววว……』
「หยุดพูดเหอะฟังแล้วอยากจะอ้วก」
ทำไมต้องมาโดนว่าด้วยปีศาจด้วย แกเองก็เป็นปีศาจไม่ใช่รึไง
「เอ้อถึงจะพูดแบบนั้น แต่แกก็เล่นชั้นไว้เยอะเลยนี่หว่า!」
『ก็ถ้าไม่ทำแบบนั้นก็ไม่คุ้มอะดิ!』
ใช่ หมอนั่น สร้างภาพลวงตา งี่เง่าเป็นชั้น ทำหน้าโง่ๆ ตบตูดและวิ่งตะเพิดไป
แม้ว่าปกติจะไม่ทำอะไรแบบนั้น แต่ดูเหมือนว่าไอเวรนี่จะแค้นฝังหุ่น
……ต้องขอบคุณสมองอันชาญฉลาดของชั้นเลยล่อพวกเลบอยออกไปได้ และสามารถช่วยมานะได้
นั่นคือสิ่งที่ได้พูดคุยกับมานะ แต่ก็ได้ยินเสียงที่น่าตกใจจากมานะที่อยู่บนหลัง
「ฮะฮะฮะ…..กลยุทธ์บ้าบอคอแตกแบบนั้น……」
「งั้นเหรอ? แต่มันก็ช่วยเธอออกมาได้นี่ ยังไงชั้นก็โดนเล่นงานอยู่แล้ว」
ต้องบอกว่าเพราะชั้นเป็นส่วนหนึ่งในกลยุทธ์ก็ไม่ได้แย่สักเท่าไร
「เอ่อแล้วนั่นคือเรื่องทั้งหมด」
「อะไรเล่า……?」
「จับแมมมอนแก้ผ้าได้จริงๆเหรอ」
「……」
ตอนนี้แมมมอนอยู่ในร่างชั้นรึยังนะ พอนึกแบบนั้นก็ได้แต่สงสัยว่าจะลากออกมาคุยได้ไหม แต่เมื่อคิดดูว่าหมอนี่พยายามจะขโมยเงินคนในโรงเรียนและกลายเป็นวิญญาณ ก็ไม่สามารถแตะต้องโลกความเป็นจริงได้
ดังนั้นตอนนี้ก็ประสบความสำเร็จในการแก้ปัญหาไปอีกอย่าง
「อย่างไรก็ตาม แค่ช่วยมานะออกมาได้ ก็ดีแล้วล่ะตอนนี้เลยต้องให้อาศัยอยู่ในร่างไปก่อน」
「……ทำไม……ทำไม………นะนะนายถึงมาช่วยฉันล่ะ……」
เสียงที่สั่นเทาดังมาจากด้านหลัง
「อ่า…..ฉัน…..ฉันพูดอะไรโหดร้ายกับนายไปตั้งมากมาย………และอีกอย่าง……ตอนนี้ฉันยังอยู่ในสภาพ……น่าสมเพชแบบนี้……」
「เอาจริงมันก็แย่นะ แต่สิ่งที่มานะพูดมาทุกอย่างไม่ผิดหรอก」
「เอ๊ะ……?」
เป็นเรื่องจริงที่เธอพูดรุนแรงใส่ชั้น แต่มันก็คือความจริงที่ชั้นไม่สามารถหนีไปได้
ดูเหมือนว่ามานะเองก็จะมีความเกี่ยวข้องกับจอมมารในอดีตของเธอ
ถ้าเป็นเรื่องจริง ก็คงไม่อยากยุ่งกับคนแบบชั้นหรอก
แต่ว่า……。
「เธอก็ช่วยชั้นไว้ตั้งหลายอย่าง ทั้งช่วยกำจัดอิมป์ แถมยังยอมเป็นเหยื่อล่อซื้อเวลาให้กับชั้น นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าชั้นจะไปสนใจคำพูดดูถูกของเธอทำไม คนเราไม่ได้ดูที่คำพูด แต่ดูจากการกระทำต่างหาก」
อย่างแรกเลยชั้นต้องการหาเงิน ดังนั้นไม่สนหรอกว่าใครจะดูถูกชั้น
การสื่อสารเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการทำงานเป็นทีม แต่มันก็เป็นสิ่งที่น่าหนักใจสำหรับผู้มีปัญหาด้านการสื่อสาร
สำหรับคนอย่างชั้นไม่ว่าจะถูกรังแกมากแค่ไหน ตราบใดที่ได้เงินก็ไม่เป็นไร
มากกว่าสิ่งใดแล้ว――――。
「ชั้นเองก็เป็นเจ้านายของจอมมารแห่งความโลภใช่ไหมล่ะ? ทั้งชั้นและมานะจะต้องรอดไปด้วยกัน เป็นเรื่องปกติ เพราะชั้นเองก็โลภมากเหมือนกันนี่?」
「……อะไร….ละนั่น……」
มานะยิ้มเล็กน้อยกับคำพูดของชั้น
และ……。
「……ขอบคุณนะที่มาช่วย……」
ชั้นยิ้มขณะวิ่งไปทั่วเมืองที่โดนบาเรียกั้นแบบนี้ แต่เสียงที่ได้ยินเหมือนจะหายไป
โชคดีที่ใช้เวทย์เสริมพลังกายเลยไม่เหนื่อยเลย……。
ทันใดนนั้นก็พบเจอเหรียญตรงหน้าชั้น
「! นี่มัน……」
『ดูเมหือนว่าเวลาในการอัญเชิญจะหมดลงแล้ว แล้วที่มากกว่านั้นเสื้อผ้าข้าล่ะ!?』
ด้วยพลังเวทย์ของชั้นในปัจจุบัน ทำให้เรียกก็อบลินได้เพียงครั้งเดียว และมันเป็นไปไม่ได้ที่จะอัญเชิญซ้ำ
ไม่เป็นไร ถ้ายังหนีต่อไปได้ละก็――――。
ใช่นั่นคือตอนที่คิดแบบนั้น
「นะนะนะ….นั่น……」
จู่ๆก็รู้สึกแย่เลยหยุดวิ่ง
จากนั้นทั้งเมืองก็สั่นสะเทือนราวกับแผ่นดินไหว
『……ดูเหมือนว่าลูกน้องของเบเซบับมันจะบีบบาเรียให้แคบลง เพื่อลดการค้นหา』
「หะ!?」
น่าแปลกที่มันเริ่มลดระยะของบาเรียลง
「……แล้วถ้าเกิดพวกเราสัมผัสกับขอบบาเรียที่ถูกบีบเข้ามาพวกเราจะออกไปได้ไหม?」
『เป็นไปไม่ได้หรอก จะโดนผลักกลับ ยิ่งกว่านั้นเสื้อผ้าข้าอยู่ไหน!?』
「งั้นก็หมายความว่า……」
สำหรับชั้นเรื่องนี้สำคัญกว่า
หากเป็นแบบนี้บาเรียก็แคบลงทำให้หนีได้ยากขึ้น
ควรจะทำยังไงดี ขณะที่พยายามคิดอย่างสิ้นหวังจู่ๆก็มีบางอย่างอุ่นๆไหลเข้ามาจากร่างกายของชั้นจากด้านหลัง
「มานะ?」
「……ถึงแม้จะไม่มาก แต่นี่คือพลังเวทย์ของฉันค่ะ……」
「ทำไมล่ะ……」
「……หากเป็นแบบนี้ต่อไปดิฉันจะกลายเป็นตัวถ่วงเอาเปล่าๆ…แต่หากใช้พลังเวทย์ที่ดิฉันมอบให้….นายน่าจะหนีออกไปได้ด้วยตัวคนเดียว….ดังนั้นได้โปรดทิ้งดิฉันไว้……แล้วหนีไปเถอะค่ะ……」
「อย่ามาพูดบ้าๆน่า!」
มานะมอบพลังเวทย์ให้กับชั้นทั้งหมด เพื่อให้ชั้นหนีไปจากที่นี่
แต่แน่นอนชั้นไม่ปล่อยให้เป็นแบบนั้นหรอก
「แมมมอน ด้วยพลังเวทย์ที่ได้รับมา สามารถใช้ประตูหมื่นอสูรได้ไหม!?」
『ไม่ เป็นไปไม่ได้ อย่างดีที่สุด ก็พอจะเรียกก็อบลินโง่ๆนั่นออกมาอีกรอบ เหนือสิ่งอื่นใดประตูหมื่นอสูรของข้าสามารถเปิดใช้ด้วยพลังเวทย์ของข้ากับเจ้าเท่านั้น』
「งั้นเหรอ……」
『นอกจากนี้ แม้ว่าจะได้พลังเวทย์มาก็ไม่น่าจะผ่านสถานการณ์นี้ไปได้ง่ายๆ』
ยังไงซะก็ไม่มีทางหนีรอด
ยิ่งกว่านั้นยังทำได้แค่อัญเชิญก็อบลิน……。
ควรจะทำยังไงดี……!
จากนั้นจู่ๆแมมมอนก็ส่งเสียง
『เอ๊ะ เอ๊ะ เออออออออ๋ !? นี่มัน……』
「อะไรของแก!」
『ความสามารถบางอย่างของข้า ถูกปลดล็อคแล้ว?』
「หะ!?」
เป็นเพียงแสงสว่างเดียวในยามที่สิ้นหวัง
「แมมมอน!? คิดว่าใช้งานได้ในทันทีเลยรึเปล่า!?」
『อ่า ได้สิ เหตุผลที่ถูกปล่อยออกมาตอนนี้เพราะไม่มีพลังเวทย์ทำไมจู่ๆ……ยิ่งไปกว่านั้นข้าไม่เข้าใจมีเพียงบางส่วนที่ถูกปลดล็อค……』
「จะยังไงก็ช่างเหอะตอนนี้ ! ช่วยสอนพลังนั่นให้ชั้นที!」
ชั้นตะโกนใส่แมมมอนในสถานการณ์คับขันสุดๆ――――。
「――――ในที่สุดก็เจอกันสักทีนะ จอมมารแห่งความโลภ」
――――ในที่สุดเลบอยก็หาพวกเราเจอจนได้