[นิยายแปล]グリード×グリード (Greed x Greed) - ตอนที่ 15
ตอนที่ 15
พวกเราต่างตัวแข็งต่อตัวตนที่ปรากฏหน้าประตูเหล็ก
ชั้นที่ได้สติก็รีบหันกลับไปมองที่แมมมอน
「เฮ้ย ทำไมถึงมีตัวนายอีกคนอะ……?」
『ไม่ใช่เลยโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!』
แมมมอนปฏิเสธสิ่งที่ชั้นพูด
『เจ้าเอาส่วนไหนมองหะถึงเห็นว่าเหมือนตัวข้า!?』
แมมมอนพูดแบบนั้นพร้อมกับชี้นิ้วไปยังคนแคระที่โผล่ออกมา ดังนั้นชั้นเลยมองให้ชัด
คนแคระนี่มีส่วนสูงประมาณเด็ก มีผิวสีเขียวหม่นและมีจมูกเพรียวบาง สายตาแหลมคม
เข้าใจล่ะ……。
「ไม่ว่าจะมองยังไงก็เหมือนกันอะ?」
『มองยังไงให้มันเหมือนวะครับ!?』
「ก็เจ้านี่ไม่ใส่เสื้อผ้า ก็แต่งตัวเหมือนกันดีนี่」
『อย่าเอาตัวข้าอันสูงส่งไปเปรียบเทียบกับไอ้สวะแบบนี้สิฟะ!』
「ไม่เลย ตัวนายเองก็ไม่ต่างจากมันหรอกนะ……」
เหมือนกันเปี๊ยบโดยนิสัยขี้ขโมยเนี่ย
จากนั้น คนแคระตัวสีเขียวที่ถูกอัญเชิญออกมาก็มีสีหน้าภาคภูมิใจด้วยเหตุผลบางอย่าง
「ดูสิ หมอนี่ยังบอกเลยว่าพวกเดียวกัน」
「เกี๊ย」
『เจ้าอยากตายแบบไหนเลือกมา!』
ไม่ว่าจะมองยังไงก็ไม่ต่างกันเลย
อย่างไรก็ตาม แมมมอนดูจะไม่พอใจมากกับการที่ชั้นพูดแบบนั้น
『ฟังนะ เจ้านี่เป็นก็อบลินและเป็นมอนสเตอร์!』
「ไม่ใช่ว่านายเองก็เป็นก็อบลินเหรอ?」
『ก็อบลินก็คือก็อบลิน แต่ก็อบลินเองก็มีวงศาคณาญาติของพวกมัน!』
「อะไรกันจะบอกว่านายคือราชาก็อบลิน……」
เอ่อแสดงว่าไม่ปฏิเสธว่าเป็นก็อบลินสินะ
จากนั้นแมมมอนก็หายใจเข้าและพูดต่ออย่างไม่พอใจ
『เห็นไหมแม้แต่ในหมู่ปีศาจก็ยังมีลำดับชั้น เช่น พวกฟีนิกซ์ มังกร และข้าเองก็เป็นจุดสูงสุดของเหล่าก็อบลิน』
「อืม」
『ยกยอข้าให้มากกว่านี้สิ!』
「แม้ว่าจะพูดแบบนั้น ก็ยังมีเผ่าพันธุ์สุดเทพอย่างฟีนิกซ์ มังกร แต่นายมันก็แค่ก็อบลินนี่หว่า」
『เจ้าจะเลือกปฏิบัติเกินไปไหม แม้ข้าจะเป็นก็อบลินแต่ก็เป็นชนชั้นสูงเช่นกัน!』
ก็ช่วยไม่ได้นี่ก็อบลินมันก็คือก็อบลิน
ขอโทษด้วยนะ แต่ก็อบลินตรงหน้าชั้น แม้ว่าจะเอาก็อบลินกับมังกรมาวางคู่กัน มันก็เทียบไม่ติดอะ
แมมมอนกุมขมับขณะไม่รู้ว่าก็อบลินฟังพวกเราอยู่รึเปล่า
『เออช่างเหอะ….ยังไงก็ตามข้าเองก็เป็นก็อบลิน แต่ไอ้โง่ตรงนั้นเป็นแค่มอนสเตอร์』
「แล้วอะไรคือความแตกต่างระหว่างก็อบลินที่เป็นปีศาจกับก็อบลินที่เป็นมอนสเตอร์?」
『ความแตกต่างก็คือความฉลาดและความสามารถ อย่างที่เห็น ไอ้โง่นั่นไม่มีสติปัญญาและไม่มีอุปนิสัยดีๆแบบข้า?』
「รู้ปะพอแกพูดแบบนั้นแล้วแกมันก็แค่ไอ้งี่เง่าคนหนึ่ง……」
『หนวกหูเฟ้ย ! นอกจากนี้พวกมอนสเตอร์ใช้เวทย์หรือความสามารถพิเศษไม่ได้』
「อืม」
ไม่เข้าใจจริงๆ แม้แต่ก็อบลินด้วยกันเองก็มีลำดับชั้น
ขณะที่คุยกัน ก็ถามสิ่งที่สำคัญที่สุดออกไป
「ตอนแรกก็เข้าใจได้หรอกว่าเป็นก็อบลินเหมือนกัน แล้วมันเก่งไหม?」
『เก่งไหมงั้นเหรอ!? ถามอะไรแปลกๆนี่มันโครตของจะดำนาเกลือเลยโว้ย』
「กีกี้!?」
เอาจริงดินี่กดกาชาได้แค่หนึ่งครั้งต่อสัปดาห์แถมยังได้ตัวหนึ่งดาวเนี่ยนะ อย่างน้อยขอแค่ตัวที่เป็นกำลังรบหน่อยก็ได้
จากนั้นแมมมอนก็ถอนหายใจด้วยความตกใจ
『เฮ้อ….ไม่มีทั้งเงิน พลังเวทย์ หรือแม้แต่ดวงก็ไม่มีเรอะ? ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะสามารถอัญเชิญตัวโง่เง่าแบบนี้ออกมาได้……』
「หา!? จะบอกว่าเป็นความผิดชั้นงั้นเรอะ!」
『เออสิฟะ หากเจ้าดวงดีหน่อย ก็อาจจะได้ตัวที่เก่งกว่านี้』
「ถ้าทำได้ก็ทำไปแล้วโว้ย! ใครเขาจะอยากกดได้เกลือกันฟะ และอีกอย่างแกเป็นคนใช้งานเวทย์ไม่ใช่เรอะ ไม่ใช่ชั้นที่เป็นคนกดกาชาสักหน่อย เพราะงั้นดวงของแกนั่นแหละที่ไม่ดี!」
ใช่แล้วชั้นกับหมอนี่มีดวงสมพงษ์กัน
ผลลัพธ์นี้ไม่ใช่ความผิดชั้นคนเดียว
จากนั้นแมมมอนก็หัวเราะ
『อย่ามาพูดอะไรน่าขำแบบนั้นสิ ! ข้าเนี่ยนะจะโชคร้ายเหมือนกับเจ้า โชคของข้ามันก็คือของๆข้า ข้ายังกดกาชาได้ซุสมาแล้วเลยนะ!』
「จะเอางั้นเหรอ “ชั้นกับแกมีชะตากรรมร่วมกัน” ของๆแกก็คือของๆชั้น นั่นเป็นเหตุผลที่โชคของแกก็คือโชคของชั้นเหมือนกันโว้ย!」
『เฮ้ ไอ้หมอนี่ ! แกวางแผนแม้กระทั่งขโมยเรื่องดวงของข้าด้วยงั้นเรอะ』
「แกไม่มีสิทธิ์มาสั่งชั้นที่เป็นเจ้านาย เข้าใจไหม!」
พวกเราทะเลาะกันโดยเปล่าประโยชน์
ขณะที่สาปส่งใส่กัน ก็ถอนหายใจออกมาพร้อมกัน
「……เฮ้อ พอเหอะ ทำแบบนี้ก็ไม่ช่วยอะไร」
『……นั่นน่ะสิ ไม่มีอะไรให้พวกเราต้องแย่งชิงกัน』
ขณะที่กำลังทะเลาะกัน เมฆดำและประตูเหล็กที่ปกคลุมห้องฝึกก็หายไป และก่อนที่จะรู้ตัว ก็อบลินก็กลายเป็นเหรียญและมาอยู่ในมือของชั้น
「หะ…อยู่ดีๆก็มาหาชั้นเฉย」
『เมื่อเวลาอัญเชิญสิ้นสุดลงหรือถูกจัดการ มันจะกลับกลายเป็นเหรียญ』
「สะดวกดีแฮะ ยังไงก็ตามมีเรื่องระยะเวลาในการอัญเชิญด้วยเหรอ?」
『มีดิ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เป็นตัวที่แข็งแกร่งยิ่งใช้พลังเวทย์เยอะ แถมทุกครั้งที่อัญเชิญก็ใช้เวทย์ตลอดด้วย แม้จะไม่ใช้พลังเวทย์มากกับตอนใช้ประตูหมื่นอสูร แต่ก็สามารถใช้ได้หลายครั้งตราบใดที่มีพลังเวทย์』
หากมีพลังเวทย์ ก็สามารถอัญเชิญได้หลายครั้ง แต่หากไม่มีพลังเวทย์ก็เหมือนสกิลติดคูลดาวน์
「เฮ้อ…จะพูดยังไงดี โครตสิ้นหวัง……」
『ก็แค่รอสัปดาห์หน้าน่า』
จริงๆแล้วตอนนี้ชั้นต้องการพลัง แต่คงจะดีไม่น้อยที่สะสมไพ่ในมือ แม้ว่าจะเป็นเวลาแค่หนึ่งสัปดาห์ก็ตาม
นอกจากนี้ก็อบลินก็ถือเป็นกำลังอันสำคัญสำหรับชั้น
ในความเป็นจริง หากได้พวก High End พลังเวทย์ที่ใช้ในการอัญเชิญมันก็เยอะใช่ไหมล่ะ
ท้ายที่สุดแล้วพลังก็ไม่พอใช้ซุสแห่งความมืด
「ช่างมันเหอะ ถ้าอย่างงั้นครั้งต่อไป……」
「――――อยู่ที่นี่เองงั้นเหรอ」
「!」
ขณะที่กำลังยืนยันเรื่องเวทย์เสริมพลังกายที่ยังไม่เข้าใจท่องแท้ รุ่นพี่คามิยะชิกิก็เข้ามา
ถ้ามาเร็วกว่านี้อีกนิด ความแตกแน่นอน
นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่วันที่วัดพลังเวทย์ที่พวกเราพบกันอีกครั้ง แต่สายตาที่มองมาทางนี้เย็นชาโครตๆ
ประเด็นคือมาหาชั้นทำไม?
「ประธานกำลังตามหานายอยู่」
รุ่นพี่คามิยะชิกิพูดอย่างไม่สนใจและเดินออกไป
『หืมตั้งแต่วันนั้นก็ดูเหมือนจะถูกเกลียดเลยนะ』
「ก็คงงั้นแหละคนจน พลังเวทย์ก็น้อย จะโดนเหยียดก็ธรรมดา」
『หะ? หมายความว่ายังไง?』
「จะว่ายังไงดีล่ะ…มนุษย์น่ะเกลียดพวกอ่อนแอ…พอเห็นพลังเวทย์อันน้อยนิดของชั้น….ก็ต่างพากันเบือนหน้าหนี……ชั้นเองก็ไม่ต่างกันหรอก」
『ว่าไงนะ แล้วแกคิดจะทำอะไรกับสาวน้อยคนนั้น?』
「มันไม่มีทางที่พวกเราจะสานสัมพันธ์กันได้หรอกน่า」
ใช่ ชั้นไม่ค่อยได้คุยกับรุ่นพี่คามิยะชิกิ
ในความเป็นจริง ไม่เคยคุยกันสักครั้งจนกระทั่งมาเข้าหน่วยต่อต้านมายา
ชั้นเองก็จำไม่ได้หรอกว่าทำอะไรให้ใครเกลียด……。
「ตราบใดที่ได้เงิน ก็ไม่สนหรอกว่าจะโดนใครหน้าไหนเกลียด」
『อืม』
ไม่ใช่ว่ามาที่นี่เพื่อหาเพื่อนฝูง
มาที่นี่ก็เพราะเงินเท่านั้น
การสื่อสารกับเพื่อนร่วมงานอาจเป็นสิ่งสำคัญ แต่ชั้นเองก็ไม่อยากผูกมิตรกับคนที่เกลียดชั้นหรอก
「ยังไงก็ตาม ดูเหมือนประธานจะเรียก ชั้นเลยต้องไป」
ชั้นเลิกตรวจสอบเวทย์เสริมพลังแล้วมุ่งไปที่ห้องทำงานของหัวหน้าสาขา
ป.ล.คาเนะฮิโตะแกต้องเก็บMedal ให้ได้เพื่อมาทำคอมโบและแปลงร่างไล่ตบพวกที่มาจะแย่งชิงพลังจากเจ้าสิ