[นิยายแปล]グリード×グリード (Greed x Greed) - ตอนที่ 12
ตอนที่ 12
「พลังของนายงั้นเหรอ….มันเจ๋งขนาดนั้นเชียว?」
ชั้นสับสนกับคำพูดของแมมมอนที่ว่าจะสอนพลังของตัวเองให้ชั้น
ท้ายที่สุด เมื่อประธานได้ถามเขา เขาก็ไม่ได้ตอบอะไรเลยสักอย่าง
การไม่บอกแบบนี้ อย่าบอกนะว่า
จากนั้นแมมมอนก็พูดต่อด้วยสีหน้าที่เกียจคร้าน
『ไม่ว่าจะเป็นในสถานการณ์ฉุกเฉินก็ตาม โดยปกติแล้ว ข้าจะไม่สอนอะไรเจ้าหรอกหากไม่จ่ายเงินให้ข้า แต่ว่านี่ก็เพื่อหนทางที่เราจะรอดไปด้วยกัน』
สำหรับแมมมอนไม่ชอบการทำงานฟรีๆ ซึ่งมันก็เหมือนกับชั้น งานที่ไม่ได้ค่าตอบแทน จะทำไปทำไม
『ก่อนอื่น ข้าจะบอกไว้ก่อนในตอนนี้ข้ายังใช้พลังทั้งหมดไม่ได้ อาจเป็นเพราะโดนผนึกมานั่นแหละ ภายใต้สถานการณ์แบบนี้มีพลังเดียวที่ข้าใช้ได้……【ประตูหมื่นอสูร(万魔殿)】แหละ』
「นั่นคือสิ่งที่ใช้ตอนที่ถูกชายลึกลับนั่นโจมตีเหรอ?」
『ใช่แล้ว เอฟเฟกต์นั้นง่ายมาก เพื่อแลกเปลี่ยนกับพลังเวทย์ของ เจ้าจะสามารถอัญเชิญประตูหมื่นอสูร ซึ่งก็เรียกได้ว่าเหมือนกับกาชา เจ้าจะสุ่มเรียก เทพเจ้าหรือปีศาจจากประตูนั่นได้』
「เอ๊ะ! ไม่ใช่ว่านายเป็นปีศาจหรอกเรอะ ถึงกระนั้นก็ยังอัญเชิญสิ่งอื่นนอกเหนือจากปีศาจ ยังอัญเชิญเทพได้ด้วยเรอะ?」
『ไม่ใช่แบบนั้นหรอก ถ้าเป็นพวกมอนสเตอร์ละก็สามารถอัญเชิญออกมาได้ แต่ในกรณีที่กาชาโดนเทพหรือจอมมาร อะไรแบบนั้น จะเป็นสิ่งที่เรียกว่าอัญเชิญด้านมืดในจิตใจของสิ่งนั้นมามากกว่า』
ก็ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องด้านมืด แต่ดูเหมือนจะสามารถเรียกจอมมารหรือเทพได้
「อะไรล่ะนั่น มันดูแกร่งสุดๆไปเลยไม่ใช่รึ!」
『มันไม่ง่ายเช่นนั้นน่ะสิ ก่อนอื่นสิ่งที่อัญเชิญก็เหมือนกดกาชา และรอบที่แล้วข้าโชคดีมากได้อัญเชิญเทพออกมา แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าข้าจะอัญเชิญพระเจ้าได้ตลอด และเหนือสิ่งอื่นใดในตอนนี้พลังของพวกเราทั้งสองคนก็ไม่มีมากพอที่จะอัญเชิญตัวแกร่งๆมาได้』
「ทำไมล่ะ」
『ก็บอกไปแล้วไม่ใช่เรอะ? ประตูหมื่นอสูรเมื่อใช้มันจำเป็นจะต้องเสียพลังเวทย์ในการอัญเชิญ นอกจากนี้ เมื่อสิ่งมีชีวิตถูกอัญเชิญออกมา มันก็จะกลายเป็นเหรียญแบบนี้』
เมื่อแมมมอนพูดอย่างนั้น เปลวไฟสีดำก็ปรากฏจากฝ่ามือเขา
จากนั้นเหรียญสีดำก็ปรากฏขึ้นจากเปลวไฟ
『นี่คือสิ่งที่ข้าเรียกออกมาตอนที่โดนลูกน้องของเบลเซบับเข้าโจมตี』
「อ่า…….ถ้าจำไม่ผิดชั้นคิดว่าชั้นเห็นตาแก่ถือสายฟ้าสีดำก่อนจะหมดสติไป……?」
『ใช่แล้วเหรียญนี้ที่ใช้อัญเชิญออกมาในครั้งที่แล้วคือ【เทพแห่งสายฟ้า ซุส(ゼウス)】ไงล่ะ』
「ซุส….ในตำนานเทพเจ้ากรีกอะนะ!?」
แมมมอนพยักหน้าด้วยความประหลาดใจกับชื่อที่คาดไม่ถึง
『ใช่แล้วล่ะ อย่างที่บอกไปแล้วว่ามันไม่ใช่ของจริง กล่าวอีกนัยหนึ่งมันคือ……【ซุสแห่งความมืด(ダーク・ゼウス)】』
「งั้นเหรอ」
『หนวกหูเฟ้ย…ช่างมันเหอะตราบใดที่เจ้าเข้าใจก็พอแล้ว อย่างไรก็ตามสถานการณ์นั้นที่รอดมาได้เพราะอัญเชิญซุสออกมาหรอกนะ』
「หากมีเหรียญที่ทรงพลังเช่นนี้ จะทำยังไงกับมันได้บ้าง นอกจากนี้ด้วยความสามารถของนาย นายคงจะมีเหรียญอื่นๆด้ว……」
『ไอ้โง่เอ้ย อีกอย่างนะต้องใช้พลังเวทย์ในการเรียกเจ้าเหรียญนี่ ยิ่งไปกว่านั้น เจ้านี่ยังอยู่ในระดับเทพเจ้าหลักอีกด้วย มันไม่ใช่ง่ายๆ แต่สำหรับข้าและเจ้าแล้วจะอัญเชิญตัวแบบนี้อีกก็คงยากมาก』
มันไม่ได้เจ๋งขนาดนั้นสินะ
『นอกจากนี้ เหรียญที่ข้าเคยมี…อาจเป็นเพราะโดนผนึกเลยหายไปหมดแล้ว ไอ้เวรเอ้ย…! ถ้าเป็นแบบนั้นข้าจะต้องกดกาชาหาตัวเก่งๆมาเรื่อยๆ..……!』
ไม่เข้าใจริงๆ แต่ดูเหมือนจะต้องรวบรวมเหรียญใหม่ตั้งแต่ต้น
「ยังไงก็ตาม ความจริงที่นายบอกว่าชั้นเองก็สามารถใช้ความสามารถนั้นได้ นั่นเรื่องจริงเรอะ?」
มิฉะนั้นแมมมอนคงไม่ลำบากรอคนอื่นออกไปข้างนอกจนหมดหรอก
มันคงจะเดือดร้อนหากเปิดเผยไพ่ตายให้คนอื่นๆได้รับรู้
จากนั้นแมมมอนก็พยักหน้า
『ใช่แล้ว แต่เหรียญของซุสนี่ใช้ไม่ได้แน่ๆ แต่เจ้าสามารถใช้พลังของประตูหมื่นอสูรได้แน่นอน』
「ดีละถ้างั้น……!」
『ยังไงก็ตาม! ――――กดกาชาได้แค่ 1 ครั้ง ต่อสัปดาห์』
「หะ」
อะไรของมันวะ
เมื่อเห็นแบบนั้นแมมมอนก็ถอนหายใจ
『เฮ้อ…จะให้ข้าเว่าจังไส แต่ก่อนข้าก็อัญเชิญได้ตามใจยากอะแหละ อย่างไรก็ตามด้วยพลังเวทย์ของข้ากับเจ้ารวมกันในตอนนี้ทำให้กดกาชาได้สัปดาห์ละครั้ง แถมข้ายังไม่สามารถใช้พลังเวทย์ทั้งหมดไปกับการอัญเชิญประตูหมื่นอสูร ข้าต้องเก็บพลังเพื่อเอาไว้ในกรณีฉุกเฉินหากเจ้าโดนพวกลูกกระจ๊อกของเบลเซบับมาโจมตีอีก』
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ชั้นกับแมมมอนจะต้องส่งพลังเวทย์เข้าประตูหมื่นอสูร ไม่ว่าด้วยวิธีใดก็ตามพวกเรานั้นคลาดแคลนพลังเวทย์ที่เป็นปัจจัยหลักในการใช้ประตูหมื่นอสูร แล้วทีนี้จะต้องหาวิธีเพิ่มพลังเวทย์
「……แล้วแมมมอน นายต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าพลังเวทย์จะเต็มร้อย?」
『เอ่อ……..ถ้าตามปกติมันก็คงเร็ววัน…แต่ยัยผู้หญิงคนนั้นดันประทับตราแปลกๆใส่ข้า…! มันแทบจะไม่ฟื้นฟูเลยด้วยซ้ำ!』
ดูเหมือนว่าแมมมอนจะโดนผนึกด้วยวิธีการสุดพิเศษ และด้วยเหตุผลบางอย่าง พลังเวทย์ของแมมมอนฟื้นตัวช้ามากๆ
พูดตามตรง กดกาชาได้แค่สัปดาห์ละครั้งเนี่ย มันจะแย่เกินไปไหม
ช่างมันเถอะ ตอนนี้ก็ถือว่าเป็นความก้าวหน้าครั้งใหญ่แล้ว
「แม้ว่าจะไม่สามารถเรียกซุสที่มีในตอนนี้ออกมาได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำอะไรไม่ได้เลยใช่ไหม?」
『ใช่แล้ว หากอัญเชิญสิ่งมีชีวิตอื่น ไพ่ในมือก็จะเพิ่มมากขึ้น แม้ว่าปริมาณพลังเวทย์ของเจ้าจะต่ำมาก แต่ก็สามารถเพิ่มได้เมื่อฝึกฝน』
「ถ้าอย่างงั้นก็ไม่มีปัญหา ทำในสิ่งที่พวกเราทำได้ก็พอ」
ด้วยเป้าหมายใหม่ ชั้นจึงมุ่งหน้าไปยังห้องอ้างอิงเพื่อศึกษาเวทมนตร์และสิ่งต่างๆที่สนใจแต่แรก
***
――――ผ่านไปไม่กี่วันนับตั้งแต่ใช้ห้องอ้างอิง
บางทีอาจจะเป็นเพราะผลลัพธ์อันห่วยแตก จึงไม่ได้ถูกส่งไปทำงานเลยจนกระทั่งตอนนี้
อีกอย่างประธานเองก็บอกให้ชั้นลาออกจากที่ทำงานเก่าแล้วมาทำงานที่นี่แทน
เนื่องจากมีความเป็นไปได้สูงที่ประชาชนทั่วไปจะโดนพัวพันก็เลยลากชั้นมาเก็บไว้ที่นี่
สถานการณ์ในตอนนี้ ชั้นทำอะไรไม่ได้เลย แต่ดูเหมือนเงินจะเข้าบัญชีตามที่ตกลงไว้
จริงๆแล้วมันก็คงจะดีถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ เขาเรียกพาสซีฟอินคัม แต่เพื่อจะได้เงินมากกว่านี้ยังไงก็อยากจะเลื่อนตำแหน่ง
เพื่อที่จะทำเช่นนั้น ชั้นยังต้องสร้างชื่อเสียง แต่ว่าไม่ได้ออกทำงานเลยสักครั้ง
ถึงจะดีใจที่ได้อ่านอะไรต่างๆมากมายในเวลานี้
อันดับแรกก็อ่านเกี่ยวกับกฏของโลกเบื้องหลัง สรุปสั้นๆคืออย่าใช้พลังต่อหน้าคนธรรมดาเป็นอันจบ
ดูเหมือนว่าจะสามารถจัดการกับความทรงจำของคนธรรมดาได้ จริงๆก็ตกใจเหมือนกัน
ทุกสิ่งทุกอย่างควรอยู่ใต้สามัญสำนึก
และที่สำคัญคือเวทมนตร์――――。
「――――ไฟเอ๋ย!」
เมื่อชั้นลองร่ายคาถาตามตำรา ก็รู้สึกได้ถึงพลังเวทย์ที่เคลื่อนไหวในร่าง
จากนั้น เมื่อมุ่งเป้าไปยังฝ่ามือก็รู้สึกได้ว่ามันกำลังรวบรวมมาใจกลาง
แต่……。
「……ใช้ไม่ได้จริงๆด้วยแหะ」
มันก็แค่รวบรวมพลังเวทย์มา แต่ใช้งานไม่ได้
หากใช้ได้ อย่างน้อยไฟดวงเล็กก็ควรจะถูกจุดติดขึ้นบนฝ่ามือ
จะพูดยังไงดีล่ะ พลังเวทย์มันสลายหายไปก่อนที่จะกลายเป็นไฟ
ท้ายที่สุดแล้วแม้แต่เวทย์ระดับกากสุดก็ใช้ไม่ได้
「แล้วจะใช้งานได้ตอนไหน?」
『ไม่รู้หรอก แต่ตอนนี้พลังเวทย์ก็มากขึ้นกว่าเดิมแล้ว』
「พลังกำลังเพิ่มขึ้นเหรอ!?」
ล้อกันเล่นแน่ๆ แม้ว่าพลังจะเพิ่มแต่ก็ยังใช้ไม่ได้อีกเนี่ยนะ เดี๋ยวก่อนนี่ชั้นมีพลังน้อยแค่ไหนกัน!
ขณะที่ชั้นตกตะลึง แมมมอนก็พูดต่อ
『จะแปลกใจทำไม ก็บอกไปตั้งหลายครั้งแล้วพลังเวทย์เจ้าเท่าก้นหอย』
「ไม่หรอก อย่างน้อยมันก็ต้องมีหวังกันบ้าง……」
『จะหวังก็ไม่ได้ว่า แต่ผิดหวังก็อย่าเสียใจ แม้แต่ข้าเองก็ยังตกใจเลยกับคนที่มีพลังน้อยนิดแบบนี้ แต่ว่ามันก็กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆโดยอัตโนมัติ หากพลังเวทย์เจ้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พลังเวทย์ที่จะส่งไปในประตูหมื่นอสูรเองก็จะเยอะขึ้นเช่นกัน』
「……คิดว่าจะใช้เวลานานเท่าไรกว่าจะเปิดใช้งานเวทย์ได้?」
『ไม่รู้』
จริงๆ แทบจะหมดหวัง
「ยังไงก็ตาม พรุ่งนี้พวกเราจะใช้ประตูหมื่นอสูรได้ใช่ไหม?」
『อ่า นั่นสินะในที่สุด….ไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องมาใช้เวลารอเพื่อใช้สกิลงี่เง่าแบบนี้…เสียชื่อจอมมารหมด……』
「เอาน่าๆ เป็นกำลังไจ๋」
『เพราะแกนั่นแหละเห้ย และไม่ต้องมาปลอบเลยนะ!?』
พลังเวทย์มันเป็นสิ่งล้ำค่ามากสำหรับชั้นในตอนนี้ แต่ก็ต้องฝึกฝนไปเรื่อยๆ ถ้าไม่ฝึกพลังเวทย์ก็จะไม่เพิ่ม ชั้นเองก็ปลอดภัยที่อยู่ที่นี่ ดังนั้นต้องหมั่นฝึกฝนและใช้เวทย์ให้มากที่สุด
ในขณะที่พูดคุยกันเช่นนั้น เมื่อกลับไปที่ห้องอ้างอิง เอกสารที่ชั้นวางไว้ก็กระจัดกระจายไปทั่ว
จริงๆแล้วควรจะทำให้มันเรียบร้อยกว่านี้ แต่ตอนนี้ไม่มีใครใช้มันนอกจากชั้น
ทุกคนใช้เวทย์ได้หมด ดังนั้นไม่จำเป็นต้องใช้อะไรแบบนี้หรอก
「เอ่อ…ก็ลองหลายวิธีแล้วนะแต่ไม่ว่ายังไงก็ใช้ไม่ได้สักอย่างเลย……」
ชั้นอ่านหนังสือมากมาย และเริ่มใช้เวทย์เริ่มต้น แต่ก็ไม่สามารถใช้อันไหนได้เลย
ไม่เพียงแค่ธาตุต่างๆ แม้แต่ธาตุดินที่ง่ายที่สุดในบรรดาเหล่าธาตุก็ดันใช้ไม่ได้
ชั้นยังได้อ่านเอกสารเกี่ยวกับการวิจัยเวทมนตร์เกี่ยวกับประสิทธิภาพเมื่อเปิดใช้งานพลังเวทย์ และการลดการใช้พลังเวทย์ แต่สิ่งเหล่านั้นก็ล้วนเปล่าประโยชน์
ในที่สุดก็อ่านเนื้อหาทั้งหมดในห้องนี้ แต่ไม่ได้ผลสักอย่าง
「เดาว่าตอนนี้คงทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้นอกจากจะต้องเพิ่มพลังเวทย์ให้กับตัวเอง……」
『ปริมาณพลังเวทย์ขึ้นอยู่กับต้นกำเนิดชาติตระกูล』
「ไม่ยุติธรรมเลยสักนิด……」
ในขณะที่บ่น ก็รวบรวมเอกสารที่กระจัดกระจายและวางไว้บนโต๊ะ……。
「เอ๋?」
เอกสารบางอย่างดึงดูดสายตาชั้น
หาากมองใกล้ๆรู้สึกว่ามันจะมีฝุ่นมากกว่าเอกสารอื่นๆอาจเป็นเพราะไม่ได้ถูกหยิบขึ้นมาเลย
「คิดว่าน่าจะอ่านหมดแล้วนะ ยังมีตกหล่นอีกเหรอ?」
ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรสูงนัก แต่เมื่อหยิบมาก็พบข้อความนี้เขียนอยู่
「……『เวทย์เสริมพลังกาย(身体強化魔法)』?」
――――มันเป็นเวทย์ที่จะเปลี่ยนสถานการณ์ของชั้นในปัจจุบันนี้