[นิยายแปล]โซ่ผนึก "หัวใจ" สายใยผนึก "มังกร" - ตอนที่ 94 บทที่ 6 ตอนที่ 11
บทที่6ตอนที่11
「ไอเชี้ยโนโซมุ!!」
เคนไล่ตามลิซ่าอย่างสิ้นหวังขณะสาปแช่งโนโซมุ
มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้
ตอนนั้น ที่บอกความจริงกับมันเพราะอยากให้มันอารมณ์เสียจนจิตใจแหลกสลายไม่กล้าทำอะไรอีกเลย
อย่างไรก็ตาม มันก็กลับมาอีกครั้ง แถมข้างหลังยังมี ไอริสดิน่า ฟรานซิส อัจฉริยะผู้มากความสามารถเทียบเท่ากับลิซ่า
ได้ยินข่าวลือว่าเธอคนนั้นเป็นห่วงโนโซมุมาก……。
อย่างไรก็ตามตอนนี้ลิซ่าเริ่มเปลี่ยนไปทีละน้อย และรู้สึกว่าชัดเจนขึ้นหลังการฝึกพิเศษจบลง จำได้ว่าตอนนั้นโนโซมุมันอยู่ใกล้กับลิซ่า
แม่งมาขวางได้ตลอด……。
ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวไปด้วยความเกลียดชังและความแค้นภายในอกมีไฟแค้นสุมอยู่
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขาต้องรีบลงมือกับลิซ่าให้เธอใจเย็นลง
เคนกำลังก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับความโกรธเกรี้ยวแต่ชั่วขณะหนึ่งทัศนวิสัยของเขาก็เบลอและบิดเบี้ยว
「อะไรวะ!?」
เคนขยี้ตา อย่างไรก็ตาม ทัศนวิสัยโดยรอบไม่เปลี่ยนแปลง
นี่หลอนไปเองงั้นเหรอ?
เคนหยุดอยู่กับความรู้สึกลึกลับที่เข้ามาโจมตีเขา แต่ก็สังเกตเห็นว่าลิซ่ากำลังวิ่งหนีไป
「อืม ! ถ้าไม่รีบ……!」
เคนพยายามวิ่งไล่ตามขณะหอบหายใจอย่างสิ้นหวังที่หน้าอกของเขามีความรู้สึกเหมือนกลัวตาย อย่างเมื่อสองปีก่อน เขากลัวว่าลิซ่าจะหายไป
อย่างไรก็ตาม วันนี้เขาไล่ตามลิซ่าไม่ทันอีกแล้ว เพราะจู่ๆเธอก็ได้หายตัวไปหลังจากไล่ตามเธอ
◆◇◆
บนหลังคาบ้านเรือนในเมือง มีชายชราคนหนึ่งกำลังเฝ้าดูชายหนุ่มผมบลอนด์ที่ไล่ตามหญิงสาวผมแดง
「เข้าใจแล้ว ต้นตอของความกังวลของเจ้าหนุ่มนั่นคือแม่สาวคนนั้น….แต่ว่ามันแย่มาก ตอนที่เขาโดนยั่วยุนั่น มันอันตรายมาก……」
เสียงของซอนเน่นั้นหายไปท่ามกลางรัตติกาล
ซอนเน่ลูบเคราสีขาวของเขา แต่ทันใดนั้นใบหน้าก็บิดเบี้ยวเต็มไปด้วยความเสียใจ
「ไม่สิ เรื่องนี้ข้าเองก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบ……」
ซอนเน่นึกถึงภาพที่เขาเพิ่งทำนายให้กับโนโซมุก่อนหน้านี้
ในขณะนั้นซอนเน่พยายามแทรกแซงเข้าไปในตัวของโนโซมุ
จุดประสงค์ก็คือต้องการทราบภาพรวมของสถานะปัจจุบันของโนโซมุ เบลาตี้
ตอนนี้ตัวเขาอยู่ในสภาพแบบไหนกันแน่ ในตัวของเขามีทั้งพลังและวิญญาณของมังกรหลับไหลอยู่ เพื่อนที่จะค้นหา ดังนั้นเขาจะต้องตรวจสอบไปจนถึงแก่นแท้ของจิตวิญญาณของโนโซมุ
อาจจะเรียกได้ว่าเป็นเรื่องไร้สาระหากคิดตามปกติ
โครงสร้างของจิตวิญญาณนั้นซับซ้อนและละเอียดอ่อนอย่างยิ่ง โดยเฉพาะวิญญาณที่โดนอะไรแปลกปลอมเข้าสถิตย์อย่างเช่นตัวโนโซมุในตอนนี้
ไม่มีใครสามารถเข้าใจโครงสร้างได้อย่างสมบูรณ์ และเขาก็ไม่รู้ว่าผลลัพธ์จะเกิดอะไรขึ้นหากทำมันออกมาไม่ดี
แม้ว่าจะเป็นจอมเวทย์ที่รับใช้ราชาของประเทศ แต่ว่าทักษะต่างๆเกี่ยวกับด้านวิญญาณมันเป็นอะไรที่ซับซ้อนและเข้าใจยาก
「แต่ไม่เข้าใจเลย ทำไมสกิลของข้าถึงโดนปฏิเสธ……」
อย่างไรก็ตามใบหน้าของซอนเน่คือสกิลของเขาใช้ไม่ได้ผล และเขาคิดว่ามันไม่มีทางที่จะล้มเหลวได้เลย
「มันก็ยังแน่นอนที่ว่าจิตวิญญาณของเจ้าหนูนั่นเปลี่ยนไป แต่ว่าจุดเริ่มต้นนั่นมันเปลี่ยนไปได้ยังไง……」
เขาสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของโนโซมุในตอนที่ขับไล่มังกรจักรกล และเขาคิดว่ามันน่าจะเกี่ยวข้องกับสิ่งนั้น เขาจึงพยายามสืบหาต้นตอ และเริ่มต้นการทำนาย แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง แม้จะทำได้ตามปกติ แต่ไม่สามารถอ่านจิตวิญญาณของเขาได้
หากใช้การเสริมความแข็งแกร่งด้านพลังเวทย์ที่เป็นตัวขัดขวาง ก็จะทำให้รู้สถานะที่แน่ชัดของเขาได้ แต่ในทางกลับกัน มันจะไปกระตุ้นมังกรในตัวโนโซมุ
โชคดีที่เขาไม่หลุดการควบคุม แต่เมื่อตอนที่จิตวิญญาณของเขาถูกสับเปลี่ยนกะทันหันมันทำให้ซอนเน่ถึงกับเหงื่อไหลพราก
「……ยังไงก็ตาม เจ้าหนุ่มผมทองนั่นควรจะต้องให้หมอนั่นอยู่เงียบๆสักพัก……」
เมื่อพิจารณาถึงสถานการณ์ปัจจุบันแล้วการให้โนโซมุเจอเจ้าหนุ่มผมบลอนด์นี่บ่อยๆมันคงไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่
เมื่อคิดเช่นนั้น ซอนเน่ก็กระดิกนิ้วไปในอากาศ จากนั้นวงเวทย์ก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าซอนเน่
เมื่อวงเวทย์ที่ถูกสร้างขึ้นมาในอากาศกระจัดกระจายไปและเข้าไปล้อมรอบตัวเคน สภาพแวดล้อมที่เคนเห็นก็จะบิดเบี้ยวไปอย่างสมบูรณ์
จากนั้น เคนที่น่าจะไล่ตามลิซ่าไปก็ได้เห็นภาพหลอน
เมื่อเห็นเคนที่ถูกทิ้งไว้อย่างนั้น เขาก็หันไปมองป่าที่เขาออกไปสำรวจเมื่อตอนกลางวัน
「ณ ตอนนี้ก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ข้าจะทำได้แล้วที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้วนะ พ่อหนุ่ม….นอกจากนี้ข้ามีธุระต้องไปทำให้เสร็จ คราวที่แล้วก็หาไม่เจอแต่คราวนี้ต้องหาให้เจอให้ได้……」
ซอนเน่พึมพำเช่นนั้นพร้อมถอนหายใจ
อย่างไรก็ตามเข้าเปลี่ยนท่าทางแล้วรีบไปที่ป่าอย่างรวดเร็ว ท่าทีของตาแก่หื่นกามไม่เหลืออีกต่อไป
「ที่สำคัญคือแม่หนูคนนั้น……」
การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับโนโซมุก่อนหน้านี้ก่อนที่เขาจะได้เปลี่ยนแปลงและระเบิดพลังออกมาและไม่รู้ว่าจะทำยังไงดีนั้นเอง……。
ซอนเน่เล่ห์มองขึ้นไปบนฟ้า
ดวงจันทร์และดวงดาวที่ลอยอยู่เหนือบนท้องฟ้ายังคงส่องแสงเป็นประกายดั่งเดิม ซอนเน่ประทับใจกับภาพตรงหน้า
อย่างไรก็ตามไม่มีใครได้รู้ว่า มรสุมในอกลูกใหญ่ได้พัดผ่านหายไปแล้ว
「อย่างไรก็ตาม……..เอ่อริกรินาเรียหายไปไหนแล้ว……」
อย่างไรก็ตาม เขาก็นึกถึงชุนกะที่หายไปและเริ่มหลั่งน้ำตาออกมา ท่าทางนั่นทำเอาตัวเขาหมดแรงเพราะคิดถึงนางแบบสุดที่รัก
ชายชราเริ่มกลับไปที่ป่าอีกครั้งพร้อมกับทลายความตึงเครียด
นกที่นอนหลับอยู่ภายใต้ช่องว่างใต้หลังคานั้นก็ทำได้แต่มองไปที่ตาแก่อย่างแปลกประหลาด
◆◇◆
โนโซมุและคามิลล่าไล่ตามลิซ่ามาและวิ่งต่อไปในเมืองยามค่ำคืน ใจนั้นสั่นเทา
ถึงกระนั้นโนโซมุก็ยังคงวิ่งต่อไป
ในความคิดของโนโซมุ เขาเห็นลิซ่าที่วิ่งหนีไปพร้อมกับเสียงกรีดร้อง
เธอปฏิเสธตัวเขา ทั้งๆที่เขาพยายามเข้าหาและแก้ความเข้าใจผิด รูปลักษณ์ของเธอนั้นซ้อนทับกับตัวเองก่อนที่จะได้พบกับอาจารย์
เขานั้นได้หันหลังให้กับความเป็นจริงที่อยู่ตรงหน้า และมันก็เหมือนกันราวกับว่ากำลังหาทางอื่น
แต่ว่าความจริงในตอนนี้ก็ทำให้โนโซมุรู้อีกครั้ง ว่าในช่วงสองปีที่ผ่านมาเขาไม่ได้รู้จักลิซ่าเลยแม้แต่น้อย
โนโซมุยังคงวิ่งต่อไป และเรียกคามิลล่าที่อยู่ข้างๆ
「แฮ่ก แฮ่ก คามิลล่า บอกผมที ลิซ่าเป็นยังไงบ้างในช่วงสองปีที่ผ่านมานี้!?」
「ฮะ!ยังมีหน้ามาถามอีกเหรอ! ป่านนี้แล้วคิดจะทำอะไรทั้งๆที่นายทรยศลิซ่าแท้ๆ……!」
「ผมไม่ได้ทำแบบนั้นสักหน่อย!!」
โนโซมุปฏิเสธเสียงแข็งต่อคามิลล่าที่พยายามปฏิเสธตัวเขา
โนโซมุนั้นใจเต้นรัวเพราะการที่ขยับร่างกายมากเกินไปจากนั้นเขาก็พูดมันออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ
อย่างไรก็ตาม คำนั้นกลับให้ผลตรงกันข้ามกับคามิลล่า คามิลล่าที่คอยดูแลรักษาสภาพจิตใจของลิซ่ามาอย่างยาวนาน
สำหรับคามิลล่าคำพูดของโนโซมุเป็นอะไรที่รับไม่ได้
「อย่ามาพูดบ้าๆ ! แล้วทำไมลิซ่าถึงได้เจ็บปวดถึงขนาดนั้นล่ะ! เธอกินไม่ได้ นอนไม่หลับ แถมยังนิ่งเฉยอยู่ตลอดเวลาในห้องเรียน ! รู้ไหมว่าฉันต้องคอยเตือนสติเธออยู่เป็นระยะๆ!」
เปลวไฟแห่งความโกรธนั้นสุมอยู่ในดวงตาและคามิลล่าก็บ่นใส่โนโซมุที่ไม่ได้รู้อะไรเลย
อย่างไรก็ตามโนโซมุยังคงพูดต่อไปแม้ว่าจะเห็นคามิลล่าโกรธอยู่แบบนั้นก็ตาม
「……ผมเองก็ไม่สามารถพูดได้ว่าตัวเองไม่ผิดหรอก มันเป็นความจริงที่ผมไม่ได้ใส่ใจเธอให้ดีพอ แต่ตอนที่ผมอยู่กับลิซ่า ผมไม่เคยคิดถึงใครอื่นนอกจากเธอเลยจริงๆ!」
โนโซมุยังคงพูดต่อไปแม้ว่าจะโดนโกรธจัดขนาดนั้น คามิลล่าก็รู้สึกได้ว่าเหมือนฟิวส์ขาด
คว้าตัวโนโซมุที่อยู่ข้างๆและกดลงไปที่ทางเดินหินตรงนั้น
「อึก!」
โนโซมุขมวดคิ้วด้วยความตกใจและความเจ็บปวดที่แล่นผ่านแผ่นหลังของเขา แต่คามิลล่าที่โกรธเคือง ก็ไม่เคยรู้เรื่องของโนโซมุเช่นกัน
คามิลล่าที่พยายามยกมือขึ้นและจะตบโนโซมุนั้น…
「คามิลล่าซังหยุดนะคะ」
ไอริสที่อยู่ข้างหลังจับมือของคามิลล่าไว้แน่น
ชั่วขณะหนึ่งความเงียบก็ไหลผ่านระหว่างทั้งสาม
ไอริสค่อยๆพูดหลังจากที่คามิลล่าสงบลง
「คามิลล่าซัง เขาไม่ได้ทำอะไรแบบที่เธอคิดเลยนะ อย่างน้อยฉันก็คิดแบบนั้นค่ะ」
「อะไรล่ะนั่น ! เหตุผลฟังไม่ขึ้น……」
ความโกรธของคามิลล่านั้นพุ่งเป้าไปที่ไอริสที่ปกป้องโนโซมุ
คามิลล่าพยายามเมินคำพูดของไอริส แต่ไอริสก็พูดต่อทั้งๆแบบนั้น
「ถ้างั้นขอถามหน่อยนะคะ ว่าทำไมถึงตัดสินใจได้ว่าโนโซมุคุงนอกใจ?」
「เพราะลิซ่าเห็นภาพนั้นต่อหน้าต่อตายังไงล่ะ ! ต่อหน้าต่อตาของเธอ คนที่เป็นที่รักยิ่งกำลังทรยศเธอ ! ลิซ่านั้นเดือดดาลมาก ! เป็นเธอจะเข้าใจความรู้สึกของลิซ่าในขณะนั้นรึเปล่าล่ะ!?」
「ลิซ่าเห็นโนโซมุจริงๆน่ะเหรอคะ? ไม่คิดว่ามันจะมีเทคโนโลยีอะไรที่ถูกพัฒนาทำมาเพื่อปิดบังใบหน้าบ้างเลยเหรอคะ? หรือไม่คิดว่าเป็นคนหน้าเหมือนบ้างเหรอคะ?」
「แล้วถ้างั้น……!」
คามิลล่าขึ้นเสียงของเธอขณะยังแสดงความโกรธออกมาให้เห็น แต่เมื่อเธอจ้องมองไปที่ไอริส ดวงตาของไอริสยังคงแสดงความเย็นชาออกมาให้เห็น
「ต้องการจะพูดอะไรกันแน่!?」
ท่าทีอันเงียบสงบของไอริสนั้นราวกับน้ำแข็ง จากนั้นคำพูดของไอริสก็เป็นการเหมือนเอาน้ำราดลงในจิตใจที่แสนร้อนรนของคามิลล่า
「ฉันหมายถึง ไม่คิดว่านั่นเป็นการแสดงละครจัดฉากบ้างเหรอคะ? ทำไมโนโซมุถึงไปอยู่ตรงนั้นในเวลาที่พอเหมาะพอเจาะพอดีเลยล่ะ และเธอเคยเห็นตัวโนโซมุก่อนหน้านี้ไหม แล้วใครกันที่ได้รับผลประโยชน์จากการเกิดเหตุการณ์นี้มากที่สุด?」
「ไม่มีทาง ! เรื่องแบบนั้น……」
เป็นไปไม่ได้ คำพูดของคามิลล่าที่พยายามจะพูดก็ติดขัดอยู่ในลำคอด้วยเหตุผลบางอย่าง
ยังไงก็ตาม พอมาคิดดูดีๆแล้วท่าทางของ “เขา” ไม่แปลกไปหน่อยเหรอเมื่อเร็วๆนี้?
รอยยิ้มที่ดูจะเหมือนเดิมแต่ให้ความรู้สึกแปลกๆ เขาที่มักจะปกป้องโนโซมุ แต่แล้วก็เริ่มมาปฏิเสธตัวตนของโนโซมุ
ในทัศนคติของเคน คามิลล่ารู้สึกว่าเขาสูญเสียความเป็นตัวเองไปทีละนิด
ฟีโอที่อยู่ข้างหลังก็เปิดปากพูด
「ข้าน้อยเองก็เห็นด้วยกับคำพูดของไอริสดิน่าเช่นกัน ข้าน้อยก็คิดว่าตอนแรกมันก็เป็นเรื่องธรรมดาทั่วไปในช่วงสองปีที่ผ่านมา แต่เมื่อนึกถึงตอนนี้แล้วมันผิดแปลกไปจากข่าวลือเหล่านั้นเป็นอย่างมาก ตั้งแต่เมื่อช่วงสองปีก่อนตอนที่โนโซมุโดน “พันธนาการ” เข้าควบคุมร่างกาย และถ้าโนโซมุคิดจะนอกใจจริงๆ เธอคิดจริงๆเหรอว่าโนโซมุจะต้องมากังวลเรื่องแบบนี้ด้วยน่ะ?」
ฟีโอยักไหล่ขณะพูดอะไรบางอย่างที่ฟังดูน่ากลัวเล็กน้อย
แน่นอนถ้าโนโซมุเป็นเสือผู้หญิงโนโซมุก็คงไม่ยึดติกับลิซ่าขนาดนี้ เขาอาจจะออกจากเมืองอาร์คาซัมโดยไม่มีเหตุผลให้อยู่ที่นี่ด้วยซ้ำ
「……แล้วถ้ามันเป็นเรื่องจริง ! ทำไมหมอนั่นถึงไม่ยอมพูดอะไรเลยสักคำเลย? ถ้าคิดว่าลิซ่าสำคัญจริงๆ! ถ้าเขาบริสุทธิ์จริง มันก็ต้องมีหลักฐานมาแสดงสิไม่ใช่พูดด้วยตัวเอง!」
「มันก็ไม่ต่างกันเลยไม่ใช่เหรอสำหรับพวกเธอ ถ้าโนโซมุคุงเป็นเพื่อนของพวกเธอจริงๆ พวกเธอก็น่าจะใช้หัวคิดสักหน่อยนะคะ?」
ตาของคามิลล่าสั่นเทาเมื่อได้ยินคำพูดของไอริสดิน่า เธออารมณ์เสียแบบเห็นได้ชัด
อย่างไรก็ตามใบหน้าของคามิลล่ายังคงแข็งทื่อ เธออารมณ์เสีย และไม่อยากจะเชื่อคำพูดของพวกไอริสดิน่า
เพราะความไม่สมเหตุสมผล
“เพื่อนสนิทของฉันต้องมาเจ็บปวดเพราะโนโซมุ”
ตลอดสองปีที่ผ่านมา นั่นเป็นเรื่องปกติสำหรับเธอ
คามิลล่าและไอริสต่างเงียบ ทั้งสองต่างมองหน้ากันราวกับกำลังแลกเปลี่ยนบางสิ่ง
อย่างไรก็ตาม ในขณะนั้นโนโวมุที่โดนคามิลล่าคร่อมตัวอยู่ก็ลุกขึ้นมา
เธอแปลกใจเล็กน้อยที่จู่ๆโนโซมุก็ลุกพรวดมาทั้งๆที่เธอคร่อมเขาไว้อยู่ และคามิลล่าก็รีบกระเด้งตัวออกมาทันที
โนโซมุยืนขึ้นและเผชิญหน้ากับคามิลล่า
เธอยังคงจ้องมองไปยังโนโซมุ แต่เขากลับมองไปข้างหน้า
「ตอนวิ่งไปผมจะเล่าเหตุการณ์ต่างๆให้ฟังเอง ยังไงก็เถอะรีบตามลิซ่าไปก่อนดีกว่า อย่างน้อยๆในตอนนี้ก็อยากจะพูดอะไรสักอย่าง」
โนโซมุวิ่งไล่ตามลิซ่าอีกครั้ง
ไอริสและฟีโอก็ตามไปด้วย คามิลล่าเองก็วิ่งไปพร้อมกับจ้องเขม็ง
「เอาแบบนั้นก็ได้」
「อย่างที่ผมพูดไปก่อนหน้านี้ผมไม่ได้ทรยศลิซ่าเลย เคนเป็นคนสร้างข่าวลือเหล่านั้นขึ้นมาเองและปลอมตัวเป็นผม」
「หลักฐานล่ะ……?」
「ไม่มีหรอก แต่เมื่อไม่นานมากนี้ผมได้ยินจากปากเขาโดยตรง ในขณะนั้นเคนใช้ความสามารถของเขา“หน้ากากน้ำสะท้อนใจ”ซึ่งมันสามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์เป็นบุคคลอื่นได้」
「…………」
「และเคนยังพูดใส่ผมอีกว่า“แกมันก็แค่ตัวที่คอยฉุดรั้งลิซ่าเอาไว้ ตัวแกไม่เหมาะกับลิซ่าเลยสักนิด”เขาพูดออกมาแบบนั้น……」
คามิลล่ายังคงเงียบขณะฟังคำพูดของโนโซมุ ทั้งสี่ยังคงวิ่งไปอย่างเงียบๆ
โนโซมุเปิดปากพูดอีกครั้งขณะที่วิ่งออกไป
「คามิลล่า……」
「อะไร……」
「ขอถามอีกครั้ง ช่วยเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับลิซ่าในช่วงสองปีที่ผ่านมาให้ผมฟังได้ไหม……」
โนโซมุถามเกี่ยวกับลิซ่าอีกครั้ง ดวงตาของคามิลล่ายังคงเคร่งขรึมและท่าทางก็ลนๆ
เรื่องราวของโนโซมุมันไม่น่าเชื่อถือเลยหรือว่าพยายามปิดซ่อนความสิ้นหวังเอาไว้
「…………」
ไม่มีคำตอบใดๆ และคามิลล่ายังคงวิ่งต่อไป
อย่างไรก็ตามโนโซมุนั้นไม่ได้ยอมแพ้และยังคงพูดซ้ำๆ
สองปีที่ผ่านมาเธอจับตาเฝ้ามองดูมาตลอด ในช่วงเวลานั้น โนโซมุไม่รู้เลยว่าลิซ่ารู้สึกยังไง
อย่างไรก็ตาม เธอรู้สึกว่าเธอน่าจะเสียใจไปตลอดชีวิตหากไม่เล่ามันออกไปในตอนนี้
「เธอจะโกรธจะเกลียดผมเท่าไรก็ได้ แต่ไม่สำคัญหรอกผมไม่สนใจขอร้องล่ะช่วยเล่าเรื่องราวของลิซ่าให้ผมฟัง ผมทำอะไรไม่ได้จริงๆถ้าไม่รู้เรื่องของลิซ่าเลยแม้แต่น้อย!」
น้ำเสียงที่แสนซื่อตรงของโนโซมุมันทะลุจิตใจของคามิลล่า
เธอกัดริมฝีปากของเธอและก้มหน้าลงช้าๆและค่อยๆพูด
「……ลิซ่านั้นไม่เคยก้าวไปข้างหน้าเลยนับแต่นั้นมา」
คามิลล่าเริ่มเล่าอดีตที่เกิดขึ้นเมื่อสองปีก่อนอย่างช้าๆท่ามกลางโนโซมุที่กำลังจ้องเธอ
◆◇◆
โนโซมุที่ได้ยินเรื่องราวสองปีที่ผ่านมาจากคามิลล่า ก็รีบวิ่งไปทั่วเมืองยามราตรีแบบสุดกำลังของเขา ความเสียใจที่ผุดขึ้นมาจากส่วนลึกของจิตใจและหน้าอกของเขากำลังถูกกัดเซาะด้วยความเสียใจนั่น
「บ้าเอ้ยยยยยยยยยยย.…」
เขาหน้าแดงออกมาเพราะความโกรธ
สิ่งที่ลิซ่าต้องดิ้นรนและทุกข์ทนทรมานมาตลอดสองปีที่ผ่านมา เพราะเธอเป็นโรคกลัวความรัก
แม้ว่าเธอพยายามเอาชนะมัน และพยายามเค้นความกล้าหาญมากแค่ไหน แต่เธอก็ปฏิเสธเคนทุกวิถึทาง
เมื่อได้ยินว่าลิซ่าต้องปรึกษาปัญหากับคามิลล่าอยู่บ่อยครั้งและร้องไห้ออกมาทุกครั้ง โนโซมุก็โกรธตัวเองอย่างมาก
นี่เขามัวแต่ทำอะไรอยู่?
「โนโซมุ……」
ไอริสส่งเสียงแห่งความกังวลออกมาจากด้านหลัง แต่ตอนนี้โนโซมุไม่รับรู้อีกต่อไป
โนโซมุออกวิ่งอย่างบ้าคลั่งด้วยความโกรธที่มีต่อตัวเขาเอง
ไม่นานนักก็เห็นลิซ่าที่เดินอยู่ท่ามกลางความมืด
「อืม ! เจอแล้ว」
ช่วงเวลาที่เขาเห็นลิซ่า ขาของโนโซมุก็วิ่งเร็วกว่าที่เคย พยายามก้าวไปข้างหน้าให้เร็วที่สุดแม้สักวินาทีหนึ่งก็ยังดี
แม้ว่าจะดีใจที่ไม่เห็นเคนอยู่ตรงนี้ แต่ว่าตอนนี้เธอสำคัญกว่า
โนโซมุวิ่งผ่านทางกลางความมืดมิด วินาทีถัดมามือขวาของโนโซมุก็คว้าข้อมือของลิซ่า
ลิซ่าหันมามองด้วยสีหน้าประหลาดใจ
「ลิซ่า!」
「เอ๋!!ปล่อยนะ! ฉันเกลียดนายยยยย!!」
ลิซ่าเริ่มอาละวาดอีกครั้งด้วยน้ำเสียงดังกึกก้องและโนโซมุก็พยายามกำข้อมือของลิซ่าเอาไว้แน่น
ฝ่ามือนั้นเย็นและสั่นเล็กน้อย
ถ้าเธอได้เห็นตัวโนโซมุก่อนก็คงไม่มีวันที่เขาจะจับมือลิซ่าได้
อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาจับข้อมือของเธอไว้ได้แล้ว และตอนนี้เธอเองก็อารมณ์เสียอย่างมาก
「ลิซ่า ช่วยฟังผมหน่อย จริงๆแล้วผมน่ะ……」
「ฉันเกลียดนาย ! ไม่อยากได้ยินอะไรทั้งนั้น!」
การโผล่มาของโนโซมุ น้ำเสียงของโนโซมุ การจ้องมองของโนโซมุ ตัวตนที่คอยหลอกหลอนเธอมาตลอดสองปีที่ผ่านมาเธอพยายามปฏิเสธเขามาตลอด
เธอพยายามปิดบังมันอย่างสิ้นหวัง โดยทำเป็นมองไม่เห็นโนโซมุ และพูดราวกับไม่สนใจใยดี
「ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ ! ทำไมถึงยังอยู่ในเมืองนี้อีก ! ฉันไม่อยากเห็นหน้านาย ! หายไปซะ! อย่าได้มาหลอกหลอนกันอีกเลย!!」
「อึก!」
ทันใดนั้น โนโซมุก็ตกใจอย่างมาก และมือที่แกว่งไปมาก็ตบหน้าของโนโซมุ
ความร้อนที่ส่งผ่านไปยังแก้มทะลุผ่านศีรษะ และในขณะเดียวกัน เหตุการณ์ในช่วงสองปีที่ผ่านมาก็เข้ามาในใจของโนโซมุ
การดูถูกเหยียดหยาม การประณามต่างๆ การกลั่นแกล้ง
ความทรงจำด้านลบ เป็นเพราะว่าโดนปฏิเสธอย่างชัดเจน
“ใครกันแน่ที่ต้องทนทุกข์ ทำไมถึงไม่เชื่อผม ผมเองก็ทรมานมาหลายปีแล้วเหมือนกัน!?”
โนโซมุเองก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกแบบนั้นชั่วครู่ และเขาพยายามปัดเป่าอารมณ์ด้านลบที่สะสมอยู่ในใจ เหมือนกับตอนที่ฆ่าพวกไซคลอปส์
“จะลังเลมันไปทำไม! นั่นคือสิ่งที่ยัยนี่ควรจะได้รับ ! แกสมควรที่จะทำลายนังผู้หญิงโง่เง่านั่นตราบเท่าที่แกต้องการ ถึงเวลาแล้วที่แกต้องคิดบัญชีกับยัยผู้หญิงเส็งเคร็งนี่!”
เสียงของเทียแมตดังก้องอยู่ในหัวของผม แน่นอน ผมจำได้ตอนที่ผมถูกทรยศ ผมเองก็ขุ่นเขืองใจเป็นอย่างมาก
แรงกระตุ้นอันแสนมืดมนเพราะลิซ่าที่เข้าใจเขาผิดมาโดยตลอด โนโซมุรู้สึกว่ามันชัดเจนมันกำลังหมุนวนอยู่ในอกของเขา
“ไม่เหมือนแม่สาวที่และจิ้งจอกที่อยู่หลังแก แกจะทำลายชีวิตยัยนี่มันก็ถูกแล้ว? คนที่ต้องการแกแล้วนี่ แม่สาวตรงนั้นเป็นคนที่ยอมรับในตัวแก เหตุใดจึงยังต้องมัวรีรอ และมายุ่งกับยัยผู้หญิงงี่เง่านี่อีก?”
เสียงของเทียแมตนั้นเป็นเหมือนคำพูดอันหอมหวานกระซิบอยู่ข้างหู
เสียงนั้นค่อยๆซึมซับเข้าไปในหัวใจของโนโซมุราวกับว่ามันกำลังยั่วยวนเขา เหมือนกับยาพิษอันหอมหวาน
“เพียงแค่ทำลายมัน แล้วแกก็จะได้หลุดพ้นจากคำสาปจากยัยผู้หญิงเส็งเคร็งนี่เสียที……”
เทียแมตกระซิบบอกให้บดขยี้ลิซ่าให้แหลกเป็นผุยผง ทุกครั้งที่มังกรยักษ์นั่นกระซิบวิสัยทัศน์ของโนโซมุก็ค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นสีดำ
อย่างไรก็ตาม..…。
「ลิซ่า……」
「ไม่นะ ไม่……」
เสียงของลิซ่านั้นอ่อนลง และตัวเธอนั้นบอบางเหมือนกระดาษไปแล้ว พร้อมจะพังทลายได้ทุกเมื่อเลยหากสัมผัส
หน้าอกของโนโซมุรู้สึกเจ็บปวดขณะที่เห็นรูปร่างนั่น
ตัวเธอเองก็กำลังทรมาน ซึ่งเป็นสิ่งที่โนโซมุเคยรู้สึกมาก่อน
เมื่อเคนบอกความจริงกับเขาว่าตัวเขาเหมาะกับโนโซมุเสียงมากกว่า
ในขณะนั้นเอง โนโซมุก็รู้สึกอารมณ์เสียและโกรธจัด ไม่ว่าคู่ต่อสู้จะเป็นใครเขาก็ใช้พลังของเขาอย่างไม่เลือกหน้าและสังหารศัตรูทั้งหมด
เมื่อต้องเผชิญกับความเป็นจริงที่ตัวเขากำลังหนีอยู่นั้น ความจริงที่เขากำลังมองออกไป ผู้คนต่างใช้สิ่งต่างๆเพื่อปกป้องตัวเอง
ตอนนี้ลิซ่าเองก็พยายามรักษาตัวเองไว้ด้วยการหนีความจริง ไม่สิ มันอาจจะเป็นเหมือนตัวเขาเมื่อสองปีที่แล้ว
「…………」
“เป็นอะไรไป รีบๆจัดการยัยผู้หญิงเส็งเคร็งนี่สักที?”
เทียแมตเริ่มบ่นต่อโนโซมุซึ่งหยุดตอบสนองต่อเสียงของเขา
“พอแล้วล่ะ……”
“……ว่าไงนะ?”
“ผมบอกว่าไม่เป็นไรไง ผมขอโทษ เรื่องนี้ผมจะจัดการมันด้วยตัวเอง”
ทันทีที่ได้ยินคำนั้นเทียแมตก็อ้าปากค้าง
สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยสิ่งที่เหนือความคาดหมาย สำหรับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นราวกับว่าเขากำลังรอคอยมันอย่างใจจดใจจ่อกับสถานการณ์ตรงหน้า
และโนโซมุก็ค่อยๆพูดสิ่งที่เขาปรารถนาออกมา……。
「ลิซ่า ผมขอโทษนะครับ……」
มันเป็นน้ำเสียงที่ฟังดูสงบราวกับระฆังที่สั่นไหว
「เอ๋……」
“ว่าไงน้าาาาาาาาาาาาาาา!?”
ใบหน้าของเทียแมตนั้นบิดเบี้ยวอย่างสมบูรณ์แบบ
โนโซมุค่อยๆเอามือของเขาวางบนมือของลิซ่าอย่างช้าๆ มือของเธอเย็นราวกับน้ำแข็ง ราวกับว่าเป็นตัวตนของเธอในตอนนี้
มือของโนโซมุโอบมืออันแสนเย็นเฉียบของลิซ่าไว้อย่างอ่อนโยน โนโซมุค่อยๆขอโทษราวกับว่ากำลังจัดการกับบางสิ่งที่แสนบอบบางและแสนมีค่า
「ผมขอโทษทีหนีความจริงมาตลอด ขอโทษที่ไม่ได้สังเกตเรื่องของเธอเลย ผมผิดไปจริงๆ……」
ผมกับลิซ่าก็เหมือนกัน สิ่งแรกที่โนโซมุทำก็คือการสารภาพบาปและขอโทษเธอ
「ผมเองก็เคยวิ่งหนีความจริง ถ้าผมแคร์ลิซ่ามากกว่านี้ ผมก็ควรจะมาพูดคุยกับเธอ ไม่ว่าเธอจะสาปแช่งหรือก่นด่าผมมากมายแค่ไหนก็ตาม ผมผิดไปแล้วครับ」
เขาไม่ได้พยายามที่จะแก้ไขความเข้าใจผิด เขาหันหลังให้เธอและทิ้งเธอไว้ตามลำพัง และใช้ข้ออ้างความฝันของเธอในการหลบหนีความจริง
「ผมคิดว่าผมจะพยายามให้ดีที่สุดสำหรับเธอ แต่ผมก็หนีความจริงไปฝึกฝนและไม่กล้ามาเผชิญหน้ากับเธอตรงๆ ผมคิดว่าหากฝึกฝนตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้น สักวันหนึ่งเธอก็จะได้เชื่อว่ามันไม่เป็นความจริงเลยแม้แต่น้อย
งี่เง่าใช่ไหมล่ะครับ ผมที่หนีและไม่ต้องการเผชิญหน้ากับเธออย่างตรงไปตรงมา และไม่มีทางที่ลิซ่าจะได้เห็นในสิ่งที่ผมเป็นเลยจริงๆ……」
บาปที่ผมได้ก่อขึ้นกับเธอ โนโซมุพูดเรื่องนี้ออกมาและกล่าวขอโทษซ้ำๆ
“แก! แกกำลังทำบ้าอะไรเนี่ย”
เสียงโกรธของเทียแมตดังก้องไปทั่วในหัวของโนโซมุ
ความโกรธนั่นรุนแรงมากต่อจิตใจที่อ่อนแอและทรุดตัวลงต่อหน้าโนโซมุ
อย่างไรก็ตามแต่ว่าโนโซมุก็ไม่ได้หนีหน้าเทียแมต
“ผมไม่เคยบอกเลยว่าผมจะทำร้ายลิซ่า ! ผมไม่ได้ตัดสินใจมาที่โรงเรียนนี้เพื่อทำแบบนั้น!”
“แล้วแกคิดว่ามันจะย้อนกลับไปเป็นดั่งเดิมได้จริงๆน่ะเหรอ? เปล่าประโยชน์ ความสัมพันธ์ของพวกแกพังทลายลงแล้ว ทำไมถึงได้ยึดติดกับมันมากนัก!”
โนโซมุไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาพังทลายลงไปแล้ว
แน่นอนว่ามิตรภาพในวัยเด็กนั้นแตกสลายไม่ว่าจะมองยังไง
“……ถูกต้อง แน่นอนว่าความสัมพันธ์ระหว่างผมและลิซ่ามันพังทลายไปแล้ว อย่างที่นายพูดนั่นแหละ”
“ถ้าอย่างนั้นแกก็ควรจะตัดสายสัมพันธ์นี่ทิ้งซะ! และทำลายมันทิ้งลงไปอย่างสมบูรณ์ ! แค่ปล่อยมันทิ้งไปก็พอแล้ว!”
เทียแมตยังคงหงุดหงิด แต่โนโซมุส่ายหัวกับคำพูดนั่น
“ทิ้งงั้นเหรอ? มันเป็นไปไม่ได้หรอก เพราะแบบนั้นมันก็เหมือนกับสองปีที่ผ่านมา ท้ายที่สุดแล้วผมก็ยังหนีความจริงอยู่ดี ความโกรธของลิซ่าที่มีต่อผมมันก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลง!?”
การด่าท่อ การสาปแช่ง ดูถูกเหยียดหยาม ย่อมนำมาซึ่งความพึ่งพอใจอย่างแน่นอน แต่นอกเหนือจากนั้นยังจะมีอะไรอีกเล่า?
จะให้ผมพอใจกับสิ่งนั้นและใช้เวลาหัวเราะกับพวกไอริสและคนอื่นๆงั้นเหรอ? แล้วแบบนั้นผมจะยังสามารถมีหน้าไปเผชิญหน้ากับอาจารย์ได้อีกงั้นเหรอ? มันไม่ต่างกันเลย
คำตอบมันก็คือ ไม่ แม้แต่ชิโนะที่ถูกพี่สาวทรยศตัวเองและถูกญาติทอดทิ้งและหลบหนีมาเหมือนกับผม แต่ว่าเธอก็มีความสุขยามที่ได้พูดคุยเรื่องครอบครัวของเธอ
เธอคงโกรธ คงเกลียดเขา แต่ แน่ใจว่าเธอเองก็มีความรัก
หลายปีผ่านไปและที่สุดแห่งการดิ้นรน ท้ายที่สุดแล้วเธอก็สามารถยิ้มและพูดคุยเรื่องของครอบครัวของเธอได้ แม้ว่าจะมีร่องรอยของความเหงาอยู่ในรอยยิ้มของเธอก็ตาม
“ดังนั้นก็ข้ามมันไปซะสิ พวกเราจะไม่กลับไปสู่ความสัมพันธ์แบบเดิมๆ นายอาจจะพูดถูก คนเราไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้”
แม้แต่พระเจ้าก็ไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้ แม้แต่เทียแมตเองก็เป็นไปไม่ได้
อย่างไรก็ตาม ยังไงก็ต้องเอาชนะบาดแผลในอดีต และก้าวข้ามผ่านมันไปให้ได้ แม้ว่าจะรักษาบาดแผลได้หรือไม่ก็ตาม
“อย่างไรก็ตาม มันอาจจะเดินผ่านเส้นทางที่แตกต่างจากเดิม แต่มันก็ยังเป็นเส้นทางที่ดีอยู่กว่าในตอนนี้!”
ความโกรธไม่ได้หายไป ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงอยู่ ยอมรับทุกสิ่งแบกรับทุกอย่างทั้งอดีตและปัจจุบัน ความโศกเศร้า ความท้อแท้ หดหู่ เสียใจ ผิดหวัง น้อมรับมันทุกๆสิ่ง เพื่อตัวผมเองและคนที่ผมอยากจะสนับสนุนไม่ว่าจะนานแค่ไหนก็ตาม
นั่นคือบทสรุปสุดท้ายที่โนโซมุได้เลือกมัน
“อึก!แกกกกกกกกกกกก!!”
「อั่ก!」
เทียแมตเริ่มกดดันโนโซมุ
พลังมหาศาลที่ทำให้วิญญาณของโนโซมุต้องสั่นไหว
ความเจ็บปวดที่แล่นเข้ามาในหัว โนโซมุต้องอดทนต่อความเจ็บปวดนั่น
「อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา~~!!」
โนโซมุจับมือของลิซ่าเบาๆขณะกัดฟันแน่นจนฟันหัก มือของโนโซมุสั่นสะท้านอย่างน่าประหลาด
ความอบอุ่นของโนโซมุส่งผ่านไปยังมือที่เย็นเฉียบของลิซ่า ความร้อนค่อยๆละลายลูกศรน้ำแข็งที่ปักคาใจเธอมานานนับสองปี
สีหน้าของลิซ่าค่อยๆผ่อนคลายลง ความอบอุ่นที่เธอได้รับในตอนนี้ราวกับว่าเธอตามหาสิ่งล้ำค่าที่หายไปจนเจอ
อย่างไรก็ตามความรู้สึกกลัวในใจของลิซ่านั้นไม่ได้หายไปโดยสมบูรณ์ แต่ว่าก็เริ่มมีปฏิกิริยาปฏิเสธลดลง แต่ร่างกายของเธอก็ยังไม่หยุดสั่น
「ลิซ่า……」
ลิซ่ายังคงปฏิเสธตัวโนโซมุต่อไป เธอมอลงที่พื้นและไม่แม้แต่จะมองหน้าโนโซมุ
「อืม….ผมเข้าใจแล้วล่ะ ขอบคุณมากนะลิซ่า」
อย่างไรก็ตามโนโซมุไม่ได้โกรธลิซ่า และไม่เคยคิดจะโกรธด้วย
ตัวเธอก็ไม่ต่างตัวเขาในตอนนั้น โนโซมุก็แค่จับมือของเธอและยอมรับตัวเธอที่กำลังหนีความจริงนั้นอยู่
ลิซ่าพยายามจะหนีจากโนโซมุอย่างอ่อนแรง โนโซมุดึงมือของลิซ่าอย่างอ่อนโยน
จากนั้นโนโซมุก็ส่งมอบร่างของลิซ่าให้กับคามิลล่าอย่างอ่อนโยนราวกับระวังแก้วที่แตกหัก
「เอ๋?」
คามิลล่าทำเสียงตกใจ อย่างไรก็ตาม เธอเองก็ดูอารมณ์เสียอยู่หน่อยๆแต่ก็รับร่างของลิซ่ามา
「คามิลล่าช่วยพาลิซ่ากลับไปที่หอพักหญิงด้วย ผมขอโทษนะ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะต้องประครองร่างของลิซ่าตลอดเวลาแล้วสิ」
「…………」
คามิลล่าและลิซ่าจ้องมองไปที่โนโซมุด้วยแววตาเบิกกว้าง ไหล่ของลิซ่ายังคงสั่นเมื่อเห็นโนโซมุเหลือบมองมาที่เธอ
「ไม่ต้องห่วง ผมจะไม่เข้าไปใกล้เธออีกแล้ว」
โนโซมุพยายามยิ้มออกมาขณะที่ความเจ็บปวดแล่นไปทั่วทั้งหัวของเขา อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขากำลังฝืนอย่างมาก
「ไปเถอะ」
ขณะที่โนโซมุเร่งเร้าให้พวกเธอกลับไป เขาก็หันไปมองทางหอพักหญิง
ในที่สุดคามิลล่าก็ค่อยๆพยุงไหล่ลิซ่าตามด้วยไอริสและฟีโอที่ตามไป
โนโซมุค่อยๆก้าวเดินอย่างช้าๆเพื่อไม่ให้ลิซ่าต้องหวาดกลัวเขาอีก เขารักษาระยะห่างระหว่างลิซ่าอย่างมาก ขณะนั้นเขาพยายามจะอยู่นอกแนวสายตาของลิซ่าให้มากที่สุด
ในที่สุดก็ถึงหน้าประตูหอพักหญิง
โนโซมุเรียกลิซ่าและคนอื่นๆที่พยายามจะผ่านประตูหอพักไป
「ลิซ่า ฟังผมนะ ในวันนั้นที่เธอเห็นไม่ใช่ผม ผมซ้อมอยู่ที่ด้านนอกชานเมืองตลอดทั้งวัน」
ลิซ่ายังคงปฏิเสธที่จะหันไปหาโนโซมุ อย่างไรก็ตามเขายังคงอยู่ตรงนั้นไมไ่ด้ก้าวไปไหน
โนโซมุยังคงพูดต่อไปขณะจ้องมองแผ่นหลังเล็กๆของลิซ่า
「ลิซ่าเคยบอกใช่ไหมว่าผมทรยศเธอ แต่จริงๆแล้วผมไม่ได้ทำเช่นนั้นเลย ขอพูดไว้ตรงนี้ อย่างชัดเจนผมไม่เคยจะทรยศลิซ่า และไม่มีวันเด็ดขาด !」
ความเงียบเกิดขึ้นชั่วขณะหนึ่งและในที่สุดลิซ่าก็หายเข้าไปในหอพักโดยไม่พูดอะไร
ในขณะนั้นโนโซมุก็ค่อยๆล้มลงอย่างช้าๆ
「เอ๋ ! โนโซมุ!」
「แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก……」
ไอริสนั้นรับร่างของโนโซมุเอาไว้ ตัวโนโซมุนั้นราวกับจะแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ ใบหน้าของโนโซมุนั้นซีดเผือกอย่างเห็นได้ชัด หายใจลำบาก แสดงสีหน้าแสนเจ็บปวด
ไอริสที่เห็นแบบนั้นก็เอาหน้าของเขามากอดไว้ที่อกของเธอ และวางมือลงบนแก้มของโนโซมุ
「โนโซมุ……」
「ฟู่ว ฟู่ว……」
ไอริสลูบแก้มของเขาเบาๆ
ใบหน้าของโนโซมุนั้นเย็นเฉียบเหมือนกับคนตาย ไอริสทำหน้าบึ้งเมื่อเห็นโนโซมุต้องหอบหายใจอย่างเจ็บปวด
เมื่อลมหายใจของโนโซมุสงบลง ใบหน้าของเขาก็เริ่มแดงขึ้นมา
「ขอบคุณนะไอริส ได้เธอช่วยไว้อีกแล้วสินะครับ……」
「ไม่หรอกค่ะ ที่สำคัญกว่านั้นไม่เป็นไรนะคะ?」
ไอริสรู้สึกโล่งอกที่ได้ยินเสียงของโนโซมุอีกครั้ง แต่ความโล่งใจนั้นก็เกิดขึ้นได้ไม่นาน และแววตาของโนโซมุก็เริ่มขุ่นมัวอีกครั้ง
โนโซมุยิ้มออกมาแล้วบอกว่า “ไม่เป็นไร”แล้วลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ อย่างไรก็ตามไอริสยังคงมีสีหน้าเศร้าๆ
ในเวลานั้นฟีโอที่อยู่ด้านหลังก็เรียกโนโซมุ
「โนโซมุ มีความสุขไหม? ได้ระบายออกมาบ้างแล้วนิ」
「อ่าาาาา สำหรับตอนนี้ก็พอใจแล้ว หากจะพูดทุกเรื่องในตอนนี้ ที่ลิซ่าไม่ยอมรับ หากพยายามเปิดใจลิซ่า ตัวตนของเธอได้แหลกสลายแน่……」
เหตุผลที่เข้าใจได้เพราะความต้องการซึ่งกันและกัน การเผชิญหน้าของโนโซมุและมาร์เป็นต้นเหตุที่ทำให้พวกเขาได้เปิดใจพูดคุยกันเพราะทั้งคู่ที่มีความคิดเฉกเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตามลิซ่านั้นกลับเลือกที่จะถอยหลังกลับแต่โนโซมุเลือกที่จะเดินไปข้าง ความต้องการของทั้งสองไม่ตรงกัน เพราะงั้นยังคุยกันไม่รู้เรื่องหรอก
「สำหรับตอนนี้เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว……」
โนโซมุหันหลับกลับมามองประตูที่ลิซ่าเดินผ่านไป แล้วหันหลังเดินจากไป
แม้จะเพียงเล็กน้อยแต่ผมก็สามารถสื่อความรู้สึกของตัวเองออกไปได้ ด้วยความรู้สึกที่ถูกเติบเต็มและความรู้สึกนั่นคงจะส่งผลในอนาคตในสักทางใดก็ทางหนึ่ง
「…………」
ไอริสจ้องมองแผ่นหลังของโนโซมุ
「โนโซมุ……」
มือของเธอกำไว้ที่อกแน่นก่อนที่เธอจะรู้ตัว
◆◇◆
เวลาได้ล่วงเลยเที่ยงคืนไปแล้ว และทุกคนในเมืองกำลังหลับใหล ณ สถาบันวิจัยกลอวรัม ซึ่งอยู่ติดกับสถาบันโซลมินาติ การทดสอบกำลังจะเริ่มขึ้น
วงกลมเวทย์ขนาดใหญ่และซับซ้อนถูกวาดขึ้นในห้องขนาดใหญ่และหินเวทย์ 6 ก้อนที่ถูกวางไว้อยู่ตรงกลางนั่น นักวิจัยในชุดแล็บมากมายกำลังเคลื่อนไหวไปทั่วห้องปฏิบัติการ
ในสถานที่ที่ห่างไกลจากนัวิจัยที่สวมเสื้อคลุมสีขาว ยังมีกลุ่มคนที่ดูไม่เหมาะกับสถานการณ์นี้ด้วย
มาจากหลากหลายเผ่าพันธุ์ เช่นมนุษย์และเผ่ามนุษย์สัตว์ แต่งกายด้วยเสื้อผ้าชั้นดี
พวกเขาต่างเป็นผู้มีอิทธิพลในเมืองนี้ซึ่งส่วนใหญ่อาศัยอยู่ทางตอนเหนือของเมืองอาร์คาซัมและยังมีบทบาทเป็นฑูตที่ส่งมาจากแต่ละประเทศ
มีหลากหลายเผ่าและแม้กระทั่งมีผู้คนที่ไม่ได้อาศัยอยู่ในเมืองนี้ด้วย นั่งก็เพียงพอที่จะบอกได้ว่าการทดลองนี้สำคัญแค่ไหน
สายตาของพวกเขาจับจ้องไปที่นักวิจัยที่กำลังเคลื่อนไหวอย่างวุ่นวายและวงเวทย์ขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา
พวกเขาแทบไม่เคยเห็นวงเวทย์ใหญ่ขนาดนี้มาก่อน บางคนกำลังมองหาสิ่งผิดปกติและสิ่งต้องห้าม แต่ส่วนใหญ่ก็มีความตึงเครียดกันหมด
ตรงหน้าพวกเขามีชายร่างยักษ์ ยืนอยู่จ้องมองการทดลองอย่างตั้งใจและเหล่าผู้มีอิทธิพลในเมือง
ชายคนนั้นแบกดาบยักษ์ที่สูงกว่าความสูงของตัวเอง นักรบสวมเกราะสีเงิน บางทีเพราะเหตุนั้นเองแรงกดดันถูกปลดปล่อยมาจากชายคนนั้น และพวกเขาก็หันไปจ้องเหล่านักวิจัยคนอื่นๆแทน
ชายหนุ่มในชุดขาวเรียกทอร์เกรนซึ่งเป็นผู้ควบคุมการทดลองนี้
「จิฮัด การเตรียมการสิ้นสุดแล้ว เริ่มการทดลองได้ตลอดเวลา」
「เข้าใจแล้ว ทุกคนกำลังจะเริ่มการทดลองแล้ว ดังที่กล่าวไว้ล่วงหน้า จุดประสงค์ของการทดลองในครั้งนี้คือเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับซากของอบีต ที่ยังหลงเหลืออยู่ที่แถวป่าชายเมือง」
ในเวลานั้นมีการนำกล่องเหล็ดขนาดใหญ่เข้ามาในห้องปฏิบัติการ สายตาของมนุษย์ทุกคนต่างจับจ้องไปที่นั่น
โซ่เหล็กยังคงพันรอบๆกล่องและมีวงเวทย์ปิดผนึกวาดไว้ที่ด้านหนึ่งของกล่อง
เส้นวงเวทย์ยังคงส่องแสงจางๆแสดงว่าตราประทับที่วาไว้ยังคงใช้งานได้อยู่
จุดประสงค์ก็ดั่งที่จิฮัดได้กล่าวเอาไว้ว่ามีซากอบีตที่โนโซมุและเพื่อนๆเอาชนะมาได้ และพยายามค้นหาตัวตนที่แท้จริงของมัน
「ทุกคน การทดลองจะเริ่มแล้ว ถ้างั้นข้าจะเป็นคนเริ่มการทดลองเอง……」
เสียงของจิฮัดดังก้องไปทั่ว
มีการรวบรวมวัสดุจำนวนหนึ่งจากร่างกายและหินเวทย์ที่พังไปแล้ว จากเนื้อหาพบว่าร่างของสัตว์อสูรตัวนี้สร้างซ้อนทับหลายๆร่างของสัตว์อสูรหลายๆตัว
เนื่องจากไม่เพียงแต่มีกระดูกของพวกสัตว์อสูรสี่ขา เช่น หมาป่า ยังพบกระดูกของพวกสัตว์อสูรสองเท้าเช่นก็อบลินด้วย
กล้ามเนื้อที่ซ้อนทับกันกับความยุ่งเหยิงของร่างกายที่ยากจะอธิบายได้ ยังคงปล่อยรังสีอันดำมืดราวกับว่ามันปนเปื้อน
คนที่ตอบสนองต่อคำพูดของจิฮัดคือชายชราที่มีบรรยากาศอันสงบนิ่ง
ผมและเคราสีทองปนขาว รอยย่นที่เหี่ยวไปตามกาลเวลา แต่ดวงตาของเขายังคงมีซึ่งเจตจำนงอันแรงกล้า
เครื่องแต่งกายนั้นมีราคาแพงกว่าผู้อื่นอย่างเห็นได้ชัด นั้นมีเสื้อคลุมแขนของอาร์คาซัมนี้ซึ่งมีเครื่องหมายกากบาทระหว่างปากกาขนนก ดาบ และไม้เท้า
ชื่อของเขาคือ ไฮเบ๋า โฟก้า(ハイバオ・フォーカ) เขาเป็นประธานสภาที่ควบคุมอาร์คาซัมแห่งนี้
「เข้าใจแล้ว ขอบคุณมาก จิฮัด ทอร์เกรนและทุกๆคน」
คำที่แสนสง่างามดังก้องไปทั่วห้องปฏิบัติการ คำพูดของประธานทำให้เกิดความตึงเครียด
จิฮัดพยักหน้าและให้คำแนะนำแก่นักวิจัยที่กำลังรวบรวมมาจากทอร์เกรน หลังจากยืนยันได้ว่ามีนักวิจัยทั้งหมดหกคนยืนอยู่หน้าหินเวทย์ที่วางอยู่รอบตัวพวกเขา ทอร์เกรนก็ค่อยๆวาดวงเวทย์ขึ้นไปในอากาศ
ในเวลาต่อมา วงเวทย์ของผนึกที่วาดบนกล่องเหล็กก็หายไป จากนั้นโซ่ที่พันรอบกล่องก็แตกเป็นเสี่ยงๆ
โซ่นั้นถูกสะบัดลงบนพื้นสะท้อนออกมา และกล่องเหล็กก็ค่อยๆเปิดออก
ในเวลาเดียวกัน ห้องปฏิบัติการก็เต็มไปด้วยอากาศที่อึดอัด นักวิจัยทุกคนต่างสูดหายใจลึกๆกับความรู้สึกไม่พึงประสงค์จากการบรรยากาศ
ขณะที่พวกจิฮัดกำลังเฝ้าดู ศพของสัตว์อสูรก็ถูกเปิดภายใต้วงเวทย์
สัตว์อสูรสีดำสนิท ศพซึ่งศีรษะถูกเป่าแหลกสลายและล้มลงจนทรุดตัวจนไม่สามารถรู้รูปร่างเดิมได้
สัตว์อสูรที่น่าจะตายไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ซากศพนั้นก็ทำให้คนในห้องตัวแข็ง
10 ปีที่แล้ว การรุกรานครั้งใหญ่ของสัตว์อสูรที่ทำลายสามประเทศได้ในพริบตา สัตว์อสูรที่ไม่ปรากฏชื่อในขณะนั้น การทดลองนี้จะค้นหาสาเหตุของโศกนาฏกรรม
ด้วยความคิดดังกล่าว ทอร์เกรน ผู้ดูแลการทดลองจึงค่อยๆอ้าปากพูด
「เริ่มการทดลอง……」
นักวิจัยที่ได้สติขึ้นมาก็จับมือและส่งพลังเวทย์ลงไปในหินเวทย์
วงกลมเวทย์นั้นมีแสงหกสี สีแดง สีฟ้า สีเขียว สีเหลือง สีขาว และ สีดำ เริ่มรั่วไหลออกมาจากหินเวทย์ที่วางเอาไว้
เมื่อแสนล้นออกมาจากหินเวทย์ ทอร์เกรนก็เปิดใช้งานวงเวทย์ที่วาดอยู่บนพื้น พลังเวทย์ทั้งหกก็ค่อยๆมาหลอมรวมกันรอบๆศพของอบีต
กระแสพลังเวทย์นั้นหมุนวนอย่างรุนแรงและเกิดเสียงดังอย่างมาก
จุดประสงค์ของการทดลองนี้ก็คือเพื่อการแสดงพลังเวทย์ทั้ง หก ธาตุพร้อมกันและวิเคราะห์ว่าศัตรูมีธาตุอะไรบ้าง
ในเวลาเดียวกัน จุดประสงค์ก็เพื่อวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงของพลังเวทย์ที่สั่นพ้องก็ถูกวิเคราะห์ด้วย เพื่อค้นหาว่ามันจะสร้างผลกระทบอะไรบ้างต่อสภาพแวดล้อม
พลังเวทย์ยังคงไหลเวียนอย่างรุนแรงและสั่นพ้องกับสภาพแวดล้อมที่น่าจะกลายเป็นเสียง
เครื่องมือที่ใช้ในการสังเกตยังคงทำงานอย่างถูกต้อง ในขณะที่จับตาดูด้วยความระมัดระวังคลื่นพลังเวทย์ก็ไหลลงผ่านวงเวทย์ตรงกลาง
และในที่สุดการสั่นพ้องของพลังเวทย์ก็มาถึงจุดสูงสุด
อย่างไรก็ตามในเวลาต่อ แสงสีดำสนิทก็ระเบิดจากศูนย์กลางของพลังเวทย์ที่ส่องสว่างทั้งหกสี
「อึก!」
เหล่านักวิจัยแตกตื่น จากความปั่นป่วนในการควบคุมเวทมนตร์ที่ใช้ในการทดลองผิดพลาด
วังวนพลังเวทย์แปรเปลี่ยนเป็นสีดำสนิทในพริบตา ในขณะนั้นแขนทั้งหกก็โผล่มาจากส่วนลึกของพลังเวทย์นั่น
「คิย๊าาาาาาาาา!」
「อ่อก!」
เมื่อหนวดที่กระโดดออกมาสะบัดเหล่านักวิจัยไปรอบๆและคว้าหินเวทย์ทั้งหกที่วางเอาไว้ ถูกพาไปใจกลางกระแสพลังเวทย์ทันที
「ไฮเป๋า ทอร์เกรน รีบอพยพคนเร็วเข้า!」
ทหารเริ่มเคลื่อนไหวตามคำสั่งของจิฮัดและห้อมล้อม วังวนพลังเวทย์ที่ถูกย้อมออกเป็นสีดำ
นักวิจัยที่ปลอดภัยก็หนีออกจากห้องทดลองไปพร้อมกับเหล่าผู้มีอิทธิพล และทหารที่เหลือก็นำนักวิจัยที่บาดเจ็บออกไปด้วย
ขระสังเกตท่าทางของพวกนั้น จิฮัดค่อยๆอุ้มเพื่อนของเขาไว้บนหลัง
พลังเวทย์กำลังหมุนวนต่อหน้าและการปรากฏตัวของสัตว์อสูรก็ออกมา
「กรรรรรรรรรรรรรรร……」
สัตว์อสูรสีดำที่คำรามอยู่ในห้อง มีสีดำสนิทและดวงตาสีแดงนับไม่ถ้วนที่ถูกย้อมไปด้วยความเกลียดชังจากทั่วทั้งร่าง
「กร๊าซซซซซซซซซซซ!!」
มันยืนขึ้นด้วยขาทั้งสี่ ใบหน้าที่ชวนให้นึกถึงหมาป่านั้นแยกออกมา และฟันที่แหลมคมราวกับใบมีดนับไม่ถ้วนเผยออกมาพร้อมกับเสียงคำราม หางที่เหมือนใบมีดหลายๆอันถูกยกสูงขึ้นและจ้องไปยังเหยื่อตรงหน้า
「หึหึหึ……」
「อ่าาาาาาาาาาาา……」
สัตว์อสูรนั้นเริ่มเข่นฆ่าพวกทหารโดยไร้ซึ่งความปราณี
เจ้าสัตว์อสูรสีดำตัวนี้มันไม่มองข้ามเหยื่อที่กำลังหวาดกลัว
มันกระโดดใส่ทหารที่อยู่ใกล้ๆ
เสียงบดขยี้พื้นหินสะท้อนไปทั่ว และในวินาทีต่อมาขอบเขตการมองเห็นของทหารก็เห็นแต่ปากของสัตว์อสูร
จากนั้นกรามของมันก็จะปิดลงและคอของเหล่าทหารจะถูกฉีกเป็นชิ้นๆและเข้าไปในท้องของมัน
อย่างไรก็ตามในขณะที่ฟันของมันพยายามจะปิดลง ร่างของสัตว์อสูรก็ปลิวไปด้านข้าง
「อา……」
ทหารเปล่งเสียงตกตะลึงกับจิฮัดที่ยืนอยู่ตรงหน้าพร้อมดาบขนาดยักษ์ สัตว์อสูรที่โดนพัดไปกระแทกกับกำแพงทั้งๆแบบนั้นและส่งเสียงทุกข์ทรมานออกมา
「ทุกคนถอยไป ข้าจะจัดการมันเอง」
ปลดปล่อยพลังทั้งหมดที่มีออกมาเหล่าทหารก็เริ่มถอยออกไป
สัตว์อสูรตัวนี้ปล่อยเอาไว้ไม่ได้ และมีทางเข้าออกเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น
ทหารต่างเข้าแถวกันออกไปที่หน้าประตูทำให้เป็นกำแพงสุดท้ายที่ทำให้สัตว์อสูรไม่สามารถหนีไปได้
จิฮัดก้าวไปข้างหน้าและถือดาบยักษ์ไว้ที่สะโพก ส่วนอบีตเองก็ลดตัวลง
ทั้งสองเผชิญหน้ากัน ช่วงเวลาแห่งความเงียบเกิดขึ้นระหว่างทั้งสอง
ฝั่งอบีตชิงลงมือเคลื่อนไหวก่อน ขาทั้งสี่อันทรงพลังเข้าโจมตีอย่างรวดเร็วใส่จิฮัด
กรามที่เปิดเข้าใกล้เพื่อฉีกร่างของจิฮัด แต่ก่อนที่ขากรรไกรจะจับตัวเขาไว้ เขาเหวี่ยงดาบยักษ์ที่เอาไว้ด้านข้าง
เคร้งงงงงง! เสียงสะท้อนของทั้งสองกระทบเข้าหากัน
มันเป็นฝ่ายสัตว์อสูรที่พยายามอย่างหนักเพื่อบดขยี้จิฮัด แต่จิฮัดก็รับมันไว้ได้อย่างชิวๆ
ดาบนยักษ์ของจิฮัดนั้นป้องกันเขี้ยวของสัตว์อสูรที่กัดและตัดเกราะเหล็กได้อย่างง่ายดาย
พ่อหนุ่มดาบยักษ์ “เขี้ยวใหญ่”
ดาบยาวที่มีขนาดมหึมาที่สูงกว่าความสูงของร่างกายซึ่งกลายเป็นชื่อเล่นของจิฮัด
ดาบที่สร้างจากโลหะหายากจำนวนมากที่ถูกเรียกว่า “ทังกราโด้(タングラード)” เป็นดาบคู่ใจที่ช่วยให้เขาจัดการกับการรุกรานเมื่อสิบปีก่อน
ดาบที่เป็นดั่งอัญมณีไม่หักไม่งอได้โดยง่าย แต่ยังใช้เทคนิคเสริมความแข็งแกร่งของพวก “โทวโฮว” ซึ่งทำให้ตัวดาบนั้นมีความหนาและบางมาก
อย่างไรก็ตามน้ำหนักของมันนั้นโครตหนัก จึงเป็นดาบที่สร้างขึ้นเพื่อเขาเพียงคนเดียว
แม้ว่าจะสร้างดาบธรรมดาจากโลหะนี้ น้ำหนักก็จะมากกว่าเหล็กกล้าสองเท่า ดาบขนาดที่ใหญ่แถมสูงกว่าคนทั่วไปมันไม่ใช่สิ่งที่จะหยิบมาใช้กันได้ง่ายๆ
อย่างไรก็ตาม จิฮัดนั้นเป็นคนเดียวที่ใช้ดาบยักษ์ขนาดนี้เพราะความแข็งแกร่งทางกายภาพที่เหนือล้ำเสริมกับสกิลทำให้ใ้ชดาบยักษ์ได้อย่างคล่องแคล่ว
「ฟู่ววววว……」
จิฮัดหายใจออกสั้นๆ พยายามทำเค้นพลังจากทั่วร่างจนเส้นเลือดโผล่มาทั่วทั้งร่าง
ความสมดุลนั้นได้พังทลายและเห็นได้ว่าอีกฝ่ายมีพลังเยอะกว่ามาก
「กร๊ากกกกกกกกก!?」
อบีตพยายามต้านกลับ บางทีเพราะแปลกใจที่โดนมนุษย์เพียงคนเดียวต้านทานมันได้
「ฟู่วววววววว!」
ในขณะนั้นเองจิฮัดถอยหลังไปครึ่งก้าว ผ่อนกำลังจากแขนทั้งสองข้าง และเบนร่างกาย
อบีตนั้นโจมตีวืดเพราะจู่ๆเป้าหมายก็ปล่อยพลังออกกะทันหัน
เพราะเป็นสัตว์สี่ขาก็เลยไม่เสียสมดุล แต่หากอีกฝ่ายผ่อนกำลังมากเกินไปก็จะจบด้วยการที่แรงทั้งหมดถูกทุ่มไปที่ขาหน้า
「ฟู่วววว!」
จิฮัดไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดรอดไป เขาก้าวเท้าออกไปทางด้านหลังและดาบยักษ์ก็ฟาดไปที่ด้านข้างของศัตรู
ใบมีดขนาดใหญ่ฟันเข้าไปในร่างของอบีตและตัดกล้ามเนื้อที่พยายามสร้างตัวใหม่และบดขยี้กระดูกของมัน
สัตว์อสูรปลิวออกไปอีกครั้ง และถูกกระแทกกับกำแพงอยู่หลายครั้ง แต่จิฮัดก็เข้าไปใกล้
「ย๊ากกกกกกกกกก!!」
จิฮัดเหวี่ยงดาบลงด้วยมือทั้งสองข้าง
การโจมตีครั้งก่อนได้ทำลายขาหน้าข้างหนึ่งของสัตว์อสูรสีดำ แต่เพราะมันคือสัตว์อสูรที่มีพลังในการฟื้นฟู เขาจึงไม่ยอมให้มันได้ทันได้ฟื้นฟูเด็ดขาด
ดังนั้น การโจมตีของจิฮัดไม่ได้จบลงที่สองสามครั้งแต่ซ้ำมันไปเรื่อยๆ
「ฮึก ! ย๊าห์!」
อย่างไรก็ตามจิฮัดที่โจมตีอย่างดุเดือดก็เหมือนกับกำลังทำอาหารอยู่ยังไงก็ไม่รู้
บางครั้งก็ละเอียดอ่อนและบางครั้งก็รุนแรง ความจริงที่ว่าสามารถขยับดาบยักษ์ได้โดยไม่เหนื่อยล้าแสดงให้เห็นว่าไม่ได้มีดีแค่พลัง
แม้ว่าจะฟาดใส่กันมาระยะหนึ่งแล้ว แต่จิฮัดคิดว่าไม่ควรจะใช้เวลาเยอะมาก
「ฟู่ววววววว!!」
ดาบยักษ์ที่เหวี่ยงขึ้นอย่างรุนแรงและหางที่เข้ามาปัดป้องก็กระเด็นไปด้านข้าง
อย่างไรก็ตามหากอีกอันก็เข้ามาโจมตีในทิศทางตรงกันข้าม
จิฮัดทำให้ร่างกายของเขาแข็งดุจหินผาพร้อมกับปลุกพลังไปทั่วทั้งร่าง
「ฮ่าหหหหหหหหหหหหห์!!」
ขณะเหวี่ยงดาบยักษ์ขึ้นไป และบิดตัว การเคลื่อนไหวแบบหมุนก็เริ่มผ่านร่างยักษ์นั่น
ในเวลาต่อมาดาบยักษ์ก็ถูกเหวี่ยงลงมาทันทีพร้อมกับใบมีดที่ถูกหมุนกลับด้าน
ได้ยินเสียงคำรามและเศษพื้นหินที่ถูกบดขยี้รอยไปในอากาศพร้อมกับหางของสัตว์อสูรที่ถูกตัดออก
พร้อมกับเลือดสีดำที่กระฉุดออกมา เสียงอันแสนเจ็บปวดของสัตว์อสูรดังก้องไปทั่ว
「กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!」
อย่างไรก็ตามความเจ็บปวดจากหากที่ถูกตัดทิ้งนั้นถูกกัดกินไปทั่วร่างและพยายามเหวี่ยงหางข้างอื่นใส่จิฮัด
อย่างไรก็ตามมันก็โดนตัดขาดอย่างสมบูรณ์
ขณะที่จ้องมองหางของมันตกลงพื้น สัตว์อสูรยังคงคำรามออกมาด้วยความแค้น
ความสามารถนั้นต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ทางเดียวที่จะหนีคือข้างหลังศัตรูตัวฉกาจ
หางที่ถูกตัดออกเริ่มงอกขึ้นมาใหม่ แต่ศัตรูตรงหน้าไม่ยอมปล่อย
ราวกับว่ามันรู้ว่าเอาชนะคู่ต่อสู้ตรงหน้าไม่ได้ ก็พยายามจะหนีไม่ก็ทำให้ศัตรูตรงหน้าบาดเจ็บ
「ก๊าาาาาาาาาาาาาาาา!!」
เสียงคำรามที่บีบอัดไปด้วยพลังชีวิตของมัน จิฮัดจ้องมองสัตว์อสูรตรงหน้าด้วยความเงียบงัน
ปลุก คิให้ไหลไปทั่วทั้งร่างกาย
พลังงานจำนวนมากถูกปลดปล่อยจากร่างของจิฮัด แต่ยังรวมถึง “เขี้ยว” ขนาดใหญ่ด้วย
อบีตกระโดดและพยายามบดขยี้จิฮัดด้วยร่างกายอันใหญ่โต
อย่างไรก็ตาม เขี้ยวของสัตว์อสูรนั้นช้ากว่าที่จะจับร่างกายของจิฮัดและดาบยักษ์ก็ถูกฟาดออกไปด้วยแรงมหาศาล
ดาบขนาดยักษ์ฟันผ่านร่างของอบีต ฟันกรามข้างหนึ่งจากซ้ายไปขวาและตัดมันทั้งๆอย่างนั้น
ร่างของสัตว์อสูรถูกผ่าครึ่งและตายในทันที
จิฮัดที่เหวี่ยงดาบออกไปก็ลังเลอยู่เล็กน้อยและถอนหายใจ
อย่างไรก็ตาม ดวงตาสีแดงเข้มของสัตว์อสูรนั้นส่องประกายเจิดจ้า
「กาโออออออออออ!」
「หะ!」
วินาทีถัดมาครึ่งตัวของสัตว์อสูรที่ถูกแบ่งแยกออกกำลังกระโดดไปที่ทางออกของห้องทดลอง จิฮัดพยายามหยิบดาบเพื่อหยุดมันทันที แต่อีกครึ่งหนึ่งก็กระโดดเข้าหาเขา
「หนอยย!」
จิฮัดเดาะลิ้นขณะที่พยายามไปจับครึ่งตัวที่หลุด อีกครึ่งตัวมันก็มาขวางไว้อีก
ในขณะเดียวกันครึ่งร่างก็วิ่งไปที่ทางออก
ทหารต่างประหลาดใจกับสัตว์อสูรสีดำที่โผล่ออกมาอย่างไรก็ตามมีทหารคนหนึ่งกระโดดออกมาด้านหน้าสัตว์อสูร
「หยุดซะ ! ไม่ยอมให้แกผ่านที่นี่ไปหรอก!!」
เสียงตะโกนของเขาตะโกนใส่เพื่อนร่วมงานที่รออยู่ที่ทางออก
พวกทหารต่างเริ่มกลับมา
พวกเขาถือโล่และสร้างกำแพงขนาดใหญ่ป้องกันทางหนี
「กร๊าาาาาาาาาาาาาาาาก!!」
ได้ยินเสียงคำรามของมันและมันพุ่งเข้าชนกำแพงทหาร
ทหารถูกผลักดันออกไปและเขี้ยวของสัตว์อสูรก็เจาะร่างของชายที่กระโดดออกมาด้านหน้า
「อั่กกกกกกกก!!」
ทหารที่ถูกกัดแขนและลำตัวส่งเสียงกรีดร้องออกมา
อย่างไรก็ตาม เขากัดฟันแน่นและพยายามพลักดันสัตว์อสูรออกไป
「กร๊ากกกกกกกกกกกกก……!」
แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ครึ่งตัวของมัน แต่ก็เป็นสัตว์อสูรที่ทรงพลัง
ทหารที่เดินไปรอบๆก็แทงไปที่ร่างของสัตว์อสูร
ดาบที่ถูกแทงเข้าไปทำให้มันเริ่มกรีดร้องออกมา
「กั่ก กาโออออออ!!」
「ตอนนี้แหละ ! ดันมันกลับไปซะ!」
ตอนนั้นเองแรงกดดันที่ดันโล่อยู่ก็ลดลง
ทหารที่ได้พลังกลับมาก็พยายามดันสัตว์อสูรกลับไป
ตัวมันเดินโซเซและถอยหลังไปถึงกระนั้นมันก็ยังไม่ยอมแพ้และเงาขนาดใหญ่ก็เข้าปกคลุมสัตว์อสูร
ดวงตาสีแดงที่ถูกจับได้คือดาบยักษ์ที่ถูกเหวี่ยงมาทางด้านหลังและอำนาจการทำลายล้างมันก็ยิ่งกว่ากิโยติน
ที่เท้าของจิฮัดจะเห็นได้ว่าอีกส่วนโดนจัดการไปแล้ว ทันทีที่มันเห็นร่างของจิฮัดร่างกายก็ราวกับเป็นอัมพาต
จิฮัดนั้นปล่อยจิตสังหารอย่างรุนแรงออกมาเพราะเห็นลูกน้องเขาบาดเจ็บ มันทำให้นึกถึงโศกนาฏกรรมเมื่อ 10 ปี ก่อน
「ตายไปซะเหอะมึง……」
จากนั้นเองก็ฟันใส่ร่างของอบีตลงอย่างรุนแรงโดยไม่ให้มันเคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย
「ไม่เป็นไร!?」
จิฮัดที่เห็นสัตว์อสูรถูกจัดการไปแล้วก็รีบเข้าหาลูกน้องของเขา
ทหารที่ถูกสัตว์อสูรกัดกำลังนั่งอยู่บนพื้น และเลือดก็ไหลไม่หยุด
「อ่าาา…..จบแล้วสินะครับ」
แม้ว่าเลือดจะไหลออกมาเป็นจำนวนมาก แต่ว่าก็ยังมีสติอยู่
จิฮัดลูบอกเมื่อได้ยินคำตอบ
นอกเหนือจากป่าแล้ว ที่นี่ยังเป็นสถาบันวิจัย จึงมีสถานพยาบาลรองรับอยู่
อันที่จริงที่พวกแพทย์เข้ามาพร้อมกับเครื่องมือหน้าทางเข้าห้องแล้ว หากได้รับการรักษายังไงก็รอด
จิฮัดมอบหมายลูกน้องของเขาให้กับเหล่าแพทย์ และสั่งให้ทหารที่เหลือไปรายงานต่อทอร์เกรนและหันไปมองซากอบีตที่โดนโค่นลง
ร่างของสัตว์อสูรสีดำเริ่มทรุดตัวลงและกลายเป็นสภาพเดียวกับก่อนที่มาก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม ไร้ซึ่งความกดดันใดๆอีกแล้ว
「ท่านจิฮัด!」
ทอร์เกรนที่ได้ยินรายงานก็รีบวิ่งเข้ามา
ถามว่าจบแล้วเหรอ?
สัตว์อสูรที่กลายเป็นก้อนเนื้อนั้นไม่ได้เคลื่อนไหวอีกแล้ว และไม่มีวี่แววของพลังชีวิตหลงเหลืออยู่ อย่างไรก็ตาม หากดูจากสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ ก็เป็นความจริงที่ว่าการทดลองไม่ได้จบลงอย่างสวยงาม
ขณะที่จ้องมองลงไปที่ศพของอบีต หัวใจของจิฮัดก็มีคำถามมากมายไม่รู้จบ
ยาวแค่ไหนถามใจเธอดู ~ดูจำนวนหน้านะครับ ขนาดตัวอักษร 12 เท่านั้น ดูเอานะครับว่ายาวแค่ไหน ผมแปลตั้งแต่บ่าย 3 ยัน 2 ทุ่ม นี่เพียงแค่ “ตอนเดียว” เท่านั้น เป็นนิยายที่มีตอนนึงยาวที่สุดเท่าที่เคยแปลมาเลย และจำนวนคำก็ไม่ใช่น้อยๆ เกือบ 10000คำ หัวจะปวด