[นิยายแปล]โซ่ผนึก "หัวใจ" สายใยผนึก "มังกร" - ตอนที่ 153 บทที่ 8 ตอนที่ 10
บทที่ 8 ตอนที่ 10
「เป็นภาพเหมือนของไอริสและฟีลาน่า ตอนเธอเกิดขึ้นมา วิคเตอร์ต้องการเก็บภาพของทั้งสองเอาไว้ จึงวาดภาพนี้ด้วยตัวเองเลยล่ะ」
ภาพวาดแม่ลูกที่มาดามพัลรีนหยิบขึ้นมา
โนโซมุไม่รู้ว่าภาพวาดนั้นมีมูลค่าทางจิตใจมากเพียงใด
มันเป็นภาพที่สะดุดตาเอามากๆเพียงแค่มองก็ทำให้เขายิ้มได้
สักพักหนึ่ง โนโซมุรู้สึกทึ่งกับภาพวาดนั่น และรู้สึกสั่นเทาเล็กน้อย
「เธอคนนั้นสวยมากเลยนะครับ….และดูเธอมีความสุขมากๆ……」
「เธอมีความสุขอย่างแน่นอนเลยล่ะ แต่เธอก็อยู่ได้ไม่นานนัก」
ขณะที่พึมพำออกมาเธอก็ดื่มไวน์ในแก้วอึกเดียว โนโซมุอดไม่ได้ที่จะกลั้นหายใจกับน้ำเสียงปนเศร้าของเธอ
โนโซมุรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น เพราะได้ยินเรื่องนี้จากโซเมียมาก่อน
คำพูดของผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์โดยตรงก็ทำให้โนโซมุช็อคไปตามๆกัน
「หลังจากไอริสเกิดได้ไม่นาน ฟีลาน่าก็ตั้งท้องลูกคนที่สอง」
คราวนี้มีน่าเป็นคนเล่าต่อ
เธอแสดงสีหน้าเศร้าๆราวกับว่าจำเหตุการณ์ในตอนนั้นได้
「ท่านหญิงนั้นมีสุขภาพที่อ่อนแอมาตั้งแต่ยังเด็ก และสุขภาพของเธอก็แย่ลงมากขึ้นเรื่อยๆ」
ฟีลาน่ามีร่างกายอ่อนแอมาตลอด ค่อยๆหมดแรงหลังจากตั้งครรภ์ และสุดท้ายก็ขยับตัวออกจากเตียงไม่ได้
ในฐานะแม่ฟีลาน่ายิ้มเพื่อให้ลูกสาวและสามีไม่ต้องกังวลกับตัวเธอ และลูกสาวเองก็ยิ้มตอบกลับเช่นกัน โดยพยายามไม่ทำให้แม่ของเธอกังวล
「ต่างจากลูกในครรภ์ที่เติบโตมาอย่างแข็งแรง ท่านหญิงสุขภาพอ่อนแอลงเรื่อยๆและน้ำหนักลดลงจนยืนไม่ได้ในที่สุด」
แม้ว่าทารกจะเติบโตตามปกติ แต่มารดาผู้ที่จะคลอดกับอ่อนแรง มีน่าบอกว่าท่านหญิงเป็นคนสละชีวิตให้ลูกมีชีวิตต่อไป
โนโซมุสงสัยว่าไอริสจะรู้สึกอย่างไรหากได้เฝ้ามองดูแม่ที่กำลังอ่อนแรงลงอย่างใกล้ชิด แต่ก็ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมา
ความขมขื่นที่ไม่สามารถอธิบายได้แพร่ไปในหัวใจ
「สาวน้อยได้แต่สงสัยว่าเธอจะสามารถช่วยอะไรได้บ้าง แต่ในเวลานั้นเธอทำอะไรไม่ได้เลย และนายท่านก็ได้เรียกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากทั่วประเทศเพื่อหายารักษาร่างกายของท่านหญิง แต่มันมาถึงขีดจำกัดแล้ว」
ภาระจากการตั้งครรภ์ทำให้ร่างกายรับภาระหนักเกินควร
เหมือนกับเรือที่กำลังจะอัปปาง
ไม่ว่าพยายามจะอุดรูรั่วมากแค่ไหน มันก็จะทำให้รูกว้างใหญ่มากขึ้นเท่านั้น แม้ว่าพยายามจะเอาน้ำออกจากตัวเรือ แต่แผ่นไม้ที่พังทลายก็ไม่สามารถทนต่อแรงดันน้ำและทำให้เกิดรูไปทั่วเรือ
การหาหนทางรักษาภรรยาของวิคเตอร์และความปรารถนาอันแรงกล้าของไอริสอาจทำให้ฟีลาน่ามีอายุยืนขึ้นอีกเล็กน้อยได้จางหายไป
「ฟีลาน่าให้กำเนิดโซมิเลียน่าต่อหน้าไอริสและสิ้นใจในที่สุด……」
คำพูดของมาซาริเน็ตที่เต็มไปด้วยความเศร้าละลายไปในอากาศราวกับแทรกซึมไปในอากาศ
「ต่อหน้าร่างไร้วิญญาณของท่านหญิง ขณะที่เธอกำลังอุ้มท่านโซมิเลียน่า ท่านไอริสก็ได้ให้คำปฏิญาณ
แทนที่มารดาผู้ล่วงลับ เธอจะปกป้องชีวิตของเด็กน้อยคนนี้……」
น้องสาวที่เกิดมาโดยต้องแลกชีวิตของท่านแม่ของเธอ และพี่สาวที่สลักคำสาบานไว้ในใจยึดมั่นกับน้องสาวตัวน้อยที่สัญญาว่าจะปกป้องเธอแทนท่านแม่
เหตุการณ์เริ่มต้นทำให้ไอริสเริ่มเดินไปตามเส้นทางของตัวเอง
แม้ว่านี่จะไม่ใช่สิ่งที่เขาประสบด้วยตัวเอง แต่โนโซมุก็กำหมัดแน่นรู้สึกเจ็บปวดที่หน้าอก
「เหตุผลที่ไอริสตัดสินใจเป็นหัวหน้าตระกูลก็เพื่อปกป้องโซลมิเลียน่า」
ตอนนี้ไอริสได้รับการกล่าวขานว่าเป็นหัวหน้าตระกูลคนถัดไป แต่จากข้อมูลของมีน่าและคนอื่นๆดูเหมือนว่าชื่อของเธอจะไม่ได้ถูกเอ่ยถึงตั้งแต่เกิดเท่าไรนัก
ในเวลานั้นคนที่ว่ากันว่าใกล้เคียงที่สุดในการเป็นหัวหน้าตระกูลฟรานซิสคืออาของไอริสดิน่า เขาเป็นน้องชายของวิคเตอร์
ตั้งแต่แรกเริ่มวิคเตอร์ไม่มีความตั้งใจให้ไอริสสืบทอดตำแหน่งหัวหน้าตระกูล
เมื่อพิจารณาถึงความรับผิดชอบที่หัวหน้าตระกูลต้องทำ ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้
แต่ว่าไอริสพยายามอย่างหนักและแสดงให้เห็นว่าเธอมีความสามารถและความรับผิดชอบมากพอที่จะขึ้นเป็นหัวหน้าตระกูล
「บางทีเธออาจจะเข้าร่วมกองกำลังอัศวินเงินสีรุ้งก็ได้……」(TN:จำไม่ได้ล่ะแต่ก่อนแปลไว้ว่าไงลืม)
「ในการเป็นหัวหน้าตระกูล ต้องมีความสำเร็จอันโดดเด่น ในแง่นั้นการเข้าร่วมกองกำลังอัศวินเงินสีรุ้งจะเป็นประโยชน์อย่างมากในการเป็นหัวหน้าตระกูล」
ความนิยมของกองอัศวินเงินสีรุ้งซึ่งก่อตั้งหลังการรุกรานครั้งใหญ่นั้สูงขึ้นมากแม้จะมีประวัติอันสั้นก็ตาม
ตามที่กล่าวไว้ อัศวินคนหนึ่งสามารถสังหารสัตว์อสูรได้มากกว่าหนึ่งร้อยตัว และหากอัศวินทั้งสามมารวมกัน พวกเขาสามารถสังหารมังกรได้อย่างง่ายดาย
สิ่งที่มีชื่อเสียงเป็นพิเศษคือความก้าวหน้าในการสำรวจเมืองในหุบเขา
มันเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆที่มีอัศวินไม่กี่สิบคนเข้าไปในเมืองแห่งหุบเขาซึ่งเป็นถ้ำของสัตว์อสูรมากมายและไปฆ่าล้างบางพวกมัน
ความสามารถและชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทวีปอาร์คมีล จนเรื่องดังกล่าวได้รับการพิจารณาอย่างจริงจัง
「แน่นอนว่าไอริสอาจมีความปรารถนาที่จะปกป้องผู้คนมากมาย ไม่เพียงแต่พ่อของเธอเท่านั้นที่สนับสนุนแม่ที่ป่วยของเธอ แต่ยังรวมถึงเหล่าข้ารับใช้ในตระกูลฟรานซิส ตลอดจนผู้คนในดินแดน แม้ว่าตอนนั้นเธอจะยังเด็กแต่เธอก็เข้าใจได้」
ชนชั้นสูงได้รับการสนับสนุนจากประชาชน และประชาชนถือว่าวิถีชีวิตของชนชั้นสูงเป็นหนึ่งในการสนับสนุนทางอารมณ์ของพวกเขา
ดังที่คำว่า “บุคคล”บ่งบอกว่าขุนนางและสามัญชนมีความสัมพันธ์ซึ่งสนับสนุนซึ่งกันและกัน
มาซาริเน็ตกล่าวว่าตั้งแต่อายุยังน้อยไอริสได้เรียนรู้ความจริงและความสูงส่งจากพ่อและแม่ของเธอ
「หลังจากตัดสินใจปกป้องท่านหญิงโซมิเลียน่า เธอก็อุทิศตนอย่างแท้จริงให้กับการฝึกอบรมมารยาทและการศึกษา」
ความละเอียดอ่อนที่เธอสาบานไว้กับท่านแม่ นั้นเป็นแรงผลักดันด้วยความคิดนี้ไอริสยังคงมุ่งมั่นด้วยขุนนางที่เต็มเปี่ยม
เธอเรียนรู้วิธีการใช้ดาบจากมีน่าและเรียนรู้วิธีปฏิบัติตัวทางสังคมจากมาซาริเน็ตและวิคเตอร์
「ถ้าอยากจะอยู่รอดก็ต้องเรียนรู้ด้วยความรวดเร็วเท่านั้น」
ขณะที่พูดออกมาอย่างนั้น เธอก็หยิบดาบสั้นออกจากเฟอร์นิเจอร์ที่กระจัดกระจาย และตอกศอกเข้าไปที่ปลายนิ้วของโนโซมุ
แทบจะไม่มีการตกแต่งในตัวดาบสั้นมันออกแบบมาเพื่อใช้จริง
「นี่คือ?」
「ดาบสั้นที่ใช้ฝึกซ้อมของเธอในสมัยนั้น」
ขณะที่มุ่งความสนใจไปที่ดาบบางๆที่ยื่นมาให้เขา โนโซมุก็สังเกตเห็นบางอย่าง
มีรอยดำติดอยู่ที่ด้ามจับบางๆ ดวงตาของโนโซมุเบิกกว้าสังเกตเห็นคราบเหล็กที่เป็นสนิม ซึ่งแตกต่างจากสิ่งสกปรกและเหงื่ออย่างชัดเจน
「นี่มันรอยเลือดเหรอ?」
「ค่ะ……」
มีน่าลดสายตาลงและพยักหน้าให้กับคำพูดของโนโซมุ
การตกสะเก็ดของเงานั้นแตกต่างออกไป และคราบเลือดก็เข้มขึ้นและจางลง บ่งบอกว่ามันถูกล้างออกซ้ำแล้วซ้ำเล่า
นอกจากนี้หาก มองดูคราบเลือดอย่างใกล้ชิด ก็จะเห็นรอยมือเล็กๆบนด้ามจับบางๆนั่นเป็นการยืนยันสำหรับโนโซมุ
เด็กผู้หญิงที่ใช้ดาบบางๆนี้อาจจะยังคงถือมันต่อไปแม้ว่าเลือดจะแตกกระจายไปแล้วก็ตาม นั่นมันเป็ฯเวลาหลายปี
「ความปรารถนาของหญิงสาวคือขอให้โซมิเลียน่ามีความสุข และเพื่อเติมเต็มความรับผิดชอบและปกป้องผู้คนมากมาย เพื่อจุดประสงค์นั้น เธอจะไม่ลดละความพยายาม」
「มันอาจจะเป็นสิ่งที่ไม่ควรพูด แต่หากเป็นไอริสในปัจจุบันจะสามารถใช้ประโยชน์จากหลายหมื่นคนได้ อาจจะเป็นความรู้สึกหนุ่มๆสมัยนี้ไม่ค่อยเข้าใจ……」
โนโซมุเบิกตากว้างกับคำพูดของมาซาริเน็ต
หน้าอกของเขารู้สึกแน่นราวกับว่าหัวใจถูกคว้าออกไป
อย่างที่เธอพูดโนโซมุไม่มีความรู้สึกของการเป็นขุนนางและเขาไม่รู้สึกถึงความรับผิดชอบที่ไอริสต้องแบกรับ
อย่างไรก็ตาม ถึงกระนั้น โนโซมุก็ไม่ได้โง่จนขนาดไม่รู้ว่าเธอต้องแบกรับภาระขนาดไหน
ไอริสปัจจุบันมีอายุสิบเจ็ดปี เมื่อนานมาแล้วเธอตัดสินใจจะถือครองอำนาจอันยิ่งใหญ่ที่มากกว่าตัวเธอ
「เรียกได้ว่าเป็นความฝันของเธอก็ว่าได้」
「……ฝันเหรอครับ?」
「ถูกต้อง ความฝันคือความปรารถนาที่ว่าอยากจะเป็นคนแบบไหน การฝึกฝนและเส้นทางไปสู่จุดเหล่านั้น
สำหรับไอริสความฝันของเธอน่าจะเป็น “การเป็นคนที่สามารถปกป้องครอบครัวของเธอได้ ”และ “การเป็นคนที่สามารถเติบเต็มความรับผิดชอบของเธอและปกป้องผู้คนได้มากมาย”」
「…………」
โนโซมุอดไม่ได้ที่จะเงียบเมื่อเห็นความฝันของไอริส
โนโซมุวางมือเบาๆบนคราบเลือดบนด้ามดาบบางๆ
「มีอะไรงั้นเหรอ?」
「อืม พอดีมีเรื่องที่ต้องคิดนิดหน่อยครับ……」
โนโซมุรู้สึกว่าจุดประสงค์ของไอริสคือการเข้าร่วมกองกำลังอัศวินเงินสีรุ้ง และเขายังจำคำพูดของเธอ ที่บอกว่าต้องการช่วยเหลือผู้คนมากมาย แต่ไม่เคยคิดสิ่งที่อยู่เบื้อง
คราบเลือดที่เกาะอยู่นั้นขนาดประมาณครึ่งหนึ่งของโนโซมุ โนโซมุทำได้แต่กำหมัดของเขา
ตอนนี้โนโซมุตระหนักว่าส่วนหนึ่งของความรับผิดชอบของเขาตกเป็นของไอริส
(ไกลเหลือเกิน……)
ความขมขื่นที่อธิบายไม่ได้ผุดขึ้นในลำคอของเขา
รอยยิ้มของไอริสกลับมาในใจเขา คนที่ยอมรับตัวเขา คนที่เขาไม่อยากเสียไป
โนโซมุรู้สึกถึงความห่างไกลและความเหงาอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อนึกภาพที่เธอก้าวเดินออกไป จ้องมองตรงไปข้างหน้า ขณะที่แบกภาระอันยิ่งใหญ่ไว้บนแผ่นหลัง
★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★
「แล้วจะแกล้งทำเป็นตายไปถึงเมื่อไร?」
ในห้องหลังจากโนโซมุออกไปแล้ว มาซาริเน็ตก็สะกิดวิคเตอร์ที่คว่ำหน้าอยู่บนโต๊ะ และร่างของเขาก็ลุกขึ้นยืน
「ทำไมต้องไปดื่มกับไอ้บ้านั่นด้วย……」
ขณะที่ปรับปกเสื้อที่มีรอยย่น วิคเตอร์ก็เปล่งเสียงไม่พอใจออกมา
ขณะที่มองไปที่วิคเตอร์กำลังส่ายหัวด้วยความโกรธ มาซาริเน็ตก็โบกมือด้วยความตกใจ เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจกับคำตอบของวิคเตอร์
「ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่หยุดพูดถึงไอริส จริงๆแล้ว คิดว่านายควรจะเล่าให้ฟังมากกว่าอีกนะ?」
「…………」
วิคเตอร์ยังคงนิ่งเงียบ ทัศนคติของเขายืนยันคำพูดของมาดามพัลรีน
เดิมทีวิคเตอร์วางแผนที่จะใช้งานโนโซมุ
โนโซมุและไอริส สถานะทางสังคมนั้นห่างกันราวฟ้ากับเหว
เหตุผลที่โนโซมุไม่เข้าใจเรื่องนี้ก็เพราะสถานที่ที่เขาพบกับไอริสครั้งแรกของอัลคาร์ซัม
อัลคาร์ซัมแห่งนี้ปราศจากการแทรกแซงของทุกประเทศแม้ว่าสถานะของขุนนางและราชวงศ์จะได้รับการเชิดหน้าชูตา แต่ก็ไม่ได้เชื่อมโดยตรงกับอำนาจ
ในแง่หนึ่งเป็นพื้นที่อิสระสำหรับการใช้อำนาจ เป็นที่ๆทุกๆคนสามารถเข้าหากันได้ ความสัมพันธ์ของพวกเขาเลยพัฒนากันอย่างรวดเร็ว
แน่นอนว่าวิคเตอร์ยังคิดว่าการที่มิตรภาพของลูกสาวขยายออกไปเป็นเรื่องดี เขาเลยไม่เข้าไปยุ่ง
แต่ว่ามันจะกลายเป็นอีกเรื่องหากความสัมพันธ์นั้น “มากกว่าแค่เพื่อน”
นี่เป็นข้อเท็จจริงที่ควรจะรู้อย่างแน่นอนว่ากำลังย่นระยะห่างเข้าหามากเกินไปรึเปล่า ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานกันและกันหรือการพบรักกันก็ตาม
วิคเตอร์มองไปนอกหน้าต่างแล้วถอนหายใจ
「มาที่คฤหาสน์แห่งนี้พร้อมกับมีอะไรอยู่ในท้องไม่ใช่เหรอไง?」
มาดามพัลรีนยักไหล่ต่อคำพูดของวิคเตอร์ราวกับจะพูดว่า “ฉันเข้าใจ”
วิคเตอร์ยังคงจ้องมองผู้หญิงคนนั้น ซึ่งไม่ได้ยืนยันหรือปฏิเสธ และมีสีหน้าคลุมเครือบนใบหน้าของเธอ
มีน่าที่เฝ้าดูทั้งสองอยู่ข้างๆพูดแทนเจ้านายของเธอ
「แล้วเหตุใดมาเธอร์จึงตัดสินใจทำตามคำขอของท่านไอริสรึคะ?」
「เพราะว่าฉันอยากรู้เกี่ยวกับโนโซมุ เบลาตี้ แค่นั้นไม่พองั้นเหรอ?」
「อืม เห็นบอกว่ามีเวลาว่าง แต่ในฐานะนักธุรกิจมันไม่น่าว่างขนาดนั้น บางทีอาจมีสาเหตุอื่น?」
「รู้ดีเหลือเกินนะ……」
ดังที่มีน่ากล่าวมาซาริเน็ตมักจะยุ่งอยู่เสมอ
ตัวเธอเองไม่ได้บังคับงานที่ควรทำกับผู้อื่น และบุคลิกที่เด็ดขาดของเธอไม่ชอบจะเลื่อนตารางงานออกไปด้วย
ดังนั้นเธอจึงไม่มีเวลามาสอนเต้นหรอก
「แน่ใจว่าเด็กคนนั้นเองก็คงอยากรู้เหมือนกัน ฉันได้เห็นการต่อสู้จำลองกับท่านจิฮัดแล้ว พูดตามตรงมันทำให้ฉันสั่นสะท้านไปถึงกระดูดสันหลังเลย」
แน่นอนว่าเป้าหมายประการหนึ่งของเธอคือสืบค้นตัวตนของโนโซมุ เบลาตี้
ไม่มีใครที่จะไม่สนใจการต่อสู้ระหว่างโนโซมุที่อ่อนแอที่สุดในสถาบันกับจิฮัด รันเดลที่แข็งแกร่งที่สุดในอัลคาร์ซัม
ในความเป็นจริง เบื้องหลัง พวกสอดแนมทั้งหลายต่างพยายามหาทางเข้าหาโนโซมุ ซึ่งมันจะจบลงในการต่อสู้ที่จะจัดขึ้นในเทศการปฐมนิเทศ
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่มาซาริเน็ต ต้องการยืนยันคือเงาที่อยู่รอบๆของเพื่อนเก่าที่อยู่ในระหว่างนี้
「ดังนั้นระหว่างการค้นคว้าก็มีเรื่องราวต่างๆมามากมาย
ช่วงนี้เหมือนที่บ้านจะมีเสียงรบกวนเยอะใช่ไหมล่ะ? ฉันก็แค่อยากจะมาตรวจสอบ」
เมื่อเร็วๆนี้ตระกูลฟรานซิสได้เคลื่อนไหวอย่างลับๆแต่แม้เมื่อมาซาริเน็ตเห็นพวกเขา การเคลื่อนไหวของพวกเขาก็เริ่มสั่นเทาเล็กน้อย
และในกระบวนการสืบสวน เราได้ค้นพบความเชื่องโยงระหว่างตระกูลฟรานซิสกับจักรวรรดิดิซาร์ตที่อยู่ใกล้เคียง
ในบางกรณี ข้อตกลงลับกับประเทศที่ไม่มีความสัมพันธ์ทางการฑูต
แน่นอนว่ามาซาริเน็ตตระหนักดีว่าวิคเตอร์ไม่ใช่คนที่วางแผนก่อกบฏ
หากวิคเตอร์วางแผนการกบฏ เขาจะเริ่มดำเนินการอย่างเต็มที่หลังจากสร้างรากฐานเครือญาติของเขาเรียบร้อยแล้วเท่านั้น ไม่มีอะไรให้ตื่นเต้น
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ความจริงที่ว่าตระกูลฟรานซิสกำลังสับสนเป็นข้อพิสูจน์ว่ามีอะไรผิดแผนเกิดขึ้น
「เรื่องนี้ ข้าได้ทูลแด่องค์ราชาแล้ว」
วิคเตอร์พูดสั้นๆถึงผลลัพธ์ไม่เป็นชิ้นเป็นอัล
การสถานปนาความสัมพันธ์ทางการฑูดกับจักรวรรดิดิซาร์ด นั่นคือมาตรการตอบโต้ของวิคเตอร์
กล่าวอีกนัยหนึ่ง พวกเขากำลังคิดที่จะปกปิดสนธิสัญญาลับที่เคยสร้างรอยด่างให้กับตระกูลฟรานซิส ในอดีตด้วยด้วยการสร้างความสัมพันธ์กับจักรวรรดิดิซาร์ต
ข้อตกลงลับเมื่อประมาณสามร้อยปีที่แล้วได้สูญเสียไปแล้ว
นอกจากนี้ โนโซมุยังเป็นคนยกเลิกสัญญาของตระกูลวาร์จาร์ตและวิคเตอร์ก็ยกเลิกสัญญาของตระกูลฟรานซิส ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะจบเรื่องในตระกูล
หลังจากนั้นหากแนวโน้มของตระกูลวาร์จาร์ต และเปลี่ยนข้อตกลงลับนี้เป็นการร้องขอให้ส่งคณะฑูตก่อนที่จะสถาปนาความสัมพันธ์ทางการฑูต เนื้อหาข้อตกลงยังถูกเก็บเงียบ
วิคเตอร์พูดเพียงเศษเสี้ยวของเนื้อหา แต่มาซาริเน็ตไม่ได้สนใจ
เธอยังมีความคิดบางอย่างเกี่ยวกับแผนการของวิคเตอร์ด้วยการที่กษัตริย์ทรงอนุมัติก็เป็นเหตุผลสำคัญเช่นกัน
ไม่มีทางที่กษัตริย์ฟอร์ซิน่าที่อนุมัติการสถาปรนาความสัมพันธ์ทางการฑูตจะไม่ทราบถึงความสัมพันธ์ของตระกูลฟรานซิส
เนื่องจากพระองค์ทรงทราบเรื่องนี้ดี กษัตริย์จึงควรประทับตรารับรองหลังจากประเมินสถานการณ์ในประเทศและต่างประเทศ
「แต่ดูเหมือนว่าพวก “เผด็จการ” จะมาถึงในอีกไม่ช้า?」
「เกี่ยวกับอีกอร์ตงั้นเหรอ……」
สาเหตุของความกังวลคือศัตรูทางการเมืองของพวกเขา
อีกอร์ต・เฟบูรัน
ขุนนางผู้ยิ่งใหญ่แห่งตระกูลเฟบูรันซึ่งมีอำนาจพอๆกับตระกูลฟรานซิสและขัดแย้งกับวิคเตอร์ในทุกๆด้าน
ในความเป็นจริงตระกูลเฟบูรันอ่อนแอลงเนื่องจากความล้มเหลวทางการเมืองที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าของหัวหน้าคนก่อน
อย่างไรก็ตามเมื่ออีกอร์ตขึ้นเป็นหัวหน้าประมาณแปดปีที่แล้ว เขาได้รับอำนาจคืนมาอย่างรวดเร็วและตอนนี้อำนาจก็กลับมาเท่ากับตระกูลฟรานซิส
โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านกองทัพ มีชื่อเสียงยิ่งกว่าวิคเตอร์
ราวกับนึกถึงรูปร่างหน้าตาของคนๆนั้นได้ วิคเตอร์ขมวดคิ้วด้วยความรังเกียจ คว้าแก้วที่อยู่ข้างๆแล้วเทไวน์ทั้งหมดออกมา
「ชายผู้คลั่งการรบยังเห็นนายเป็นศัตรูเหมือนบรรบุรุษช่างโง่เง่าเสียจริง แต่เขาเองก็ค่อนข้างฉลาด และเหนือสิ่งอื่นใด เขามีมือขวาที่มากความสามารถ ฉันแน่ใจว่านายเองก็คงได้ยินเรื่องความวุ่นวายมาบ้าง」
「ถึงอย่างนั้นก็ทำอะไรไม่ได้มากกว่ารังควาน ถ้าทำไม่ดีก็จะกลายเป็นกบฏต่อกษัตริย์ และไม่ได้พูดถึงเรื่องก่อนหน้านี้เหรอ ก็บอกว่าจัดการไปแล้ว……」
「ถ้าเช่นนั้นก็ดีไป…」
ด้วยความเงียบ วิคเตอร์และมาดามพัลรีนก็จบการสนทนา
ราวกับว่าไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก วิคเตอร์ดื่มไวน์ที่เขาเทในแก้วในอึกเดียว
「ยังไงก็ตามเรื่องไอริสโอเคไหม?」
「หืม กำลังจะบอกให้ข้าส่งลูกสาวไปยังกองกำลังอัศวินเงินสีรุ้งงั้นเหรอ?」
「นั่นก็ใช่อยู่หรอก」
มาซาริเน็ตยังคงจับตาดูไอริสซึ่งเป็นคนที่เธอชอบอีกด้วย
เธอเป็นลูกสาวของเพื่อนสนิท และเธอก็ประทับใจมากจนไม่สามารถละสายตาจากตัวเองได้เลย แม้ว่าเธอต้องเผชิญกับความปรารถนาอันสกปรกของคนอื่นก็ตาม
นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันกังวลเกี่ยวกับเธอ
แม้ว่าตำแหน่งหัวหน้าตระกูลฟรานซิสคนต่อไปจะค่อนข้างแน่นอน แต่เส้นทางยังอีกยาวไกล
หากเธอเข้าร่วมกับกองกำลังอัศวินเงินสีรุ้ง และทำหน้าที่ได้สำเร็จ ไอริสจะกลายเป็นหัวหน้าตระกูลอย่างแน่นอน ความปลอดภัยของโซเมียก็จะได้รับการรับรอง
แม้จะเป็นทายาทสายตรงจากตระกูลฟรานซิส แต่โซเมียลูกสาวคนที่สองก็เป็นเหยื่อของพวกไฮยีน่าผู้แสวงหาอำนาจและยังประจบประแจงไอริส ซึ่งหากเธอขึ้นเป็นหัวหน้าตระกูลก็จะปัดพวกนิสัยเสียแบบนี้ให้ออกห่างจากโซเมียได้
ขณะเดียวกันอันตรายที่เกิดขึ้นกับไอริสจะพุ่งสูงขึ้นมาก
เหมือนฝนในฤดูฝนที่ไม่เคยหยุดกระทบเรือนร่างของเธอ
การมีสมาชิกระดับหัวกระทิจำนวนไม่มากเข้าร่วมกองกำลังอัศวินเงินสีรุ้งนั้นเป็นเช่นนี้
「มันไม่ใช่แบบนั้นหรอก ไม่ว่าความปรารถนาของข้าจะเป็นยังไง เธอก็เป็นคนตัดสินใจเส้นทางของตัวเอง อยากจะทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อให้สิ่งนั้นเป็นจริง」
แม้ว่าวิคเตอร์จะตระหนักถึงอันตรายที่เกิดขึ้นกับไอริสแต่เขาก็ยืนยัน
แน่นอนว่าในฐานะพ่อ เขาไม่อยากส่งลูกสาวไปยังสถานที่อันตรายแม้ว่าเธออาจจะตายก็ตาม
แต่เขาจะไม่ห้ามลูกสาวของเขาหากนั่นเป็นความฝันของเธอ และเป็นทางที่เธอเลือกเดินโดยให้คำสัญญากับแม่ของตัวเอง
「นอกจากนี้ไม่มีทางที่ใครจะหลุดพ้นจากพันธนาการแห่งชีวิตได้ ทั้งข้า ไอริส และเด็กคนนั้นด้วย」
พันธนาการขอบตระกูลฟรานซิส อาจกล่าวได้ว่าเพราะสิ่งเหล่านั้นทำให้ไอริสไปถึงระดับนั้นได้
เนื่องจากกุญแจมือไม่จำเป็นต้องนำพาแต่เรื่องร้ายๆมาให้ผู้ใส่อยู่เสมอ
ไอริสเปลี่ยนโซ่ตรวนที่ผูกรั้งเธอเอาไว้เป็นอาวุธของตัวเอง คำสาบานต่อแม่ของเธอและพ่อที่เป็นเหมือนดั่งลมหายใจ
เช่นเดียวกับโนโซมุ เบลาตี้ เขาเองก็เป็นหนึ่งในโซ่ตรวนอันใหญ่ในชีวิตของเธอ
แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่พบคำตอบว่าจะต้องเดินไปในเส้นทางไหน ไอริสเองก็คงต้องเลือกในสักวันหนึ่ง
「เพราะต้องการจะช่วยผู้คนให้ได้มากที่สุดงั้นเหรอ……」
วิคเตอร์พยักหน้าตามคำพูดของมาซาริเน็ต
「นับเป็นพรอย่างแท้จริงที่เธอสูญเสียแม่ไป ถูกเผชิญกับความอาฆาตพยาบาทมากในในแวดวงสังคมชั้นสูงและสามารถเติบโตได้อย่างซื่อตรง」
「ตัวนายเองก็มีอิทธิพลต่อเธอเช่นกัน」
「……อืม」
เมื่อเห็นวิคเตอร์หันไปทางอื่นอย่างเขินอาย แก้มของมาซาริเน็ตก็ผ่อนคลายลง
วิคเตอร์รู้สึกถึงการจ้องมองอันอบอุ่นของเพื่อนที่อยู่บนหลังของเขา และให้สัญญากับตัวเองอีกครั้ง
「ข้าในฐานะหัวหน้าตระกูลฟรานซิส ทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อบรรลุทุกอย่างในฐานะหัวหน้าตระกูลและหัวหน้าครอบครัว」
“ถึงแม้จะต้องแยกจากกับลูกสาวสุดที่รักก็ตาม……”
วิคเตอร์กลืนคำพูดสุดท้ายลงในลำคอและหันไปมองนอกหน้าต่าง
ก่อนที่จะรู้ตัว หิมะก็ตกลงทางด้านนอกแล้ว
เหนื่อยสุดๆ ร้อนสุดๆ
สนับสนุนผู้แปลได้ที่ 097-005-6950 ภารดร บุญมา พร้อมเพย์//True Wallet