[นิยายแปล]โซ่ผนึก "หัวใจ" สายใยผนึก "มังกร" - ตอนที่ 150 บทที่ 8 ตอนที่ 7
บทที่ 8 ตอนที่ 7
เมื่อบทเรียนของมาดามพัลรีนจบลงก็เข้าช่วงดึก
พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว และดวงดาวก็ส่องแสงระยิบระยับบนท้องฟ้า
โนโซมุและเพื่อนๆต่างนั่งทานอาหารเย็นในคฤหาสน์ฟรานซิสและกำลังวางแผนที่จะกลับหอพักหลังจากทานข้าวเสร็จ
อย่างไรก็ตาม คำพูดของไอริสหลังมื้ออาหารก็ทำให้เกมเปลี่ยนไปเล็กน้อย
「โนโซมุ วันนี้ก็ดึกมากแล้วนะคะ คืนนี้ทำไมไม่นอนค้างที่นี่ล่ะ?」
「เอ๊ะ?」
「เหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหーーーーーーーー!」
แน่นอนว่าวิคเตอร์ประท้วงขาดใจ
“ไม่ว่าลูกจะสนิทกับหมอนี่ขนาดไหนแต่พอไม่ยอมให้เพศตรงข้ามมาอาศัยอยู่ในบ้าน”หรือบางทีก็“เรื่องแบบนี้พ่อรับไม่ได้ถ้าเป็นผู้หญิงพ่อก็กังวลให้ค้างได้อยู่หรอก แต่พวกผู้ชายน่ะพ่อจะไล่กลับบ้านให้หมดเลย”จากนั้นเขาก็พูดอะไรแบบนี้ออกมาไม่หยุด
แน่นอนว่าเบื้องหลังคำพูดเหล่านั้น เต็มไปด้วยความรักที่มีต่อลูกสาว
แต่ว่าไอริสเองก็ไม่ยอมเช่นกัน
“ที่นี่เองก็ไม่ได้มีแต่ผู้หญิงนะคะ พ่อเองก็เป็นผู้ชาย พ่อบ้านด้วยอีกต่างหาก ในคฤหาสน์ก็มีห้องว่างเยอะแยะจะงกทำไมคะ ดังนั้นเรื่องเพศตรงข้ามถ้าไม่อยากให้อยู่ในบ้านนี้มากนัก พ่อกับพวกพ่อบ้านก็ออกไปนอนนอกบ้านด้วยเลยดีไหมคะ?”
“อีกอย่างนะ โนโซมุและเพื่อนๆของหนูเองก็เป็นผู้มีพระคุณต่อตระกูลฟรานซิส การปฏิบัติกับพวกเขาโดยไล่พวกเขากลับไปเหมือนหมูเหมือนหมาแบบนี้ จะส่งผลกระทบต่อศักดิ์ศรีตระกูลฟรานซิสนะคะ”
จากนั้นพ่อลูกคู่นี้ก็กัดกันไม่เลิก
สิ่งที่เธอพูดเองมันก็มีเหตุผลรองรับเหมือนกัน แต่ว่าเธอพูดไปด้วยพร้อมความโกรธ
นอกจากนี้ไอริสยังแอบสั่งให้เมดในคฤหาสน์เตรียมห้องสำหรับโนโซมุและคนอื่นๆแล้วด้วย
นอกจากนี้ห้องที่เตรียมไว้สำหรับโนโซมุกับพวกผู้ชายอยู่ตรงข้ามกับไอริสกับพวกผู้หญิง ตรงใจกลางคฤหาสน์ (TN:ร้ายไม่เบาเลยนะไอริส กะว่าถ้าฝ่ายชายไม่ข้ามมาตัวเองจะไปหาเองเลยดิ?)
กล่าวอีกนัยหนึ่งระยะทางมันก็ไกลพอสมควรระหว่างห้องพักฝ่ายชายกับห้องพักฝ่ายหญิง ซึ่งก็ชิงความได้เปรียบจากวิคเตอร์
「ไม่ ไม่ว่าลูกจะพูดมีเหตุผลมากแค่ไหน แต่ในฐานะพ่อแล้ว พ่อไม่ยอม! 」
แน่นอนวิคเตอร์ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
เขายังพยายามโต้เถียงและไล่ฝ่ายชายออกจากบ้านให้หมด แต่ไอริสเมินและเรียกคนอื่นๆมา
「พวกเราเองก็เตรียมห้องให้กับมาดามพัลรีนแล้วนะคะ เชิญพักที่คฤหาสน์เราในวันนี้ด้วยค่ะ」
「โอะ น่าเสียดายจริงๆ ที่เราซ้อมกันจนถึงดึกแบบนี้」
「ไม่ต้องเกรงใจหรอกนะคะ วันนี้ก็ทำเพื่อพวกเรามามากแล้วเพราะงั้นเชิญพักผ่อนให้เต็มที่ค่ะ」
มาดามพัลรีนที่เพลิดเพลินกับไวน์หลังอาหารค่ำในขณะที่เฝ้าดูพ่อลูกทะเลาะกัน
มีเมดสองคนอยู่ด้านหลังเธอ
เป็นเหล่าเมดที่ติดตามมาดามพัลรีน และคนหนึ่งเป็นสาวสวยผมสั้นสีน้ำเงินกรมท่าที่โดดเด่น อีกคนเป็นสาวสวยผมสีน้ำตาล
ทั้งคู่ดูอายุเท่ากันกับโนโซมุและคนอื่นๆ อย่างไรก็ตาม โนโซมุเชื่อมั่นว่าผู้หญิงเหล่านี้ค่อนข้างจะแข็งแกร่งพอตัวและพวกเธอเป็นเหล่าคนที่คอยจ้องมองจากด้านนอกคฤหาสน์
สาวสวยที่ยืนข้างหลังมาดามพัลรีนไม่เผยช่องว่างให้เห็นเลยแม้แต่น้อย กลมกลืนกับบรรยากาศของสถานที่ แต่ไม่ลดความระมัดระวังตัวเลยแม้แต่น้อย
รูปร่างหน้าตาของเธอดูเหมือนเทพธิดาผู้พิทักษ์
「ไอริส! พวกเรายังคุยกันไม่จบเลยนะลูก!」
「พ่อคะ หนูเป็นเจ้าของคฤหาสน์หลังนี้ แม้ว่าจะเด็กในสายตาพ่อแต่ก็เป็นหัวหน้าตระกูลคนถัดไปของตระกูลฟรานซิส
ท่านพ่อคิดจริงๆเหรอคะว่าหนูทำแบบนี้เป็นการกระทำที่คิดเองเออเองขึ้นมางั้นเหรอคะ?」
「อึก……」
ในทางกลับกันทางฝั่งพ่อดูจะเพลี้ยงพล้ำต่อฝ่ายลูกซะมากกว่า
วิคเตอร์พูดอะไรไม่ออกเนื่องจากบรรยากาศอันสง่างามและสูงส่งของไอริส
หัวของวิคเตอร์ที่เหมือนกับไฟลุกก็มีบางอย่างเหมือนน้ำเย็นราดหัว
「จะเอาแบบนั้นเหรอจ้ะ? ตอนเรียนเองก็เคยทำสิ่งโง่เง่ามากมายเลยนี่น่า วิคเตอร์จัง」
ขณะนั้นก็มีผู้ช่วยเข้ามาหาฝั่งไอริส
เหงื่อเย็นๆไหลออกจากหน้าผากของวิคเตอร์ เมื่อเขาเห็นมาดามพัลรีนเข้าข้างไอริส
「ยะอย่านะ มาซาริเน็ต!」
วิคเตอร์พูดชื่อเล่นของมาดามพัลรีนตั้งแต่สมัยเป็นนักเรียนโดยไม่รู้ตัว
「เอ่อ ท่านพ่อทำอะไรลงไปเหรอคะ?」
「เอ๊ะ โซมิเลียน่าจังไม่รู้เรื่องราวงั้นเหรอจ้ะ?」
โซเมียพยักหน้าตอบรับคำพูดของมาดามพัลรีน
วิคเตอร์ส่ายหัวด้วยเหตุผลบางอย่าง แต่มาดามพัลรีนก็ยิ้มอย่างชั่วร้ายและมองต่ำลงมา
「อยากจะให้เล่าอะไรดีล่ะ? แอบเข้าไปในหอพักของสาวๆและเกือบถูกฟันขาดครึ่งจากการที่ทำตัวลับๆล่อๆโดยอัศวินสาวที่คอยดูแลเขา และหลังจากพยายามเดทแบบสลับรางถึงสามคน สุดท้ายก็โดนคุณแม่ของเธอจับได้……」
「เข้าใจแล้ว ข้าผิดเองง ! เพราะงั้นหุบปากเดี๋ยวนี้เลยอย่าเล่าให้ลูกๆชั้นฟังอีกกกกกกกกก!」
ฟีลาน่า เป็นภรรยาของวิคเตอร์และเป็นแม่ของไอริสกับโซเมีย
ดูเหมือนว่าโนโซมุและสาวๆก็ไม่รู้เรื่องนี้เลยเช่นกัน แต่ดูเหมือนว่าเขาจะกลายเป็นเสือผู้หญิงสมัยเด็กๆ
เห็นได้ชัดว่าสมัยเด็กชอบคบซ้อน
「พ่อ……」
「นั่นคือก่อนที่พ่อจะได้คบกับท่านแม่นะ !! ตอนนั้นพ่อยังเด็กก็เลย!?」
ลูกสาวทำหน้าไม่แลพ่อ
วิคเตอร์พยายามหาข้อแก้ตัวอย่างสิ้นหวัง แต่ในกรณีนี้ ไม่ว่าเขาจะพูดมีแต่จะทำให้ย่ำแย่ลง
แต่ว่าหลังจากที่เขาตกหลุมรักฟีลาน่า แม่ของไอริส เขาก็เลิกคบซ้อนทั้งหลายและแสดงความจริงใจต่อเธอ
ในประเทศฟอร์ซิน่า การมีภรรยาหลายคนไม่ได้รับอนุญาต
เนื่องจากอาจจำเป็นต้องมีการประกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากบ้านมีฐานะสูง
แน่นอนว่าจะไม่สามารถมีภรรยาหลายคนได้ยกเว้นแต่จะมีฐานะทางสังคม และจะต้องมีอำนาจในระดับหนึ่ง
ประเทศฟอร์ซิน่าไม่ได้ถูกรุกรานจากสัตว์อสูรเมื่อสิบปีที่แล้ว และอาจกล่าวได้ว่าแนวโน้มที่จะมีภรรยาหลายคนแทบจะเป็นไปไม่ได้ ยกเว้นเพียงชนชั้นสูงกับราชวงศ์เท่านั้น แต่ความคิดเรื่องการมีภรรยาหลายคนก็เริ่มตกยุคไปเรื่อยๆ
เนื่องจากสร้างความสันพันธ์ทางตระกูลหลายตระกูลจะทำให้อำนาจของตระกูลหลักลดลง
วิคเตอร์ไม่เคยมีภรรยาน้อยหลังจากได้ฟีลาน่าเป็นภรรยาของเขา เป็นเพราะเขารักภรรยาของตัวเองมาก
ไอริสยังเห็นวิคเตอร์ที่พยายามจะช่วยชีวิตแม่ของเธอที่ป่วยหนักตอนที่เธอยังเป็นเด็ก ดังนั้นเธอก็พอจะเข้าใจ
อย่างไรก็ตาม เธอคิดมาโดยตลอดว่าพ่อของเธอนิสัยดี รักเดียวใจเดียวและเป็นชายในอุดมคติ แต่ดูเหมือนในอดีตก็ทำเรื่องน่าปวดหัวมาไม่น้อย
โดยเฉพาะโซเมียที่เป็นลูกคนรองที่ไม่เคยรู้อะไรเลย
ครั้งแรกที่เห็นใบหน้าของพ่อ ยิ่งไปกว่านั้นเนื่องจากเหตุผลของเรื่องนี้มันแย่มากจนไม่สามารถปกปิดได้ โซเมียจึงมองพ่อของเธอด้วยความรังเกียจ
ในท้ายที่สุดวิคเตอร์ทนไม่ได้ต่อสายตาเย็นชาของเหล่าลูกสาว จึงได้ยอมจำนนอย่างง่ายดายและยอมให้พวกโนโซมุค้างที่บ้าน
ตัวเขาเองก็ขังตัวเองไว้ในห้องทั้งน้ำตาที่ไหลราวกับน้ำตก
★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★
เมื่อดวงจันทร์ขึ้นสู่ท้องฟ้าและส่องสว่างเมืองยามค่ำคืนด้วยแสงอันอ่อนโยน เสียงแห่งความประหลาดใจของผู้หญิงก็ดังก้องในโรงอาบน้ำของคฤหาสน์ฟรานซิส
「หวาาาาาาา! กว้างจัง!」
「นี่มันใหญ่กว่าห้องเรียนอีกนะเนี่ย……」
โรงอาบน้ำที่ใหญ่โตอย่างเปล่าประโยชน์
อ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ซึ่งเหมือนบ่อน้ำพุร้อน เต็มไปด้วยสีขาวนวลและเฟอร์นิเจอร์ที่แกะสลักจากหินอ่อนได้เปลี่ยนห้องน้ำให้กลายเป็นพระราชวังอันงดงาม
ห้องน้ำอันดับหนึ่งอย่างแท้จริง
บรรดาสตรีซึ่งเป็นสามัญชนต่างส่งเสียงชื่นชม ดวงตาของพวกเธอส่องเป็นประกาย
「ยะโฮ้ววววววววววววววว!」
มิมูรุตะโกนลั่น
ตู้มมมมมมมมมมม ! เมื่อกระโดดลงไปในอ่างอาบน้ำพร้อมกับน้ำที่กระเซ็นไปทั่วและเริ่มว่ายน้ำในน้ำร้อนเหมือนกับเด็ก
「นี่มันอ่างอาบน้ำอะไรเนี่ยว่ายน้ำได้ด้วย!」
「นี่มิมูรุทำแบบนั้นไม่ได้นะ ล้างร่างกายก่อนจะลงแช่น้ำสิ!」
ซีน่าดึงมิมูรุออกจากน้ำร้อนพร้อมเตือนมิมูรุด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
เธอจับมิมูรุนั่งหน้ากระจกเทน้ำร้อนลงบนศีรษะของเขา
「อุยย๊าาาา~! ซีน่า หูฉ้านนนน อย่าน้าาาาาาาา~!」
「หยุดพล่ามแล้วนั่งลงได้แล้ว!」
「ฮ่าฮ่า คุณมิมูรุ มีจุดอ่อนอยู่ที่หูงั้นเหรอคะ」
มิมูรุกรีดร้องเมื่อซีน่าพยายามสระผมให้มิมูรุ แต่ซีน่าหาได้สนใจไม่และยังคงสระอย่างรุนแรงต่อไป
ในขณะเดียวกัน คนอื่นๆก็เริ่มล้างตัวด้วยสบู่พร้อมทั้งยิ้มอย่างขมขื่นให้กับมิมูรุที่ถูกปฏิบัติราวกับสัตว์เลี้ยง
ฟองนุ่มราวกับสายไหมปกคลุมผิวอันสดชื่นของสาวๆ
แถมสาวๆที่นี่ยังสวยเกินต้าน ที่ทั้งเมืองต้องจับตามอง
มีฉากหนึ่งที่ทำให้มังกรเจ้าตัณหาถึงกับเลือดพุ่งถ้าได้เห็นมัน
「คามิลล่า ถูหลังให้หน่อยได้ไหม?」
「ค่า ค่าาาาา」
「ดูสิ คุณทิม่าซัง ใหญ่จังเลย」
「ว้ายยยยยยยยยย!?」
ขณะที่สาวๆกับถูหลังให้กัน
พวกเราสามคนต่างเข้าแถวเพื่อถูหลังให้กัน ลิซ่าหันหลังให้คามิลล่า จากนั้นเธอก็ดึงแขนของทิม่ามาไว้ด้านหน้าเธอ
ทิม่าซึ่งขี้อาย จู่ๆก็พบว่าตัวเองกำล้งถูกถูหลังอยู่ ก็อดไม่ได้ที่จะก้มเขินอาย
หน้าอกอันใหญ่โตของทิม่าโผล่ออกมาพร้อมกับต้นขาเรียวงามขณะที่เธอปิดบังส่วนล่าง
「อืมมมมมมมมม……」
「อะไรเหรอคะ?」
「อืม ก็คุณทิม่าหน้าอกใหญ่มากเลยนี่น่า……」
「ฟู่เนี๊ยยยยยยยยย!」
ร่างกายของทิม่ากระโจนขึ้นเมื่อจู่ๆลิซ่าก็เดินเข้าไปเป่าหูของเธอ
ด้วยความตื่นตระหนก เธอจึงพุ่งออกจากตรงนั้นและสั่นกลัว
เห็นได้ชัดว่าเธอค่อนข้างเขินอายกับสิ่งที่ลิซ่าพูด
「โอ๊ะ ขอโทษทีนะ ฉันไม่คิดว่าจะอายขนาดนั้น……」
แม้ว่าตัวลิซ่าเองจะไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งที่เธอพูดเป็นพิเศษ แต่เธอก็ไม่ได้คาดหวังว่ามันจะรุนแรงขนาดนี้
ลิซ่าที่ถูกทิม่าหนีเพราะปฏิกิริยากลั่นแกล้งของเธอ ก็โบกมือขอโทษ
ลิซ่าประหลาดใจกับท่าทางของทิม่าแต่เธอก็ตกใจที่ทิม่ามีหน้าอกใหญ่
(บางทีอาจจะใหญ่เท่าไอริสเลยรึเปล่านะ? ขาและเอวก็เรียวบาง หุ่นยั่วสวาทนี่มันอะไรกัน?)
ทิม่าในปัจจุบันที่ตัวสั่นเหมือนลูกกวาง มีเสน่ห์แม้แต่จะเป็นเพศเดียวกัน ไม่ต้องสงสัยหากอีกฝ่ายเป็นเพศตรงข้ามเห็นก็คงตื่นตาไม่น้อย
ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งเหล่านั้นยังเติบโตขึ้นตามธรรมชาติ
「ว่าแต่คุณทิม่า ทำไมถึงมาอยู่ที่อาร์คาซัมเหรอคะ?」
「เอ๊ะ?」
「ไม่หรอก ถ้ามีพลังเวทย์มากขนาดนั้น คิดว่าน่าจะมีวิธีใช้ชีวิตมากมายกว่านี้……」
ในตอนนี้ลิซ่าคิดว่าคงจะดีถ้าพูดถึงเรื่องอื่น เธอจึงถามทิม่าเกี่ยวกับหัวข้อที่เข้ามาในใจเธอ
แม้ว่าลิซ่าและทิม่าจะอยู่ห้องเดียวกันแต่ก็ไม่เคยคุยกันเลย
นอกจากนี้ทิม่าเองก็ไม่ค่อยคุยกับคนแปลกหน้าและลิซ่าเองก็ยังรักษาระยะห่างจากทิม่าเพราะไปสนิทกับไอริสที่เข้าหาโนโซมุในช่วงนั้น
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเหตุการณ์ล่าสุดที่โนโซมุคุมตัวเองไม่ได้ พวกเธอก็ได้เริ่มที่จะสนิทกันมากขึ้น
ด้วยเหตุนี้ลิซ่าจึงสนใจที่จะพูดคุยกับทิม่าเล็กน้อยด้วย
「…………」
ทิม่า ที่เป็นตัวเอกในตอนนี้กลับแสดงสีหน้าซับซ้อนและยังเงียบต่อไป
จู่ๆก็ถามอะไรออกไปแบบแปลกๆใช่ไหมล่ะ? ขณะที่คิดถึงเรื่องนั้น ลิซ่าก็มองไปทางไอริสเพื่อนสนิทของทิม่า
เด็กสาวผมสีขาวที่รู้สถานการณ์ของทิม่าได้แต่ยักไหล่และค่อยๆถูหลังน้องสาวอย่างระมัดระวัง
「บางทีฉันไม่ควรถามสินะ?」
「เอ่อ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ」
ทิม่าส่ายหัวขณะที่ลิซ่าเกาแก้มของเธอ
เมื่อเห็นสภาพของทิม่าเช่นนั้น ลิซ่าก็เสียใจที่พลั้งปากถามเรื่องที่ไม่ควร
พลังเวทที่ทิม่าครอบครองนั้นยิ่งใหญ่มาก
ลิซ่าไม่รู้ว่าทำไมทิม่าถึงมีพลังเวทมากมายขนาดนั้นตั้งแต่เด็ก แต่ในเวลานี้มันคงทำให้เธอใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาอย่างยากลำบาก
และคำพูดของทิม่าที่ตามมา
「ฉันมีพลังเวทเยอะมาตั้งแต่เด็ก แต่ฉันควบคุมมันไม่ได้ค่ะ
ตอนนี้ก็ควบคุมได้แค่นิดหน่อย แต่สมัยเด็กฉันคุมมันไม่ได้เลยค่ะ ด้วยเหตุนี้ บางครั้งฉันจึงควบคุมตัวเองไม่ได้ และไม่สามารถอยู่ในเมืองใดเมืองหนึ่งได้นานเกินไป」
พลังเวทเกี่ยวข้องกับจิตใจของคนผู้นั้น และประสิทธิภาพความแม่นยำของเวทก็ได้รับอิทธิพลอย่างมากจากสภาพจิตใจของผู้ร่าย
ไม่มีทางที่ทิม่าซึ่งเป็นคนขี้อายจะสามารถควบคุมพลังเวทจำนวนมหาศาลได้
เป็นผลให้ครอบครัวของเธอดูเหมือนมีชีวิตที่ย้ายจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองเหมือนกับพ่อค้า
「หากฉันฝันร้าย ฉันก็จะควบคุมพลังเวทไม่ได้เลย และภายในค่ายของฉันก็จะพังไม่เป็นท่าแม้แต่จะเล่นกับเด็กวัยเดียวกันก็ตาม……。
โชคดีที่พ่อ แม่ และน้องชายของฉันบอกฉันว่าไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ แต่เมื่อร่างกายของฉันเติบโตขึ้น พลังเวทก็เพิ่มขึ้น……」
ถึงกระนั้นเธอก็ยังดูเป็นคนดี
มีพลังเวทมากมาย แต่ไม่เท่ากับตอนนี้
แม้ว่าพลังเวทจะรั่วไหลออกมา แต่อย่างมากก็อาจจะเป็นแค่ลมกรรโชกแรง พื้นดินสูงขึ้นนิดหน่อย และประกายไฟที่หลุดรอดออกมาเล็กน้อย
ถึงกระนั้น เมื่อร่างกายเติบโตขึ้น พลังเวทก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน และในขณะที่พ่อแม่ของเธอเริ่มกังวลว่าจะต้องทำอะไรสักอย่างเกี่ยวกับเธอ เห็นได้ชัดว่าตอนนี้เธอถูกทาบทามมาที่สถาบันโซลมินาติ และมาที่อาร์คาซัม
「หลังจากมาที่นี่ก็พบกับไอและเรียนที่สถาบัน ฉันเริ่มควบคุมพลังได้นิดหน่อย แต่บอกตามตรงว่าหนทางยังอีกยาวไกล……」
「แต่ช่วงนี้อาการก็ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนใช่ไหม? แม้ว่าเราจะต่อสู้กับโนโซมุเมื่อวันก่อน พลังเวทก็ค่อนข้างเสถียรเลยนี่น่า」
ไอริสเป็นคนแทรกขึ้นมา
อย่างไรก็ตามขณะที่คิดอย่างขมขื่นทิม่าส่ายหัว
「ตอนนั้นเพราะได้ทอมและคนอื่นๆช่วยน่ะ」
เทคนิคต่างๆมากมายเช่น เสริมความแข็งแกร่ง การใช้เวทบาเรียอย่างต่อเนื่องใช้พลังเวทของทิม่า
ทอมเป็นคนสร้างเทคนิคเหล่านั้นทั้งหมด และฟีโอเป็นคนควบคุม
「เฮ งั้นสองคนนั้นก็สุดยอดไม่แพ้กันเลยนี่?」
คามิลล่าไม่ค่อยรู้ทักษะของทั้งสองคนมากนัก
คามิลล่าเป็นคนเดียวที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์และไม่รู้ว่าโนโซมุเป็นดราก้อนสเลเยอร์
เธอแค่รู้ว่าลิซ่ากับโนโซมุคืนดีกันแล้ว และเมื่อพิจารณาถึงความรู้สึกของทั้งสองก็ไม่ได้จะซักไซ้อะไร
「ใช่แล้ว ตอนที่ฟีโอแปลงร่างเป็นสัตว์อสูร ความสามารถในการควบคุมพลังเวทนั้นสุดยอดมากเทียบกับจอมเวทของราชวงศ์ได้เลย และคิดว่าทอมเองก็สามารถสร้างรูนที่มีความสามารถทัดเทียมกับนักวิจัยด้วย」
อันที่จริงทอมเป็นผู้ช่วยของศาตราจารย์โทลเกรนที่ดำเนินการวิจัยในกลอรัม
เมื่อเร็วๆนี้เขาเพิ่งได้เวิร์คช็อปเป็นของตัวเอง และไม่มีโอกาสได้ช่วยงานมากนัก แต่ก็ไม่มีใครสงสัยในทักษะของเขา
สำหรับฟีโอ นั้นทักษะการต่อสู้เทียบได้กับพวกแนวหน้า และมีระยะการโจมตีเป็นวงกว้าง
ไม่มีช่องว่างในการใช้ยันต์ต่างๆ แม้กระทั่งการขว้างมีดและไม่ลังเลที่จะใช้เล่ห์กล
ในแง่หนึ่งหากเจอเขาในสนามรบ เขาเป็นประเภทที่จะต้องระวังมากที่สุด
「ทำไมทั้งสองคนถึงได้อยู่ห้อง 2 ล่ะ?」
「ทอมรู้เรื่องการเล่นแร่แปรธาตุและเวทมากมาย แต่ดูเหมือนว่าเขาจะมีนิสัยหมกหมุ่นกับการวิจัย นอกจากนี้ เขาไม่ถนัดเวทโจมตีหรือเวทต่อสู้เลย……。
ส่วนฟีโอคิดว่าจงใจอยู่ห้อง 2 เองมากกว่านะ?」
「สำหรับฟีโอแล้วการจะมาห้อง 1 น่ะเรื่องง่ายๆเลย」
ซีน่าพยักหน้าตามคำพูดของทิม่า
หากฟีโอมีสิ่งที่เขาสนใจในห้อง 1 เขาก็น่าจะไต่ขึ้นไปได้ไม่ยากเลย แต่เขาเป็นประเภทที่ยึดติดกับการเล่นมากกว่าการตั้งใจเรียน แถมโดดเรียนบ่อยก็เลยได้อยู่ห้อง 2 แทน
「อืม แล้วทิม่ามีความฝันจะทำอะไรในอนาคตเหรอ?」
「ฉันอยากใช้ชีวิตเหมือนคนธรรมดาทั่วไปค่ะ ตกหลุมรักใครสักคนและสร้างครอบครัวที่มีความสุขร่วมกัน……」
ทิม่ายิ้มอย่างสดใสขณะพูดถึงฝันของเธอ ซึ่งถือว่าเป็นความฝันเล็กๆของนักเวทผู้มากพรสวรรค์
「ที่ฉันต้องเรียนเวทมนตร์เพราะฉันอยากจะควบคุมมันให้ได้ และตอนนี้ฉันก็เริ่มที่จะเป็นพลังให้กับไอและคนอื่นๆได้ แต่บอกตามตรง ในอดีต ฉันไม่เคยมีความคิดว่าอยากจะใช้เวทมนตร์เลยค่ะ……」
เธอไม่สนใจพลังเวทที่เธอมี
ปัจจุบันเธอคิดแง่บวกมากกว่าแต่ก่อนสามารถช่วยเพื่อนรักและเพื่อนสนิทได้ ตอนเด็กๆเธอคงจะเจ็บปวดทรมานมากๆ
แต่เหตุผลเดียวที่ยิ้มได้อย่างสดใสในตอนนี้ก็เพราะเพื่อนสนิทที่ยอมรับในตัวเธอ
ขณะที่ทิม่ายิ้มกว้างไอริสก็หน้าแดงด้วยความเขินอาย
「อย่าบอกนะว่าคนที่เธออยากจะจับทำสามีก็คือมาร์คุง……」
「……เอ๊ะ!? ทะทะทะทะทำไมถึงพูดถึงมาร์คุงล่ะ!?」
「เอ๊ะ? คิดว่าซ่อนมันไว้ได้งั้นเหรอคะ มันแสดงออกทางสีหน้าและเวลาอยู่ด้วยกันกับเขาตั้งนานแล้วนะ?」
「หาาาาาาาาาาาา ? ไม่จริงน่า……」
ทิม่าที่แสดงปฏิกิริยามากเกินไปเพราะได้ยินชื่อของมาร์กับลิซ่าที่ไม่อยากจะเชื่อในหูตัวเอง
แก้มของเธอแดงขึ้นมากจนตอนนี้เธอหน้าแดงเหมือนหมึกต้มเลย
ทันใดนั้นก็มีมือหนึ่งยื่นออกมาจากด้านข้างของทิม่าและคว้าเนินเขาอันสูงใหญ่ของเธอ
「ฟุเนี๊ยววววววววววววววว!」
เสียงกรีดร้องแหลมสูงออกมาจากปากของทิม่า
คนๆนั้นคือมิมูรุที่เข้าจู่โจมซึ่งซีน่าจับล้างตัว
ในขณะที่ศีรษะถูกคลุมไปด้วยฟองสบู่ เธอเริ่มถูไถเบาๆ
「หากได้สัมผัสกลิ่นหอมหวานอมเปรี้ยวของความรักแล้วล่ะก็….ว้าวนี่มันคุณภาพคับแก้วดีจริมๆ ทั้ง ขนาด ทั้งความนุ่ม ทุกอย่างเพอร์เฟ็ค! หน้าอกขนาดหนองโพแท้จากฟาร์มวัว!」
มิมูรุสูดลมหายใจแรงๆเพลิดเพลินกับความนุ่มของหน้าอก
ในทางกลับกันทิม่าตัวแข็งทื่อกับสถานการณ์ตรงหน้า
「อิย๊าาาา อิจฉามาร์คุงจังเลยนะที่จะได้ขยำหนองโพคู่นี้~」
「ฮะฮะฮื้อ……」
ดวงตาของทิม่าเริ่มชุมชื้น ราวกับว่าในที่สุดเธอก็ยอมจำนน
ในเวลาเดียวกันพลังเวทของเธอก็ไหลออกมาจากร่าง
「อะ ซวยแล้ว……」
ลิซ่าที่สัมผัสได้ถึงความโง่เขลาของมิมูรุก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมาจากใจจริง
หากทิม่ายังปล่อยพลังเวทออกมาอย่างต่อเนื่อง จะต้องเกิดหายนะกับคฤหาสน์หลังนี้
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ความกลัวของลิซ่าจะกลายเป็นจริง เพชฌฆาตก็ปรากฏตัวขึ้นและลงโทษผีสางที่มาเกาะแกะทิม่า ซีน่าที่มีดวงตาเหมือนผู้หยั่งรู้ได้ลงมาจุติ และเข้าหามิมูรุด้วยความมั่นใจ
「ทำอะไรอยู่หะ เจ้าแมวโง่ เมื่อวานทำฉันอับอายไม่พออีกเหรอไงห๊าาาาาาาาาาาาาーーーー!」
ซีน่าคว้าหลังศีรษะของมิมูรุจากนั้นก็บีบคอเธอด้วยแรงมหาศาล
เสียงกระดูกหักไปหลายซี่ดังก้องในโรงอาบน้ำและความเจ็บปวดรุนแรงก็ไหลไปทั่วร่างมิมูรุ
บางทีอาจจะทนความเจ็บปวดไม่ไหวจึงปล่อยมือที่นวดหน้าอกของทิม่าออกและเริ่มดิ้น
「อ๊ากกกกกกกกกก ขอโทษค่าาาาาาาาาาา! ก็แค่อยากสัมผัสกลิ่นคนมีความรักนิดหน่อย ! โอ้ยหยุดน้า คอฉ้านนนนนนนนน หัวด้วยยยยยยยยย~~!」
「เจ้าแมวโง่นี่ーーー!」
「อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก!」
โดยไม่สนใจเสียงกรีดร้องของมิมูรุ ซีน่ายกร่างขึ้นแล้วโยนเธอไปที่อ่างอาบน้ำ
ร่างของมิมูรุโค้งเป็นแนวดิ่งอย่างสวยงาม จนหัวทิ่มลงไปในบ่อน้ำร้อนทำให้น้ำกระจาย
「ว้ากกกกกกกกกกกก~น้ำร้อนเข้าจมูกฉันล่ะเมี๊ยวววววววว ซีน่า เธอมันใจดำ~~」
「เมื่อกี้ว่าไงนะ เดี๋ยวแม่เฉือดซะหรอก!」
ดวงตาของมิมูรุที่มีน้ำตาเจิงนองขณะที่มีน้ำร้อนจำนวนมากไหลออกจากจมูกของเธอ
อย่างไรก็ตาม ซีน่าซึ่งถูกมิมูรุล่วงละเมิดทางเพศเมื่อวานกลับปฏิเสธเสียงแข็ง
「แม้ว่าเมื่อวานเราสองคนมีความรู้สึกดีๆด้วยกันแท้ๆ……」
「ไหนลองพูดอีกทีดิ?」
「เปล่า เค้าไม่ได้พูดอะไรนะ!」
ซีน่าถอนหายใจขณะที่มิมูรุรีบดำน้ำไปอย่างรวดเร็ว
ไอริสและคนอื่นๆที่เฝ้าดูสถานการณ์ก็ยิ้มออกมาอย่างขมขื่น
「ขอโทษที่สร้างปัญหาให้นะ มิมูรุมันก็เป็นคนแบบนี้แหละ」
「ฮ่าๆๆๆ ดูน่าสนุกดีนะ」
「ไม่ได้ล้อเล่นนะ แต่ยามใดที่มิมูรุอาละวาดอยากให้ซีน่าช่วยหยุดเธอเอาไว้นะ」
ลิซ่าตะโกนเรียกซีน่าที่ดูโกรธด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แต่เธอก็ถอนหายใจแล้วนั่งซบไหล่กัน
ซีน่าซึ่งถูกมิมูรุปั่นหัวมาโดยคลอดลิซ่าซึ่งอิจฉาเพียงเพราะเห็นว่า “น่าสนุก”
แม้ว่ามิมูรุจะบ้าดีเดือดขนาดไหน แต่ลิซ่าและคนอื่นๆก็เริ่มล้างตัวเสร็จแล้วไปแช่น้ำ
สาวๆผ่อนคลายความเหนื่อยล้าที่สะสมมาทั้งวัน
「ฉันเข้าใจความฝันของทิม่าแล้วล่ะ แล้วซีน่าล่ะมีความฝันแบบไหน?」
ลิซ่าที่ได้ยินความฝันของทิม่าก็ถามซีน่าต่อทันที
「เอ๊ะฉันเหรอ? อยากเอาบ้านเกิดฟอสเกียกลับคืนมา」
「เข้าใจแล้ว งั้น ไอริสล่ะ?」
「ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ฉันอยากเข้าร่วมหน่วยอัศวิน」
「อืมมม……」
ลิซ่าจ้องมองเด็กสาวทั้งสอง
ความรู้สึกที่มีต่อทั้งสองค่อนข้างซับซ้อน
มันเป็นมิตรภาพหรือความเห็นอกเห็นใจ หรืออาจจะทั้งสองอย่าง
สำหรับลิซ่าแล้วสองคนนี้ยังมีความพิเศษอีกมากมาย
「แล้วเธอล่ะ?」
「ท้ายที่สุดแล้ว อยากจะเป็นนักผจญภัยระดับแนวหน้าและเที่ยวไปทั่วทั้งทวีปน่ะ……」
คราวนี้ไอริสถามลิซ่า
ลิซ่าไม่ลังเลและพูดออกไปอย่างตรงไปตรงมา
นักผจญภัยมีสองประเภท
หนึ่งเป็นลูกจ้างรายวันหาเลี้ยงชีพไปวันๆ สองคือผู้บุกเบิกดินแดนที่ไม่มีใครสำรวจและสู้กับสัตว์อสูร
แน่นอนว่าลิซ่าอยากออกไปท่องโลกกว้าง
「ถ้าเป็นเรื่องจริงฉันก็อยากจะลาออกจากสถาบันนะ แต่ตอนนี้มาไกลขนาดนี้แล้ว ฉันอยากจะวัดกำลังตัวเองจนถึงจุดจบของปลายทางนี้ เรียกได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของการผจญภัยของฉัน」
ลิซ่า เธอควรจะลาออกแล้วไปสถาบันผจญภัยมากกว่า
อย่างไรก็ตามบทเรียนและประสบการณ์ที่ได้ในสถาบันโซลมินาติก็ไม่ใช่สิ่งที่ได้จากการออกผจญภัย
ในกรณีนั้น เป็นความคิดที่ดีที่คิดว่า “การผจญภัย” ในสถาบันเองก็ไม่ได้แย่และทำให้ดีที่สุดก่อนจะไปท่องโลกกว้าง
「ท้ายที่สุดแล้ว เพราะสัญญากับโนโซมุงั้นเหรอคะ?」
「อืม สัญญา ใช่แล้วล่ะ ถ้าเรียกให้ถูกมันคือ “สัญญาใจ”ที่พวกเรามีให้กัน……」
คนที่ทำให้เธอนึกอยากเป็นนักผจญภัยคือโนโซมุ
แม้ว่าเส้นทางของโนโซมุกับลิซ่าจะต่างกันออกไป แต่ความปรารถนาของโนโซมุที่จะ “อยากให้ลิซ่ากลับมายืดหยัดอีกครั้ง “ ยังคงลุกโชนอยู่ในหัวใจ
ในแง่นั้นกล่าวได้ว่าเป็นสัญญาใจที่ให้ไว้กับโนโซมุตอนยังเด็กและซัพพอร์ตเธอในปัจจุบัน
แต่ในขณะเดียวกันเธอก็เข้าใจ
สำหรับโนโซมุ เขาคิดว่าตัวเองอาจจะไม่ใช่คนพิเศษสำหรับเธอ
นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาออกเดินทางไปพร้อมกับเธอไม่ได้
「……ดังนั้นฉันจะต้องทำความฝันให้เป็นจริงอย่างแน่นอน」
แต่ลิซ่าไม่ยอมแพ้
เธอไม่เคยคิดจะตัดใจเรื่องโนโซมุ แม้ว่าจะถูกเขาปฏิเสธ อย่างน้อยเธอก็อยากจะสู้
ทั้งไอริสและซีน่า ต่างไม่เข้าใจสัญญาที่มีกันแค่สองเรา
น้ำร้อนที่ก่อตัวหยดบนเพดานในอ่างอาบน้ำและกระเซ็นด้วยน้ำเสียงไพเราะ
สาวน้อยทั้งสามได้หลับตาลงและนึกถึงฝันกับคนที่พวกเธอรัก พร้อมกับความร้อนรุ่มในจิตใจ
วันนี้ได้ตอนเดียวเพราะยาวมากและศัพท์ยากมาก แต่ว่าแปลบทนี้จบเรื่องนี้ก็จบแล้วครับเย้