[นิยายแปล]สโนไวท์ปากร้าย - ตอนที่ 2 chapter 1.2
เมื่อเลิกเรียน โคยูกิ ก็มารออยู่ที่หน้าประตูโรงเรียนเ ดูโดดเด่นท่ามกลางนักเรียนที่กำลังเดินผ่านไปมาเธอกอดอกยืดตัวตรงแววตาคมกริบ
“ขอโทษนะรอนานไหม?”
“ไม่นานหรอกฉันบอกแล้วไงว่าไม่ชอบเป็นหนี้บุญคุณ” โคยูกิ แสดงสีหน้าหงุดหงิด
ใบหน้าของเธอไม่ได้แดงก่ำเหมือนตอนเที่ยง เธอชี้ไปที่ นาโอยะ ด้วยนิ้วชี้จ้องมองเขาเหมือนสิงโตจ้องมองเหยื่อปลดปล่อยแรงกดดันออกมา
“อย่างที่นายพูด ฉันก็แค่อยากจะขอบคุณนาย แค่นั้นแหละโอเค? อย่าเข้าใจผิดซะล่ะ”
“เอ๋? พูดแบบนี้มันเป็นไปไม่ได้หรอกนะ” นาโอยะ ยอมรับแรงกดดันนั้นอย่างตรงไปตรงมาพลางยิ้มแห้งๆ”ก็ฉันกำลังจะไปเดทกับสาวน่ารักหลังเลิกเรียนแบบนี้มันต้องเข้าใจผิดบ้างอยู่แล้วฉันก็เป็นเด็กมัธยมปลายธรรมดาๆคนหนึ่งเอง”
“เดะ—เดท!?”ใบหน้าของ โคยูกิ แดงก่ำราวกับปลายบุหรี่ที่กำลังคุกรุ่น
อย่างไรก็ตามครั้งนี้เธอไม่ได้เงียบร่างเล็กของเธอสั่นเทาอย่างรุนแรงใบหน้าหันหนี
“หึ้ย…คำพูดหวานๆแบบนั้นใช้ไม่ได้ผลกับฉันหรอกนะ ตกใจเลยนะเนี่ยนี่นายกล้าพูดอะไรน่าอายแบบนั้นได้ยังไงกัน”
“ก็ฉันไม่เก่งเรื่องการแสดงออกโดย คิดอะไรก็พูดออกไปก็แค่นั้นแหละ”
“งั้นเหรอ…บอกไว้ก่อนนะในฐานะสาวงามอันดับหนึ่งคำชมพวกนี้ฉันได้ยินทุกวันเพราะฉะนั้นนายจะชมเท่าไหร่ก็ได้”
“เข้าใจแล้ว~”
แม้เธอจะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาแต่สีหน้าของเธอกลับเปี่ยมไปด้วยความสุขริมฝีปากแย้มยิ้มร่างกายสั่นเทาอย่างผิดปกติทว่าก่อนที่ นาโอยะ จะชี้ให้เธอเห็น โคยูกิ ก็เดินนำหน้าไปแล้ว
“ไปกันได้แล้ว! แล้วก็…ห้ามคุยกันก่อนถึงร้านโอเค!?”
“นี่มันเงื่อนไขที่ซับซ้อนอะไรกันสำหรับการเดทล่ะเนี่ย”
“นี่ไม่ใช่เดท! เงียบๆแล้วตามฉันมา!”กำปั้นของ โคยูกิ สั่นเทาด้วยความโกรธ นาโอยะ จึงทำได้เพียงเดินตามเธอไปเงียบๆ
นักเรียนคนอื่นๆต่างมองตามทั้งสองคนด้วยความสนใจข่าวลือที่ว่า’สโนไวท์ปากร้าย’ชวนหนุ่มมัธยมปลายธรรมดาๆอย่าง’A’ไปเดทแพร่กระจายไปทั่วโรงเรียน
หลังจากเดินมาสักพักพวกเขาก็มาถึงย่านช้อปปิ้งหน้าสถานีรถไฟโรงเรียนมัธยมปลายโอสึกิที่พวกเขาเรียนอยู่ตั้งอยู่ใจกลางย่านที่อยู่อาศัยร้านค้ารอบๆจึงเต็มไปด้วยนักเรียน โคยูกิ เดินเข้าไปในร้านหนึ่ง นาโอยะ ไม่ได้ขัดข้องอะไรพวกเขาสั่งโดนัทและกาแฟนั่งลงที่โต๊ะหันหน้าเข้าหากัน
“……”
โคยูกิ จ้องมองโดนัทไม่ยอมพูดอะไร นาโอยะ รู้ว่าเธอคงจะประหม่าเขาจึงเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนา
“เอ่อ…ฉันกินได้ไหม?”
“……” โคยูกิ พยักหน้าเงียบๆ
เมื่อได้รับอนุญาต นาโอยะ หยิบโดนัทขึ้นมากัดทันทีที่ได้ลิ้มรส…
“อืม…” โคยูกิ เอ่ยปาก
“หืม?”
“ดูเหมือนนายจะเก่งเรื่องการเดาความรู้สึกของคนอื่นนะ…” โคยูกิ เหลือบมอง นาโอยะ “นายคง…รู้อยู่แล้วว่าฉันกำลังจะพูดอะไรใช่ไหม?”
“ใช่” นาโอยะ วางโดนัทลงเช็ดนิ้วด้วยกระดาษเช็ดปาก”แต่…เธอคงอยากจะพูดมันด้วยตัวเองใช่ไหม?ฉันก็เลยรออยู่”
“รู้งั้นเหรอ…นี่นายอ่านใจฉันได้หรือยังไง?”
“ไม่เลยฉันแค่’ค่อนข้าง’เก่งเรื่องการเดา”
“‘ค่อนข้าง’งั้นเหรอ…เอาเถอะ” โคยูกิ หรี่ตาลงถอนหายใจ
จากนั้นเธอก็ก้มหน้าลง
“ขอบคุณมากนะสำหรับเมื่อวานนี้นายช่วยฉันไว้จริงๆ”
“ไม่เป็นไร” นาโอยะ ยอมรับคำพูดที่จริงใจของเธอ
ดูเหมือน โคยูกิ จะโล่งใจที่ในที่สุดเธอก็ได้พูดในสิ่งที่ต้องการเธอหยิบโดนัทขึ้นมากัด
“นายนี่แปลกจริงๆ”
“อ่า…ก็ได้ยินแบบนั้นบ่อยๆ”
“ใช่ฉันก็คิดไว้แล้วล่ะ” โคยูกิ แสยะยิ้มเยาะเย้ย”หนุ่มแปลกๆแบบนายปกติคงไม่มีโอกาสได้ดื่มชากับคนอย่างฉันหรอกนะถือว่าเป็นเกียรติแล้วกัน”
“ฉันก็คิดแบบนั้นแหละคิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะพูดว่า’อยากดื่มชากับซาซาฮาระคุง’แบบนี้”
“พูดเรื่องอะไรออกมาเนี่ย!? ฉันไม่เคยพูดอะไรแบบนั้นสักหน่อย!”
โคยูกิ พยายามปฏิเสธแต่ใบหน้าแดงก่ำของเธอกลับเผยทุกอย่างออกมาเมื่อเธอร้องเสียงดังก็ดึงดูดความสนใจจากลูกค้าคนอื่นๆรอบข้างทำให้เธอเงียบลงและจ้องมอง นาโอยะ ที่กำลังจิบกาแฟ
“บ้าจริง…หูมีปัญหาหรือไง…บิดเบือนคำพูดฉันแบบนั้น…”
“ก็ฉันเดาความรู้สึกของเธอได้ง่ายๆ ชิโรกาเนะซัง ” นาโอยะ ตอบอย่างไม่ใส่ใจ
ในความเป็นจริงการเดาความรู้สึกที่แท้จริงของ โคยูกิ ไม่ได้ยากอย่างที่คิด ไม่ว่าจะเป็นน้ำเสียงแววตาการเคลื่อนไหวของดวงตาการเสยผมการสังเกตทุกรายละเอียดเล็กๆน้อยๆล้วนช่วยเผยทุกอย่างออกมา
“จริงเหรอ…?ฟังดูน่าสงสัยจัง” โคยูกิ จ้องมอง นาโอยะ ก่อนจะแย้มยิ้มเจ้าเล่ห์
เธอหยิบเหรียญ100เยนออกมาจากกระเป๋าเงินกำไว้ในมือทั้งสองข้างแล้วยื่นไปให้ นาโอยะ
“ถ้างั้นลองทายสิว่าเหรียญอยู่ในมือข้างไหน”
“อยู่บนตักเธอใช่ไหมล่ะ?”
“……ถูกต้อง” โคยูกิ เปิดมืออย่างไม่เต็มใจเผยให้เห็นฝ่ามือที่ว่างเปล่า
เธอหยิบเหรียญขึ้นมาจากตักมอง นาโอยะ ราวกับได้เห็นปาฏิหาริย์
“นายนี่เฉียบแหลมจริงๆ…นั่นสินะนายดูออกว่าผู้ชายคนนั้นไม่ได้มาหานางแบบใช่ไหม?หรือว่านายจะเป็นนักสืบ?”
“นักสืบมัธยมปลายมีแค่ในอนิเมะกับเกมเท่านั้นแหละฉันก็แค่เด็กมัธยมปลายธรรมดาๆ”
“เด็กมัธยมปลายธรรมดาๆทำแบบนั้นไม่ได้หรอก” โคยูกิ จ้องมอง นาโอยะ อย่างเคลือบแคลง
ท่าทางแบบนี้ไม่น่าจะทำกับคนที่เพิ่งช่วยชีวิตเธอไว้แต่ นาโอยะ ไม่ได้สนใจนักเขาเพียงยักไหล่
“ก็ได้ยินแบบนั้นบ่อยๆน่ะพวกเขาชอบถามว่าฉันมีทักษะอะไร”
“ก็สมควรแล้วนี่นายได้ทักษะแบบนั้นมาได้ยังไง?”
“ไม่มีอะไรพิเศษหรอก” นาโอยะ ยิ้มแห้งๆ
เขาไม่เห็นว่ามันมีอะไรน่าปิดบัง
“คือ…ตอนฉันเด็กๆแม่ป่วยหนักต้องนอนติดเตียงอยู่พักหนึ่ง”
“…เอ๋?” โคยูกิ กลืนน้ำลายเธอทำท่าทางประหลาดใจ
อย่างไรก็ตาม นาโอยะ ไม่ได้สนใจปฏิกิริยาของเธอเขาเล่าต่อมันเกิดขึ้นตอนที่เขามีอายุประมาณหกขวบอยู่มาวันหนึ่งแม่ของเขาก็ล้มป่วยกะทันหันและถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเธอต้องนอนติดเตียงใช้อุปกรณ์ช่วยหายใจและเครื่องมือแพทย์อื่นๆทำให้เธอไม่สามารถสื่อสารความต้องการของเธอได้อย่างชัดเจน
ถึงอย่างนั้น นาโอยะ ก็ยังคงไปเยี่ยมแม่ทุกวันคอยดูแลเธอ เขาจดจ่ออยู่กับสีหน้าของแม่และวันหนึ่งเขาก็สามารถอ่านสิ่งที่แม่กำลังคิดได้ แค่จากแววตาคนเราก็สามารถบอกได้ว่าคนๆนั้นต้องการอะไรการกระทำของ นาโอยะ ช่วยแบ่งเบาภาระของแม่ได้บ้าง
“ตอนนั้นฉันทำได้แค่นั้นแหละสุดท้ายฉันก็เก่งขึ้นเรื่องการเข้าใจความคิดและความปรารถนาของคนอื่น”
“เข้าใจแล้ว…งั้นนายก็ทำเพื่อแม่…”
แน่นอนคำถามต่อไปที่เธอจะถามก็คือ—
“แล้ว…ตอนนี้…แม่ของนายทำอะไรอยู่งั้นหรอ…?”
“…ท่านไปอยู่ที่ไกลแสนไกลแล้ว”
“…!”สีหน้าของ โคยูกิ ซีดเผือด
ในขณะเดียวกัน นาโอยะ ก็พูดต่ออย่างใจเย็น
“ตอนนี้ท่านคงอยู่แถวทะเลแคริบเบียน”
“…ห๊ะ?”
“ท่านไปเที่ยวต่างประเทศกับพ่อน่ะ”
แม่ของเขาเคยอยู่ในภาวะวิกฤตแต่เธอก็ฟื้นตัวอย่างปาฏิหาริย์และตอนนี้เธอก็แข็งแรงกว่าก่อนป่วยเสียอีกขอบคุณสิ่งนั้นพ่อแม่ของเขาจึงได้ใช้ชีวิตแต่งงานอย่างมีความสุขในต่างประเทศตั้งแต่ นาโอยะ เข้าเรียนมัธยมปลายพวกเขาก็แทบจะลืมเขาไปเลย
พวกเขาจะส่งจดหมายมาถามไถ่ทุกเดือนแต่รูปภาพที่พวกเขาส่งมาก็ดูหวานชื่นจนน่าอิจฉาหลังจากฟังจนจบ โคยูกิ ก็กัดโดนัทด้วยความหงุดหงิด
“ทำไมนายต้องเล่าให้มันดราม่าด้วยเนี่ย…!”
“ฮ่าฮ่า ขอโทษๆมันเผลอเล่าไปเอง”
นาโอยะ ยิ้มอย่างขบขันแต่ โคยูกิ ไม่ได้รู้สึกตลกด้วย
“หึ้ย…อย่างน้อยก็เข้าใจแล้วล่ะสมแล้วที่นายกลายเป็นคนแปลกๆ”
“อย่างน้อยก็เรียกฉันว่าพิเศษหน่อยเถอะ”
“มันก็ไม่ได้ต่างกันสักหน่อยใช่ไหมล่ะ?” โคยูกิ ตอบโต้พลางจิบกาแฟ
จากนั้นเธอก็แย้มยิ้มอย่างเย่อหยิ่ง
“น่าเสียดายทักษะของนายใช้ไม่ได้ผลกับฉันหรอก”
“เอ๋ จริงเหรอ?”
“จริงสิทำไมฉันจะต้องดีใจที่ได้มาดื่มชากับนายด้วยล่ะฉันอยู่บ้านฟังข่าวจราจรทางวิทยุแล้วดื่มน้ำประปาดีกว่าเยอะ” โคยูกิ ยักไหล่แล้วเหลือบมอง นาโอยะ “แต่ในเมื่อมาถึงนี่แล้วฉันก็ถามเลยแล้วกัน…แล้วนายเข้าใจอะไรเกี่ยวกับฉันอีกบ้าง?”
“หืม…ก็พอสมควรแหละมั้ง?” นาโอยะ พยักหน้า
ดูจากนิสัยแล้วเธอน่าจะเป็นลูกสาวคนโตมือข้างที่ถนัดคือมือขวาแต่เธอก็น่าจะเขียนหนังสือด้วยมือซ้ายได้เธอเป็นคนประเภทที่ทำงานหนักอยู่เบื้องหลังแต่ไม่ชอบแสดงความอ่อนแอให้คนอื่นเห็นตอนนี้เธอกำลังฝืนดื่มกาแฟดำแต่จริงๆแล้วเธอน่าจะชอบโกโก้ใส่วิปครีมมากกว่า
ขณะที่ นาโอยะ กำลังรวบรวมข้อมูลสีหน้าของ โคยูกิ ก็เริ่มตึงเครียด
โอ๊ะ…คงถึงเวลาแล้วสินะ?
นาโอยะ ตัดสินใจตอกย้ำสิ่งที่เขาคาดเดามีบางอย่างที่น่าสนใจมากในข้อมูลที่เขารวบรวมมาจากการสังเกตเธอ
“เช่น…เธอกำลังตกหลุมรักฉัน?”
“พู้ววววววววววว!” โคยูกิ พ่นกาแฟออกมา
หลังของเธอโก่งงอหายใจหอบแต่เขาก็ได้แต่มองดูเธอในที่สุด โคยูกิ ก็จ้องมอง นาโอยะ ด้วยใบหน้าแดงก่ำเหมือนมะเขือเทศ
“แค่กแค่ก…อึก…มะ-ตลกมากฉ-ฉันชอบนายงั้นเหรอ?”
“เอ๊ะผิดเหรอ?”
“ผิดสิ!”เธอกรีดร้องด้วยเสียงสั่นเครือ
ไม่ใช่แค่ใบหน้าของเธอที่แดงก่ำแต่ดวงตาสีฟ้าของเธอก็มีน้ำตาคลอทว่าเธอยังคงพยายามปฏิเสธ
“ฉันรู้ว่านายช่วยฉันไว้จากสถานการณ์อันตรายแต่…สาวงามอย่างฉันไม่มีทางตกหลุมรักคนแปลกๆอย่างนายหรอกนะอย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย”
“ถ้าฉันเดาผิดมันก็ยิ่งดีเลย…”
“…เอ๋?”ดวงตาของหญิงสาวเบิกกว้าง
นาโอยะ เกาศีรษะ พลางถอนหายใจ
“คือ…ฉันมีเหตุผลที่ต้องมาที่นี่กับเธอ ชิโรกาเนะซัง “
“เหตุผล…?”
“ใช่มันเป็นเหตุผลที่เรียบง่าย” นาโอยะ จัดท่าทางมอง โคยูกิ ตรงๆ
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดด้วยน้ำเสียงสงบ
“ฉันจะพูดตรงๆเลยนะ ชิโรกาเนะซัง ขอโทษนะ…แต่ฉันไม่สามารถคบกับเธอได้จริงๆ”
“……”