[นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ - ตอนที่ 106 ความรู้สึกโดนบังคับ / ตอนที่ 107 ฤดูกาลแห่งความเงียบเหงา
- Home
- [นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ
- ตอนที่ 106 ความรู้สึกโดนบังคับ / ตอนที่ 107 ฤดูกาลแห่งความเงียบเหงา
ตอนที่ 106 ความรู้สึกโดนบังคับ
“เข้ามาเถอะ ฉันไม่กินคน” ซ่งไข่พูด
ชุยหังไม่มีทางเลือกทำได้เพียงแค่เดินตามเข้าไป
ซ่งไข่ปิดประตูลง จากนั้นก็กดตัวชุยหังให้ชิดกับกำแพงทันที
ชุยหังตกใจจนแม้แต่จะขยับก็ไม่กล้าขยับ แล้วก็ไม่กล้ามองซ่งไข่
ถ้าหากตอนนี้ตนมองเขาล่ะก็ เขาคงจะรู้สึกว่าตนอนุญาตให้เขาทำอะไรอย่างอื่นไปโดยปริยายใช่ไหม
หัวใจของเขาเต้นเร็วขึ้นรู้สึกได้ว่าเลือดลมกำลังพุ่งขึ้นสูง แต่ว่ารูปร่างและแรงของซ่งไข่มีมากกว่าเขา เขาไม่มีวิธีที่จะหลบหนีไปได้ง่ายๆ เลย
ในตอนนี้เขานึกถึงประโยคหนึ่งขึ้นมา อย่าดิ้นรนต่อสู้ มิฉะนั้นจะทำให้ฝ่ายตรงข้ามยิ่งฮึกเหิมมากขึ้น
คนเราหากอยู่ภายใต้สมองที่แรงกระตุ้นฮึกเหิมแบบรุนแรงจะสามารถทำเรื่องที่เกินกว่าคนอื่นได้
เขาไม่อยากใช้ตัวเองเข้าไปพิสูจน์สมมุติฐานนี้ว่าจริงหรือไม่จริง
“นายไม่มีความรู้สึกอะไรกับฉันสักนิดเลยหรอ” ซ่งไข่เอ่ยถาม
ชุยหังไม่มองเขา พูดแค่เพียงว่า: “ไม่มีความรู้สึกแบบนั้น”
“มีกับหลูจื้อ?” ซ่งไข่ถามในทันที
ชุยหังก็ไม่รู้ว่าเริ่มต้นนับตั้งแต่วันที่มาถึงทำไมเขาถึงมองออกว่าในใจของตนที่มีต่อหลูจื้อมันแตกต่างออกไป
บางทีตอนแรกเขาก็อาจจะเคยอยากจะเบี่ยงเบนหลูจื้อ?
ไม่ว่ายังไงเรื่องพวกนี้ต่างก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ที่สำคัญคือเขาควรจะหลบหนีไปยังไง
“หลูจื้อเป็นชายแท้ ก่อนหน้านี้ฉันก็เคยบอกนายไปแล้วไม่ใช่หรอ” ซ่งไข่ยังคงไม่ปล่อยชุยหัง และพูดอย่างตรงไปตรงมา
ชุยหังพูดขึ้น: “ผมรู้ ผมก็ไม่ได้คิดจะเบี่ยงเบนเขา”
“ถ้าอย่างนั้นใจนายจะยังเพ้อฝันอะไรอยู่อีกล่ะ?” ซ่งไข่ถาม
ชุยหังตอบกลับไม่ได้ จริงสิ ทั้งๆ ที่ตนรู้ว่าหลูจื้อเป็นชายแท้แล้วทำไมถึงยังต้องคิดถึงไม่ลืมอยู่แบบนี้
ความคิดถึงไม่ลืมเลือนแบบนี้ของเขาไม่แน่นอนว่าจะมีอะไรสะท้อนกลับมาไหม
“ไม่มี ตอนนี้ผมไม่มีความคิดเพ้อฝันอะไรทั้งนั้น” ชุยหังปฏิเสธ
ซ่งไข่จับข้อมือของชุยหังไว้ แรงที่ใช้ก็แผ่วเบาลงเล็กน้อย
ชุยหังนึกว่าเขาต้องการจะปล่อยตนแล้ว แถมยังคิดอยากจะเอามือชักออกมาด้วย
แต่ทว่าซ่งไข่เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้กะทันหัน จึงออกแรงใหม่ทันที
“ฉันสามารถจูบนายหน่อยได้ไหม” เขาเอ่ยถาม
ชุยหังรู้สึกว่าทั่วทั้งสมองของเขาขาวโพลน หลายสิ่งหลายอย่างมากมายต่างก็ลอยขึ้นมาไม่ได้แล้ว
“ไม่จะดีกว่า…” ในที่สุดชุยหังก็พูด
ท้ายที่สุดแล้วในหัวสมองของเขายังคงมีใบหน้าของหลูจื้อลอยปรากฏขึ้นมา
นึกถึงตอนนั้นที่หลังจากตนเมาเหล้าก็จุ๊บเข้าที่แก้มของหลูจื้อเบาๆ ยังมีตอนที่ชนกับเขาครั้งนั้น ตอนที่ตนหันหลังกลับไปอย่างกะทันหันเขาเงยหน้า ส่วนหลูจื้อก้มหน้า ริมฝีปากของทั้งสองคนแตะกัน ความรู้สึกอึดอัดแบบนั้นทำให้เขาปฏิเสธซ่งไข่อีกครั้ง
เขาคิดกระทั่งว่า ถ้าหากไม่มีหลูจื้อ บางทีตนอาจจะยอมรับซ่งไข่จริงๆ ก็ได้
“ยังคงเป็นเพราะหลูจื้อใช่ไหม” ซ่งไข่ถาม
ชุยหังไม่มีหนทางที่จะยอมรับและก็ไม่มีหนทางที่จะปฏิเสธ
“เขามีแฟนแล้ว นายไม่รู้หรอ” ซ่งไข่รู้สึกเหลือเชื่อกับความดื้อรั้นของชุยหัง
หลูจื้อต้องมีเสน่ห์รัดตรึงใจมากขนาดไหนถึงทำให้เขาปล่อยวางไม่ลงแบบนี้
หรือจะพูดว่ายิ่งยากที่จะครอบครองถึงจะยิ่งนึกถึง?
ในที่สุดมือของซ่งไข่ก็ค่อยๆ ปล่อยลงช้าๆ
ด้านชุยหังก็ถือโอกาสนี้หายใจเข้าออกลึกๆ สักที
เมื่อครู่นี้ทั่วทั้งตัวถูกรูปร่างอ้วนท้วมของซ่งไข่กดทับไว้กับกำแพง ขนาดลมหายใจเขายังไม่กล้าปล่อย
“นายเองก็หวังให้ฉันไปที่นั่น?” ซ่งไข่มองท่าทางของชุยหังอย่างจนปัญญา
ชุยหังครุ่นคิดแล้วพูดว่า: “ผมก็เหมือนกับทุกคนครับ”
ซ่งไข่ถอนหายใจออกมาแล้วพูดว่า: “ได้ ฉันจะไป แต่ว่าเพราะฉันไว้หน้านายหรอกนะ ไม่ใช่ว่าขึ้นอยู่กับพวกเขา”
ตอนที่ 107 ฤดูกาลแห่งความเงียบเหงา
“ขอบคุณครับครูฝึก” ชุยหังก็ไม่รู้ว่าเอ็นเส้นไหนที่มันไม่ถูก เลยขอบคุณไป
ซ่งไข่ถอนหายใจแล้วพูดขึ้น: “นอกจากขอบคุณแล้ว นายพูดอะไรอย่างอื่นกับฉันสักหน่อยไม่ได้หรอ”
“พูดอะไรครับ” ชุยหังเอ่ยถาม
“พอแล้ว ตอนนี้ฉันจะไม่เอาคำตอบอะไรจากนาย ไม่ว่ายังไงทางด้านหลูจื้อ นายก็คงจะไม่ชนกำแพงไม่กลับใจ [1] ยังไงก็ต้องให้เวลากับนาย ให้นายชนจนหัวปูดโปนทั้งหัวก็จะรู้สึกเสียใจภายหลังเอง ถึงตอนนั้นนายก็ลองคิดดูดีๆ เถอะ” ซ่งไข่พูด
ชุยหังไม่ได้ตอบและก็ไม่รู้ว่าควรจะตอบยังไง
มาถึงโรงอาหาร คนในห้องสามที่เห็นว่าในที่สุดชุยหังก็เชิญซ่งไข่มาจนได้ก็ร้องดีอกดีใจ
ส่วนพวกครูฝึกห้องสองพากันมองมาที่ชุยหัง เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่
“ขอต้อนรับครูฝึกซ่ง” โจวเฉวียนพูดนำขึ้นมา จากนั้นก็วิ่งเข้ามาเอาเงินที่เหลือจากไปซื้อน้ำเมื่อครู่นี้คืนให้ซ่งไข่ทั้งหมด
ซ่งไข่ถาม: “น้ำเอาแจกให้ทุกคนหรือยัง”
“ยังเลยครับ รอครูฝึกซ่งมาจัดการให้ครับ” โจวเฉวียนกล่าว
“รีบแจกเถอะ นักเรียนห้องนายแล้วก็อาจารย์หม่า หนึ่งคนหนึ่งขวด” ซ่งไข่ว่า
“ครูฝึกครับ ผมซื้อมาเผื่อครูแล้วก็ครูฝึกห้องอื่นๆ ด้วยครับ” โจวเฉวียนกล่าว
ซ่งไข่เหลือบมองเขาพลางพูด: “รู้จักหาเรื่องจริงๆ โอเครีบแจกเถอะ ถึงยังไงนายให้ครูฝึกพวกนั้นไป พวกเขาก็อายที่จะดื่ม พวกนักเรียนห้องพวกเขาต่างก็ไม่มี”
“ไม่ดื่มก็ไม่ดื่มสิ ในเมื่อน้ำใจของครูฝึกซ่งส่งถึงแล้ว” โจวเฉวียนว่า
“เอาล่ะไปแจกน้ำเถอะแล้วก็นั่งลงให้เรียบร้อย” ซ่งไข่ว่า
ในเมื่อทุกคนมากับครบแล้ว การแสดงก็สามารถเริ่มอย่างเป็นทางการได้แล้ว
ซ่งไข่จงใจนั่งข้างๆ ชุยหัง แล้วมันยังทำให้ชุยหังรู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อย อีกอย่างขลุ่ยในมือก็เอาแต่วางไว้ใต้โต๊ะตลอด ไม่กล้าแม้แต่จะถือขึ้นมา
งานศิลปะการแสดงมีอาจารย์หม่าเป็นพิธีกร โดยก่อนอื่นเขายืนอยู่ด้านหน้าพูดในสิ่งที่มีและไม่มีไปไปเป็นกองแล้ว ขอบคุณอันนั้น ขอบคุณอันนี้
ที่จริงทุกคนต่างกำลังพูดแขวะอยู่ด้านล่าง เขาแทบจะไม่ได้โผล่มาเลยด้วยซ้ำก็ไม่ต้องพูดมากอยู่ตรงนั้นขนาดนั้นแล้ว
ชุยหังก็ไม่ชอบคำขอบคุณประเภทนี้ ดังนั้นฟังๆ อยู่ก็อยากจะหาวนอน
ในที่สุดบทกล่าวสรรเสริญชื่นชมอันยาวเหยียดของอาจารย์หม่าก็จบลง จากนั้นประกาศเปิดงานศิลปะการแสดงอย่างเป็นทางการ รายการแสดงแรกเป็นของห้องหกหนึ่งหอพักแสดงท่าหมัดทหาร
ไม่รู้ว่าพวกเขาฝึกตั้งแต่เมื่อไหร่ ถึงแม้ว่าจะไม่มีแรงอะไร แต่ว่าภายในระยะอันสั้นแบบนี้สามารถทำมันออกมาได้ก็นับว่าไม่เลวแล้ว
ทุกวันฝึกทหารเหนื่อยขนาดนั้นแล้วยังต้องแบ่งเวลามาซ้อมสิ่งนี้ก็นับว่าทำพวกเขาลำบากแล้ว
“ในมือนายคืออะไร” ซ่งไข่ถามชุยหัง
ชุยหังกำขลุ่ยแน่นขึ้นกว่าเดิมพลางพูด: “ไม่มีอะไรครับก็แค่ขลุ่ย”
“อีกเดี๋ยวมีการแสดงของนาย?”
“อืม แต่ว่าไม่ได้แสดงดีอย่างพวกเขา”
“ไม่เป็นไร กล้าขึ้นก็โอเคแล้ว” ซ่งไข่เหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ที่เกิดขึ้นในห้อง101เมื่อครู่นี้เลย
“ต่อไปเป็นการแสดงดีดกีต้าร์ร้องเพลงจากห้องห้า มา ขอทุกคนปรบมือต้อนรับด้วยครับ” อาจารย์หม่าประกาศผู้แสดงร่วม
คนตัวอวบอ้วนหน้าตาน่ารักคนหนึ่งเดินเข้าไป ด้านหลังสะพายกีต้าร์ จากนั้นด้านข้างมีคนยกเก้าอี้มาให้เขาหนึ่งตัว
เขานั่งลงตรงนั้นพลางปรับเสียงอีกนิดหน่อย นิ้วมือเคลื่อนไหวแผ่วเบา เสียงเพลงไพเราะน่าฟังรินไหลออกมา
“ลมพัดใบไม้ใบสุดท้ายร่วงหล่น ใจของฉันก็มีหิมะโปรยปราย ความรักได้แต่กองสุมในความทรงจำ ไปยังฤดูกาลต่อไป…”
เนื้อเพลงจับกุมชุยหังเอาไว้ได้ในทันที ฟังดูแล้วเพลงนี้น่าจะนับว่าเป็นเพลงเก่า แต่ทว่ากลับทำให้ชุยหังเต็มไปด้วยความรู้สึกทอดถอนใจอย่างหดหู่
“ทันใดนั้นปลายกิ่งก้านปรากฏเกสรดอก ทำไมฉันไม่รู้สึกอะไรเลย ถนนตลอดสาย มีแต่คนมีความรัก ฉันเดินอยู่คนเดียวท่ามกลางคืนลมอบอุ่น…”
“อยากจะย้อนอดีตไปบอกลาเหลือเกิน เมื่อฤดูกาลผันผ่านไม่หยุดยั้ง กลับขาดความเด็ดเดี่ยวไป ในฤดูกาลที่แสนเงียบงันนี้…”
บนแก้มของชุยหัง น้ำตาใสๆ รินไหลลงมาอย่างเงียบๆ โดยไม่รู้ตัว
——
[1] ไม่ชนกำแพงไม่กลับใจ 不撞南 墙不回头 เป็นสำนวนอธิบายคนที่ยืนหยัดในความคิดของตัวเองและจะทำจนถึงที่สุด