[นิยายวาย] ทะลุระบบข้ามภพมาหารัก - ตอนที่ 124 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 12) / ตอนที่ 125 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 13)
- Home
- [นิยายวาย] ทะลุระบบข้ามภพมาหารัก
- ตอนที่ 124 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 12) / ตอนที่ 125 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 13)
ตอนที่ 124 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 12)
ถูกต้อง ไร้น้ำยา นี่คือความรู้สึกแรกของตันหวายที่มีต่อเจี่ยงหลี
เมื่อตนเองถูกทอดทิ้งก็รีบแจ้นไปหาตัวสำรองเพื่อร้องขอการปลอบโยน อีกทั้งในขณะที่เขาติดพันกับคนอื่นก็ยังไม่วายเกาะอาศัยเจ้าของร่างเดิมไปด้วย
จริงๆ แล้วสาเหตุที่เจี่ยงหลีเลือกแต่งงานกับฮั่วหมิงเยว่ ก็เป็นเพราะฐานะชาติตระกูลของเจ้าของร่างเดิม
เจ้าของร่างเดิมเติบโตมาในครอบครัวที่มั่งคั่งร่ำรวย บิดาเป็นนักธุรกิจชั้นแนวหน้าของประเทศ มารดาเป็นแพทย์ผู้มีชื่อเสียงระดับโลก เจี่ยงหลีสมัยมหาวิทยาลัยเรียนสาขาการเงิน หากเขาต้องการประสบความสำเร็จในวิชาชีพ คุณพ่อฮั่วอาจช่วยเขาย่นเวลาฝ่าฟันชีวิตไปได้อย่างน้อยสิบปี
หากทว่าเจ้าของร่างเดิมเฉลียวฉลาด มองเจตนาแอบแฝงของเจี่ยงหลีออกอย่างทะลุปรุโปร่ง แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น เขาก็ยังคงเลือกที่จะแต่งงาน เหตุผลไม่ใช่อะไรอื่น เจ้าของร่างเดิมคลั่งไคล้เจี่ยงหลีมากเหลือเกิน คลั่งไคล้จนถึงขั้นยอมกล้ำกลืนฝืนทนเป็นฐานให้เขาเหยียบข้ามไปสู่ความสำเร็จ
ข่าวคราวการกลับมาของไช่ซือชิงเจ้าของร่างเดิมรับรู้แต่แรกแล้ว ทั้งยังส่งคนคอยเฝ้าติดตามตลอดเวลา จนกระทั่งจับได้ว่าเจี่ยงหลีแอบคบหากับไช่ซือชิงลับหลังเขา ในที่สุดเจ้าของร่างเดิมจึงค่อยตาสว่าง ตัดสินใจว่าจะหย่าร้างกับเจี่ยงหลี
น่าเสียดายที่เจ้าของร่างเดิมไม่มีโอกาสหย่าร้าง เขายังไม่ทันได้เอ่ยปากพูด ก็ต้องมาตายเพราะฉีดยาคุมกำเนิดเกินขนาดเสียก่อน
พอปลอบใจกงฉือจนสงบลงแล้ว ตันหวายก็ผ่อนลมหายใจ กงฉือในโลกนี้อายุน้อยกว่าเขา เขารู้สึกเหมือนตัวเองเจอเข้ากับลูกหมาป่าน้อยอย่างไรอย่างนั้น
ทั้งคู่ทานอาหารจนเสร็จอย่างเงียบเชียบ กงฉือเสนอว่าจะส่งตันหวายกลับบ้าน ตันหวายครุ่นคิดสักครู่ก่อนจะยิ้มตอบตกลง
กงฉือไม่ได้ขับรถมา รถยนต์เป็นของตันหวาย แต่ว่าตันหวายทำหน้าหนาเข้าไปนั่งบนเบาะข้างคนขับ ท่าทางราวกับเขาไม่ใส่ใจ
กงฉือเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง มุมปากหยักขึ้นเป็นรอยยิ้มเบาบางจนแทบมองไม่เห็น
ภายในรถเปิดเพลงจังหวะสบายๆ เข้ากับบรรยากาศดียิ่งนัก ทำให้ตันหวายรู้สึกว่าวันเวลาดำเนินไปอย่างสงบสุข
แต่น่าเสียดายที่บรรยากาศแบบนี้คงอยู่เพียงไม่นาน เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของตันหวายดังแหวกบรรยากาศอันเงียบสงบ
ชื่อของฮั่วหมิงบนหน้าจอมือถือส่องแสงวับวาบ ตันหวายเอามือนวดหว่างคิ้ว ส่งเสียงพึมพำเบาๆ แล้วจึงรับสาย
“ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน?” ฮั่วหมิงโมโหเดือดดาล
ตันหวายพลันงุนงง บอกตามความจริงว่าตนอยู่ระหว่างทางกลับบ้าน
“โหลยาคุมกำเนิดที่ให้ฉันมา นายได้ใช้บ้างหรือเปล่า?”
น้ำเสียงของฮั่วหมิงจริงจังอย่างยิ่ง ตันหวายจึงพลอยอดจริงจังตามไปด้วยไม่ได้
“ผม…ใช้แค่ไม่กี่เข็ม” ตันหวายกล่าวอย่างระมัดระวัง
“นายรีบมาโรงพยาบาลฉันก่อนเลย ตอนนี้ เดี๋ยวนี้!”
ตันหวายเบะปาก เอ่ยตอบตกลงอย่างจนปัญญา จากนั้นก็บอกกับกงฉือพลางขอโทษขอโพยว่าเขาอาจจะต้องเปลี่ยนเส้นทาง
กงฉือฟังออกจากน้ำเสียงของตันหวายแต่แรกแล้วว่าเป็นเรื่องด่วน พยักหน้าถามว่า “โรงพยาบาลไหนครับ?”
“โรงพยาบาลหมิงเต๋อ”
โรงพยาบาลหมิงเต๋อเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่รักษาความลับได้เป็นอย่างดี โดยตระกูลฮั่วเป็นผู้ออกทุนสร้างขึ้น ผู้อำนวยการคือฮั่วหมิงนั่นเอง
ตอนที่พวกเขามาถึงฮั่วหมิงกำลังยืนรออยู่หน้าประตู เมื่อมองเห็นกงฉือก็พลันขมวดคิ้ว ส่งสายตาซักถามว่าเขาเป็นใคร
“ลืมแนะนำไปเลย” ตันหวายดันกงฉือออกมา “นี่คือนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยผม และก็เป็นเพื่อน…เพื่อนผู้ชายของผมด้วย”
พอตันหวายพูดคำว่าเพื่อนผู้ชายฮั่วหมิงก็สีหน้าแปลกไปเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้กล่าวอะไร ก่อนพาคนทั้งสองเดินเข้าไปข้างใน
ฮั่วหมิงชี้ไปยังม้านั่งตรงระเบียงทางเดิน กล่าวกับกงฉือด้วยสีหน้าเรียบเฉย “รบกวนคุณนั่งรอตรงนี้สักครู่”
ตันหวายส่ายศีรษะอย่างจนใจ ก่อนส่งสายตาน่าสงสารไปให้กงฉือ ปลอบให้เขาใจเย็นไว้ก่อน
กงฉือพยักหน้าเป็นเชิงว่าเข้าใจ นั่งลงรอคนทั้งสองออกมาอย่างสงบนิ่ง
ฮั่วหมิงพึงพอใจกับท่าทีให้ความร่วมมือของกงฉือพลางผงกศีรษะ แล้วจึงฉุดตันหวายเข้ามาในห้องโดยไม่ยอมให้ปฏิเสธ
“ไม่ต้องมองแล้ว ขืนมองอีกลูกตานายคงได้หลุดไปนอกประตูพอดี” ฮั่วหมิงแค่นเสียงหึ
ตอนที่ 125 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 13)
บรรยากาศภายในห้องตรวจตึงเครียดอย่างยิ่ง ฮั่วหมิงนั่งตรงข้ามกับตันหวาย พลิกเปิดเอกสารในมือด้วยสีหน้าบึ้งตึง สะบัดเต็มแรงราวกับเอกสารตรงหน้าเป็นศัตรูคู่แค้นของเขาก็ไม่ปาน
อาจเป็นเพราะบุคลิกของเจ้าของร่างเดิม ตันหวายจึงยอมจำนนอยู่เบื้องหน้าปีศาจร้ายหน้าตาถมึงทึงแต่โดยดี
ฮั่วหมิงพลิกเปิดเอกสารจนถึงหน้าสุดท้าย สีหน้าราวกับกระทะเหล็กที่ผัดกับข้าวติดกันเป็นสิบจานแต่ยังไม่ได้ขัดล้างทำความสะอาด
“นายรู้หรือเปล่าว่าของที่เอาให้ฉันเมื่อเช้าคืออะไร?” ฮั่วหมิงเอ่ยปากถาม
“ยาคุมกำเนิด”
ฮั่วหมิงแค่นเสียงหึ ทำเอาตันหวายกลัวจนตัวสั่นเทิ้ม
ฮั่วหมิง “ถ้าไม่ได้โง่ อย่างน้อยก็ต้องรู้ว่ามันคืออะไร”
ตันหวายรู้สึกอับอาย คิดในใจว่าเจ้าของร่างเดิมเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ จะแยกไม่ออกแม้กระทั่งยาคุมกำเนิดได้อย่างไร
ฮั่วหมิงดันเอกสารในมือไปตรงหน้าตันหวาย สองมือสอดประสานกัน “ดูเอาเองเถอะ”
ตันหวายเกร็งหนังหัวแล้วเปิดดูเอกสาร พบว่าเขาอ่านไม่รู้เรื่องอย่างที่คาดเอาไว้
เหลือบตาขึ้นมองฮั่วหมิงอย่างระมัดระวัง ตันหวายบังเอิญสบตาเข้ากับเขาพอดี
“…”
เมื่อรู้ว่าน้องชายของตนไม่มีกะจิตกะใจจะอ่านเอกสาร ฮั่วหมิงจึงได้แต่เอ่ยปากอธิบาย “ของที่นายส่งมาเมื่อเช้าเป็นยาคุมกำเนิดก็จริง แต่มันไม่ใช่ยาคุมกำเนิดธรรมดา”
ตันหวายสะท้านวูบ แผ่นหลังพลันเหยียดตรงขึ้นมา แม้ว่าเขาจะคาดการณ์ผลลัพธ์เช่นนี้ไว้แล้ว แต่ก็อดตัวแข็งเกร็งไม่ได้อยู่ดี
“ยาคุมกำเนิดที่นายส่งมาให้ ตรวจสอบดูแล้ว ค่าปริมาตรสุทธิสูงเกินมาตรฐานสิบเปอร์เซ็นต์” ฮั่วหมิงเหลือบตาขึ้นมองตันหวาย กล่าวต่อไปว่า “นายรู้ไหมว่าเกินมาตรฐานสิบเปอร์เซ็นต์หมายถึงอะไร? เพียงแค่นายฉีดเข้าไปแม้แต่เข็มเดียว นายจะต้องตายเพราะรับยาคุมกำเนิดเกินขนาด”
พอเห็นตันหวายหน้าซีดลงเรื่อยๆ ฮั่วหมิงจึงค่อยยอมโอนอ่อนผ่อนปรน กล่าวปลอบใจว่า “ไม่เป็นไร ก่อนหน้านี้นายก็ปกติดีไม่ใช่หรือ”
“ว่าแต่นายเอายาคุมกำเนิดพวกนี้มาจากไหน นี่มันของอันตรายทั้งนั้น” ฮั่วหมิงขมวดคิ้ว คิดว่าของพวกนี้อันตรายมากจริงๆ
ตันหวายสงบสติอารมณ์สักครู่ ก่อนจะพูดตามความจริง “ของพวกนี้ผมเอามาจากรุ่นพี่อีกทีหนึ่ง”
เพื่อรักษาระดับอัตราการเกิดในประเทศ ทางการจึงไม่อนุมัติให้แจกจ่ายยาคุมกำเนิดแก่โอเมก้าที่แต่งงานแล้ว หากเขาต้องการยาคุมกำเนิดจำเป็นต้องฝากคนอื่นนำมา พอดีว่าเจ้าของร่างเดิมมีรุ่นพี่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยกำลังวิจัยยาคุมกำเนิดอยู่ที่สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์ ตันหวายก็เลยฝากเขานำมาให้สองโหล
ฮั่วหมิงสบถพึมพำเบาๆ กล่าวสั่งสอนตันหวายว่า “ถือว่านายยังมีสมองคิดอยู่บ้าง รู้ว่าต้องเอามาตรวจสอบดูก่อน ไม่อย่างนั้นจะให้ฉันไปเก็บศพนายหรือไง?”
ตันหวายไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี เจ้าของร่างเดิมไม่เคยรู้สึกคลางแคลงใจ คิดว่ารุ่นพี่คนนั้นไม่มีทางทำร้ายตน จึงได้ถึงแก่ความตาย
พอเห็นตันหวายสีหน้าไม่สู้ดี ฮั่วหมิงก็เก็บคำพูดที่จะกล่าวต่อกลับคืนไป ตบบ่าตันหวายเบาๆ พลางกล่าว “คืนนี้กลับไปพักที่บ้านกับพี่เถอะ พ่อกับแม่คิดถึงนายจะแย่แล้ว”
ทีแรกตันหวายส่ายศีรษะ จากนั้นค่อยพยักหน้ากล่าว “แต่ว่าต้องทิ้งรถไว้ให้กงฉือ แถวนี้เรียกรถยากมาก”
ฮั่วหมิงกลอกตาแล้วพยักหน้าตอบรับ โชคดีที่เขายังมีรถอีกสองสามคันไม่อย่างนั้นคงจะไม่พอใช้จริงๆ ว่าแต่…ฮั่วหมิงเอามือลูบคาง นายกงฉือคนนี้มีความสัมพันธ์อย่างไรกับน้องชายของตนกันแน่?
_________
หลังจากได้ยินว่าตนไม่ต้องไปส่งแล้ว กงฉือรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่ยังคงพยักหน้าตอบรับ อย่างน้อยก็มีคนคอยอยู่เป็นเพื่อนเขา เขาจึงพอเบาใจลงได้บ้าง
เมื่อกลับถึงบ้านตระกูลฮั่ว คุณแม่ฮั่วก็ดีอกดีใจยกใหญ่ ลูบหน้าลูบหลังตันหวายอยู่หลายรอบ จนสุดท้ายคุณพ่อฮั่วต้องมาดึงตัวเธอถอยกลับไป
คุณแม่ฮั่วเป็นโอเมก้าเพศหญิงที่มาจากตระกูลใหญ่ ชอบคลุกคลีกับเบต้ามาตั้งแต่เล็กแต่น้อย เพราะคิดว่าโอเมก้าไม่เหมาะสมกับจิตวิญญาณที่รักอิสระเสรีของเธอ กระทั่งได้พบเจอกับอัลฟ่าอย่างคุณพ่อฮั่ว จึงยินยอมพร้อมใจเป็นโอเมก้าผู้ให้กำเนิดบุตรในที่สุด
แน่นอนว่าแม้จะแต่งงานแล้วคุณแม่ฮั่วก็ยังไม่ยอมแพ้ ศึกษาต่อระดับปริญญาทางแพทยศาสตร์ กลายเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอายุรกรรมที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ได้ยินว่าขณะเธออุ้มท้องฮั่วหมิงเยว่ได้แปดเดือนยังสู้อุตส่าห์ทำงานอยู่กับเตียงผ่าตัด เรียกได้ว่าเป็นยอดหญิงผู้เก่งกาจ
วันนี้ตันหวายเหนื่อยนิดหน่อย พูดคุยเป็นเพื่อนคุณพ่อคุณแม่เจ้าของร่างเดิมสักพักก็ขอตัวกลับห้อง แน่นอนว่าเป็นเพราะกลัวความลับเปิดเผย ส่วนใหญ่แล้วคุณแม่ฮั่วเป็นผู้พูดเขาเป็นผู้ฟัง
ตันหวายรู้สึกเสียดายเล็กน้อย เจ้าของร่างเดิมคนนี้เรียกได้ว่าเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในบรรดาทุกโลกของเขา แต่กลับกลายเป็นคนที่น่าสงสารที่สุดด้วยเช่นกัน เพราะงดงามสมบูรณ์แบบเกินไป จึงยิ่งดูเหมือนว่าไร้ค่า
พอนึกถึงภาพที่มองเห็นในร้านอาหารพร้อมกับกงฉือ ตันหวายก็เกิดนึกสนุกขึ้นมา ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหาเจี่ยงหลี
สามครั้งแรกล้วนถูกตัดสายทิ้ง จนกระทั่งครั้งที่สี่จึงค่อยรับสาย
คนปลายสายพยายามฝืนข่มตนเองให้สงบเยือกเย็น ทว่าหางเสียงอันสั่นเครือกลับเปิดโปงว่าตอนนี้เขากำลังทำอะไรอยู่
“คุณวิ่งออกกำลังกายเหรอ?” ตันหวายเหยียดมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มหยัน แสร้งทำเป็นถามอย่างไม่ใส่ใจ
ปลายสายชะงักไปสักครู่แล้วจึงกล่าวช้าๆ “ผมทำงานล่วงเวลา คืนนี้คงต้องนอนที่ออฟฟิศ งานยุ่งมากเลยรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย”
ตันหวายพยักหน้าตามเรื่อยๆ เป็นเชิงว่าเข้าใจ ก่อนจงใจเอ่ยขึ้น “แต่ผมได้ยินเสียงเหมือนมีคนอื่นป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้คุณ อืม เสียงแบบนี้มัน…”
“เพื่อนร่วมงานน่ะ!” ปลายสายรีบร้อนตัดบทคำพูดของตันหวาย กล่าวอย่างลนลานว่า “เพื่อนร่วมงานเพิ่งออกไปพอดี”
“อย่างนี้นี่เอง…”
“อืม ผมยังมีงานต้องทำ ฝันดีแล้วกันครับ”
ตันหวายตอบรับคำหนึ่งแล้วชิงตัดสายโทรศัพท์ก่อน