นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature ) - ตอนที่ 205 เสียงร้องเพลง
ตอนที่ 205 – เสียงร้องเพลง
มีคนมามุงดูอย่างช้า ๆ พวกเขามองฉากนี้อย่างชืดชา
ลุงคนหนึ่งแนะนำอยู่ด้านข้างว่า “พวกเธอคนหนุ่มสาวรีบ ๆ แยกย้ายไปซะเถอะ พวกเขาไม่ให้พวกเธอเข้า 3 เขตบนหรอก”
ยังมีป้าคนหนึ่งเอ่ยอย่างจิตใจดีว่า “ติดอยู่ในแดนหิมะน้ำแข็งนี่จะหนาวจนเสียสุขภาพเอานะ พ่อแม่พวกเธอทำงานหนักเลี้ยงดูพวกเธอจนโตขนาดนี้แล้ว ตอนที่พวกเธอทำเรื่องพวกนี้ไม่คิดถึงพวกเขาบ้างเหรอ?”
“อยากจะโค่นล้มกลุ่มการเงินในสหพันธรัฐมันเป็นไปไม่ได้เลย พวกเธออย่าให้พ่อแม่พวกเธอติดร่างแหจนตกงานสิ”
เวลานี้ มีนักเรียนจู่ ๆ ค้นพบว่า ในฝูงชนที่เอะอะนั้นยังมีผู้เดินขบวนที่จากไปก่อนหน้านี้ด้วย หนึ่งในนั้นกล่าวว่า “อันที่จริงไม่ควรจะริเริ่มการเดินขบวนพวกนี้เลย ปฏิรูปการศึกษามีประโยชน์อะไร เรียนหนังสือแล้วหาข้าวกินได้เหรอ?”
“แถมตอนดำเนินการก็ไม่ดูพยากรณ์อากาศ ทู่ซี้จะเลือกวันหิมะตกหนักมาเดินขบวน!”
หลังคนเหล่านี้จากไปก็ได้แต่พยายามสุดกำลังเพื่อพิสูจน์ว่าการเดินขบวนนี้เป็นเรื่องผิดพลาด จึงจะสามารถทำให้ดูเหมือนว่าการที่พวกเขาจากไปเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
หิมะบนท้องฟ้า
วาจาข้างถนน
ก็คล้ายกับมีดที่กีดขวางเส้นทาง
เหมือนกับที่ผู้ใหญ่มากมายเคยพูดกับพวกเขา: พวกเธอไม่ประสบความสำเร็จหรอก
นักเรียนหลายร้อยคนยืนอยู่กับที่ไม่อาจเดินหน้า แต่ก็ไม่เต็มใจจะถอยหลัง
พวกเขามองดูรอบด้านอย่างว่างเปล่า มองดูฝูงชนที่มุงดูพวกนั้น ยังมีพนักงานสืบสวนคณะความมั่นคงข้างหน้า
หิมะจู่ ๆ ก็ตกหนักยิ่งขึ้นไปอีก ลมอันเกรี้ยวกราดทะลุผ่านป่าเหล็กกล้า ส่งเสียงหวีดหวิว
แต่ทว่าในขณะนั้นเอง ในนักเรียนจู่ ๆ มีเสียงเพลงดังขึ้นมาอย่างอ่อนระโหย ถ่ายทอดออกมาฝ่าหิมะและมีด ดูเหมือนอากาศจะหนาวอยู่บ้าง ในเสียงเพลงนั้นเจือความสั่นเทาเล็กน้อย
อ่อนต่อโลกแต่ก็เร่าร้อน
สายตาทุกคนมองไป พบเห็นด้วยความตื่นตะลึงว่ายางยางกำลังยืนอยู่บนพื้นหิมะ ร้องเพลงเบา ๆ*
“ลุกขึ้นเถิด ข้าทาสผู้หิวโหยหนาวเหน็บ”
“ลุกขึ้นเถิด คนที่ได้รับความทุกข์ยากทั่วหล้า”
“โลหิตระอุอุ่นเต็มหัวใจเดือดพล่านแล้ว”
“ต้องต่อสู้เพื่อความจริง”
เริ่มแรก มีเพียงหนึ่งคนร้อง
อย่างรวดเร็ว นักเรียนคนอื่นก็เริ่มร้องตามขึ้นมา
ในลมหนาวเหน็บนี้ เสียงเพลงไม่ได้อ่อนระโหยขนาดนั้นอีกแล้ว เริ่มมีกำลังแล้ว
ยางยางนำเพลงแองเตอร์นาซิอองนาลจากโลกภายนอกสู่โลกภายใน และยังทำการดัดแปลงเนื้อเพลงให้จดจำง่ายยิ่งขึ้นด้วย
ก่อนที่เหล่านักเรียนจะเดินขบวนก็แอบเรียนบทเพลงนี้ แต่ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่กล้าร้อง เพราะว่าเนื้อเพลงแหลมคมและปลุกเร้าจนเกินไป
นักเรียนชายที่อยู่ด้านหน้าสุดคนนั้นมองไปข้างหน้า มองดูพนักงานสืบสวนคณะกรรมการบริหารความมั่นคงสาธารณะเหล่านั้นอย่างตรงไปตรงมา
“แต่ไรมาก็ไม่เคยมีพระผู้ช่วยให้รอดอะไร”
“แล้วก็ไม่พึ่งพาเทพเซียนองค์กษัตริย์”
“จะสร้างความสุขของมวลมนุษย์”
“ทั้งหมดพึ่งพาพวกเราเอง”
ทุกคนที่อยู่ในเสียงร้องประสานของคนหลายร้อยคนรู้สึกพลุ่งพล่านอย่างบรรยายไม่ถูก
พวกเขาขับร้องเพลงแองเตอร์นาซิอองนาลรอบแล้วรอบเล่าอย่างไม่ยินยอมจะจากไป
เรื่องที่ทำให้คนคิดไม่คิดเกิดขึ้นแล้ว ในฝูงชนที่มุงดูอยู่ข้างนอกจู่ ๆ ก็เริ่มมีคนร้องตามอย่างตะกุกตะกักขึ้นมา
เริ่มแรกมีเพียงคนสองคนร้องตาม แล้วค่อย ๆ กลายเป็นคนร้อยสองร้อยคนรั้งเท้าแล้วร้องตาม
กลุ่มเดินขบวนที่เดิมทีดูโดดเดี่ยวอยู่บ้างไปแล้วถึงกับเริ่มมีจำนวนคนเพิ่มขึ้นช้า ๆ
คนที่มุงดูเหล่านั้นก็ไม่รู้ว่าอยากเข้าร่วมเพราะอะไร เพียงรู้สึกหัวอุ่นขึ้นขึ้นมาแล้วก็เดินเข้าไปแล้ว
เสียงเพลงก็ยิ่งดังขึ้น
ณ ขณะนี้ ชายที่สวมโค้ทสีดำคนหนึ่งเดินทอดน่องเหยียบหิมะมา ในมือยังถือเอกสารที่หลงเหลือความอบอุ่นชุดหนึ่ง
ชมรมเหิง หลี่ตงเจ๋อ
คนจำนวนมากจดจำชายผู้นี้ได้
ถัดจากนั้น พวกเขาเห็นหลี่ตงเจ๋อเดินมาถึงเบื้องหน้าพนักงานสืบสวนคณะความมั่นคง ยัดเอกสารในมือใส่มือของอีกฝ่าย ถึงกับเป็นเอกสารอนุมัติการเดินขบวนถูกกฎหมายที่ถูกพนักงานสืบสวนเอาไปก่อนหน้านี้
หลี่ตงเจ๋อมองพนักงานสืบสวนกล่าวเบา ๆ ว่า “จำไว้นะ ครั้งต่อไปอย่าใช้วิธีการสกปรกประเภทนี้จัดการกับเด็กน้อยอีก”
ถัดจากนั้น ที่มุมถนนมีรถบรรทุกหนึ่งคันขับเข้ามา สมาชิกชมรมเหิงที่สวมสูทดำสองคนกระโดดลงจากรถ พวกเขาเปิดประตูเหล็กของตู้บรรทุก ข้างในถึงกับมีผ้าสีแดงเป็นตั้ง ๆ
จากนั้น มีสมาชิกชมรมเหิงหลายสิบคนพุ่งออกมาไม่รู้จากที่ไหน พวกเขาหยิบผ้าสีแดงจากในตู้บรรทุกมาแจกจ่ายให้เหล่านักเรียน แจกพลางกล่าวพลางว่า “อากาศหนาวเกินไป เอานี่ไปพันรอบคอเป็นผ้าพันคอนะ อย่างน้อยลมจะได้ไม่พัดเข้าคอ”
เหล่านักเรียนมองดูสมาชิกชมรมเหิงข้างหน้าอย่างอึ้ง ๆ รอยสักบนตัวอีกฝ่ายขยายมาจนถึงลำคอหรือแม้แต่แก้มก็ด้วย
ดูแล้วไม่เหมือนคนดี
พวกเขาค้นพบว่า “ผ้าพันคอ” พวกนี้ ถึงกับมี “ขากางเกง” ด้วย ดูแล้วเหมือนกับลองจอนสีแดงที่ถูกตัดเป็นสองส่วน จากนั้นก็กลายเป็นผ้าพันคอ
สมาชิกชมรมเหิงคนหนึ่งเห็นนักเรียนสีหน้าพิลึก ๆ ก็เกาศีรษะ “บอสยืนกรานจะเอาผ้าพันคอสีแดง บอกว่าอย่างนั้นถึงดูดี แต่ผ้าพันคอสีแดงสดมันหาไม่ง่ายจริง ๆ ชั่วคราวก็ได้แต่……”
นักเรียนคนหนึ่งรับผ้าพันคอ “ขอบคุณครับ……”
สมาชิกชมรมเหิงที่รอยสักเต็มลำคอฉีกยิ้มขึ้นมา “มึงแม่งสุภาพกับกูจัง……แค่ก ๆ ไม่ต้องขอบคุณครับ”
หลี่ตงเจ๋อมองไปทางเหล่านักเรียน “เดินหน้าต่อไปเถอะ วันนี้ไม่มีคนกล้าขวางพวกคุณแล้ว ไม่ข้าก็เร็วต้องมีสักวันที่พวกคุณจะไม่อเนจอนาถขนาดนี้อีก ผมเฝ้าคอยอยู่นะ”
กลุ่มเดินขบวนเริ่มเดินอีกครั้ง เสียงร้องเพลงประสานเสียงที่ดังไปถึงชั้นเมฆนั้นไม่ได้หยุดลง แต่กลับยิ่งเข้มแข็งขึ้น
ข้างถนนมีสาวนักเต้นมุงดู เดิมทีพวกเธอยืนเรียกแขกอยู่ข้างนอก แต่ละคนแต่งตัวงามชดช้อย
เหล่าสาวนักเต้นเดิมยังบ่นว่าการเดินขบวนนี่ทำลายธุรกิจคืนนี้ของพวกเธอ ทำเอาตอนนี้ไม่มีแขกสักคน
แต่เมื่อพวกเธอเห็นฉากนี้ แล้วยังได้ยินเสียงเพลง จู่ ๆ ก็หันกลับไปหยิบเสื้อโค้ทของตัวเองจากห้องเปลี่ยนชุดใส่ให้กับเหล่านักเรียน
……
……
ในเรือนจำลับ ชายกลางคนจู่ ๆ วิตกกังวลขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูก
ยังห่างจากช่วงเวลาประหารลับที่กำหนดไว้อยู่ช่วงหนึ่ง แต่ว่า ข่าวสารที่ตกลงกันดิบดีว่าจะส่งมาทุก ๆ ห้านาทีในแผนการกลับไม่ได้ส่งมาอีกเลย
ชายกลางคนเดินกลับไปกลับมาในที่ว่าง เขาหันศีรษะไปมองเฉิงเสี้ยวที่ยืนนิ่งเป็นครั้งคราว อีกฝ่ายผมยุ่งหน้ามอม มือเท้าก็ล่ามโซ่เอาไว้หมด แต่ตอนที่ยืนนิ่งกลับมีความทะนงตัวที่ไม่อาจหยุดยั้งได้ชนิดหนึ่ง
ณ ขณะนี้ ทุกคนล้วนได้ยินเสียงเพลงอันแผ่วเบาดังมาจากเหนือศีรษะ
เสียงนั้นหลังจากทะลุผ่านกำแพงหนาก็อ่อนจางลงไปบ้าง แต่ถึงแม้เสียงร้องประสานจะอ่อนจางก็ยังสะท้อนถึงความเร้าร้อนและฮึกเหิมอย่างสูงทุก ๆ ชั่วขณะ
ชายกลางคนเงยหน้าอย่างปุบปับ ประหลาด เสียงเพลงอะไรถึงกับสามารถทะลุมาถึงที่นี่?
เขาทราบชัดมากว่าเหนือศีรษะพวกเขาเป็นถนนใหญ่มี่หลิน อยู่ตรงเส้นแบ่งระหว่างเขตที่ 3 และเขตที่ 4
ใครจะคิดได้ว่าใต้ดินของสถานที่อันเจริญรุ่งเรืองอย่างนี้จะซ่อนเรือนจำลับเอาไว้แห่งหนึ่ง? ก็เพราะว่าตำแหน่งแสนพิเศษนี้ของเรือนจำลับที่ทำให้หลี่ซูถงหามาแปดปีก็ยังหาไม่เจอ
เวลานี้ เฉิงเสี้ยวและพวกฟังเงียบ ๆ แล้วก็ฮัมเพลงขึ้นมาอย่างช้า ๆ “แต่ไรมาก็ไม่เคยมีพระผู้ช่วยให้รอดอะไร แล้วก็ไม่ต้องการเทพเซียนองค์กษัตริย์……”
เฉิงเสี้ยวเอ่ยอย่างซาบซึ้งว่า “เพลงดี”
ชายกลางคนมองไปทางเขาอย่างเย็นชา “เวลาอะไรแล้ว ยังมีอารมณ์มาฟังเพลง?”
“ก่อนตายได้ฟังเพลงที่ดีเพลงหนึ่งก็ไม่มีอะไรให้เสียดายแล้ว” เฉิงเสี้ยวกล่าวด้วยรอยยิ้ม
วินาทีถัดมา ชายกลางคนเอ่ยเสียงดุดันว่า “ดำเนินการประหารทันที”
ทหารนายหนึ่งกล่าวว่า “ผู้บัญชาการครับ ยังไม่ถึงเวลาครับ”
“ช่างมัน นี่เดิมก็เป็นเรื่องที่อยู่ในแผนอยู่แล้ว” ชายกลางคนกล่าว
ทหารทุกคนปลดเซฟของปืนไรเฟิลอัตโนมัติ ดึงลูกเลื่อนโหลดปืน
กลับได้ยินเฉิงเสี้ยวเอ่ยอย่างเสียดายว่า “น่าเสียดาย ยังมีเนื้อเพลงตั้งหลายท่อนที่ยังได้ยินไม่ชัด”
แต่ทว่าในขณะนี้เอง ทหารหลายนายอุทานขึ้นมา ไม่รู้ทำไมอาวุธปืนในมือของพวกเขาจู่ ๆ ก็หลุดออกจากมือแล้วติดหนึบอยู่บนเพดานคอนกรีตเหนือศีรษะ
ตรงทางเดินนอกเรือนจำลับมีเสียงร้องโหยหวนดังขึ้น ทุกคนหันศีรษะไปดู เห็นพอดีว่ามีหน่วยรบย่อย 12 คนเข่นฆ่าเข้ามา
ทหารพวกนี้ทุกคนถือมีดเซรามิกสีดำในมือ บนร่างสวมเครื่องแบบหน่วยปฏิบัติการพิเศษของสหพันธรัฐ เวลาต่อสู้ซึ่งหน้าพวกเขาเร็วราวกับภูตผี ทุก ๆ คนล้วนสามารถให้หนึ่งต้านหลายคน
บนตัวทั้งสองฝ่ายล้วนไม่มีอาวุธปืน ผู้คุมของเรือนจำลับมี 80 คนเต็ม ๆ แต่อยู่ต่อหน้า 12 คนนี้แม้แต่ความสามารถขัดขืนอย่างพื้นฐานที่สุดยังไม่มี
หมายเลขประจำกองกำลังบนตัวทหาร 12 นายนี้ล้วนถูกฉีกออกไปแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาสังกัดกองกำลังไหน แล้วก็ไม่มีใครรู้ว่าสรุปแล้วเป็นใครที่เลี้ยงดูเครื่องจักรสงครามออกมา
ชายกลางคนรู้แค่ว่า ผู้ที่เขาต้องเผชิญหน้าไม่ได้มีแค่นักรบหน่วยปฏิบัติการพิเศษเหล่านี้ ยังมีผู้เหนือมนุษย์ที่สามารถควบคุมโลหะอีกคน!
ผู้เหนือมนุษย์คนหนึ่ง บวกกับนักรบพันธุกรรม 12 คน นี่แทบจะเป็นเพดานสูงสุดในการเคลื่อนพลของหน่วยปฏิบัติการพิเศษในกองพลสหพันธรัฐแล้ว
ใครกันที่อยากมาปล้นคุก!?
เสียงรองเท้าคอมแบตย่ำดังต๊อก ๆๆ ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้าเรือนจำลับแห่งนี้อย่างยิ้มแย้ม เขาเดินตัดผ่านสนามรบมาถึงเบื้องหน้าชายกลางคนราวกับรอบด้านไร้ผู้คน
กลับเห็นว่าอาวุธปืนพวกนั้นไม่ได้ติดอยู่บนเพดานอีก ทว่าลอยช้า ๆ อยู่ในอากาศ ตกลงมาเบา ๆ
ปืนพก 80 กระบอกลอยไปที่ข้างกายชายหนุ่มทั้งหมด ปากกระบอกปืนดำมะเมื่อมทยอยเล็งไปที่ชายกลางคนที่อยู่ตรงข้าม
“แปลกนิดหน่อยนะ” ชายกลางคนยิ้มอย่างร่าเริง “ผมยังนึกว่าที่นี่จะมีกองกำลังป้องกันที่แข็งแกร่งมากเสียอีก ผลคือเป็นหมูหมากาไก่ฝูงหนึ่ง แต่ละคนแม้แต่เครื่องแบบยังไม่ใส่ แล้วยังพกแค่ปืนพกเก็บเสียง พวกคุณก็ไม่เห็นหัวนักโทษพวกนี้เกินไปแล้วปะ”
ชายกลางคนหน้าซีดเป็นขี้เถ้ากล่าวว่า “คุกลับนี่ชนะที่ความเร้นลับ ถ้าถูกหลี่ซูถงหาเจอจริง ๆ ถึงจะอาวุธครบมือก็ต้านทานกึ่งเทพไม่อยู่ ภายนอกพวกเราเป็นแค่พนักงานของบริษัทเล็ก ๆ แห่งหนึ่งเท่านั้น”
“ที่คุณพูดมีเหตุผลมาก” ชายหนุ่มยิ้ม
ชายกลางคนเอ่ยอย่างสั่นเทาว่า “คุณรู้รึเปล่าว่าปล้นคุกลับจะต้องขึ้นศาลทหาร?”
“แค่ขึ้นศาลทหารเหรอ?” ชายหนุ่มประหลาดใจอยู่บ้าง “ผมยังนึกว่าจะถูกประหารลับตรง ๆ เลยซะอีก”
ชายกลางคนเบิกตาโต เหงื่อเย็นไหลเต็มแผ่นหลังไม่หยุด เขาเอ่ยอย่างสั่นเทาว่า “คุณเป็นคนกองกำลังไหน ผมก็ปฏิบัติตามคำสั่งนะ……”
ชายหนุ่มยิ้มเอ่ยว่า “คนตายรู้ว่าผมเป็นคนกองกำลังไหนก็ไม่มีความหมาย”
ระหว่างที่พูด อาวุธปืนที่ลอยอยู่ข้างกายชายหนุ่มก็ลั่นไกพร้อม ๆ กันราวกับมีมือล่องหนแปดสิบมือควบคุม
พริบตานั้น กระสุนปืนระเบิดออกมาจากปากกระบอกปืนที่ติดอุปกรณ์เก็บเสียง ยิงชายกลางคนจนพรุน
……………………………………..
* เพลงแองเตอร์นาซิอองนาล (The Internationale) ต้นฉบับเป็นภาษาฝรั่งเศส ได้รับการแปลไปเป็นภาษาต่าง ๆ มากมาย เป็นเพลงปลุกใจของการเมืองฝ่ายซ้าย (คอมมิวนิสต์/สังคมนิยม) เป็นเพลงชาติของโซเวียตด้วย ฉบับภาษาไทยก็มีค่ะ แต่ที่เราแปลจะแปลตรงตัวจากภาษาจีนค่ะ https://www.youtube.com/watch?v=zOLqO4tk7gM
ตอนที่ 206 – ครั้งเดียวในประวัติศาสตร์ วัตถุต้องห้าม ACE-002 พบเห็นแสงตะวันอีกครั้ง!