นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature ) - ตอนที่ 200 อยากหลอกฉันเป็นครั้งที่สอง?
ตอนที่ 200 – อยากหลอกฉันเป็นครั้งที่สอง?
วัตถุต้องห้ามที่สามารถใช้มือเปล่าฉีกขาดต้องไม่ใช่วัตถุต้องห้ามแน่ ๆ
คนเกือบพันแย่งชิงหนังสือหนึ่งเล่ม สุดท้ายแย่งจนเคว้งคว้าง
เห็นเพียงหน้ากระดาษหนังสือที่ถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ เล่มนั้นโปรยปรายลงมาราวกับเทพธิดาโปรยดอกไม้ บางส่วนตกลงบนตัวนักโทษ ทำให้พวกเขาพากันอ่านตัวอักษรบนหน้ากระดาษอย่างไม่ได้ตั้งใจ
ท่าทางอันจริงจังของพวกเขาราวกับกำลังศึกษาความรู้ด้านการดูแลสุขภาพวัยกลางคนอย่างจริงจัง วางแผนชีวิตในอนาคตให้ตนเอง
บรรยากาศที่เดิมทีตึงเครียดและขึงขังกลายเป็นบ้าบอและตลกขึ้นมาทันใด
นักโทษคนหนึ่งยองตัวลงในฝูงชน หยิบกระดาษที่ถูกคนฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแผ่นหนึ่งขึ้นมาจากบนพื้น เห็นเพียงบนนั้นเขียนว่า ‘รับประทานผักให้มาก มีประสิทธิภาพให้การป้องกันโรคท้องผูกของคนวัยกลางคนและชรา’
นี่มันอะไรกันเนี่ย?
ในการแย่งชิงรอบนี้ มีคนเกือบพันคนฟังคำสั่งของกลุ่มการเงิน แต่ยังมีสามพันกว่าคนที่ไม่รู้เรื่องราวสักนิด
ตอนที่การแย่งชิงเริ่มต้น พวกเขาเห็นกับตาว่าในฝูงชนจู่ ๆ มีคนหลายร้อยคนพุ่งออกมา คล้ายกับต้องการจะแย่งชิงสิ่งของที่สำคัญมาก
ฉากถัดจากนั้นทำให้พวกเขามองจนบื้อไปเลย สรุปกลุ่มการเงินจัดเตรียมคนหลายร้อยคนมาที่เรือนจำหมายเลข 18 ก็เพื่อแย่งคู่มือดูแลสุขภาพวัยกลางคนอย่างนี้เล่มหนึ่งเหรอ?
เมื่อกี้ไม่ใช่มีคนพูดปาว ๆ ว่าต้องแย่งชิงวัตถุต้องห้าม ACE-002 เหรอ ที่แย่งกันนี่มันอะไรกัน?!
ตู้ห้าวและเซี่ยอิงเกิงสองยอดฝีมือกลุ่มการเงินมองไปทางกัวหู่ฉานอย่างปุบปับ “คุณกล้าหลอกพวกเรา? วัตถุต้องห้ามล่ะ?”
กัวหู่ฉานเผชิญหน้ากับสายตาพยัคฆ์จ้องเหยื่อหลายร้อยคู่ จู่ ๆ มองไปที่หน้ากระดาษที่เหลืออยู่ในมือตนเองอย่างจริงจัง “พวกคุณดู ในหนังสือบอกว่าคนวัยกลางคนถ้าหัวล้านก่อนวัยสามารถกินนมวัว, ปลา, เนื้อไร้มัน เป็นอาหารเสริมอย่างพอเหมาะ……นี่ไม่ได้มีประโยชน์กว่าวัตถุต้องห้ามเหรอ?”
เขาพูดพลางเขยิบไปข้างนอก
ยังเขยิบไปไม่กี่ก้าว บุรุษศีรษะโล้นก็ถูกล้อมใหม่อีกแล้ว
“วัตถุต้องห้ามล่ะ?” ตู้ห้าวเอ่ยเสียงเย็น “วันนี้ไม่พูดเรื่องนี้ให้ชัดเจนก็ไปไม่ได้!”
กัวหู่ฉานโยนกระดาษทิ้งอย่างจนใจแล้วเอ่ยว่า “ตอนที่ผมวิ่งออกมาจากในห้องก็ไม่ได้พูดว่าที่ตัวเองถืออยู่เป็นวัตถุต้องห้าม ACE-002 ปะ? ไม่ใช่ว่าพวกคุณหลงผิดไปเองรึเปล่า?”
ตู้ห้าวทบทวนความทรงจำ กัวหู่ฉานไม่ได้พูดจริง ๆ ว่าสิ่งที่อีกฝ่ายถือเป็นวัตถุต้องห้าม ACE-002!
เซี่ยอิงเกิงกล่าวอย่างเจ็บใจว่า “งั้นคุณจะกอดซะแน่นขนาดนั้นเพื่ออะไร?!”
“ผมเองก็จวนจะกลางคนแล้วนะ อยากจะศึกษาดี ๆ สักหน่อยไม่ได้เหรอ” กัวหู่ฉานพูดอย่างไม่มีความจริงสักประโยค
“สูหลินเซินจะต้องใช้เขามาเบี่ยงเบนสายตาของทุกคนจากนั้นแอบเอาวัตถุต้องห้ามออกไปแน่ ๆ เลย” ตู้ห้าววิเคราะห์
“สูหลินเซินล่ะ?” เซี่ยอิงเกิงก็หาร่องรอยของสูหลินเซินไม่เจอ
ชั่วขณะนั้น ทุกคนใช้สายตากดดันบุรุษศีรษะโล้นอย่างช้า ๆ เหมือนกับอยากฆ่าเขาให้ตาย
กัวหู่ฉานกล่าวอย่างจริงใจว่า “ฆ่าคนในคุกหมายเลข 18 พวกคุณไม่กลัวปืนเมทัลสตอมบนหัวเหรอ อีกอย่างผมอยากจะบอกว่า แม้แต่ผมก็ถูกหลอกแล้ว พวกคุณเชื่อไหมล่ะ?”
“หมายความว่าอะไร?” เซี่ยอิงเกิงขมวดคิ้วเอ่ย พวกเขาหยุดฝีเท้าที่เคลื่อนเข้าไปใกล้ต่อ ตอนนี้ยังไม่ถึงช่วงเวลาสุดท้ายจริง ๆ ดังนั้นยังไม่สามารถกระตุ้นกลไกปราบปรามของเรือนจำหมายเลข 18 ล่วงหน้า
ตู้ห้าวมองไปทางกัวหู่ฉาน “คุณบอกว่าคุณก็ถูกหลอกแล้ว?”
“มีคนปลอมตัวเป็นบอสผม” กัวหู่ฉานกล่าว “เมื่อกี้ถึงจะอลหม่าน แต่การเข้าออกคุกหมายเลข 18 นี่มีแค่ประตูเลื่อนอัลลอยด์นี่ แต่ตอนนี้ประตูเลื่อนยังปกติดีและไม่เคยเปิดออก ถ้าคุณอยากพูดว่าพวกเราปรึกษากันจะโห่ร้องตะวันตกจู่โจมตะวันออก งั้นเขาจากไปได้ยังไง?”
เซี่ยอิงเกิงสบถแล้วกล่าวว่า “คุณไม่พบว่าคนคนนี้มีปัญหาเลยเหรอ? ในเมื่อคุณรู้ว่าสูหลินเซินจะไม่ส่งคุณไปตาย งั้นตอนนั้นทำไมคุณคิดไม่ถึงจุดนี้?”
“ตอนนั้นผมรู้สึกประหลาดนิดหน่อย” กัวหู่ฉานกล่าว “แต่บรรยากาศมันร้อนถึงปานนั้นแล้ว……”
“บรรยากาศมันร้อนถึงปานนั้นแล้วบ้าบออะไร!” ตู้ห้าวด่าดังลั่นอย่างโมโห
“ผมเองก็โมโหมากไหม!” กัวหู่ฉานกล่าว
เมื่อเขาคิดถึงว่าตนเองถึงกับยังไปถามอีกฝ่ายว่าคนเราเมื่อไหร่ผมจะยาวก็รู้สึกขายขี้หน้า!
ณ ขณะนี้เอง ประตูเลื่อนอัลลอยด์ของลานกว้างเรือนจำจู่ ๆ เปิดขึ้นมาอีก
กลับเห็นนักโทษวัยกลางคนคนหนึ่งนอกประตูถูกพัศดีจักรกลหกตัวคุ้มกันเข้ามา
คนมากมายตะลึงงัน เพราะว่าพวกเขาจดจำตัวตนของชายกลางคนผู้นี้ออก: ตระกูลเฉิน เฉินอวี่!
เมื่อ 11 ปีก่อนเฉินอวี่ก่อคดีฆาตกรรม ปีนั้นเดิมสามารถหนีโทษทัณฑ์ ผลคือถูกตระกูลชิ่งหาหลักฐานยืนยันความผิดเจอ ถูกบังคับเข้าเรือนจำโทษจำคุก 170 ปี
นี่เป็นสมาชิกกลุ่มการเงินจำนวนน้อยนิดที่ถูกขังในเรือนจำ แล้วก็ควบคุมกฎระเบียบในเรือนจำหมายเลข 7 ให้กับตระกูลเฉิน นับว่าเป็นคนที่เชี่ยวชาญการทำงานสกปรกในกลุ่มการเงิน
แล้วก็เป็นหนึ่งในยอดฝีมือไม่กี่คนของตระกูลเฉิน
กลับเห็นเฉินอวี่หลังจากถูกคุ้มกันเข้ามา อันดับแรกสำรวจรอบด้านด้วยสีหน้าเรียบเฉย สุดท้ายหยุดอยู่บนร่างเซี่ยอิงเกิง จากนั้นทักทายตามสบายว่า “เสี่ยวเซี่ย มารายงานสถานการณ์”
สีหน้าของเฉินอวี่ในเรือนจำผ่อนคลายสบายใจราวกับอยู่ในบ้านตัวเอง ถึงแม้ว่าเปลี่ยนจากเรือนจำหมายเลข 7 มาถึงที่นี่ก็เป็นเช่นเดียวกัน
พัศดีจักรกลถอดโซ่ตรวนบนมือเท้าให้กับเขา ชายกลางคนขยับมือเท้าของตนเอง จากนั้นค้นพบว่าเซี่ยอิงเกิงถึงกับยืนอยู่กับที่ ไม่ได้มาหาตามที่สั่งเลย!
“ทำไม” เฉินอวี่ขมวดคิ้ว “จำผมไม่ได้แล้ว?”
“ตอนนี้ไม่ใช่ว่าท่านควรจะอยู่ในคุกหมายเลข 7 เหรอครับ?” เซี่ยอิงเกิงลังเลนิดหน่อยแล้วถามออกมา
“วันนี้คุกหมายเลข 18 ไม่สงบเกินไป คนในบ้านกลัวว่าคุณจะรับมือไม่ได้เลยให้ผมมาดูสักแวบ” เฉินอวี่เอ่ยอย่างนิ่งเฉย
กัวหู่ฉานกล่าวเสียงเบาข้าง ๆ เซี่ยอิงเกิงว่า “ก่อนหน้านี้คนที่ปลอมเป็นบอสผมคนนั้นก็พูดอย่างนี้…… ถ้าผมเป็นคุณจะไปหยิกหน้าของเขา ป้องกันว่าเขาสวมหน้ากากหนังคน”
ณ ขณะนี้ ในฝูงชนจู่ ๆ มีคนตะโกนว่า “เขาก็อาจจะเป็นตัวปลอม ระวัง!”
ระหว่างที่พูด เซี่ยอิงเกิงเดินไปหาเฉินอวี่ช้า ๆ จากนั้นยื่นมือออกไปอย่างกะทันหัน อยากจะหยิบแก้มของอีกฝ่าย “ไอ้ลูกหมายังคิดจะหลอกกูเป็นครั้งที่สอง!?”
กลับเห็นเฉินอวี่ยกขาขวาขึ้นอย่างสงบนิ่ง เตะออกไปราวกับสายฟ้า ถึงเซี่ยอิงเกิงจะทำการป้องกันเป็นอย่างดีแล้วก็ยังถูกขานี้เตะไปไกลยี่สิบกว่าเมตร!
“เบื่อชีวิตแล้ว?” เฉินอวี่ยิ้มเย็น
“ค่อก!” เซี่ยอิงเกิงกระอักเลือดออกมาหนึ่งคำ “เป็นบอสเฉินจริง ๆ ผิดไปแล้วครับ ๆ!”
ขณะนี้เซี่ยอิงเกิงมีแม้แต่ความคิดจะด่าแม่ เพราะว่าเจ้าตัวปลอมนั่น ตนเองถึงกับโดนลงโทษสองครั้งเลย!
เฉินอวี่เอ่ยอย่างใจเย็นว่า “สรุปว่าเกิดอะไรขึ้น?”
ตู้ห้าวทับถมอยู่ด้านข้างว่า “เซี่ยอิงเกิงอยู่ในคุกหมายเลข 7 ติดตามท่านมานานขนาดนี้ถึงกับยังดูไม่ออกว่าท่านถูกปลอมตัวหรือไม่ ผมทนไม่ไหวแล้วเนี่ย”
ตู้ห้าวรับใช้ตระกูลชิ่ง เฉินอวี่กับเซี่ยอิงเกิงรับใช้ตระกูลเฉิน เวลานี้เขาย่อมชมดูความคึกคักอย่างมีความสุข
เซี่ยอิงเกิงยังไม่ได้เช็ดเลือดที่มุมปาก พอได้ยินคำพูดนี้ก็กระวนกระวายขึ้นมาทันที “ตู้ห้าวไอ้คนชั่วนี่!”
“ผมว่าพวกคุณตระกูลเฉินถึงเป็นพฤติกรรมของคนชั่ว” ตู้ห้าวยิ้มเย็น “บ้านใหญ่ตระกูลชิ่งกับตระกูลเฉินตกลงกันว่าจะไม่ส่งยอดฝีมือชั้นท็อป ผลคือพวกคุณสัญญาไม่เป็นสัญญา เฉินอวี่น่าจะถูกคุ้มกันมาบริเวณนี้แต่แรกแล้วสินะ ผลคือเพื่อปิดบังตระกูลชิ่งเรา ถึงวันสุดท้ายที่ต้องลงมือนี่จึงได้ย้ายเขาเข้ามาอย่างลับ ๆ”
“ไม่ต้องพูดซะรุนแรงขนาดนี้” เฉินอวี่พูดอย่างเบาสบายและเหล่มองเขาแวบหนึ่ง “ผมเข้ามาเพียงเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ ไม่ได้เข้าร่วมการแย่งชิงเลย”
ตู้ห้าวหัวเราะเสียงเย็นคำหนึ่ง คำพูดนี้ได้แต่ใช้หลอกผีสาง ถึงหัวเลี้ยวหัวต่อสุดท้ายจริง ๆ เฉินอวี่จะต้องลงมือแน่
“บอกผมก่อนว่าสรุปแล้วเกิดอะไรขึ้น” เฉินอวี่ถามอย่างสงบนิ่ง
ลูกน้องของเซี่ยอิงเกิงช่วยอธิบายจากด้านข้างว่า “ก่อนที่ท่านจะเข้ามาแปบหนึ่ง มีคนปลอมตัวเป็นสูหลินเซินของโพดำ อีกฝ่ายพอเข้ามาก็ทำเอาคุกอลหม่าน แล้วท่านก็เข้ามาตามมาติด ๆ เซี่ยอิงเกิงอาจจะนึกว่าอีกฝ่ายปลอมเป็นท่านอีกครับ อีกอย่าง ก่อนหน้านี้พวกเราไม่รู้จริง ๆ ว่าท่านจะมาวันนี้……”
“อย่างนี้นี่เอง งั้นเมื่อกี้เป็นใครที่ตะโกนเตือนให้เซี่ยอิงเกิงระวัง?” เฉินอวี่ขมวดคิ้วมองไปทางเหล่านักโทษ “ลุกออกมาเอง”
แต่ว่า พวกเขารออยู่ครึ่งค่อนวันก็ไม่เห็นมีคนกล้าออกมา มีนักโทษคนหนึ่งบอกว่าเสียงมาจากข้างกายตนเอง แต่รอจนเขาหันศีรษะไปดู ข้างกายก็ไม่มีคนแล้ว
ทุกผู้คนจู่ ๆ คิดว่า คงไม่ใช่ว่าคนที่ปลอมตัวเป็นสูหลินเซินก่อนหน้านี้คนนั้นตะโกนรึเปล่า?
“เดี๋ยวก่อน” กัวหู่ฉานจู่ ๆ กล่าวว่า “คนคนนั้นน่าจะยังอยู่ในคุก! คำเตือนนั่นเมื่อกี้นี้ก็คือเขาซ่อนตัวอยู่ในฝูงชนพูดขึ้นมา!”
คำพูดเพิ่งเปล่งออกมา ตู้ห้าวก็คำรามเสียงดังว่า “พบคนแปลกหน้า ให้รางวัล 1 แสน!”
แต่ว่า พวกเขาหาอยู่ครึ่งวันก็ไม่พบว่ามีคนแปลกหน้าอะไรปะปนเข้ามาอย่างกะทันหัน
ในระหว่างนั้นมีคนหลายคนรายงานเบาะแส แต่ภายหลังค้นพบว่าล้วนเป็นข่าวโคมลอย
เรื่องราวค่อย ๆ พิลึกพิลั่นขึ้นมา……
คนหลายพันคนหาไปหามา ในฝูงชนถึงกับไม่มีคนแปลกหน้าสักคนเดียว?!
อันที่จริง อย่าว่าแต่พวกตู้ห้าวหาชิ่งเฉินไม่เจอเลย แม้แต่หลินเสี่ยวเสี้ยวกับเยี่ยหว่านยังหาไม่เจอ!
ตอนที่เกิดเรื่องเหลวไหลเมื่อครู่นี้ ทั้งสองคนซ่อนตัวอยู่ในที่มืดหัวร่องอหาย ผลคือรอจนพวกเขาหัวเราะเสร็จก็ค้นพบว่าไม่เห็นชิ่งเฉินแล้ว
“บอสครับ ชิ่งเฉินล่ะครับ?” หลินเสี่ยวเสี้ยวกวาดสายตาไปในฝูงชน หาจนตาแทบบอดก็หาไม่เจอ
หลี่ซูถงชี้ไปยังทิศทางหนึ่งอย่างนิ่งเฉยแล้วกล่าวว่า “เขาเปลี่ยนเป็นรูปลักษณ์ของเพื่อนนักเรียนของตัวเองแล้ว”
ในคนทั้งหมดที่นี่ มีเพียงอาจารย์ท่านนี้ที่จับจ้องลูกศิษย์ของตัวเองอยู่ตลอด สายตาไม่คลาดไปแม้ชั่วขณะ
หลินเสี่ยวเสี้ยวมองตามที่นิ้วชี้ คับพบด้วยความตื่นตะลึงว่า ‘อวี๋จวิ้นอี้’ ที่ถูกย้ายไปยังเรือนจำแห่งอื่นแล้วถึงกับยืนอยู่ในฝูงชนด้วยใบหน้ามึนงง
………………………………………….
ตอนที่ 201 – ความตายมาถึงแล้ว