นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature ) - ตอนที่ 11 อำลา
ตอนที่ 11 – อำลา
เสียงบรรเลงของฮาโมนิก้าเสนาะหูมาก
แต่ตอนที่นักโทษทุกคนล้วนดื่มด่ำอยู่ในดนตรีอันงดงาม ชิ่งเฉินกลับกดความอัศจรรย์ใจและตกตะลึงในใจของตนเองไม่ได้เลย
เพราะว่าเขาเคยฟังเพลงนี้…..อำลา
นอกศาลายาว ข้างทางโบราณ หญ้าหอมสีหยกจรดนภา
ม่านตาชิ่งเฉินค่อย ๆ หดตัวลง นี่ไม่ใช่โลกหลังจากทะลุมิติเหรอ เหตุใดถึงมีบทเพลงอำลาเพลงนี้ด้วย
ณ เวลาที่เขาได้เห็นอารยธรรมจักรกลนึกว่าที่นี่กับโลกมนุษย์น่าจะไม่เกี่ยวข้องกันสักนิด
แต่ตอนนี้ดูท่าเขาผิดไปแล้ว หรือว่าที่นี่เป็นอนาคตของโลกมนุษย์
เสียงฮาโมนิก้าหยุดลงแล้ว ในเรือนจำหมายเลข 18 ส่งเสียงหนวกหูขึ้นมาอีกครั้ง
พอประตูเลื่อนเปิดออก เขาไม่ได้หวั่นไหวและตื่นตัวอย่างในวันแรกอีกแล้ว ทว่าทะลุผ่านเหล่านักโทษที่เข้าแถวลงบันไดตรงไปที่ลานส่วนรวม
การกระทำโดยไม่ได้รับอนุญาตไม่ได้ดึงดูดโดรนบนเพดานโดม แล้วก็ไม่มีหุ่นยนต์ผู้คุมมองเขามากขึ้นสักแวบ
เพิ่งจะถึงข้างนอกโรงอาหาร หลินเสี่ยวเสี้ยวยิ้มแฉ่งทักทายเขาว่า “อรุณสวัสดิ์…..หลับไม่สบายเหรอ”
หลังจากสลัดหลุดจากในฝันร้ายเขานอนบนเตียงครุ่นคิดเรื่องราวอีกนานมาก จนกระทั่งเที่ยงคืนจึงได้หลับลงไป
ถึงชิ่งเฉินจะมีความสามารถผ่านตาไม่ลืมเลือน แต่โดยเนื้อในแล้วเขายังคงเป็นคนธรรมดา ไม่เหมือนกับกลุ่มคนพิเศษอย่างหลินเสี่ยวเสี้ยว ไม่มีทางตื่นอยู่ครึ่งคืนแล้ววันถัดไปยังสามารถคึกคักแจ่มใส
หลี่ซูถงมองสีหน้าชิ่งเฉินแล้วกล่าวว่า “คนทั่วไปออกมาจากฝันร้ายล้วนเสียสุขภาพมาก อ่อนเพลียเป็นครึ่งค่อนวัน แต่เธอค่อนข้างพิเศษเลย ในฝันร้ายสลัดหลุดจากการควบคุมของเสี่ยวเสี้ยวหยิบมีดขึ้นมา วันนี้ยังสามารถยืนขึ้นมาได้ก็ยอดเยี่ยมมากแล้ว”
ชิ่งเฉินนั่งลงตรงข้ามเขา ถึงกับเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมาว่า “จะกลายเป็นคนอย่างพวกเขาได้ยังไงครับ”
หลี่ซูถงยิ้มแล้ว “เธอช่างพูดจาเถรตรง แต่เธอไม่สามารถเดินบนเส้นทางของเขา แต่กลับเหมาะสมจะเดินบนเส้นทางของฉันมากกว่า”
พอพูดออกมา ชิ่งเฉินรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าสีหน้าของเยี่ยหว่านกับหลินเสี่ยวเสี้ยวล้วนปรากฏความแปลกประหลาด
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร จู่ ๆ เขารู้สึกว่าบรรยากาศเคร่งขรึมขึ้นมาบ้าง แม้แต่แมวใหญ่ที่งีบอยู่ตัวนั้นยังเงยหน้าขึ้นมองเขา
เขาอยากถามมากว่าเส้นทางของหลี่ซูถงสรุปแล้วเป็นเส้นทางอะไร
แต่หลี่ซูถงเหมือนจะมีชื่อเสียงมาก ตนเองเป็นผู้ทะลุมิติ ถามคำถามที่ผิดสามัญสำนึกมากออกมาจะร้ายแรงถึงชีวิตแล้ว
ชิ่งเฉินกระโดดข้ามความกังขา ถามอีกครั้งว่า “จะสามารถเดินบนเส้นทางของคุณได้ยังไงครับ”
“เธออย่าเข้าใจผิด” หลี่ซูถงยิ้มแล้ว
ตอนที่หลี่ซูถงยิ้มออกมา ร่องรอยของกาลเวลาที่หลงเหลือตรงหางตาจึงสามารถทำให้ชิ่งเฉินตระหนักว่าอายุของอีกฝ่ายอาจจะมากกว่าที่ตนเองจินตนาการเอาไว้
หลี่ซูถงกล่าวต่อว่า “เยี่ยหว่านกับหลินเสี่ยวเสี้ยวเพราะว่าตอนที่พบกับฉันสายไปหน่อย ดังนั้นไม่มีทางเดินบนเส้นทางของฉัน ทว่าถึงตอนนี้ฉันจะชื่นชมเธอ แต่ยังไม่พอ”
“เข้าใจแล้วครับ” ชิ่งเฉินพยักหน้า
นี่จึงสมเหตุสมผล
เขารู้สึกว่าถ้าหากมีคนพอเห็นตนเองก็คุ้นเคยจากนั้นสั่งสอนกันอย่างหมดไส้หมดพุง แบบนั้นอีกฝ่ายจะต้องมีปัญหามาก
สิ่งที่ตนเองเผชิญอาจจะไม่โอกาส ทว่าเป็นอันตราย
แต่สำหรับชิ่งเฉิน การที่สามารถเอื้อมถึงชายขอบของโลกเร้นลับนั้นก็เพียงพอแล้ว
นั่นเป็นสิ่งที่แต่ก่อนบนโลกมนุษย์ถึงเขาจะฝันกลางวันก็ยังไม่เคยมีเลย
ตอนนี้ระยะห่างของตนเองกับเรื่องพวกนั้นใกล้กันมากแล้ว
“ว่ายังไง วันนี้ยังจะเล่นหมากรุกไหม” หลี่ซูถงมองไปทางชิ่งเฉิน “ฉันเห็นเธอสภาพจิตใจไม่ดีมากเลย ยังไงพักผ่อนสักวันเถอะ เรื่องอย่างเล่นหมากรุกสิ่งที่ต้องใส่ใจที่สุดก็คือสูสีกับคู่แข่ง ถ้าฉวยโอกาสที่เธอฟอร์มไม่ดีเอาชนะก็ไม่มีความหมายอะไร”
พร้อมกับที่เหล่านักโทษเข้าแถวรับข้าว กินข้าว นักโทษที่เดินท่องอย่างอิสระในโรงอาหารยิ่งมายิ่งมากแล้ว
วันนี้ไม่เหมือนเดิมอยู่บ้าง นักโทษมากมายกินพลางสังเกตการณ์ความเคลื่อนไหวของด้านชิ่งเฉินพลาง
แม้กระทั่งยังมีบางคนถือถาดอาหารยืนกิน สายตาจับจ้องที่กระดานหมากรุกอย่างใกล้ชิด
ด้านข้าง แม้แต่ลู่ก่วงอี้ก็ดูอย่างตื่นเต้นลุ้นระทึก ข้างหลังเขายังติดตามด้วยคนหนึ่งกลุ่มอย่างกับเป็นดาวล้อมเดือน
ลู่ก่วงอี้ปลื้มปริ่มเป็นพิเศษ
สองฝั่งของกระดานหมากรุก หลี่ซูถงรอชิ่งเฉินตอบ ทว่าชิ่งเฉินดันลุกขึ้นเอ่ยนิ่ง ๆ ว่า “ไม่ต้องพักผ่อน ท้ายเกมทิ้งขว้างราชสำนัก รถศึกสองเดินขวางไปห้า รถศึกสี่ขึ้นเจ็ด ปืนใหญ่สองเดินขวางไปแปด รถศึกห้าเดินขวางไปหก ทหารสี่ขึ้นหนึ่ง”
หมากรุกเดิมเป็นการเล่นอย่างคุณมาผมไป แต่ครั้งนี้ชิ่งเฉินบอกตาเดินทุก ๆ ตาของตนเองออกมาง่าย ๆ คล้ายกับว่าคาดการณ์ได้แน่ว่าหลี่ซูถงจะร่วมมือกับตนเองในการเดินหมาก สรุปเกมหมากรุกตรงไปจนถึงบทจบเลย
รถศึกแดงของชิ่งเฉินเข้าเกมไปดึงดูดแม่ทัพดำ สอดรับกับทหารสี่ขึ้นหนึ่งตัวสุดท้าย ก่อเกิดเป็นการรุกฆาต
นี่เป็นตาเดินอันละเอียดอ่อนที่คนทั่วไปยากจะคิดถึง
คนอื่นอาจจะไม่รู้ว่าชิ่งเฉินพูดอะไร แต่หลี่ซูถงเข้าใจแน่
อยากจะทำลายทิ้งขว้างราชสำนักเกมนี้ก็มีเพียงทางสายนี้ให้เดินได้!
หลี่ซูถงเงยหน้ามองชิ่งเฉิน จับแม่ทัพเฒ่าฝ่ายดำของตนเองคว่ำบนกระดานหมากรุก “ฉันยังนึกว่าเธอสภาพจิตใจไม่ค่อยดี ฉันชนะถือเป็นการเอาเปรียบผู้อื่น คิดไม่ถึงว่าฉันจะกังวลเกินไป”
ในกลุ่มคน น้อง ๆ ของลู่ก่วงอี้ได้ยินลู่ก่วงอี้พึมพำว่า “ชนะอีกแล้ว นี่ก็เท่ไปแล้วปะ ขอแค่สามารถเอาชนะบุคคลอย่างหลี่ซูถงได้สักครั้ง ชีวิตนี้ก็มีค่าแล้ว ฉันก็อยากเรียกหมากรุกมั่ง!”
ตอนนี้ ชิ่งเฉินมองหลี่ซูถงถามว่า “ผมสามารถถามคุณคำถามหนึ่งได้ไหมครับ”
………………………………………….
โคลอสเซียมในภาษาจีนใช้คำว่า 斗兽场 แปลตรง ๆ ว่าสนามสู้สัตว์ร้าย โคลอสเซียมเป็นสิ่งก่อสร้างของกรุงโรม เป็นสนามกีฬากลางแจ้งที่ให้นักโทษเข้าไปสู้กับสัตว์ร้ายหรือสู้กันเอง ถ้ารอดก็จะพ้นโทษมาได้ แต่ส่วนใหญ่ก็ตายนั่นแหละนะ
อำลา (送别) เป็นเพลงจีนเก่าที่ดังมาก ๆ ค่ะ (แต่เราก็ไม่รู้จักหรอกนะ 555) เพราะมาก ๆ เลย หวาน ๆ เย็น ๆ เศร้า ๆ ค่ะ ฟังได้ตามนี้ ส่วนเนื้อเพลงตอนต่อไปจะมีแปลเนื้อเต็ม ๆ ด้วยค่ะ ประวัติคือ ทำนองเพลงดั้งเดิมเป็นของอเมริกา ต่อมามีคนญี่ปุ่นเอาไปใส่เนื้อร้องญี่ปุ่น จากนั้น หลี่ซูถง ที่ตอนนั้นไปเรียนที่ญี่ปุ่นก็นำทำนองมาใส่เนื้อภาษาจีน…. ใช่แล้วค่ะ หลี่ซูถงเป็นชื่อบุคคลที่มีอยู่ในประวัติศาสตร์จริง ๆ และเป็นคนที่แต่งเพลงนี้ด้วย เขาเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงมากค่ะ ภายหลังบวชเป็นพระ
อันนี้แบบมีเนื้อเพลง
https://www.youtube.com/watch?v=Rpkrme2mCcI
อันนี้แบบบรรเลงฮาโมนิก้า
ตอนที่ 12 – กลับคืน