นายน้อยเจ้าสำราญ - ตอนที่ 1117 แกรนด์ดยุกฟิลิป
ตอนที่ 1117 แกรนด์ดยุกฟิลิป
ในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ เรือรบจำนวน 100 ลำแล่นอยู่บนน่านน้ำ
นี่คือหน่วยเรือรบสำรวจที่มาจากฝูหล่างจี หัวหน้าหน่วยเรือรบกองนี้คือแกรนด์ดยุกฟิลิปซึ่งโด่งดังเป็นอย่างมากที่ฝูหล่างจี
เมื่อปีก่อน เคานต์ปิซาร์โรได้ยึดครองแคว้นหลิว เรือรบหลายลำในนั้นได้แย่งชิงสมบัติเงินทองจากแคว้นหลิวมาจำนวนมาก และได้นำข่าวการล่มสลายของกองเรือรบไร้พ่ายกลับไปยังฝูหล่างจีอีกด้วย
จักรพรรดินีโกรธมากยิ่งนัก เพราะเงินทอง เครื่องประดับและผ้าไหมทั้งหลายถูกปล้นไปจนสิ้น เดิมทีประเทศทางตะวันออกเป็นประเทศที่ร่ำรวยมั่งคั่งเป็นอย่างมาก !
เหล่าผู้รอดชีวิตเอ่ยว่าปิซาร์โรได้มุ่งหน้าไปทางตะวันออก ผลลัพธ์ก็คือได้พบกับประเทศนามว่าต้าเซี่ย ประเทศนั้นมั่งคั่งยิ่งกว่าแคว้นหลิวเป็นร้อยเท่าพันเท่า
ในขณะเดียวกันประเทศนั้นก็มีกองทัพเรือเช่นกัน เพียงแต่เหมือนว่ากองทัพเรือของพวกเขาเพิ่งจะสร้างขึ้นมา เรือรบก้าวหน้าไปไกล ปืนใหญ่ก็รุนแรงมากเช่นกัน มีเพียงระดับของเหล่าทหารเท่านั้นที่ดูเหมือนจะมิค่อยเก่งสักเท่าใด
เคานต์ปิซาร์โรตกเป็นเชลยศึก ทว่ากองกำลังของเขาบางส่วนรอดชีวิตกลับมาได้ จึงทำให้พวกเขาทราบถึงกำลังรบของกองทัพเรือประเทศต้าเซี่ย
หลังจากที่จักรพรรดินีได้ทำการใคร่ครวญดูแล้ว ก็ได้ออกราชโองการให้สร้างเรือรบจำนวน 100 ลำและจัดตั้งหน่วยเรือรบสำรวจขึ้นมา ทั้งยังแต่งตั้งให้แกรนด์ดยุกฟิลิปขึ้นเป็นผู้บัญชาการสูงสุดของหน่วยเรือรบนี้
“แล่นตามเส้นทางเดินเรือนี้ไปทางตะวันออก ! ”
“แล้วจงค้นหาประเทศต้าเซี่ยให้พบ ! ”
“ล้างบางเรือรบของพวกมันเสีย หลังจากนั้นก็รุกรานผืนปฐพีและทำลายล้างกองทัพบกของพวกมันเสียให้สิ้น ! ”
“ข้าต้องการให้ประเทศต้าเซี่ยตกเป็นอาณานิคมของฝูหล่างจี ! ”
หลังจากที่ได้เตรียมตัวมานานถึงหนึ่งปีกว่า ในที่สุดหน่วยเรือรบสำรวจกองนี้ก็ถูกจัดตั้งขึ้นมา
นี่คือหน่วยเรือรบที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ของฝูหล่างจี เพราะพวกมันถูกติดตั้งเครื่องจักรไอน้ำที่ใหม่ที่สุดทุกลำ รวมไปถึงปืนใหญ่ที่ได้ผ่านการปรับปรุงอีกครา
ปืนใหญ่ที่ใหม่เอี่ยมมีระยะหวังผลที่ไกลที่สุดจากเดิม บัดนี้รัศมีการยิงไกลถึง 90 จั้ง นี่คือการปรับปรุงครั้งใหญ่ ในสายตาของแกรนด์ดยุกฟิลิป เห็นได้ชัดว่าปืนใหญ่ของศัตรูมิได้ดีเท่าปืนใหญ่ทางฝั่งตน
การเดินทางสำรวจครานี้ แทบจะเป็นพระกรุณาจากจักรพรรดินีที่มีต่อตระกูลของตน
แกรนด์ดยุกฟิลิปยืนอยู่บนสะพานของเรือธงหนี่หวางห้าว ลมทะเลพัดโชยมา เขาเริ่มได้กลิ่นทางตะวันออกแล้ว ตามแผนที่เดินเรือที่ได้รับมาจากกองกำลังที่รอดตายของเคานต์ปิซาร์โร ด้านหน้าอีกมิไกล อย่างมากที่สุดก็เดินทางอีกแค่สามวัน ก็จะพบกับแคว้นหลิว
แคว้นหลิวได้ตกอยู่ในเงื้อมมือของมาร์ควิสปาเอ่อร์แล้ว จะต้องทำการลำเลียงเสบียงที่แคว้นหลิว เรือรบจะหยุดพักเป็นเวลาสามวัน หลังจากนั้นก็จะออกเดินทางมุ่งไปทางตะวันออกต่อไป
แคว้นหลิวเป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมยิ่ง !
สมบัติที่มาร์ควิสปาเอ่อร์ส่งมาให้เมื่อคราที่แล้วมีสตรีของแคว้นหลิวอยู่ด้วย จักรพรรดินีได้ประทานรางวัลให้กับตนเองมาสองนาง รสชาติภายในนั้น แทบจะทำให้เขาขึ้นสวรรค์ จริงดังว่าแม้แต่สตรีชาวฝูหล่างจีก็มิอาจเทียบเคียงได้
ครานี้ ข้าจะพาตัวสตรีของแคว้นหลิวและสตรีของประเทศต้าเซี่ยกลับไปให้มากยิ่งขึ้น ที่ฝูหล่างจี สตรีทางฝั่งตะวันออกนี้เป็นที่นิยมอย่างมาก หากคิดคำนวณตามราคาแล้ว มูลค่าของสตรีนางหนึ่งมีค่าเท่ากับเงินเนื้อดี 1,000 ตำลึง
แกรนด์ดยุกฟิลิปได้จุดซิการ์หนึ่งมวน ควันที่ลอยขึ้นไปถูกลมทะเลพัดปลิวหายไป เขาหรี่ตามองไปยังสถานที่ที่ห่างไกลออกไป ราวกับได้เห็นแสงสว่างตระการตาของดินแดนเทพทางตะวันออกที่กล่าวขานกันมาแล้วอย่างไรอย่างนั้น
“ทั้งหมดนี้ ต่างก็เป็นของข้า ! ”
“ข้าจะพิชิตดินแดนเทพให้จงได้ เพื่อมอบให้เป็นของขวัญวันพระราชสมภพปีที่ห้าสิบของจักรพรรดินี”
ในตอนที่เขากำลังจินตนาการอย่างไร้ที่สิ้นสุด ทันใดนั้นความเร็วของหน่วยเรือรบก็ช้าลง เขาขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย และจ้องมองไปทางเสนาธิการของเขา โบลล์วิ่งมาทางนี้แล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “เรียนท่านแกรนด์ดยุกที่เคารพ พบเรือรบของศัตรูด้านหน้าขอรับ”
เรือศัตรูเยี่ยงนั้นหรือ ?
นี่ยังมิถึงแคว้นหลิวเลยด้วยซ้ำ เหตุใดถึงพบเรือศัตรูแล้วล่ะ ?
หรือว่าเจ้าสารเลวปาเอ่อร์จะควบคุมแคว้นหลิวเอาไว้มิได้กัน ?
แคว้นหลิวคับแคบถึงเพียงนั้นจะมีหน่วยเรือรบที่แข็งแกร่งได้เยี่ยงไรกัน ?
แกรนด์ดยุกฟิลิปหยิบซิการ์ขึ้นมาอีกหนึ่งมวน เอ่ยถามเสียงเรียบว่า “ฝ่ายตรงข้ามมีเรือรบกี่ลำ ? ”
“เรียนท่านแกรนด์ดยุก มี 18 ลำขอรับ”
มีเพียง 18 ลำเท่านั้นเองหรือ ?
นี่มันมิเพียงพอที่จะยัดร่องฟันของหน่วยเรือรบสำรวจเลยด้วยซ้ำ
“จงทำลายพวกมันเสีย ! ”
โบลล์รับคำสั่ง ทว่ามิได้เดินออกไป สีหน้าของเขาค่อนข้างลังเล แกรนด์ดยุกฟิลิปจึงมิสบอารมณ์ขึ้นมาทันใด “มีอันใด ? หน่วยเรือรบสำรวจที่ยิ่งใหญ่ถูกเรือรบ 18 ลำปิดกั้นเส้นทางมุ่งหน้าไปทางตะวันออกเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“อ่า…มิใช่ ! ” โบลล์รีบโค้งคำนับ “ท่านแกรนด์ดยุก เรือรบของฝ่ายตรงข้าม…ใหญ่มากยิ่งนัก”
“ใหญ่เท่าใดกัน ? ”
“ใหญ่… ใหญ่กว่าเรือรบของพวกเราถึงสองเท่าขอรับ”
ทันใดนั้นรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของแกรนด์ดยุกฟิลิป “ใหญ่แล้วเยี่ยงไรเล่า ? ถ่ายทอดคำสั่งของข้าออกไป จงทำลายล้างพวกมันเสีย”
“น้อมรับคำสั่ง ! ”
โบลล์ถอยออกไป ฟิลิปเดินขึ้นไปยังหอสังเกตการณ์ที่อยู่บนดาดฟ้าชั้นสอง เขาเพียงอยากเห็นว่าแท้จริงเรือรบของพวกตะวันออกมีลักษณะเยี่ยงไรกันแน่
ในขณะเดียวกัน กองทัพเรือที่หนึ่งของจั่วมู่ก็ได้ค้นพบข้าศึกแล้วเช่นกัน
“รายงาน…ท่านผู้บัญชาการ ค้นพบเรือรบของศัตรูด้านหน้าอยู่ห่างออกไป 90 จั้งขอรับ ! ”
จั่วมู่ลุกขึ้นยืนทันใดพลางยกกล้องส่องทางไกลขึ้นมา ภายในกล้องส่องทางไกลนั้น ได้ปรากฏเรือรบจำนวนมหาศาลบนน่านน้ำ
มิมีใบเรือทว่ามีควันหนา นี่ทำให้จั่วมู่ต้องขมวดคิ้วเล็กน้อย นั่นหมายความว่าเรือของศัตรูก็ได้ยกระดับเป็นระบบเครื่องจักรไอน้ำแล้วเช่นกัน
ดังนั้นในด้านความเร็วของเรือรบ เกรงว่าจะมิมีข้อใดเปรียบกว่าเท่าใดนัก
ข้อได้เปรียบของกองทัพเรือที่หนึ่งคือระยะหวังผลของปืนใหญ่ไกลกว่า มันได้ผ่านการปรับปรุงมาจากรุ่นก่อนหน้านี้ ระยะยิงที่ไกลที่สุดในตอนนี้อยู่ที่ 1 ลี้ !
กองทัพเรือที่หนึ่งในปัจจุบันแตกต่างจากแต่ก่อนมากโข พวกเขาได้ฝึกฝนมาเป็นเวลานาน พวกเขาต่างก็คุ้นชินกับวิธีการใช้ปืนใหญ่และเรือรบ
การถ่ายทอดคำสั่งก็ดีกว่าในคราแรกมากโข วิธีการถ่ายทอดคำสั่งจากเรือธงไปยังเรือลำอื่น ๆ ยังคงใช้สัญญาณธงดังเดิม แต่การถ่ายทอดคำสั่งแต่ละตำแหน่งบนเรือกลับกระจายผ่านเครื่องขยายเสียงภายใน นี่คือสิ่งที่ศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์แห่งต้าเซี่ยค้นคว้าขึ้นมา เดิมทีมันมีนามว่าหูพันลี้
ภายในห้องบัญชาการของเรือรบทุกลำ กัปตันเรือของแต่ละลำสามารถใช้เครื่องขยายเสียงในการถ่ายทอดคำสั่งให้แต่ละฝ่ายได้โดยตรง สะดวกกว่าแต่ก่อนหลายเท่าตัวเลยทีเดียว
ฝ่าบาทได้มอบราชโองการให้เขารบอย่างสุดกำลัง หากสู้มิไหวก็ให้หนี หากหนีมิพ้น ต้องล่อลวงให้ศัตรูขึ้นฝั่งที่หยวนตงเต้าให้จงได้ หากทำลายล้างศัตรูบนบก จะก่อให้เกิดความเสียหายน้อยยิ่งกว่า
จั่วมู่ย่อมมิกล้าขัดคำสั่งของฟู่เสี่ยวกวน ทว่าพวกเขาได้ฝึกฝนมานานถึงเพียงนี้แล้ว ในสงครามครานี้สำหรับเหล่าทหาร ก็คงเป็นเหมือนกับที่เจ้าชั่วเฮ้อซานเตาเอ่ยเอาไว้ว่า คุ้นเคยกับอาวุธราวกับแม่นางในหอชุ่ยหง
ตอนนี้ต้องทำการยืนยันระยะหวังผลปืนใหญ่ของฝ่ายตรงข้ามก่อน ตามขนาดเรือของศัตรูแล้ว เห็นได้ชัดว่าปืนใหญ่ของพวกมันจะต้องน้อยกว่าฝั่งตนเป็นแน่ หากอาศัยความได้เปรียบด้านระยะหวังผล…จั่วมู่วิเคราะห์ว่าจะสามารถเอาชนะศึกครานี้ได้
“ทุกหน่วยจงฟังคำสั่ง ! ”
“กองทัพเรือที่หนึ่ง ให้เคลื่อนตัวเป็นเส้นตรง ลดความเร็วลงครึ่งหนึ่ง ทุกหน่วยจงเข้าประจำตำแหน่ง… ! ”
และตามมาด้วยสัญญาณธง เรือรบ 18 ลำจอดเรียงกันเป็นแนวตรงโดยห่างกันราว 90 จั้ง และมุ่งหน้าตรงไปยังหน่วยเรือรบสำรวจของแกรนด์ดยุกฟิลิป
ในระดับความยาวของแนวป้องกัน เรือรบ 18 ลำเทียบกับเรือรบจำนวน 100 ลำของข้าศึก นี่ก็บ่งชี้แล้วว่าเรือรบของพวกเขา 1 ลำจะต้องเผชิญหน้ากับเรือของศัตรู 6 ลำ
จะสามารถเอาชนะได้หรือไม่ ?
ณ ท่าเรือทหารเซี่ยเย๋ ฟู่เสี่ยวกวนกับไป๋ยู่เหลียนและคนอื่น ๆ ได้ขึ้นไปบนเรือธงกวนหยุนห้าวแล้ว
“หนึ่งต่อหก กองทัพเรือที่หนึ่งจะสามารถเอาชนะได้เยี่ยงนั้นหรือ ? ” ไป๋ยู่เหลียนเอ่ยถามอย่างเป็นกังวล
“มิเป็นไร ! จั่วมู่มิใช่เฮ้อซานเตา หากสู้มิไหว เขาย่อมล่อลวงศัตรูจมดิ่งมหาสมุทรลงไป”
เฮ้อซานเตาที่ยืนอยู่อีกด้านรู้สึกมิดีไปทั้งร่าง