นางบำเรอเติมใจ - ตอนที่ 52
“ไม่ว่า.. หนูจะไม่กลับกับคนใจร้าย ว๊าย” เมื่อทนไม่ได้แกริคจึงเดินเข้าไปดึงเธอออกมาโดยไม่สนอะไรทั้งนั้น ว่าเขาใจร้ายเขาไม่ว่าแต่ทำไมต้องเอาร่างกายไปเบียดกับคนอื่น
ร่างบางลอยหวือเข้ามาอยู่อ้อมกอดของท่านประธานหนุ่ม
“หยุดดื้อได้แล้ว” แกริคปรามเสียงแข็ง ถ้าเขารู้ว่าเธอเมาแล้วเป็นแบบนี้เขาจะไม่ให้เธอดื่มแม้แต่นิดเดียว
“คุณนั่นแหละดื้อ ไม่รักษาสัญญา อึก อึก” คนเมาเถียง แถมตอนนี้ดูเหมือนจะร้องไห้อีก พิรุณรักที่สะกดกลั้นอารมณ์ของตัวเองตั้งแต่อยู่ในงานก็ปล่อยโฮออกมาเมื่อโดนเขาว่า
แกริคใจอ่อนยวบทันที จับศีรษะของหญิงสาวให้แนบกับอกตัวเองแล้วลูบเบาๆ
“ฉันเปล่า” แกริคก้มลงไปพูดกับคนที่สะอื้นอยู่กับอกเขาเสียงเบา
“ไม่เชื่อ หนูเห็น อึก นมยัยนั่นถูกแขนคุณ ตรงนี้ๆ” ไม่ว่าเปล่ามือเล็กๆ ขยี้ลงที่แขนข้างที่บอกว่าโดนนมถู แกริคมองภาพนั้นแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ
จนทุกคนอ้าปากค้างแล้วค้างอีก
ทั้งสองคนทำเหมือนว่าไม่มีใครยืนอยู่ตรงนี้
“ฉันก็ขยับหนีตามที่หนูบอกแล้วไง” ตอนนี้ความโกรธของเขาหายไปเกือบหมดเมื่อเห็นความหึงหวงของคนที่อยู่ในอ้อมกอด
เขาไม่รู้หรอกว่าตื่นมาพิรุณรักจะจำเรื่องตอนนี้ได้รึเปล่า เธอจะโกรธเขารึเปล่าที่ทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนี้รู้เรื่องของเรา แต่เขาไม่สนใจหรอกใครบอกเธอดื้อดื่มจนเมา
“แต่ยัยนั่นตามคุณไป” ร่างบางมุดหน้าเข้ากับอกแกร่งพูดเสียงอู้อี้ แขนแกร่งก็กอดอยู่ที่เอวบางแน่น
“ไม่ได้ทำอะไรเลย”
“จริงนะ”
“อืม” ร่างบางพยักหน้างึกๆ อยู่ที่อกเขา แกริคถอนหายใจเบาๆ เมื่อคนดื้อเข้าใจ
“งั้นกลับบ้านเรากันนะ” ก้มลงพูดชิดหูสวย
“กลับบ้าน” พิรุณรักพึมพำเบาๆ แล้วก็หลับไปในที่สุด
“แยกย้ายกันกลับได้แล้วครับ” แซคเป็นฝ่ายพูดให้ทุกคนได้สติ ทุกคนถึงกลับสะดุ้งสติกลับเข้าร่าง ได้แต่มองพิรุณรักที่อยู่ในอ้อมกอดของแกริคตาปริบๆ
“แล้วเรื่องวันนี้ รู้นะครับว่าต้องทำยังไง” แซคพูดเสียงเรียบ แค่นั้นทุกคนก็รู้ว่าแล้วควรทำยังไง
“ขอบคุณทุกคนมากที่ช่วยดูแลเธอ” แกริคตวัดร่างบางขึ้นอุ้ม แล้วหันไปขอบคุณทุกคนจนทุกคนตั้งรับแทบไม่ทันได้แต่ก้มหัวกันเร็วๆ
“แล้วเจอกันครับ” พูดแค่นั้นแกริคก็เดินออกมาทันที
ทุกคนได้แต่มองตากับปริบๆ
“ฉันยังอึ้งไม่หายเลยพี่” มุตาเขย่าแขนต้นหลิวแรงๆ
“ฉันก็เหมือนกัน” ต้นหลิวพูดเหมือนละเมอ
“ถึงว่าแปลกๆ” ทัศนัยเอ่ยขึ้นลอยๆ
“พี่ดนัยวิญญาณออกจากร่างไปแล้วเหรอนั่น” มีดนัยคนเดียวที่ยังไม่ได้สติเขาเหมือนโดนสาปตั้งแต่เจอสายตาของแกริค เขานึกว่าตัวเองจะตายอยู่ตรงนี้ซะอีก
“แยกย้ายกันกลับได้แล้วครับ แล้วอย่าพึ่งพูดอะไรไปล่ะ” อาเธอร์เรียกสติทุกคนอีกครั้งและย้ำเตือนในสิ่งที่ทุกคนควรทำ
“ครับ” ทัศนัยรับปากแทนทุกคน
ทางด้านของคนที่โดนอุ้มขึ้นรถก็หลับเป็นตายอยู่บนตักแกร่งไม่รับรู้เลยว่าก่อนหน้านี้มีคนได้รับรู้เรื่องที่เธอไม่อยากให้รู้เรียบร้อยแล้ว
แซคเหลือบตาไปมองเจ้านายแล้วยิ้มบางๆ เจ้านายเขานี้เจ้าแผนการจริงๆ เขาไม่เชื่อหรอกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้เจ้านายไม่ได้วางแผนเอาไว้แล้ว อยากจะเปิดตัวกับคนอื่นจะแย่แต่กลัวเมียโกรธ เลยหาเรื่องเนียนๆ ให้คนรู้
“ยิ้มอะไรของนาย”
“ไม่กลัวว่าคุณปลายจะโกรธเหรอครับ” แกริคทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“ยังไงเธอก็โกรธฉันอยู่แล้ว” แกริคคิดว่าตอนนี้เธอก็โกรธเขาอยู่แล้วโกรธอีกนิดก็ไม่เห็นเป็นไร เขาง้อได้
แซคเมื่อได้ยินแบบนั้นก็ไม่พูดอะไรอีกตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเอง จนกระทั่งมาถึงคอนโดแกริคอุ้มร่างบางขึ้นมาบนห้อง
“คุณริคขา”
“หือ” ก่อนที่เขาจะวางเธอลงบนเตียงก็ได้ยินเสียงคนที่อยู่ในอ้อมกอดเรียกชื่อเขาหวานหู เมื่อก้มลงไปดูก็เห็นเธอปรือตามองเขาอยู่
“หนูโกรธ” คนเมาลืมตามองแล้วพูดอย่างใจคิด
“โกรธอะไรนึกว่าเข้าใจแล้วซะอีก เป็นฉันมากกว่าที่โกรธเธอ” เขารู้ว่าเธอต้องโกรธแต่เขาก็อยากหาเรื่องโกรธเธอกลับบ้าง
“หนูไม่ได้ทำอะไรผิด”
“กอดกับผู้ชายคนอื่นต่อหน้าฉันเรียกว่าไม่ผิด”
“คุณก็ทำ” เขานึกว่าเธอเข้าใจแล้วซะอีก นี่เขาต้องมานั่งเถียงกับคนเมาเรื่องเดิมๆ เหรอเนี่ย
“ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ได้ทำอะไร นอนเถอะ” วางร่างบางลงบนเตียง
“คุณจะเบื่อหนูแล้วใช่ไหม อึก อึก” อยู่ๆ ก็กลับมาเข้าโหมดดราม่า
“ใครบอก” เขาลูบผมเธอเบาๆ
“ก็หนูเห็น”
“มันไม่มีอะไร ฉันไม่ได้ทำอะไรเชื่อฉันนะเด็กดี” เขาไม่น่ายั่วอารมณ์เธอด้วยการใช้ผู้หญิงคนนั้นเป็นเครื่องมือเลย
“กอดหนูหน่อย” คนเมางอแงให้กอด
“กอดเฉยๆ เหรอ”
“จูบด้วย”
“ทั้งตัวได้ไหม”
“ได้ค่ะ” แกริคหัวเราะกับท่าทางของเธอที่เผยอปากรอเขา
เมาแล้วหลากหลายอารมณ์จริงๆ แถมยังลืมง่ายอีก
ถ้าเขาจะลักหลับคนเมาอีกสักรอบจะเป็นไรไหมนะ
“เร็วสิคะ” คนที่เผยอปากรอเร่งเมื่อยังไม่ได้รับสัมผัส ร่างใหญ่นั่งลงบนเตียงจับหน้าสวยของเธอไว้จ้องมองคนที่หน้าแดงระรื่นด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์อย่างเอ็นดู
“อย่าโวยวายที่หลังนะ” เธอสะบัดศีรษะแรงๆ ยกมือขึ้นกอดคอแกร่งขยับเบียดร่างกายเข้าหา โน้มคอคนตัวโตลงมาจูบ คนที่โดนรุกอย่างไม่ได้ตั้งตัวผงะเล็กน้อยแล้วจูบตอบเธอย่างดูดดื่ม อารมณ์ของทั้งคู่ร้อนขึ้นเรื่อยๆ แกริคพอใจกับการตอบสนองที่ไวต่อสัมผัสของพิรุณรัก จัดการเสื้อผ้าบนร่างกายของเธอออกจนหมด
“อือ คุณริคขา” เสียงหวานเรียกพร้อมกับแอ่นหน้าอกขึ้นรับปากของเขาที่ครอบครองเธอ
แกริคดูดกลืนความนุ่มหยุดตรงหน้าอย่างเมามัน นี่เขากำลังหาเรื่องให้เธองอนเพิ่มอีกเรื่องใช่ไหม แต่ใครจะไปทนไหวเล่นยั่วกันขนาดนี้
อีกข้างก็ถูกมือใหญ่เคล้นคลึง
ความเสียววาบแล่นไปทั่วร่างของพิรุณรัก ในหัวสมองของเธอตอนนี้อื้ออึงไปหมด ร่างกายร้อนฉ่าไปทั้งตัวต้องการการสัมผัสเติมเต็มจากเขา ฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้ประสาทสัมผัสด้านความคิดของเธอช้าลงแต่ด้านร่างกายด้านอารมณ์ของเธอกลับเพิ่มขึ้น
ใบหน้าสวยหลับพริ้มแหงนเงยไปด้านหลัง สะบัดผมแรงๆ เมื่อโดนดูดดึงยอดอก บางจังหวะเขาขบกัดเบาๆ ทำให้เธอผวากรีดร้องออกมาอย่างควบคุมมันไม่ได้ ลมหายใจหอบสะท้านขึ้นลง
เสื้อผ้าของแกริคยังอยู่ครบความแข็งขึงที่ดันจนแทบทะลุงออกมานอกกางเกงเป็นตัวบ่งบอกว่าความต้องการของเขามีมากล้นแค่ไหน