นางบำเรอก้นครัว ชุด Sweet temptations - ตอนที่ 43
เช้าวันต่อมา เดมอนก็ทำอย่างที่ลั่นวาจาเอาไว้เมื่อคืนจริงๆ เขาพาหล่อนไปจดทะเบียนสมรส ก่อนจะจดทะเบียนรับรองวินเซนต์เป็นบุตรชายที่ถูกต้องตามกฎหมายของตนเอง ทุกอย่างจบสิ้นลงตามความต้องการของคนเผด็จการ
“หมูวินอยากไปเที่ยวไหนครับ เดี๋ยวพ่อพาไป” เดมอนที่เดินจูงมือวินเซนต์ออกมา หยุดเดินและก้มตัวลงถามลูกชายวัยกำลังซนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ผมอยากไปสวนสนุกคับพ่อ”
รอยยิ้มกว้างระบายบนใบหน้าของเดมอน “ตกลงครับ พ่อจะพาหมูวินไปเดี๋ยวนี้”
“เย้…ดีใจที่สุดเลยคับ” วินเซนต์ตื่นเต้นดีใจ แต่กระนั้นก็ยังไม่ลืมที่จะหันมาถามหล่อน
“แม่ไปกับผมนะคับ”
หล่อนกำลังจะอ้าปากตอบตกลง แต่เดมอนแย่งชิงพื้นที่ในการตอบของหล่อนเสียก่อน
“แม่ไม่ค่อยสบายน่ะครับ เมื่อคืนไม่ค่อยได้นอน ให้แม่กลับไปพักผ่อนเนอะ เดี๋ยวเราไปกันสองคน”
หล่อนรู้ทันทีว่าตัวเองกำลังถูกแยกออกจากลูกชาย จนตอนนี้ทุกลมหายใจเข้าออกของวินเซนต์ที่เคยมีแต่หล่อน มันถูกแบ่งออกไปจนแทบไม่เหลืออยู่แล้ว
น้ำตาแห่งความเสียใจน้อยใจซึมสองขอบตา กลีบปากอิ่มสั่นระริก
“ไว้เรา…เจอกันที่บ้านนะครับคนเก่ง”
“คับ” เด็กน้อยตอบรับอย่างว่าง่าย
“หมูวินไปขึ้นรถกับน้าเบนก่อนนะครับ เดี๋ยวพ่อคุยธุระกับแม่แป๊บนึง เสร็จแล้วจะตามไปครับ”
“คับ”
“เบนพาหมูวินไปรอฉันที่รถ” เดมอนหันไปสั่งคนของตัวเอง ซึ่งเบนจามินทร์ก็รีบตอบรับทันที
“ครับนายน้อย”
เบนจามินทร์พาวินเซนต์ไปขึ้นรถแล้ว เดมอนก็เดินเข้ามาหยุดใกล้ๆ หล่อน
“ฉันรู้ว่าเธอไม่ได้อยากจดทะเบียนสมรสกับฉัน แต่อย่างน้อยๆ ก็ควรจะยิ้มแย้มเพื่อลูกบ้าง ไม่ใช่หน้าเศร้าราวกับคนแบกโลกเอาไว้ทั้งใบแบบนี้”
“แพง…”
“ฉันหวังว่าเธอคงจะขึ้นรถกลับบ้านเองถูกนะ”
เดมอนไม่กลัวว่าหล่อนจะหนีหายไป เพราะเขามั่นใจว่าหล่อนไม่มีทางทิ้งลูกชายได้แน่ๆ
“นี่ค่ารถ”
แล้วเขาก็หยิบเศษเงินมาปาใส่หน้าหล่อน กระดาษพวกนั้นร่วงลงกับพื้น พร้อมๆ กับหยาดน้ำตาของหล่อน กลีบปากอิ่มสั่นระริก ก้อนสะอื้นหลุดออกมาจากลำคอ เมื่อคนใจร้ายก้าวผ่านหน้าไปอย่างไม่ไยดี
และไม่นานรถคันงามก็แล่นผ่านหน้าไป ในขณะที่หล่อนยืนร้องไห้แข้งขาไร้เรี่ยวแรงอยู่ที่เดิม
“พ่อคับ แม่กลับบ้านยังไงเหรอคับ” วินเซนต์หันมองไปยังท้ายรถเพื่อมองมารดาของตัวเอง
เดมอนที่นั่งขบกรามแน่นจนแทบแตกระเบิดจำต้องสะกดกลั้นโทสะเอาไว้ และฝืนยิ้มให้กับลูกชาย
“แม่นั่งรถแท็กซี่กลับครับ”
ลูกชายพยักหน้าตอบรับ และไม่ได้สนใจอีก เพราะหันไปเล่นหุ่นยนต์ที่ถือติดมือมาจากบ้านแทน ตรงกันข้ามกับเขาที่ยังคงนั่งเดือดดาลเช่นเดิม
เขาเกลียดสีหน้าซีดขาวเศร้าสร้อยของพะแพงที่สุด ทั้งๆ ที่เขาตื่นเต้นจนแทบนอนไม่หลับ เพราะจะได้จดทะเบียนสมรสกับหล่อน แต่แม่คุณกลับทำหน้าราวกับกินยาเบื่อเข้าไปทั้งขวด
หล่อนควรจะกระโดดกรีดร้องด้วยความดีใจสิที่ได้เป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของผู้ชายเพอร์เฟกต์เช่นเขา ไม่ใช่มาทำหน้าราวกับอยากจะตายแบบนี้
“ผู้หญิงบ้า”
เขาสบถในลำคออย่างโมโห พยายามบอกตัวเองให้ใจเย็นๆ แต่ก็ทำได้ยากเย็นเหลือเกิน
หลังจากพาวินเซนต์กลับมาจากสวนสนุก เขาก็เฝ้ารอการกลับมาของพะแพงอย่างร้อนรน แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของหล่อน
“หายหัวไปไหนของเธอ แพตตี้”
เขาเดินกลับไปกลับมาราวกับหนูติดจั่น ในใจเต็มไปด้วยไฟร้อนๆ และก็อดก่นด่าตัวเองไม่ได้ ที่ปล่อยให้พะแพงกลับบ้านคนเดียว
“ป้ามิเชลล์ แพตตี้กลับมาหรือยังครับ”
“ยังเลยค่ะนายน้อย”
“บ้าจริง ไปมุดหัวอยู่ที่ไหนเนี่ย!”
เขาสบถอย่างหัวเสีย ในใจอัดแน่นไปด้วยความรู้สึกมากมาย โกรธ โมโห และก็เป็นห่วง ใช่…ถ้าพะแพงเป็นอะไรไป เขาจะทำยังไง เขาจะอยู่ยังไง
“แล้ว…ทำไมเธอไม่กลับมาพร้อมกับนายน้อยล่ะคะ” ในที่สุดป้ามิเชลล์ก็ถามสิ่งที่ค้างคาใจออกมา
เดมอนขบกรามแน่น ก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับเจ้าของคำถาม “ผมโมโหเธอ ก็เลยไล่ให้เธอกลับบ้านเอง”
“โธ่ นายน้อย…”
“ผมรู้ว่าผมเอาแต่ใจเกินไป ดังนั้นป้ามิเชลล์อย่ามาตอกย้ำผมเลยนะครับ” ในจังหวะที่เดมอนกำลังพูดอยู่กับป้ามิเชลล์นั้น เชลดอนก็วิ่งเข้ามาหา
“นายน้อยครับ หาไม่เจอครับ”
“บ้าเอ๊ย แล้วแม่นั่นไปมุดหัวอยู่ที่ไหนเนี่ย”
“เธออาจจะหลงทางก็ได้นะครับ” เชลดอนออกความคิดเห็น ก่อนที่ป้ามิเชลล์จะแทรกขึ้นบ้างอย่างหมั่นไส้เจ้านายตัวเอง
“หรือไม่ก็ถูกแท็กซี่พาไปปู้ยี่ปู้ยำแล้วล่ะค่ะ”
“ป้ามิเชลล์!” เดมอนตวาดลั่น ป้ามิเชลล์จึงก้มหน้าและเดินล่าถอยออกไป
เชลดอนเห็นใบหน้าขาวซีดของเจ้านายก็อดที่จะสงสารไม่ได้ นี่เป็นครั้งแรกที่เดมอนแสดงความหวาดกลัวออกมาทางสีหน้าและแววตา ซึ่งยืนยันได้อย่างชัดเจนว่าเดมอนรักพะแพงจริงๆ
“คุณแพตตี้คงไม่เป็นอะไรหรอกครับ เธออาจไปนั่งเล่นที่ไหนสักแห่งก็ได้ครับ เดี๋ยวก็คงกลับ”
“แต่นี่มันเย็นแล้วนะเชลดอน จะหกโมงแล้ว แถมฝนก็กำลังจะตกด้วย”
ความรู้สึกห่วงใยที่เดมอนไม่เคยรู้ตัวมาก่อนเลยว่าจะมีระเบิดแน่นอก
“ฉันจะออกไปตามหาแพตตี้”
“ให้ผมขับรถไปให้นะครับ”
“ไม่ต้อง ฉันไปเอง นายอยู่ที่นี่ดูแลหมูวินเถอะ”
“แต่ฝนกำลังจะตกนะครับ นายน้อยขับรถเองอันตราย…”
เชลดอนเต็มไปด้วยความเป็นห่วง แต่เดมอนเป็นห่วงพะแพงมากกว่าสิ่งใดแล้วตอนนี้
“ฉันอยู่ในรถไม่เปียกหรอก แต่แพตตี้อาจจะเปียกฝนก็ได้ ฉันไปล่ะ”
เชลดอนมองตามร่างที่วิ่งหายออกไปจากบ้านของเดมอนด้วยความวิตกกังวล
“ผู้ชายที่ไม่เคยคิดจะรักใคร พอมีความรักขึ้นมาช่างรุนแรงเหลือเกิน”
รถสปอร์ตคันงามของเดมอนแล่นออกจากรั้วบ้าน ขับมุ่งหน้าไปตามท้องถนนอย่างไร้จุดหมาย สายฝนเทกระหน่ำลงมาจนที่ปัดน้ำฝนทำงานถี่ระรัว หัวใจของเขาคล้ายกับถูกทิ่มแทงด้วยคมมีด เมื่อคิดภาพของพะแพงยามอยู่ท่ามกลางสายฝน
“ฉันขอโทษ…ฉันใจร้ายเกินไป…”
เขาพึมพำด้วยความละอายใจ หัวใจไม่เคยหวาดกลัวเช่นนี้มาก่อน ดวงตาสีฟ้าเข้มชะเง้อมองฝ่าละอองฝนไปตามข้างทาง ก่อนจะรีบเบรกกะทันหัน เมื่อเห็นร่างอรชรคุ้นตานั่งกอดอกตัวลีบอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่
เดมอนรีบเปิดประตูและพุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็ว ความเปียกปอนที่เกิดจากสายฝนไม่ได้ทำให้เขาสะท้านเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องทำให้เร็วที่สุดก็คือ การดึงร่างสั่นเทาของพะแพงเข้ามาในอ้อมแขน และกอดหล่อนให้แน่นที่สุด
“แพตตี้…”
คนที่นั่งร้องไห้ด้วยความหวาดกลัวและเหน็บหนาวเงยหน้ามองฝ่าสายฝนไปก็เห็นเดมอน ผู้ชายที่หล่อนไม่เคยคาดคิดว่าจะมายืนตากฝนอยู่ตรงหน้า
“นายน้อย…”
“เธอมาทำบ้าอะไรอยู่ตรงนี้ ฮึ!”
เขาเปิดฉากด่าว่าหล่อน ก่อนจะกระชากร่างของหล่อนเข้าไปกอดแนบอก
หล่อนร้องไห้ออกมา “แพง…กำลังจะกลับบ้านค่ะ แต่ว่า…ฝนตกเสียก่อน”
“เธอใช้เวลาสี่ห้าชั่วโมงในการเดินทางเนี่ยนะ”
เขาดันหล่อนออกห่างเล็กน้อย และมองหล่อนผ่านสายฝนที่ตกกระหน่ำไม่หยุด
“แพง…”
“ฉันจะทำโทษเธอให้หนักเชียว”
แล้วเขาก็กระชากแขนของหล่อนให้เดินตรงไปที่รถ และยัดหล่อนเข้าไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็วิ่งอ้อมตัวรถขึ้นมานั่งหลังพวงมาลัย
หล่อนหันไปมองหน้าเขา มองใบหน้าที่เปียกโชกไปด้วยหยาดฝน รวมถึงเนื้อตัวของเขาด้วย
“นายน้อย…มาทำอะไรแถวนี้คะ” หล่อนถามเขาเสียงแผ่วเบา ปากอิ่มสั่นระริก
เดมอนหันมามองพะแพงด้วยสายตาโล่งใจระคนโมโห ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะพูดให้หล่อนเจ็บช้ำแทนการบอกความจริง
“ฉันจะไปหาเมียน้อย แล้วบังเอิญหันมาเห็นเธอพอดี ก็เลยจำใจต้องจอดรถลงไปหายังไงล่ะ”
คนฟังเม้มปากแน่นเป็นเส้นตรง ถึงเขาไม่บอก หล่อนก็พอจะเดาออกอยู่แล้วล่ะว่าผู้ชายอย่างเดมอนไม่มีทางออกมาตามหาผู้หญิงไร้ค่าเช่นหล่อนหรอก
“แพงเลยทำให้นายน้อย…เปียกหมดเลย…” หล่อนพูดทั้งน้ำตาและก็รีบหันหน้าหนี มือใหญ่ยื่นมากระชากคางมน และเมื่อหล่อนหันกลับมา ปากร้อนอบอุ่นของเขาก็ทาบลงมาบนกลีบปากเย็นจืดของหล่อนอย่างแม่นยำ
“อื้อ…”
เสียงอุทานตกใจของหล่อนถูกกลืนหายลงไปในลำคอแกร่งจนหมด รอยจุมพิตร้อนแรงปลุกเร้าให้ร่างกายของหล่อนร้อนฉ่าทั้งๆ ที่เสื้อผ้าเปียกชุ่ม
เขาถอนปากออกและจ้องหน้าหล่อนเขม็ง แวบหนึ่งหล่อนเห็นความห่วงใยในดวงตาสีฟ้าเข้ม แต่ไม่นานมันก็จางหายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
“ฉันจะไม่ปล่อยให้ผู้หญิงโง่แบบเธอกลับบ้านเองอีกแล้ว สาบาน!”
เขากระแทกกระทั้นคำพูดออกมา ก่อนจะขับรถออกไปจากตรงนั้น และมุ่งหน้ากลับคฤหาสน์หลังงาม