นางบำเรอก้นครัว ชุด Sweet temptations - ตอนที่ 33
“แน่ใจแล้วเหรอแพงว่าจะลาออกน่ะ”
กิ่งแก้วถามกลับมาตามสายโทรศัพท์ด้วยความไม่สบายใจ เมื่อพะแพงโทรมาขอร้องให้หล่อนเขียนใบลาออกจากบริษัทให้ในวันพรุ่งนี้ และหล่อนก็พยายามถามหาสาเหตุ แต่พะแพงไม่ยอมปริปากบอก
“แพงแน่ใจค่ะ แพงฝากขอโทษพี่หญิงด้วยนะคะ ที่ไม่ได้ไปเขียนใบลาออกด้วยตัวเอง”
กิ่งแก้วถอนหายใจออกมาอย่างอ่อนใจ “แล้วทำไมจู่ๆ ถึงลาออกล่ะ หรือว่าไม่พอใจอะไรท่านประธาน”
เมื่อกิ่งแก้วพูดถึงเดมอน น้ำตาของหล่อนก็เอ่อล้นขึ้นมาคลอสองหน่วยตา แต่ก็ต้องปากแข็งต่อไป
“ไม่เกี่ยวกับท่านประธานหรอกค่ะ แต่แพงแค่คิดว่าตัวเองไม่เหมาะจะทำงานที่นั่นอีก”
“พี่ว่าแพงต้องมีปัญหาอะไรแน่ๆ แต่ไม่ยอมบอกพี่”
“แพงไม่มีปัญหาอะไรจริงๆ ค่ะพี่กิ่ง” พะแพงยังคงยืนยัน แต่กิ่งแก้วแสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าไม่เชื่อ
“เมื่อวันก่อน แพงยังบอกกับพี่อยู่เลยว่าจะทำงานที่นี่ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ จะทำจนกว่าเจ้าของจะไล่แพงออก แล้วทำไมวันนี้แพงถึงเปลี่ยนใจล่ะ มันเกิดอะไรร้ายแรงขึ้นหรือเปล่า หรือว่าท่านประธานคนใหม่ไม่ชอบแพง”
เดมอนไม่ใช่แค่ไม่ชอบขี้หน้าหล่อน แต่เขาเกลียดชังหล่อนเลยต่างหาก
“ไม่มีอะไรจริงๆ ค่ะพี่กิ่ง แพงแค่อยากเปลี่ยนงานจริงๆ ค่ะ”
“แพง…คิดดูให้ดีๆ นะ งานสมัยนี้มันหายาก แล้วถ้าลาออกไปโดยที่ยังไม่มีงานรองรับ ลูกของแพงจะเอาอะไรกิน หมูวินยังเล็กนะ ยังต้องใช้เงินอีกเยอะ”
คำพูดของกิ่งแก้วทำให้พะแพงต้องหันมามองลูกชายที่กำลังนั่งทำการบ้านอยู่กลางห้อง หยาดน้ำตาไหลรินออกมาอาบแก้ม ความปวดร้าวบีบคั้นหัวใจจนแทบแหลกสลาย
ถ้าหล่อนไม่ลาออก สักวันเดมอนก็จะต้องรู้ว่าวินเซนต์เป็นลูกของเขา และหากวันนั้นมาถึง หล่อนก็คงจะต้องตกลงไปในขุมนรกอีกครั้ง และแน่นอนว่าครั้งนี้หล่อนจะไม่มีทางปีนป่ายมันขึ้นมาได้อีกแล้ว
“แพง…พอมีคนรู้จักอยู่ค่ะ คงหางานได้ไม่ยาก ขอบคุณพี่กิ่งมากนะคะที่เป็นห่วง แล้วแพงจะติดต่อไปค่ะ” หล่อนตัดบทเพราะก้อนสะอื้นกำลังจะทะลักขึ้นมาจากอก “ลาก่อนค่ะพี่กิ่ง”
“แพง เดี๋ยวสิ…แล้วจะให้พี่บอกท่านประธานว่ายังไงล่ะ เหตุผลที่แพงลาออกน่ะ”
พะแพงเม้มปากเป็นเส้นตรง รีบยกมือขึ้นป้ายน้ำตาทิ้งเมื่อลูกชายหันมาส่งยิ้มให้ หล่อนยิ้มตอบให้กับลูก ก่อนจะยกมือขึ้นป้องปาก และตอบกิ่งแก้วออกมา
“บอกว่าแพงได้งานใหม่ก็แล้วกันค่ะ”
“แน่ใจนะแพง”
“ค่ะ แพงแน่ใจ” หล่อนกลืนก้อนสะอื้นลงไปในอกอย่างยากลำบาก “พี่กิ่งรับปากแพงเรื่องหนึ่งได้ไหมคะ”
“อะไรเหรอแพง”
“ถ้าใครถามว่าแพงพักอยู่ที่ไหน พี่กิ่งห้ามบอกเด็ดขาด แพงขอร้องล่ะค่ะ” ที่บริษัทมีเพียงกิ่งแก้วคนเดียวที่เคยมาหาหล่อนที่บ้านเช่าหลังนี้
“ทำไมล่ะ”
“คือแพง…ไม่อยากตอบคำถามน่ะค่ะว่าลาออกทำไม พี่กิ่งสัญญากับแพงนะคะว่าจะไม่บอกใคร แม้แต่…ท่านประธานคนใหม่”
“ได้พี่รับปาก ยังไงว่างๆ แล้วพี่จะแวะไปเยี่ยมแพงกับหมูวินนะ”
“ขอบคุณค่ะพี่กิ่ง งั้นแพงขอตัวก่อนนะคะ”
“จ้า โชคดี”
พะแพงกล่าวขอบคุณกิ่งแก้วอีกครั้งก่อนจะตัดสายสนทนา และนั่งร้องไห้เงียบๆ ซึ่งวินเซนต์หันมาเห็นพอดีก็เดินถือสมุดเล่มหนึ่งเข้ามาหามารดา
“แม่จะไม่ไปทำงานแล้วเหรอคับ”
พะแพงรีบเช็ดน้ำตาและปั้นยิ้มให้กับลูกชายที่แสนรู้เกินวัย “หมูวินรู้ได้ยังไงลูก”
“ผมได้ยินแม่คุยโทรศัพท์กับป้ากิ่งเมื่อกี้นี้คับ”
หล่อนสะเพร่าเองนั่นแหละที่เผลอคุยเรื่องสำคัญแบบนี้ใกล้ๆ วินเซนต์
“พอดีแม่กำลังมองหางานใหม่น่ะครับ”
เด็กตัวน้อยยิ้มกว้าง ก่อนจะยื่นสมุดที่เปิดกางเอาไว้ให้กับมารดา และพูดด้วยความดีใจตามประสาเด็ก
“ผมมีงานให้แม่ทำคับ”
คิ้วโก่งสวยตามธรรมชาติของพะแพงเลิกสูง ก่อนจะจ้องมองตัวเลขที่บรรจงเขียนเอาไว้บนสมุดของลูกชาย
“เบอร์ใครหรือครับหมูวิน”
“คุณลุงลูกโป่งคับ”
“หือ?”
“ความจริงคุณลุงชื่อโดราเอมอน แต่ผมเรียกลุงลูกโป่ง เพราะคุณลุงเป็นเจ้าของลูกโป่งคับ”
พะแพงพยายามคิดตามคำพูดฉะฉานของลูกชาย ก่อนจะร้องอ๋อออกมา
“คนที่หมูวินวิ่งตามไปขอลูกโป่งใช่ไหมครับ”
“คับ”
เมื่อลูกชายตอบรับ หล่อนก็อดที่จะเอียงคอถามกลับด้วยความแคลงใจไม่ได้
“แล้ว…หมูวินไปเอาเบอร์โทรของคุณลุงคนนั้นมาได้ยังไงคับ วันนั้นที่เจอกัน หมูวินก็ไม่ได้เอากระเป๋านักเรียนลงไปจากรถนี่นา หรือว่าเอาลงไปแล้วแม่จำไม่ได้”
เด็กชายเห็นมารดากำลังมึนงงก็เอ่ยขึ้น “ผมเจอคุณลุงเมื่อตอนเย็นคับ”
“ตอนเย็นนี้เหรอ”
“คับ”
“เจอที่ไหนหมูวิน” พะแพงเริ่มไม่สบายใจ
“เจอที่โรงเรียนคับ ก่อนที่แม่จะมาแป๊บนึง”
พะแพงเอียงคอพยายามครุ่นคิด “งั้นก็แสดงว่า คุณลุงลูกโป่งมีลูกเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกันกับหมูวินน่ะสิ”
วินเซนต์ส่ายหน้าไปมา “ไม่ใช่คับ คุณลุงบอกว่ายังไม่มีลูกคับ”
“ถ้าไม่มีลูก แล้วทำไมคุณลุงลูกโป่งไปที่โรงเรียนอนุบาลล่ะครับ” พะแพงอดสงสัยไม่ได้ แต่ลูกชายก็ได้แต่ส่ายหน้าเป็นคำตอบ
“ผมไม่รู้คับแม่”
“ช่างเถอะ” หล่อนยิ้มตอบลูกชาย ก่อนจะยื่นสมุดกลับคืนให้ แต่วินเซนต์ทักท้วง
“แม่ไม่โทรหาคุณลุงเหรอคับ คุณลุงบอกว่ามีงานให้แม่ทำ แถมให้เลิกก่อนเวลาเพื่อมารับผมด้วยนะคับ”
หล่อนดึงลูกชายเข้ามากอด จูบเบาๆ ที่แก้มยุ้ย “คุณลุงลูกโป่งน่าจะพูดเล่นน่ะครับ”
“คุณลุงพูดจริงคับ แม่โทรไปหาคุณลุงนะคับ นะคับแม่”
พะแพงรู้ดีว่าไม่มีใครใจดีมอบสิ่งดีๆ ให้โดยไม่หวังผลตอบแทนหรอก และคุณลุงลูกโป่งของวินเซนต์เป็นคนยังไงหล่อนก็ยังไม่รู้เลย ไว้ใจได้หรือเปล่าก็ไม่รู้
“เอาไว้แม่โทรพรุ่งนี้นะครับ” หล่อนผัดผ่อน และไม่คิดจะโทรหาอย่างที่บอกลูกชาย
“โทรเลยนะคับแม่…ผมอยากคุยกับคุณลุงด้วย”
“หมูวินครับ นี่ดึกแล้ว แม่คิดว่าคุณลุงลูกโป่งน่าจะพักผ่อนแล้วล่ะครับ เชื่อแม่นะครับ เอาไว้พรุ่งนี้”
เด็กน้อยยังคงหน้ายู่ และก็ทำให้หล่อนไม่มีทางเลือก จำต้องหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาต่อสายหาคุณลุงลูกโป่งคนนั้น
“ผมขอคุยกับคุณลุงก่อนได้ไหมคับ”
“ได้จ้ะ”
หล่อนยื่นโทรศัพท์มือถือให้ลูกชาย วินเซนต์ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ รีบยกเจ้าอุปกรณ์สื่อสารขึ้นแนบหูทันที
“คุณลุงคับ ผมวินเซนต์คับ จำผมได้ไหมคับ”
เดมอนที่กำลังยืนเช็ดเส้นผมที่เปียกอยู่หน้ากระจกหัวเราะออกมาตามสาย เพราะไม่คิดว่าเด็กน้อยจะโทรมาหาจริงๆ
“จำได้สิ เสียงสดใสแบบนี้จะเป็นหมูไหนไปได้ นอกจากหมูวิน”
วินเซนต์หัวเราะคิกคัก “คุณลุงคุยกับแม่ผมนะคับ แม่ผมอยากได้งานทำ” เด็กน้อยยื่นโทรศัพท์ให้กับมารดาของตัวเอง พะแพงกระอักกระอ่วนใจ แต่ก็จำต้องรับมาถือเอาไว้ และยกขึ้นแนบหู
“เอ่อ สวัสดีค่ะ ดิฉันเป็นแม่ของหมูวิน…” หญิงสาวกรอกเสียงไปตามสายอย่างเกรงอกเกรงใจ “ถ้าหมูวินรบกวนอะไรคุณ ดิฉันต้องขอประทานโทษด้วยนะคะ คราวหน้าคราวหลังจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกแล้วค่ะ”
พะแพงไม่รู้เลยว่าขณะที่ตัวเองกำลังพูดพร่ำขอโทษขอโพยด้วยความเกรงใจอยู่นั้น คนปลายสายกำลังรู้สึกยังไง
เดมอนกำโทรศัพท์มือถือแน่น ดวงตาคมกริบเบิกกว้าง เขาช็อกไม่น้อยที่ได้ยินเสียงหล่อนมาตามสาย
‘แพตตี้’
ชายหนุ่มคำรามลั่นอก กรามแกร่งขบกันเป็นสันนูนเป่ง ไม่น่าเชื่อว่าโลกจะกลมได้ขนาดนี้ เจ้าเด็กน้อยที่เขาเอ็นดู ที่แท้ก็เป็นลูกชายของพะแพงนั่นเอง
“ไม่เป็นไรครับ” เดมอนจำต้องดัดเสียงตอบกลับไป เมื่อคนปลายสายถามกลับมาหลายครั้ง “เห็นว่าคุณกำลังมองหางานใหม่ อย่างนั้นหรือครับ”
“เอ่อ…ก็ไม่เชิงหรอกค่ะ”
“คุณกำลังจะลาออกจากงานเดิมอย่างนั้นหรือครับ” เดมอนยังคงปั้นเสียงถามกลับไปเช่นเดิม ในขณะที่ภายในอกกำลังเดือดปุดๆ ด้วยโทสะ
“ค่ะ ดิฉันลาออกจากที่เดิมแล้ว และกำลังจะหาสมัครงานที่ใหม่”
ลาออก? หล่อนลาออกตั้งแต่เมื่อไหร่กัน นี่คงคิดจะหนีหน้าเขาชัดๆ คิดหรือว่าจะหนีพ้น
เดมอนคิดในใจอย่างเดือดดาล กำมือแน่น ก่อนจะเค้นเสียงพูดออกไป
“งั้นมาทำงานกับผมสิ ผมมีงานดีๆ ให้ทำ”
“เอ่อ ไม่รบกวนดีกว่าค่ะ แค่หมูวินคนเดียวก็ทำให้คุณลำบากแย่แล้ว”
“ไม่เลยครับ ผมยินดี”
ทำไมพะแพงถึงรู้สึกได้ว่ากระแสเสียงแปร่งนั้นเปลี่ยนไปเป็นกระด้างดุดันแสนคุ้นเคย ไม่หรอก หล่อนคงคิดมากไปเอง
“ขอบคุณมากค่ะ แต่ดิฉันไม่อยากรบกวนคุณจริงๆ ค่ะ”
“อย่าปฏิเสธเลยครับ ผมเต็มใจช่วย เพราะผมเอ็นดู…วินเซนต์”
ทำไมผู้ชายคนนี้จะต้องพูดเน้นเสียงที่ชื่อลูกชายของหล่อนด้วยนะ แปลกจริง หรือว่าหล่อนหูฝาดไป
“แต่ว่า…”
“เอาอย่างนี้นะครับ พรุ่งนี้คุณรอผมอยู่ที่โรงเรียนของวินเซนต์ ผมจะไปรับคุณที่นั่น และจะพาไปทดลองทำงาน”
“คือว่า…ฉัน…” พะแพงไม่สะดวกใจ เพราะหล่อนยังไม่เคยเห็นหน้าค่าตาคุณลุงลูกโป่งของลูกชายมาก่อนเลย แต่ก็ถูกเขาต้อนเสียจนมุมไม่มีทางเลี่ยง
“ผมไม่ใช่ผู้ร้าย ไม่เชื่อถามลูกชายคุณดูสิครับ”
“งั้น…เรานัดกันที่ร้านกาแฟใกล้ๆ โรงเรียนดีไหมคะ”
เดมอนแค่นยิ้มกับโทรศัพท์มือถือของตัวเอง “ถ้าคุณสะดวกใจแบบนั้น ผมก็ยินดีครับ”
“ขอบคุณมากนะคะ ไว้พรุ่งนี้เจอกันค่ะ”
“ด้วยความยินดีครับ คุณ…พะแพง”
“นี่คุณรู้ชื่อฉันได้ยังไงคะ” หล่อนละล่ำละลักถามออกไปด้วยน้ำเสียงแปลกใจ และก็ได้ยินเสียงหัวเราะหึๆ จากผู้ชายปลายสาย ก่อนที่เขาจะตอบออกมา
“ลูกชายคุณบอกผมน่ะครับ เอาเป็นว่าเจอกันพรุ่งนี้เก้าโมงตรงนะครับ”
“ค่ะ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ”
ผู้ชายปลายสายวางสายไปแล้ว ในขณะที่หล่อนยังคงเต็มไปด้วยความแคลงใจมากมาย
ทำไมหล่อนต้องรู้สึกเหมือนคุ้นเคยกับผู้ชายคนนี้ด้วย ทั้งๆ ที่มั่นใจว่าไม่เคยรู้จักมาก่อน สงสัยหล่อนจะคิดมากไปนั่นเอง พะแพงถอนหายใจออกมา ก่อนจะหันไปยิ้มกับลูกชาย
“พรุ่งนี้แม่จะไปเจอคุณลุงลูกโป่งของหมูวินนะครับ”
“เย้…ดีใจจังคับ”
“ทำไมจะต้องกระโดดดีใจตัวลอยด้วยล่ะครับคนเก่ง”
เด็กน้อยยิ้มกว้างจนตาหยี “ก็ผมดีใจที่แม่จะได้เจอกับคุณลุงลูกโป่งของผมนี่ครับ”
“จ้า ตอนนี้ก็กลับไปทำการบ้านต่อได้แล้วใช่ไหมครับ เด็กชายวินเซนต์”
“คับผม”
วินเซนต์ตอบรับด้วยรอยยิ้มน่ารัก ก่อนจะรีบวิ่งกลับไปก้มหน้าก้มตาทำการบ้านของตัวเองต่อทันที
พะแพงถอนหายใจแผ่วเบา ก่อนจะนั่งกุมโทรศัพท์มือถือ และเหม่อลอยคิดถึงเดมอนเงียบๆ
ในขณะที่พะแพงกำลังนั่งเหม่อลอยอยู่นั้น เดมอนคนที่หล่อนคิดถึงก็กำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ และพยายามคิดทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น รวมถึงเรื่องของวินเซนต์ด้วย
“ไม่คิดว่าโลกจะกลมแบบนี้นะ แพตตี้”
เขาขบกรามแน่นจนขึ้นสันนูนเป่ง พร้อมๆ กับคำพูดของแม่ม่ายลูกติดที่โรงเรียนคนนั้นดังระเบิดขึ้นในหัวจนเนื้อสมองของเขาแทบกระจุย
‘ก็หน้าตาของเด็กคนนั้นถอดแบบมาจากคุณราวกับแกะเลยนี่คะ’
เพราะอย่างนี้นี่เอง เขาถึงรู้สึกว่าเด็กชายช่างคุ้นตาคุ้นใจ ที่แท้…เรื่องมันก็เป็นแบบนี้นี่เอง
“แพตตี้…เธอจะต้องได้รับโทษทัณฑ์อย่างสาสมกับสิ่งที่เธอทำลงไป!”