“อย่าดื้อกับคุณครูนะครับหมูวิน” พะแพงจูบแก้มยุ้ยๆ ของลูกชายและก็อดกำชับไม่ได้
เด็กชายตัวจ้อยยิ้มแป้นจนตาหยี “ผมไม่เคยดื้อเลยคับแม่”
“ครับคนเก่ง” พะแพงยกมือขึ้นยีเส้นผมของบุตรชายอย่างมันเขี้ยว ก่อนจะลุกขึ้นยืน “แม่ไปทำงานก่อนนะครับ แล้วตอนเย็นแม่จะรีบมารับหมูวิน”
“คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ หมูวินเป็นเด็กดีค่ะ” คุณครูประจำชั้นเอ่ยชื่นชมและจูงมือวินเซนต์เอาไว้
พะแพงเอ่ยขอบคุณคุณครูประจำชั้นของลูกชาย โบกมือให้อีกครั้งก่อนจะเดินไปที่รถ
เสียงกรีดร้องแผ่วเบาของเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือดังขึ้นพอดีเมื่อหญิงสาวก้าวขึ้นมาบนรถ
“สวัสดีค่ะพี่กิ่ง มีอะไรด่วนหรือเปล่าคะ” น้ำเสียงของกิ่งแก้วเต็มไปด้วยความตื่นเต้น จนหล่อนอดสงสัยไม่ได้
“วันนี้ท่านประธานคนใหม่จะมา”
พะแพงเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ ก่อนจะกรอกเสียงถามไปตามสายโทรศัพท์
“แต่กำหนดเข้าของท่านประธานคนใหม่เป็นวันพรุ่งนี้ไม่ใช่เหรอคะพี่กิ่ง”
“เห็นว่าเปลี่ยนแปลงกะทันหันน่ะ ยังไงแพงก็รีบเข้ามาเถอะ ถ้าท่านประธานคนใหม่มาถึงแล้วไม่เจอเลขาฯ เดี๋ยวจะยุ่ง”
หล่อนเข้าใจดีว่ากิ่งแก้วเป็นห่วง เพราะหล่อนเป็นคนเดียวของบริษัทที่ได้รับอนุญาตให้เข้าทำงานสายกว่าทุกคนได้ครึ่งชั่วโมง และเลิกงานก่อนคนอื่นหนึ่งชั่วโมง เนื่องจากมีภาระต้องไปรับส่งวินเซนต์ที่โรงเรียนทุกวัน ซึ่งท่านประธานคนเก่าเข้าใจดี และอนุญาต แต่สำหรับท่านประธานคนใหม่นี่สิ หล่อนไม่รู้เลยว่าเขาจะใจดีเหมือนกับหัวหน้าคนเก่าของหล่อนหรือเปล่า
“ขอบคุณมากค่ะพี่กิ่ง แพงจะรีบไปนะคะ แต่ไม่รู้ว่าจะทันหรือเปล่า เพราะว่าที่หน้าโรงเรียนหมูวินรถติดมากเลยค่ะ”
“ยังไงก็รีบๆ มาให้เร็วที่สุดนะ ส่วนทางนี้พี่จะพยายามรับหน้าแทนให้ก่อน”
“ขอบพระคุณมากค่ะพี่กิ่ง”
“ไม่เป็นไร รีบมาล่ะ”
กิ่งแก้ววางสายไปแล้ว ในขณะที่หล่อนหน้าตายังคงเต็มไปด้วยความเป็นกังวล หล่อนภาวนาให้ท่านประธานคนใหม่ซึ่งเป็นเจ้านายโดยตรงของตนเองใจกว้างด้วยเถอะ
พะแพงรีบเคลื่อนรถคันเล็กของตัวเองออกจากที่จอด และพาขึ้นไปวิ่งบนท้องถนนเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่กระนั้นการจราจรหน้าโรงเรียนในยามเช้าก็ไม่อำนวยเลยสักนิด รถของหล่อนติดแหง็กอยู่บนท้องถนนยาวนาน
พะแพงวิ่งกระหืดกระหอบมายังโต๊ะทำงาน ผมเผ้าของหล่อนยุ่งเหยิงเพราะเลือกที่จะจอดรถเอาไว้กลางทางและนั่งวินมอเตอร์ไซค์มาแทน
“แพง หัวยุ่งเชียว” กิ่งแก้วรีบเอ่ยทัก
“แพงนั่งวินมาค่ะพี่กิ่ง ว่าแต่ท่านประธานคนใหม่มาหรือยังคะ”
กิ่งแก้วรีบเดินเข้ามาหา ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “มาแล้ว อยู่ในห้องทำงานน่ะ”
“ตายแล้ว…งั้นแพงขอตัวนะคะ” พะแพงถลาจะเข้าไปหาเจ้านายคนใหม่ เพื่อขอโทษขอโพยที่ตัวเองมาทำงานสาย แต่กิ่งแก้วคว้าแขนเอาไว้เสียก่อน
“เดี๋ยวก่อนสิแพง”
“ทำไมล่ะคะพี่กิ่ง แพงจะรีบเข้าไปหาท่านประธานคนใหม่ค่ะ”
“ไม่ต้องรีบหรอก ท่านประธานคุยอยู่กับบอสน่ะ”
พะแพงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก “เขายังไม่ได้ถามหาแพงใช่ไหมคะ”
“ถามตอนเดินเข้ามาน่ะว่าเลขาฯ ผมไปไหน แต่ก็ไม่เห็นว่าอะไรต่อนะ” กิ่งแก้วเล่า ก่อนจะพูดต่อ “แต่พี่อยากจะบอกว่า ท่านประธานหล่อมากกกกก พูดไทยชัดด้วย”
แม้ว่ากิ่งแก้วจะเต็มไปด้วยความตื่นเต้นระริกระรี้ แต่พะแพงก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี
“ไม่ต้องทำหน้าซีดแบบนั้นหรอกแพง จากที่พี่เห็นท่านประธานนะ พี่ว่าท่านใจดีไม่แพ้บอสของเราหรอก”
กิ่งแก้วพูดให้กำลังใจ พะแพงฝืนยิ้มและยืนนิ่งเงียบ จนกระทั่งท่านประธานคนเก่าเดินออกมาจากห้องทำงานพอดี
“สวัสดีค่ะบอส” พะแพงและกิ่งแก้วยกมือไหว้อดีตเจ้านายของตัวเอง
“พรุ่งนี้ผมคงไม่ได้มาที่นี่แล้ว ผมขอให้พวกคุณตั้งใจทำงานนะ แล้วถ้าวันหนึ่งผมสามารถก่อตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาเมื่อไหร่ ผมจะไม่ลืมติดต่อพวกคุณ”
“บอสดูแลตัวเองด้วยนะคะ” พะแพงน้ำตาไหล กิ่งแก้วก็เช่นกัน
“ใช่ค่ะ บอสดูแลตัวเองด้วย กิ่งจะไม่ลืมคิดถึงบอสค่ะ”
ชายสูงวัยแต่งตัวภูมิฐานระบายยิ้มออกมา “ผมก็จะไม่ลืมพนักงานเก่งๆ อย่างพวกคุณเช่นกัน ผมไปล่ะ โชคดีนะ”
พะแพงกับกิ่งแก้วมองตามร่างของท่านประธานคนเก่าที่เดินจากไปด้วยความรู้สึกหดหู่
“ใจหายเนอะแพง”
“แพงคงคิดถึงบอส”
พะแพงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย กำลังจะทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ของตัวเอง แต่เสียงท่านประธานใหม่ดังผ่านอินเตอร์คอมออกมาเสียก่อน
“ผมต้องการพบเลขาฯ เดี๋ยวนี้”
เสียงกระด้างช่างคุ้นหูนัก และมันก็ทำให้พะแพงถึงกับยืนตะลึงงันกับเสียงที่ได้ยิน
“แพง…ท่านประธานเรียกแล้ว รีบเข้าไปสิ เดี๋ยวตกงานกันพอดีนะ”
เสียงตื่นๆ จากกิ่งแก้วทำให้หล่อนรู้สึกตัว “ค่ะ…จะรีบเข้าไปเดี๋ยวนี้ค่ะ”
พะแพงเอ่ยตอบกลับไป ก่อนจะหันมาพูดกับกิ่งแก้ว “แพงขอตัวก่อนนะคะพี่กิ่ง”
“ไปเถอะ เดี๋ยวตอนกลางวันมาเมาท์กันนะ”
“ค่ะ”
หล่อนตอบสั้นๆ ก่อนจะรีบวิ่งตรงไปหยุดที่หน้าห้องทำงานของประธานบริษัทอย่างรวดเร็ว
“เอ่อ…ขออนุญาตค่ะ”
มือเล็กเคาะเบาๆ สองครั้งเพื่อส่งสัญญาณให้คนภายในห้องได้รับรู้ถึงการมา
“เข้ามา”
ทำไมยิ่งได้ยินเสียง หัวใจของหล่อนก็ยิ่งเต็มไปด้วยความคุ้นเคยแบบนี้นะ
เสียงนี้…เหมือนเสียงของผู้ชายใจร้ายคนนั้นไม่มีผิด หรือว่าหล่อนคิดถึงเดมอนมากไป เลยทำให้ได้ยินเสียงใครก็เป็นเสียงของเขาไปเสียหมด คงใช่…
พะแพงสรุปให้กับตัวเองเสร็จสรรพ ก่อนจะดันบานประตูไม้ให้เปิดกว้างออก และก้าวเข้าไปภายใน
เครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำกว่าทุกครั้งที่เคยเข้ามากระแทกเข้าใส่ร่างเต็มแรง หล่อนรู้สึกหนาวเหน็บเข้าไปถึงกระดูกจนต้องยกสองมือขึ้นลูบท่อนแขนของตัวเอง
ความเหน็บหนาวที่กระแทกเข้าใส่ร่างกาย ยังไม่สะท้านเท่ากับที่มันพุ่งทะยานเข้าปักกลางหัวใจของหล่อน ดวงตากลมโตเบิกกว้างเมื่อประสานสายตาเข้ากับนัยน์ตาสีฟ้าเข้มดุดัน ที่ต่อให้ตายไปแล้วสักกี่ร้อยชาติก็ไม่มีทางลืมได้
เขา…
ไม่…ไม่ใช่หรอก ไม่มีทางเป็นเดมอน ลินการ์ด ไปได้ ไม่มีทางใช่เขา หล่อนตาฝาด ตาฝาดไปแน่ๆ
มือเล็กยกขึ้นขยี้ตาของตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า ขยี้จนชอกช้ำ แต่ภาพที่เห็นตรงหน้าก็ไม่เปลี่ยนแปลง สองขาอ่อนแรงลง เมื่อพบว่าผู้ชายตรงหน้าคือเขาจริงๆ
เดมอน ลินการ์ด!
ผู้ชายที่เป็นดั่งจิตวิญญาณของหล่อน
ดวงหน้างามซีดเผือด กลีบปากอิ่มเผยอค้างราวกับกำลังเผชิญหน้ากับภูติผีปีศาจ
เดมอนเป็นผู้ชายหน้าตาหล่อเหลา ไม่…หล่อจัด หล่อมากราวกับเทพบุตรชั้นฟ้า และหล่อนก็รู้ชัดเต็มหัวใจว่าเขาทั้งกระด้าง ดุดัน และเหี้ยมโหดแค่ไหน
เขาคือผู้ชายอันตราย โอหัง ยโส และไร้ซึ่งก้อนเนื้อที่เรียกว่าหัวใจ เขาคือซาตานดีๆ นี่เอง
หลายร้อยคำประณามที่หล่อนหยิบยกขึ้นมาขว้างปาใส่เขาภายในใจ แต่กระนั้นพลังอำนาจล้างผลาญที่สะท้อนออกมาจากเรือนกายของเดมอนก็ยังเอาชนะทุกสิ่งได้เช่นเดิม แม้กระทั่งกำแพงน้ำแข็งที่หล่อนสร้างขึ้นมา
หัวใจของหล่อนเต้นแรง ไม่ต่างจากครั้งแรกที่สบประสานสายตากับเขาที่ลาสเวกัส
“สบายดีไหม แพตตี้…ไม่สิ…พะแพง ก้องเกียรติไพบูลย์”
ผู้ชายที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานใหญ่ผุดลุกขึ้น และเดินอ้อมโต๊ะทำงานออกมายืนเผชิญหน้ากับหล่อนที่กลางห้องกว้าง หล่อนกลายเป็นมดตัวเล็กไปในทันทีที่เขาก้าวมาหยุดตรงหน้า เพราะเขาสูงกว่ามากมายเหลือเกิน
สองขาอยากจะถอยหลังหนี แต่เรี่ยวแรงแม้แต่จะพยุงตัวให้ยืนอยู่โดยไม่ล้มครืนลงไปก็ยังแทบไม่มี กลีบปากของหล่อนสั่นระริก แห้งผาก และหัวใจก็เต้นโครมครามราวกับจะกระดอนหลุดออกมานอกทรวงอก
ทำไมเดมอนถึงสง่างามไม่เปลี่ยนแปลงแบบนี้ เขาหล่อเหลาสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะอยู่ในอาภรณ์ชุดใดก็ตาม แม้แต่ยามไม่มีเสื้อผ้าพวกนี้ปิดบังร่างกาย
โอ…นี่หล่อนคิดบ้าอะไร ทำไม…ทำไมต้องหวนคิดถึงเรื่องนั้น ทำไมจะต้องนึกถึงความอัปยศอดสูพวกนั้นขึ้นมาอีก ในเมื่อทุกเรื่องมันจบลงไปแล้ว
พะแพงพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะควบคุมตัวเอง ควบคุมจังหวะการหายใจให้เป็นปกติ หล่อนจะไม่มีทางยอมให้เขามามีอิทธิพลกับตัวเองได้อีกแล้ว
“สะ…สวัสดีค่ะท่านประธาน…” หล่อนฝืนใจพูดตะกุกตะกัก แต่ก็ไม่สามารถพูดจบในประโยคเดียวได้ “คนใหม่…”
อาการระมัดระวังตัวของผู้หญิงตรงหน้า ทำให้เดมอนเต็มไปด้วยความมันเขี้ยว อยากจะกระชากหล่อนเข้ามาปล้ำจูบเสียให้ยับเยินเหมือนที่เคยทำ แต่ความอยากรู้ว่าเจ้าหล่อนจะเข้มแข็งต่อไปได้นานอีกสักแค่ไหนมีอำนาจเหนือกว่า
ดังนั้นเขาควรจะรอ…
อีกนิด!
MANGA DISCUSSION