พะแพงขับรถมุ่งหน้าตรงไปยังโรงเรียนอนุบาลที่ลูกชายเรียนอยู่ด้วยความเร็วมากกว่าทุกวัน เนื่องจากวันนี้หล่อนทำรายงานประชุมเสร็จช้า ทำให้ออกจากที่ทำงานช้ากว่าปกติ และนั่นก็เท่ากับว่าจะต้องไปรับวินเซนต์ผิดเวลา
“หมูวิน…แม่กำลังจะไปรับลูกนะ”
เพราะความรีบร้อน ทำให้หล่อนขาดความละเอียดรอบคอบจนเกือบจะเกิดอุบัติเหตุขึ้น เมื่อหล่อนตีไฟเลี้ยวขวาเพื่อจะเปลี่ยนเลนแล้วมองไม่เห็นว่ารถหรูสีดำคันหนึ่งแล่นมาด้วยความเร็ว เสียงแตรรถดังลั่น พร้อมๆ กับเสียงล้อรถที่ครูดไปกับพื้นถนน
“กรี๊ดดดดด…”
หล่อนกรีดร้องและเหยียบเบรกสุดแรง ก่อนที่รถจะหยุดนิ่งอยู่ริมถนน พร้อมๆ กับคนขับรถคันงามที่เดินลงมาเคาะกระจกรถถามไถ่อาการของหล่อน
“คุณเป็นยังไงบ้างครับ”
หล่อนที่ศีรษะกระแทกกับพวงมาลัยรถเล็กน้อย รีบลดกระจกรถลงและยกมือไหว้ขอโทษขอโพย
“ขอโทษนะคะดิฉันไม่ได้ตั้งใจ”
หล่อนรีบปลดเข็มขัดนิรภัย และก้าวลงไปจากรถ ยกมือไหว้ครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างสำนึกผิด
“ขอโทษจริงๆ ค่ะ ขอโทษนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ แต่คราวหน้าคราวหลังก็มองให้ถี่ถ้วนก่อนนะครับค่อยเปลี่ยนเลน”
“ขอบคุณค่ะ ว่าแต่รถของคุณเป็นอะไรมากไหมคะ”
ผู้ชายใส่สูทตัวใหญ่ส่ายหน้าน้อยๆ “รถไม่เป็นไรครับ ผมเบรกทัน แต่เจ้านายของผมนี่สิ ศีรษะน่าจะกระแทกกับกระจกรถนิดหน่อยครับ”
“โอ้…” หล่อนยกมือขึ้นทาบอกด้วยความเสียใจ “ดิฉันอยากจะขอโทษเจ้านายคุณค่ะ”
“ได้ครับ”
หล่อนกำลังจะเดินตามคู่สนทนาตรงไปยังรถลีมูซีนคันยาว แต่เสียงห้าวคุ้นหูแปลกประหลาดก็ดังออกมาจากกระจกรถที่ถูกลดลงเพียงแค่เล็กน้อยเสียก่อน
“ขึ้นรถได้แล้ว ฉันรีบกลับโรงแรม”
“ครับ นายน้อย”
นายน้อย…?
พะแพงตัวชาดิก หน้างามซีดเผือดและพยายามจ้องมองเข้าไปในกระจกรถลีมูซีน แต่ก็มองอะไรไม่เห็นเลย เมื่อกระจกรถรอบคันติดฟิล์มดำมืด
“เจ้านายผมรีบน่ะครับ ขอตัวนะครับ”
แล้วคู่สนทนาของหล่อนก็รีบวิ่งไปขึ้นรถและขับออกไปอย่างรวดเร็ว แต่หล่อนกลับยังคงยืนเซ่ออยู่ที่เดิม ดวงตาจ้องมองท้ายรถคันงามไปด้วยความแคลงใจ
“คงไม่ใช่…เขาหรอก”
หล่อนพึมพำออกมาเสียงสั่นเทา ก่อนจะสลัดศีรษะแรงๆ เมื่อนึกถึงลูกชาย
“หมูวิน…”
สองเท้ารีบวิ่งกลับไปที่รถ และขับออกไปด้วยความระมัดระวังอย่างที่สุด
“แม่คับ” ทันทีที่เห็นมารดา วินเซนต์ก็รีบวิ่งเข้ามาสวมกอดอย่างดีใจ
พะแพงรีบอ้าแขนรับร่างตุ้ยนุ้ยของลูกชายเข้ามากอดแนบอก และจูบศีรษะเล็กด้วยความรักหมดหัวใจ
“แม่ขอโทษที่มาช้านะครับ”
“ไม่เป็นไรคับ ผมรอได้คับ”
หญิงสาวมือขึ้นยีเส้นผมของลูกชายอย่างเอ็นดู “ก็เพราะหมูวินเป็นคนเก่งไงครับ” หล่อนพูดกับลูกชาย ก่อนจะหันไปกล่าวขอบคุณคุณครูประจำชั้นที่อยู่กับวินเซนต์รอจนหล่อนมาถึง
“ขอบคุณครูนิดมากนะคะ วันนี้แพงมาช้าไปเกือบชั่วโมงเลย”
“ไม่เป็นไรค่ะคุณแม่ มันเป็นหน้าที่ของครูค่ะ”
“ยังไงก็ต้องขอบคุณค่ะ” พะแพงมองอย่างซาบซึ้งใจ ก่อนจะหันไปบอกวินเซนต์
“หมูวินครับ สวัสดีครูนิดสิครับ เราจะกลับบ้านกันแล้ว”
เด็กน้อยทำตามคำสั่งของมารดาอย่างว่านอนสอนง่าย “สวัสดีคับคุณครู”
“สวัสดีครับหมูวิน พรุ่งนี้เจอกันครับ”
“คับคุณครู”
วินเซนต์ยิ้มกว้าง ก่อนจะยื่นมือไปกุมมือมารดาเอาไว้ “เรากลับกันเถอะคับ”
“ไปจ้ะ”
พะแพงเดินจูงมือลูกชายตรงไปยังรถยนต์คันเล็กของตัวเอง แต่ระหว่างทางก็มีพ่อคนหนึ่งอุ้มลูกชายวัยเดียวกันกับวิเซนต์เดินผ่านหน้าไป
หล่อนหันไปมองหน้าของลูกชายทันที และก็เป็นอย่างที่หวาดกลัว เมื่อวินเซนต์เอียงคอมองตามไปตาปริบๆ หัวใจของคนเป็นแม่แสนเจ็บปวด แม้ลูกจะไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่สีหน้าและแววตาของเด็กน้อยบอกให้รู้ได้เป็นอย่างดีว่าโหยหาอ้อมกอดของบิดามากมายแค่ไหน
น้ำตาของหล่อนไหลออกมา แต่ก็ต้องรีบป้ายทิ้ง และฝืนยิ้มออกมาแทน
“วันนี้เราไปกินไอศกรีมก่อนกลับบ้านกันดีไหมครับหมูวิน”
สีหน้าเศร้าๆ ของวินเซนต์เบิกบานขึ้นทันที เพราะไอศกรีมคือของโปรดปรานของตัวเอง
“เย้…”
รอยยิ้มของลูกชายทำให้พะแพงยิ้มออกมาทั้งน้ำตา “งั้นขึ้นรถครับคนเก่ง เราจะได้ไปกินไอศกรีมกันเร็วๆ”
“คับแม่”
เด็กน้อยกระโดดขึ้นไปนั่งบนรถทันทีเมื่อมารดาเปิดประตูรถให้ ก่อนจะคาดเข็มขัดนิรภัยอย่างรู้หน้าที่
พะแพงระบายยิ้ม ปิดประตูเบาๆ ก่อนจะรีบเดินอ้อมรถขึ้นมานั่งประจำที่คนขับ
“ว่าแต่หมูวินอยากกินไอศกรีมที่ไหนครับ”
หล่อนหันมาถามความคิดเห็นของลูกชาย เมื่อขับรถออกมาจากหน้าโรงเรียนอนุบาล
“ที่นี่ก็ได้คับแม่”
“งั้นถ้าเราขับรถผ่านร้านไหน เราก็แวะร้านนั้นเลย โอเคไหมครับ”
“คับแม่”
เด็กน้อยเหมือนผ้าขาวและแสนไร้เดียงสามันคือเรื่องจริง เพราะแค่มีของโปรดมาล่อ วินเซนต์ก็ลืมความเศร้าเรื่องบิดาไปเสียสนิท แถมยังพูดจ้อถึงไอศกรีมที่ตัวเองอยากกินตลอดเวลา
หล่อนยิ้มอย่างมีความสุข น้ำตาไหลคลอออกมา วินเซนต์คือความสุขเดียวของหล่อนในตอนนี้
ไม่รู้ว่าเย็นนี้ทำไมร้านไอศกรีมที่เคยเปิดเต็มสองข้างถนนที่ทอดยาวไปยังที่พักถึงพร้อมใจกันหยุดขายแบบนี้ จะหันไปบอกลูกชายว่าเอาไว้กินพรุ่งนี้ก็คงไม่ได้ เพราะวินเซนต์จะต้องผิดหวังมาก ดังนั้นคนเป็นแม่อย่างหล่อนจึงต้องควานหาร้านไอศกรีมให้เจอ แม้ว่ามันจะยากลำบากและรถติดแค่ไหนก็ตาม
“อีกแป๊บเดียวนะครับหมูวิน ใกล้ถึงแล้ว”
“เราจะไปที่ไหนกันคับแม่”
“โรงแรมข้างหน้าไงครับ มีร้านไอศกรีมอร่อยมาก ป้ากิ่งเคยเล่าให้แม่ฟัง”
เด็กน้อยมองตรงไปยังโรงแรมหรูขนาดใหญ่ตรงหน้า ก่อนจะห่อปากด้วยความตื่นเต้นดีใจ
“ที่นี่เหมือนวังเลยคับ”
พะแพงหันมองหน้าลูกชายและอมยิ้ม ขณะถอยรถคันเล็กของตัวเองเข้าจอด
“หมูวินรู้ได้ยังไงครับลูก ว่าที่นี่เหมือนวัง”
“คุณครูเคยเปิดให้ดูในทีวีคับ เหมือนแบบนี้เลยคับ”
หญิงสาวอมยิ้มให้ลูกชาย และดับเครื่องยนต์ “งั้นเดี๋ยวแม่พาหมูวินเข้าไปชมวังนะครับ”
“เย้ ดีใจจังเลย”
ความสุขของลูกชายคือสิ่งที่ทำให้คนเป็นแม่ยิ้มได้ แม้ว่าตอนนี้จะกำลังทุกข์ทรมานแค่ไหนก็ตาม
“งั้นเราไปกันเถอะครับ”
หล่อนกำลังจะเอื้อมมือไปปลดเข็มขัดนิรภัยให้กับลูกชาย แต่วินเซนต์จัดการเองเสียก่อน
“เก่งมากครับ”
หล่อนเอ่ยชมเชยลูกชาย และมอบจุมพิตให้เป็นรางวัล ก่อนจะเปิดประตูลงไปจากรถ
วินเซนต์ก้าวลงจากรถมาจับมือของหล่อนเอาไว้แน่น เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นมองตึกระฟ้าตรงหน้าอย่างตื่นตาตื่นใจ
“ร้านไอติมอยู่ในนี้จริงเหรอคับแม่”
“จริงครับ แม่จะพาหมูวินไปกินเดี๋ยวนี้แหละ”
พะแพงจูงมือลูกชายเดินเข้าไปภายในสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่เบื้องหน้า ไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศที่พุ่งเข้าใส่ร่างกาย ทำให้หล่อนอดเป็นห่วงวินเซนต์ไม่ได้
“หนาวไหมครับหมูวิน”
เด็กน้อยที่หน้าตาเบิกบานเพราะความตื่นเต้นส่ายหน้าไปมา และมองไปรอบๆ ตัวอย่างอยากรู้อยากเห็น
“แม่คับ นั่นทางไปไหนเหรอคับ”
นิ้วอ้วนป้อมของวินเซนต์ชี้ตรงไปยังอีกส่วนหนึ่งของโรงแรมหรูที่มีกระจกลวดลายสวยงามกั้นเอาไว้ แต่สามารถมองเห็นภายในได้เพียงแค่เพ่งสายตามองเท่านั้น
ความละม้ายคล้ายคลึงที่เห็นทำให้ความทรงจำที่พยายามจะฝังเอาไว้ให้ลึกสุดก้นบึ้งหัวใจผุดพรายขึ้นมา กลีบปากอิ่มเผยอแย้ม ดวงตากลมโตเบิกกว้าง หัวใจคล้ายกับกำลังลูกเขย่า
ทำไมที่นี่ถึงเหมือนกับ…ที่ลาสเวกัสนักนะ
“แม่คับ”
เสียงเรียกของวินเซนต์ทำให้หล่อนได้สติ และรีบละสายตาจากเครื่องเล่นพวกนั้นมาจ้องหน้าลูกชายแทน
“เรารีบไปกินไอศกรีมกันดีกว่าครับ”
“คับ”
เมื่อลูกชายตอบรับ หล่อนก็แทบจะพาวินเซนต์บินออกไปจากบริเวณนั้นทันที
เพียงไม่นานนัก หล่อนกับวินเซนต์ก็เดินมาหยุดที่หน้าร้านไอศกรีม หล่อนรีบจูงมือลูกชายเข้าไปข้างใน
“สวัสดีค่ะ รับไอศกรีมอะไรดีคะ”
“หมูวินกินอะไรดีลูก”
“ช็อกโกแลตคับ”
พะแพงพยักหน้าตอบรับเพราะมันคือเมนูโปรดของวินเซนต์นั่นเอง
“งั้นขอเป็นไอศกรีม ช็อกโกแลต ลาวา สุพรีม หนึ่งที่ค่ะ แล้วก็…ไอศกรีม แมงโก้ พาราไดส์ หนึ่งที่ค่ะ”
ในขณะที่พะแพงกำลังสั่งไอศกรีมอยู่นั้นก็ไม่ทันระวัง เพราะจู่ๆ วินเซนต์ก็ปล่อยมือจากชายกระโปรงของหล่อนและเดินหายออกไปจากร้านไอศกรีม
“ได้ค่ะ เชิญนั่งรอที่โต๊ะก่อนนะคะ” พนักงานเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“ขอบคุณค่ะ”
พะแพงกล่าวขอบคุณ ก่อนจะหันกลับมาหาลูกชายที่ข้างตัว แต่ก็ต้องชะงักค้าง เมื่อที่ข้างตัวไร้เงาของลูกชาย
“หมูวิน…?”
หล่อนหน้าซีดเผือด หันมองไปรอบๆ ตัวด้วยความตื่นตกใจ “หมูวิน ลูกแม่”
“มีอะไรเหรอคะ” ลูกค้าที่ยืนอยู่ใกล้ๆ เอ่ยถาม
“เอ่อ ลูกชายของฉันค่ะ แกหายไป”
“ใช่ เด็กลูกครึ่งที่ใส่ชุดนักเรียนไหมคะ”
“ใช่…ใช่ค่ะ คุณเห็นลูกฉันที่ไหนเหรอคะ”
น้ำเสียงของหล่อนเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก น้ำตาไหลรินออกมาจากดวงตาทั้งสองข้าง หัวใจคล้ายกับถูกมีดกรีด
ทำไมหล่อนสะเพร่าแบบนี้!
“ดิฉันเห็นแกวิ่งตามลูกโป่งไปทางนู้นน่ะค่ะ”
หล่อนมองตามมือของคู่สนทนาไป ก่อนจะรีบหันไปบอกพนักงานยกเลิกออร์เดอร์ และวิ่งตามหาลูกชายไปทันที
“หมูวินลูกแม่…ลูกไปไหน”
หัวอกของคนเป็นแม่แทบแตกสลาย หล่อนมองฝ่าผู้คนมากมายไปด้วยหัวใจที่ปวดร้าว ภาวนาให้เห็นลูกชาย ภาวนาให้หล่อนได้เจอกับวินเซนต์อีกครั้ง
“หมูวิน…ลูกอยู่ไหนครับ”
หล่อนวิ่งไปตะโกนเรียกลูกชายไปราวกับคนบ้า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเข้ามาสอบถาม และเมื่อรู้ว่าหล่อนตามหาลูกชายก็รีบวิทยุบอกให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจุดอื่นช่วยกันตามหาวินเซนต์
“มีคนบอกว่าแกวิ่งตามคนถือลูกโป่งไปค่ะ”
“ผมขอเบอร์โทรด้วยครับ เดี๋ยวถ้าได้เบาะแสแล้ว ผมจะโทรติดต่อคุณแม่ทันทีครับ”
หล่อนรีบให้เบอร์โทรศัพท์มือถือกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ก่อนจะรีบวิ่งตามหาลูกชายต่อไป หัวใจเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“หมูวิน…ลูกไปไหน…หนีแม่ไปไหน”
แค่คิดว่าจะต้องอยู่ต่อไปโดยไม่มีวินเซนต์ หล่อนก็แทบจะขาดใจตายเสียตรงนี้แล้ว
น้ำตาไหลรินออกมาแทบเป็นสายเลือด ความเจ็บปวดในตอนนี้มันมากกว่าตอนที่หล่อนถูกเดมอนเขี่ยทิ้งเสียอีก
MANGA DISCUSSION