นางบำเรอก้นครัว ชุด Sweet temptations - ตอนที่ 22
สี่ปีที่ผ่านพ้นไปไม่ได้ทำให้บาดแผลในหัวใจของพะแพงจางหายไปได้เลย รอยแผลเป็นที่พร้อมจะเจ็บปวดขึ้นมาใหม่ทุกครั้งเมื่อนึกถึงผู้ชายใจร้ายคนนั้นยังคงฝังแน่นอยู่ภายในหัวใจ หล่อนพยายามที่จะลบเลือนอดีตแสนโหดร้าย แต่ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน เรื่องราวที่ลาสเวกัสกับเดมอนก็ยังคงไม่เลือนหายไปจากความทรงจำ
“แม่คับ…”
เสียงสดใสของลูกชายวัยสามขวบเศษช่วยเรียกสติของหล่อนให้กลับคืนมาได้ชั่วขณะ
“ว่าไงครับ หมูวิน”
“ผมมีเรื่องสงสัยคับ”
เด็กน้อยที่ฉลาดเกินวัยเอ่ยกับมารดาของตัวเอง สีหน้าเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
พะแพงละสายตาจากถนนมามองใบหน้าของลูกชายด้วยรอยยิ้มมีความสุข วินเซนต์คือสิ่งเดียวที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของหล่อนให้เข้มแข็งยามที่ท้อแท้ทรมาน เพราะหากไม่มีลูก หล่อนก็อาจจะคิดสั้นจบชีวิตตัวเองไปตั้งแต่เมื่อสี่ปีก่อนแล้ว
“เรื่องอะไรครับคนเก่ง”
เด็กน้อยจ้องหน้ามารดาตาแป๋ว ก่อนที่ริมฝีปากหยักสวยไม่ต่างจากบิดาผู้ให้กำเนิดจะขยับเปล่งคำพูด
“เมื่อไหร่ พ่อจะว่างมาหาผมสักทีคับแม่”
คำถามของลูกชาย ทำให้หัวใจของคนเป็นแม่แสนเจ็บปวด หล่อนเม้มปากแน่นเป็นเส้นตรง พยายามที่จะสะกดกลั้นหยาดน้ำตาเอาไว้ภายใต้ใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มปั้นแต่ง
“คุณพ่อของหมูวินงานยุ่งครับ เลยไม่มีเวลาบินมาหาหมูวินที่เมืองไทย”
“งั้นผมบินไปหาพ่อได้ไหมคับ”
หากวินเซนต์รู้ว่าบิดาที่หล่อนบอกว่าทำงานอยู่ไกลมาก ไม่ได้สนใจไยดีเขา ไม่ได้ตั้งใจจะให้เขาเกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้ด้วยซ้ำ วินเซนต์จะเสียใจขนาดไหน
หล่อนเจ็บปวดทรมาน หัวใจราวกับถูกกระทืบจนแหลกละเอียดไม่มีชิ้นดี แต่ก็จำต้องฝืนยิ้มเอาไว้
“แม่ยังเก็บเงินไม่พอค่าเครื่องบินเลยครับคนเก่ง เอาไว้แม่มีเงินมากพอเมื่อไหร่ แม่จะพาหมูวินบินไปหาคุณพ่อนะครับ”
“ตังค์ในกระปุกหมูอ้วนของผมมีเกือบเต็มแล้วคับแม่”
หล่อนปวดใจเหลือเกิน “ยังไม่พอหรอกหมูวิน ค่าตั๋วเครื่องบินมันแพงมาก”
“งั้นผมจะเหลือตังค์มาหยอดกระปุกมากขึ้นคับ ผมจะช่วยแม่เก็บเงิน เราจะได้บินไปหาพ่อกันคับ”
คำพูดไร้เดียงสาของวินเซนต์เต็มไปด้วยความหวัง และมันก็ทำให้หล่อนสะกดกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่
“ครับ คนเก่ง…”
นี่หล่อนทำผิดใช่ไหม ที่ไม่ได้บอกความจริงกับวินเซนต์เรื่องพ่อของเขา
ไม่คิดเลยว่าคำโกหกที่ปั้นขึ้นมาเพื่อไม่ให้ลูกเสียใจ มันจะตามมาหลอกหลอนเช่นนี้
“แม่ร้องไห้ทำไมคับ” เด็กน้อยเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง และพยายามจะยื่นมือมาเช็ดน้ำตาให้มารดา แต่ไม่ถึงเพราะคาดเข็มขัดนิรภัยเอาไว้
พะแพงยกมือขึ้นป้ายน้ำตาทิ้งเอง และแสร้งปั้นหัวเราะ “แม่ร้องไห้เพราะดีใจน่ะครับหมูวิน ดีใจที่เราสองคนแม่ลูกจะช่วยกันเก็บตังค์ และบินไปหา…” น้ำเสียงของหล่อนขาดหาย ก่อนจะรีบพูดต่อให้จบ “คุณพ่อของหมูวิน”
“เย้…ผมดีใจจังคับ”
“งั้นต้องสัญญากับแม่นะครับ ว่าจะไม่ดื้อไม่ซน และต้องตั้งใจเรียน”
“สัญญาคับ”
ใบหน้าของลูกน้อยยิ้มสดใสเหลือเกิน และมันก็ยิ่งทำให้แม่อย่างหล่อนสะท้อนใจ
หล่อนจะไปหาพ่อให้กับวินเซนต์ได้ที่ไหนกัน
หลังจากส่งลูกชายที่โรงเรียนอนุบาลเอกชนแห่งหนึ่งแล้ว พะแพงก็รีบบึ่งรถอีโคคาร์ของตัวเองตรงไปยังบริษัทที่ตัวเองทำงานอยู่ หล่อนจอดรถที่ลานจอด ก่อนจะรีบคว้ากระเป๋าสะพาย แล้วเดินเข้าไปในสถานที่ทำงาน
“สวัสดีค่ะพี่กิ่ง”
หล่อนเอ่ยทักทายรุ่นพี่ที่ทำงานร่วมกันมาหลายปี ก่อนจะเดินเข้าไปทรุดตัวนั่งหน้าห้องเจ้านาย แต่ยังไม่ทันได้เปิดคอมพิวเตอร์ที่โต๊ะเลย เพื่อนร่วมงานก็เดินเข้ามาหาและชวนคุย
“แพงรู้เรื่องสถานการณ์ของบริษัทเราหรือยัง”
หล่อนมองหน้าคู่สนทนา ก่อนจะระบายยิ้มบางๆ “ถ้าเรื่องที่จะเปลี่ยนเจ้านายใหม่ แพงทราบแล้วค่ะ”
“น่าเสียดายเนอะ ท่านประธานออกจะใจดี ไม่น่าขายบริษัทให้กับคนต่างชาติเลย”
“ท่านประธานคงมีเหตุผลส่วนตัวน่ะค่ะ”
คู่สนทนาของหล่อนพยักพเยิดเห็นด้วย แต่ก็ยังไม่หยุดแสดงความคิดเห็น
“แต่ในความโชคร้าย ก็ยังมีความโชคดีอยู่ แพงว่าไหม”
หล่อนยังไม่ทันได้ถามว่ายังไง กิ่งแก้วคู่สนทนาก็ชิงพูดออกมาเสียก่อน
“ก็โชคดีตรงที่ว่า เจ้านายใหม่ไม่ได้คิดจะปลดพนักงานเก่าแก่อย่างพวกเราออกน่ะสิ ไม่อย่างนั้นน่ะแย่เลย”
เรื่องนี้หล่อนเห็นด้วยกับกิ่งแก้ว
“ใช่ค่ะ ท่านประธานคนใหม่ก็คงจะใจดีไม่ต่างจากเจ้านายเก่าของพวกเราหรอกค่ะ”
“สาธุ พี่ก็ขอให้เป็นอย่างนั้นแหละ” กิ่งแก้วยกมือขึ้นไหว้ท่วมหัว ก่อนจะพูดขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้
“เมื่อวานพี่ได้ยินพวกเซลล์สาวๆ คุยกัน เรื่องเจ้านายใหม่น่ะ เห็นว่าหล่อมากกกกกกกกกก”
ก ไก่ ที่ออกจากปากของกิ่งแก้วเป็นสิบตัว ทำให้พะแพงอดที่จะหัวเราะขบขันไม่ได้
“แสดงว่าหล่อจริงใช่ไหมคะพี่กิ่ง”
“พี่ก็ยังไม่ได้เห็นตัวจริงนะ แต่แม่พวกเซลล์มันเมาท์มอยกันน่ะว่าหล่อเด็ด”
พะแพงได้แต่อมยิ้ม และยื่นมือไปเปิดสวิตช์คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะของตัวเอง
“สงสัยที่หมอดูบอกว่าปีนี้พี่จะสละโสด คงจะเป็นเรื่องจริงแน่ๆ เลย”
สีหน้าเพ้อฝันของกิ่งแก้วทำให้พะแพงอมยิ้มขบขัน “อย่าบอกนะคะว่าเจ้าบ่าวของพี่กิ่งก็คือท่านประธานคนใหม่”
กิ่งแก้วดีดนิ้วเสียงดังอย่างถูกใจ “ใช่ ชัวร์ ไม่มั่วนิ่มจ้า ท่านประธานคนใหม่คือเนื้อคู่ตุนาหงันของพี่ อิอิ”
“ขอให้พี่กิ่งสมหวังนะคะ แพงจะใส่ซองหลายๆ ร้อยเลยค่ะ”
“ขอบใจจ้าน้องแพงคนสวย” กิ่งแก้วระบายยิ้มกว้างอย่างมีความสุข ก่อนจะเอ่ยถามเมื่อนึกขึ้นได้ “แล้วหมูวินเป็นไงบ้างล่ะ พี่ไม่ได้เจอเสียนาน ยังอ้วนเหมือนเดิมไหมเนี่ย”
ดวงตาของพะแพงเป็นประกายเมื่อนึกถึงลูกชายของตัวเอง
“ยังกินเก่ง แล้วก็อ้วนเหมือนเดิมค่ะพี่กิ่ง นี่แพงแทบจะอุ้มลูกไม่ไหวแล้ว ปวดหลัง” หล่อนหัวเราะออกมาเสียงสดใส
กิ่งแก้วหัวเราะตามและเอียงคอมองหน้าพะแพงอย่างพิจารณา “แพงไม่คิดจะแต่งงานใหม่จริงๆ เหรอ”
“เอ่อ…”
“แพงยังสาว ยังสวยอยู่เลย พี่ว่าอยู่คนเดียวเหงาๆ ไม่ดีหรอก”
พะแพงระบายยิ้มบางๆ นัยน์ตาเศร้าโศกลงอย่างเห็นได้ชัด
หล่อนจะแต่งงานใหม่ได้ยังไงกันล่ะ ในเมื่อหัวใจทั้งดวงของหล่อนยังมีแต่เดมอน ผู้ชายใจร้ายคนนั้น
“แพงยังไม่เจอคนที่ใช่น่ะค่ะ”
กิ่งแก้วเท้าแขนกับโต๊ะทำงานของพะแพงและโน้มหน้าลงไปหา พูดเสียงเป็นการเป็นงาน
“พี่มีพี่ชายอยู่คนหนึ่ง ยังโสดอยู่เลย พี่แนะนำให้ไหม”
“เอ่อ…แพง…ยังไม่คิดเรื่องนั้นหรอกค่ะพี่กิ่ง” หล่อนปฏิเสธด้วยน้ำเสียงสุภาพเพื่อรักษาน้ำใจของกิ่งแก้ว
“ก็ลองคบๆ กันไปก่อนก็ได้นี่ พี่ชายพี่หล่อนะ ถึงแม้ว่าจะแก่กว่าแพงเกือบสิบปีก็เหอะ”
“แต่แพง…”
“นี่ไม่อยากให้หมูวินมีพ่อแบบคนอื่นบ้างเหรอ”
คำพูดนี้ของกิ่งแก้วสะกิดแผลในใจของหล่อนอย่างแรง หล่อนเม้มปากเป็นเส้นตรง หัวใจปวดร้าว
“แพงไม่อยากให้หมูวินมีพ่อหลายคนน่ะค่ะ”
กิ่งแก้วถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย “แล้วไอ้พ่อแท้ๆ ของหมูวินไปไหนเสียล่ะ ทำไมไม่กลับมาดูดำดูดีลูกเมียบ้าง พี่เห็นแพงทำงานงกๆ แล้วก็อดสงสารไม่ได้”
พะแพงก้มหน้าซ่อนน้ำตาแห่งความอดสูเอาไว้ ก่อนจะฝืนตอบออกไปด้วยน้ำเสียงที่พยายามควบคุมให้เป็นปกติที่สุด
“แพง…อดทนเพื่อลูกได้ค่ะพี่กิ่ง”
“เฮ้ออออ…ก็ตามใจ แต่ถ้าเกิดอยากเริ่มต้นใหม่กับใครสักคน ก็สะกิดพี่ได้นะ พี่ชายพี่สแตนด์บายรอน้องแพงเสมอ”
“ขอบคุณค่ะพี่กิ่ง”
“ไม่เป็นไรหรอก ช่วยๆ กัน เดี๋ยวพอท่านประธานคนใหม่มาแล้ว แพงก็ต้องช่วยพี่จีบท่านประธานเหมือนกันนั่นแหละ”
“แพง…ไม่ถนัดเรื่องนี้เลยค่ะ” หล่อนฝืนใจตอบออกไป
“ไม่ยากหรอก แค่ส่งจดหมายรักของพี่ให้ท่านประธานก็พอ ก็แพงอยู่ใกล้ท่านประธานที่สุดนี่”
กิ่งแก้วพูดถูกต้องเพราะหล่อนคือเลขาฯ ส่วนตัวของประธานบริษัทแห่งนี้ เพราะถึงแม้ประธานบริษัทคนเก่าจะหมดอำนาจไปแล้ว แต่หน้าที่ของหล่อนก็ไม่ได้สิ้นสุดลง ต้องรับผิดชอบตำแหน่งงานเดิมกับท่านประธานคนใหม่ที่กำลังจะมาเริ่มงานในสัปดาห์หน้านี้ด้วย
“อ้อ…ได้ค่ะพี่กิ่ง”
กิ่งแก้วฉีกยิ้มกว้าง “ถ้าพี่ได้เป็นเมียท่านประธานนะ พี่จะไม่มีวันลืมแพงเลย จะปรับเงินเดือนให้ทุกเดือนเลย คอยดูสิ”
“ขอบคุณค่ะพี่กิ่ง”
คำพูดติดตลกของกิ่งแก้วทำให้หล่อนหัวเราะออกมาได้บ้างเล็กน้อย
“งั้นพี่ไปทำงานก่อนนะ เดี๋ยวกลางวันไปกินข้าวด้วยกัน”
“ค่ะพี่กิ่ง”
กิ่งแก้วเดินฮัมเพลงกลับไปยังแผนกของตัวเองแล้ว ในขณะที่หล่อนนั่งนิ่งด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความทรมาน เพราะคำพูดของกิ่งแก้วยังคงก้องอยู่ในหูไม่หยุด
‘นี่ไม่อยากให้หมูวินมีพ่อแบบคนอื่นบ้างเหรอ’
ทำไมหล่อนจะไม่อยากให้ลูกชายมีพ่อเหมือนกับเด็กคนอื่นล่ะ แต่หล่อนทำอะไรไม่ได้ ในเมื่อเดมอนไม่ได้ต้องการหล่อน ไม่ได้ต้องการลูก หยาดน้ำตาไหลรินออกมาเป็นทางอาบแก้มโดยไม่รู้ตัว สมองถูกดึงเข้าไปสู่วงจรปวดร้าวซ้ำๆ อีกครั้ง
เขาขับไล่หล่อนออกจากชีวิต พร้อมกับยกหนี้สินของบิดาให้ทั้งหมด แต่นั่นก็ต้องแลกกับการไม่เจอะเจอกันอีกชั่วชีวิต และเหตุผลของเขาก็คือ เขากำลังจะแต่งงานกับคู่หมั้นอย่างวิคตอเรีย จึงไม่สามารถมีหล่อนอยู่ข้างกายได้อีก
หล่อนเดินจากมาพร้อมกับลูกในท้องที่ไม่กล้าแม้แต่จะปริปากบอกเดมอน และจบทุกอย่างที่ลาสเวกัสเอาไว้แค่เพียงในความทรงจำเท่านั้น ความทรงจำที่ไม่เคยไม่มีเขาเลย
“พี่แพง บอสเรียกหาน่ะ”
เสียงของเพื่อนร่วมงานดังขึ้น และก็ทำให้หล่อนต้องรีบป้ายน้ำตาทิ้ง และฉีกยิ้ม
“ว่าไงนะนก”
“บอสเรียกหาน่ะจ้ะ”
“โอเค พี่ไปเดี๋ยวนี้แหละ”
หล่อนฝืนยิ้มให้กับคู่สนทนา ก่อนจะรีบก้าวเท้าเดินเข้าไปในห้องทำงานของประธานบริษัทที่กำลังจะหมดหน้าที่ในอีกสองวันข้างหน้า
“บอสเรียกหาแพงเหรอคะ”
ผู้ชายที่เส้นผมเป็นสีขาวเกือบทั้งศีรษะที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานไม้ตัวใหญ่เงยหน้าขึ้นมองหล่อน
“นั่งก่อนสิพะแพง”
“ขอบคุณค่ะบอส”
หล่อนทรุดกายลงนั่งเก้าอี้ตรงหน้าของคู่สนทนาอย่างว่าง่าย ก่อนจะมองหน้าของเขาอย่างตั้งใจ
“คุณอยู่ที่นี่มากี่ปีแล้วนะ”
“เอ่อ…เกือบสามปีแล้วค่ะบอส”
ผู้ชายตรงหน้าของหล่อนระบายยิ้มน้อยๆ “แล้วคิดว่าจะอยู่ต่อไปอีกนานไหม”
“แพงคงจะอยู่ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถูกไล่ออกค่ะ” หล่อนตอบไปตามที่คิด
“คุณเป็นคนทำงานดี ละเอียด รอบคอบ ถ้าผมก่อตั้งบริษัทใหม่ได้เมื่อไหร่ ผมอยากจะให้คุณไปทำงานกับผมอีก”
“เอ่อ…”
“เอาไว้ถึงเวลานั้นเมื่อไหร่ ผมจะโทรมาหาก็แล้วกันนะ และก็หวังว่าเราจะมีโอกาสร่วมงานกันอีกครั้งหนึ่ง”
“เอ่อ…ค่ะบอส”
คู่สนทนาของหล่อนระบายยิ้มให้ “คุณออกไปทำงานเถอะ เดี๋ยวผมจะออกไปข้างนอกสักหน่อย”
“ค่ะบอส”
หล่อนเดินออกมาจากห้องของเจ้านายด้วยสีหน้าหนักใจไม่น้อย เพราะสิ่งที่เจ้านายต้องการ มันทำให้หล่อนลำบากใจ