นับถอยหลังสู่การประหารราชาปีศาจ (Yaoi) - เล่มที่ 1 บทที่ 9 สงครามบนตรอกขี้เถ้า (2)
“เกิดอันใดขึ้นกับท่านราชาปีศาจ?”
ซีนั่วผู้ตื่นตระหนกหันไปมองทางเจี๋ยหลัวกับอามู่ที่อยู่ในสภาพจนตรอก เจี๋ยหลัวขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ดวงตาทั้งสองข้างเต็มไปด้วยประกายเพลิงแห่งความเคียดแค้น
“เจ้าปู้ไหลเต๋อนั่น…ลอบสังหารท่านราชาปีศาจ…”
“ว่าอย่างไรนะ! เป็นไปมิได้!”
สมองของซีนั่วผู้ตกตะลึงอย่างหนักถึงกับขาวโพลน ปากเอ่ยปฏิเสธอย่างไร้ความหมาย ด้วยตัวเขารู้ว่าเจ้าตัวโตที่จงรักภักดีอย่างเจี๋ยหลัวมิเคยโกหก
เมื่อเห็นว่าความสนใจของอีกฝ่ายมิได้อยู่ที่พวกตน เหล่าอัศวินแห่งพระวิหารจึงเตรียมจะซัดหอกอีกครั้ง ทว่าซีนั่วที่รับรู้ได้ตั้งแต่ต้นพึมพำบางสิ่ง นิ้วมือกวัดแกว่ง พายุพลันเคลื่อนมาอยู่ตรงหน้าพวกเขาเพียงไม่กี่คนและพัดหอกให้ลอยละลิ่วออกไป
ขณะที่ซีนั่วเตรียมจะไปตายเอาดาบหน้าและใช้พลังเวททั้งหมดที่มีต่อต้านเหล่าอัศวิน ทันใดนั้นกลับปรากฏคลื่นพลังอันแข็งแกร่งเข้าใกล้สนามรบ ทำให้ทั้งสองฝ่ายต่างพากันหนาวสั่น
“อาร์โกเนียนผู้ยอมศิโรราบต่อเผ่าปีศาจ เจ้าคิดว่าวิชาเวทธาตุมืดอันสกปรกของเจ้าจะมีผลกับข้างั้นรึ?”
ขณะมองบุรุษร่างสูงสวมอาภรณ์หรูหราใบหน้านิ่งเรียบกุมบังเหียนม้าอยู่กับที่ ชี้ปลายหอกที่ล้อมรอบด้วยวิชาเวทธาตุแสงมาทางตน หน้าผากของซีนั่วถึงกับมีเหงื่อไหลหยดลงมา เขาคุ้นเคยกับน้ำเสียงนี้ดีเหลือเกิน คนผู้นั้นคือหัวหน้ากองอัศวินแห่งพระวิหาร คืออัศวินผู้น่าเกรงขามที่มีพลังเวทแห่งแสงอันแข็งแกร่ง
เมื่อได้ยินเสียงผู้บัญชาการของตน เหล่าอัศวินแห่งพระวิหารต่างพากันส่งเสียงโห่ร้องออกมา ขอเพียงมีวิชาเวทธาตุแสงของผู้บัญชาการ ธาตุมืดอย่างอีกฝ่ายก็ไร้หนทางสู้ ทำได้เพียงยอมถูกจับเป็นเชลยอย่างว่าง่ายเท่านั้น
…จะทำอย่างไรดี อีกฝ่ายมีพลังเป็นรองท่านราชาปีศาจเพียงนิดเดียว ตนจะต้องสู้มิได้เป็นแน่
ใบหน้าของซีนั่วฉายแววตึงเครียด เจี๋ยหลัวกับอามู่ก็รับรู้ได้ถึงความรุนแรงของสถานการณ์เช่นกัน ต่างพากันเตรียมพร้อมเข้าสู้ ทว่าชั่วขณะที่ซีนั่วกำลังจดจ่อ มือใหญ่ข้างหนึ่งพลันวางลงบนไหล่ภูติแห่งความมืด
“…แค่กๆ…เหลยหมี่ย่า…เจอ…กันอีกแล้ว…”
ขณะมองราชาปีศาจที่ซวนเซกว่าจะลุกยืนขึ้นได้ ผู้บัญชาการกองอัศวินแห่งพระวิหารขมวดคิ้วเข้าหากัน
“ราชาแห่งปีศาจ เจ้าอยากจะดิ้นรนจนถึงวาระสุดท้ายอย่างนั้นรึ?”
ราชาปีศาจผู้อ่อนแรงนิ่งเงียบมิเอ่ยสิ่งใด เพียงยกแขนขึ้นเช็ดเลือดสีสดตรงมุมปากอย่างเชื่องช้า
“…ผู้ที่เรียกตนว่า ‘มนุษย์’… พวกเจ้าคิดจริงๆ หรือว่า…พวกเจ้ามีคุณสมบัติที่จะ…ทำเช่นนี้…”
“วาจามอมเมาจิตใจผู้คนเช่นนี้จงละไว้เถิด อัศวินแห่งพระวิหารที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ล้วนภักดีและซื่อตรงไร้สิ่งใดเปรียบ คำหวานเชื่อมิได้ของเจ้ามิมีทางเกิดผล”
น้ำเสียงของผู้บัญชาการกองอัศวินแห่งพระวิหารหนักแน่นและก้องกังวาน มีความมั่นใจเต็มเปี่ยม เหล่าอัศวินแห่งพระวิหารต่างมองผู้เป็นนายของตนด้วยความเคารพ รู้สึกภาคภูมิใจที่ได้ติดตามผู้บัญชาการที่ทั้งแข็งแกร่งและเป็นกันเอง หอกยาวและโล่หนักในมือเรียงเป็นระเบียบ เปล่งแสงเจิดจ้าภายใต้แสงอาทิตย์อัสดงที่สาดส่อง
“ในนามของกองอัศวินแห่งพระวิหาร กำจัดปีศาจ ปกป้องบ้านเมือง!”
“ในนามของกองอัศวินแห่งพระวิหาร ภักดีต่อแสงสว่าง ปกป้องประชาชน!”
“ในนามของกองอัศวินแห่งพระวิหาร ทอแสงสว่าง ขับไล่ความมืดมิด!!”
คำขวัญของกองอัศวินดังขึ้น เสียงสะท้อนดังกังวานอยู่ท่ามกลางอากาศ สร้างความฮึกเหิมให้แก่เหล่าอัศวิน ขณะมองผู้บัญชาการกองอัศวินที่มีสีหน้าเฉยชา ราชาปีศาจเผยรอยยิ้มฝืนใจด้วยความรวดร้าวอย่างสิ้นหวัง ยกมือขึ้นเช็ดเลือดสีสดที่ไหลออกมาอีกครั้ง
“ครั้งที่สอง…นี่คือคำสั่งสุดท้ายของข้า…พวกเจ้าจะต้องรักษากองกำลัง…ใช้ชีวิตต่อไป…ให้ดี…”
เสียงคำขวัญถูกกลบด้วยน้ำเสียงของราชาปีศาจ มีเพียงคนทั้งสามที่อยู่ข้างกายราชาปีศาจเท่านั้นที่ได้ยินประโยคนี้
“…ท่านราชาปีศาจ?! ท่านคิดจะทำสิ่งใดขอรับ…”
อาร์โกเนียนซีนั่วผู้สัมผัสว่องไวฟังออกว่าน้ำเสียงของราชาปีศาจฟังดูมิชอบมาพากล แม้มิเข้าใจว่าราชาปีศาจต้องการจะทำสิ่งใด ทว่าด้วยสถานการณ์ในยามนี้ พวกเขาทั้งสี่ไร้ซึ่งหนทางให้ถอย มีเพียงต้องสู้จนตัวตายอยู่ในสนามรบเท่านั้น
เจ้าตัวโตเจี๋ยหลัวนิ่งงัน แม้จะมิรู้ความหมายอย่างละเอียดของราชาปีศาจ ทว่าใจภักดีที่เขามีต่อราชาปีศาจนั้นมิมีวันเปลี่ยนแปลง
“ท่านราชาปีศาจ ไม่ว่าท่านจะทำสิ่งใด ขอให้พวกเราได้ติดตามท่านด้วยเถิด”
คำกล่าวนี้ของเจี๋ยหลัวกลับแลกมาด้วยหนึ่งสายตาเย็นชาของราชาปีศาจ
“…หากพวกเจ้าขัดคำสั่งของข้า ฝืนฝ่าเข้าไปทำเรื่องโง่เขลา…เช่นนั้นก็เท่ากับทรยศต่อเผ่าปีศาจ ซีนั่วมีอำนาจลงโทษเขา”
คนทั้งสามตาเบิกกว้าง ภายในหัวบังเกิดความคิดไม่ดีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา เพียงภาวนาว่าตนนั้นอาจจะคิดผิดไป
“แต่ท่านราชาปีศาจ——อึก!!”
ซีนั่วผู้ถูกมอบหมายหน้าที่สำคัญอย่างกะทันหันอ้าปากค้าง ยังมิทันได้พูดความคิดเห็นของตนเองกลับถูกพลังเวทถาโถมเข้าสู่กายด้วยความรุนแรง
ธาตุลมที่ล้อมรอบกายซีนั่วถูกกระตุ้น พายุสีดำแปรเปลี่ยนเป็นไร้สีอย่างรวดเร็ว หมุนวนเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนมากกว่าเดิมสิบเท่าภายในเสี้ยววินาที พายุหมุนต้นไม้ใบหญ้า พัดเอากรวดทรายไปไว้ด้านใน ก้อนหินใหญ่ลอยขึ้นกลางอากาศ เสียงสายลมดังกึกก้องราวกับเสียงคำรามของสิงโต พัดโจมตีเนินเขาโดยรอบ กระทั่งไม้ใหญ่ยังต้องงอลำต้นส่งเสียงครวญคราง ดูคล้ายจะยืนหยัดต่อไปมิไหว
ผู้บัญชาการกองอัศวินที่ตั้งท่าเตรียมรับมือแม้จะเตรียมการป้องกันวิชาเวทธาตุมืดเอาไว้แล้ว กระนั้นกลับยังมิอาจตั้งตัวได้ทันอยู่ดี—— คาดไม่ถึงว่าราชาปีศาจจะส่งมอบพลังเวทให้กับผู้ใต้บังคับบัญชา ฉวยโอกาสใช้วิชาเวทธาตุลมของอาร์โกเนียนทำให้สถานการณ์วุ่นวายเพื่อจะได้จับปลาน้ำขุ่น
“ทุกคนระวังตัว อย่าปล่อยให้ราชาปีศาจหนีไปได้!”
ผู้บัญชาการกองอัศวินตัดสินใจอย่างรวดเร็ว ทั้งชี้แนะเหล่าอัศวินที่ถูกลมพัดจนเอนซ้ายเอียงขวาและลองใช้วิชาเวทแห่งแสงปลอบโยนธาตุลมที่กำลังคลุ้มคลั่ง
อีกฝ่ายมีสองคนได้รับบาดเจ็บสาหัส แม้จะหนีไปก็คงไปได้มิไกล นอกจากนั้นสันตะสำนักยังมีอาวุธสังหารลึกลับ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะซ่อนกายนานเพียงใด ล้วนมิอาจหนีพ้นการลงโทษด้วยกฎหมายของเหล่าอัศวินแห่งพระวิหาร
หลังจากพายุคลั่งสงบลง ผู้บัญชาการกองอัศวินนัยน์ตาหรี่เล็กโดยพลัน— ภาพเบื้องหน้าเหลือเพียงราชาปีศาจผู้อ่อนแรง คนอื่นๆ อีกสามคนหายไปอย่างไร้ร่องรอย ผู้บัญชาการกองอัศวินตะลึงงันเพียงครู่ก็มีหนึ่งการคาดเดาที่ถูกต้องในทันใด
“เร็วเข้า พวกเจ้ารีบตามเจ้าพวกนั้นไป! ราชาปีศาจใช้เวทสายลมส่งพวกเขาหนีไปแล้ว มิมีทางไปได้ไกล”
เหล่าอัศวินพยักหน้า จัดแถวมุ่งตรงไปยังป่าที่สายลมมุ่งหน้าไป อัศวินที่อยู่ท้ายแถวส่งสายตาเป็นห่วงมาทางเขา ผู้บัญชาการกองอัศวินคลี่ยิ้มเป็นเชิงบอกว่าตนมิเป็นไร
ราชาปีศาจที่หมดเรี่ยวแรงคุกเข่าลงกับพื้น ร่างสูงใหญ่ของอัศวินตรงหน้าบดบังแสงอาทิตย์อัสดงเอาไว้เสียมิด
“ราชาแห่งปีศาจ เจ้าช่างฉลาดนัก แต่เจ้าคิดว่าพวกเขาจะหนีรอดไปได้งั้นรึ?”
“ผู้บัญชาการเหลยหมี่ย่า…หวังว่าท่านจะไม่ประเมินกองอัศวินสูงเกินไป และอย่าได้ดูถูกผู้ใต้บังคับบัญชาของข้า…แค่กๆ…”
ราชาปีศาจเผยรอยยิ้มเย้ยหยันออกมา ปลายตามองไปทางสันเขาไกลออกไป
“หากมิอาจหนีไปยังตรอกขี้เถ้าได้ เช่นนั้นก็ถือเป็นโชคชะตาของพวกเขา…”
“หึ ไม่ช้าก็เร็วข้าจะต้องเอาชีวิตของพวกเขา เพียงแต่ชีวิตของเจ้า พวกเรายังต้องเก็บเอาไว้อีกสักหน่อย”
ผู้บัญชาการกองอัศวินชูหอกเงินขึ้นสูง ก่อนจะกระแทกลงบนศีรษะของราชาปีศาจอย่างรุนแรง ราชาปีศาจส่งเสียงในลำคอก่อนจะล้มลงกับพื้นด้วยความเจ็บปวด
“สมเด็จพระสันตะปาปามีรับสั่งให้พวกเราจับเป็นราชาปีศาจให้จงได้ เห็นทีระดับความยากคงมิน้อยเลยทีเดียว เพียงแต่ยังมีวิชารักษาของพระบุตรศักดิ์สิทธิ์ลำดับที่หนึ่งอยู่ แม้เจ้าคิดจะปลิดชีพตนเองก็เกรงว่าคงจะตายมิสำเร็จ…”
ราชาปีศาจเผยรอยยิ้มขมขื่นออกมา ในหัวของอีกฝ่ายมิคิดว่าจะ ‘ถูกราชาปีศาจโจมตี’ เลยสักนิด และเรื่องจริงก็เป็นเช่นนี้
เลือดสีสดไหลจากหน้าผากหยดลงบนพื้น ราชาปีศาจรับรู้ได้ว่าร่างกายค่อยๆหนักอึ้งและสูญสิ้นเรี่ยวแรงขยับเขยื้อนโดยสิ้นเชิง ผู้บัญชาการกองอัศวินปักหอกเงินลงบนพื้นด้านข้างราชาปีศาจแล้วตวัดกายลงจากหลังม้า หยิบเอาโซ่ตรวนหนาขนาดเท่านิ้วโป้งออกมามัดราชาปีศาจที่ไร้เรี่ยวแรงต่อต้านอย่างแน่นหนา
“พวกเจ้ามีอาวุธที่มิว่าอย่างไรก็ชนะ…แต่ข้า…ไร้ซึ่งความหวังที่จะได้มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ไปตั้งนานแล้ว…”
เมื่อได้ยินวาจาเอ่ยพึมพำกับตนเองของราชาปีศาจ ผู้บัญชาการกองอัศวินหัวเราะอย่างแฝงความหมาย เขาจับเชลยพาดไว้บนหลังม้าศึก จากนั้นห้อตะบึงไปทางสันตะสำนัก
“ดูท่าเจ้าจะเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งยิ่งนัก ราชาแห่งปีศาจ เผ่าปีศาจเช่นพวกเจ้าสร้างความชั่วมามากมาย มีเพียงหนึ่งจุดจบ นั่นก็คือถูกสันตะสำนักกวาดล้าง”