เล่มที่ 1 บทที่ 5 ประวัติอัศวิน
“…ท่านเจียเอ่อร์ลั่ว ท่านนอนมิหลับอีกแล้วหรือขอรับ?”
อัศวินแห่งพระวิหารผมสีน้ำเงินผู้หนึ่งผลักประตูใหญ่เข้ามาด้วยใบหน้าง่วงงุน พบว่าหัวหน้าของตนยังคงนั่ง ‘ทำสมาธิ’ อยู่ในโถงประชุมใหญ่อีกแล้ว
แม้จะบอกว่าเป็นโถงประชุมใหญ่ ทว่าแท้จริงแล้วเป็นสถานที่ที่กองอัศวินใช้จัดประชุมภายใน อีกทั้งยังเป็นจุดเชื่อมต่อไปยังหอพักอัศวินและเส้นทางสู่ถนนภายนอกที่จำเป็นต้องผ่าน ในยามเที่ยงคืนเช่นนี้ ภายในโถงประชุมใหญ่เงียบสงัด เจียเอ่อรฺ์ลั่วปิดเปลือกตานั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงมุมหนึ่ง แสงจันทร์สาดส่องกระทบกล้ามเนื้อแข็งแรงบนต้นแขนของเขา ช่างงดงามราวกับรูปปั้นแกะสลักแสนประณีต
ยามเหล่าอัศวินยืนยามกลับหอพัก มักจะพบท่านเจียเอ่อร์ลั่วนั่งอยู่ในโถงใหญ่อย่างเงียบเชียบ ตามถ้อยแถลงของเจ้าตัว เป็นเพราะต้องการทำสมาธิเพื่อฟื้นฟูและพักพลังจิต ดังนั้นในฐานะอัศวินผู้ช่วยของท่านเจียเอ่อร์ลั่ว คล้ายจะมีเพียงตนที่รู้ว่าท่านหัวหน้าเป็นโรคนอนมิหลับ มักจะนอนหลับมิสนิทอยู่บ่อยครั้ง อีกทั้งหน้าต่างห้องพักของท่านหัวหน้ายังอยู่ตรงข้ามระฆังทองสัมฤทธิ์ของพระวิหารที่อยู่ไกลออกไปอย่างพอดิบพอดี จึงมักจะถูกเสียงระฆังปลุกให้ตื่นอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นจึงได้มานั่งปิดเปลือกตาทำสมาธิอยู่ในโถงประชุมใหญ่อันเงียบสงบแห่งนี้
“…อืม”
เจียเอ่อร์ลั่วผู้หวงวาจาประดุจทองคำเปิดเปลือกตาขึ้น นัยน์ตาสีทองมืดสลัวฉายแววอ่อนเพลียอย่างที่มิเคยได้พบเห็นในเวลากลางวัน
อัศวินผมน้ำเงินเผยสีหน้าเป็นห่วง เขายกมือขึ้นพลางอ้าปากทำท่าคล้ายอยากจะเอ่ยบางสิ่ง ทว่าจนแล้วจนรอดกลับมิมีสิ่งใดหลุดออกจากปากแม้แต่คำเดียว ท้ายที่สุดจึงถอนหายใจอย่างเศร้าซึม
เมื่อเอ่ยถึงรองผู้บัญชาการกองอัศวินแห่งพระวิหาร ผู้คนน้อยใหญ่ในสันตะสำนักล้วนแต่พากันเอ่ยชมมิขาดปากว่า — ทั้งซื่อตรงและสง่างาม เจียเอ่อร์ลั่วผู้องอาจกล้าหาญทั้งยังแข็งแกร่งคือหนึ่งในกำลังสำคัญของสันตะสำนัก สร้างความดีความชอบใหญ่หลวงในการทำศึกกับพวกเผ่าปีศาจ เอาชนะโดยการโจมตีฐานอันแข็งแกร่งของข้าศึกมาหลายต่อหลายครั้ง แม้ยามได้รับบาดเจ็บ ท่านรองผู้บัญชาการกลับยังมิคิดถดถอย ยังคงสามารถสร้างรากฐานอันมั่นคงเพื่อจับราชาปีศาจมาเป็นเชลยได้สำเร็จ
นอกจากนี้ยังมีสิ่งหนึ่งที่มีเพียงบุคคลตำแหน่งสูงของสันตะสำนักและอีกมิกี่คนที่อยู่ในเหตุการณ์เท่านั้นจึงจะรู้
นั่นคือเมื่อสองอาทิตย์ก่อนยามที่ราชาปีศาจถูกจับมาเป็นเชลย รองผู้บัญชาการเจียเอ่อร์ลั่วพากองอัศวินไปดักซุ่มโจมตีกองทัพของราชาปีศาจที่ถอยทัพไปยังหมู่บ้านขี้เถ้า ต่างฝ่ายต่างโรมรันเข้าหากัน สถานการณ์ในสนามรบตึงเครียดอย่างยิ่ง กองอัศวินบาดเจ็บล้มตายไปกว่าครึ่ง กองทัพปีศาจเหลือเศษกำลังทหารที่รอดตายเพียงจำนวนหนึ่ง การต่อสู้ชี้เป็นชี้ตายของราชาปีศาจกับรองผู้บัญชาการกินเวลายาวนานกว่าหนึ่งชั่วโมง
ท้ายที่สุดราชาปีศาจชนะการต่อสู้ด้วยสภาพน่าสังเวช กระนั้นก็คล้ายกับกองทัพของราชาปีศาจพ่ายแพ้อย่างย่อยยับเช่นเดียวกัน — ถึงแม้รองผู้บัญชาการจะได้รับบาดเจ็บสาหัส ทว่าก็สามารถสกัดราชาปีศาจและถ่วงเวลาให้ทัพใหญ่ได้สำเร็จ ทำให้การต่อสู้ทั้งหมดเข้าสู่ช่วงสุดท้าย
ในยามที่ตนพาสมเด็จพระสันตะปาปาเร่งรุดไปถึงด้วยความร้อนใจ สติสัมปชัญญะของรองผู้บัญชาการที่กระดูกแหลกไปหลายชิ้นเริ่มเลือนรางเสียแล้ว ทว่าด้วยสัญชาตญาณของนักรบเขายังคงพยายามหยัดยืนขึ้นมา ใบหน้าที่อาบย้อมด้วยเลือดสีสดของรองผู้บัญชาการทำเอาผู้ที่เพิ่งเคยพบเจอโลกภายนอกเช่นตนตกใจไม่น้อย ขณะมองหัวหน้าที่เดินด้วยฝีเท้าซวนเซ จะประคองก็มิกล้า จะมิประคองก็มิได้ ตนทำได้เพียงยืนภาวนาอยู่ด้านข้าง มองเหล่าพระสังฆราชห้อมล้อมสาละวนอยู่รอบกายรองผู้บัญชาการที่มีบาดแผลเต็มตัว
หลังจากนั้นแม้ว่าจะระดมกำลังผู้คนน้อยใหญ่ในสันตะสำนัก ก็ทำได้เพียงแค่รักษาบาดแผลถึงแก่ชีวิตของรองผู้บัญชาการให้จนหายดี ทว่าเวทมนตร์ดำของราชาปีศาจที่โจมตีนั้นร้ายกาจและรุนแรงมากเสียจนทิ้งรอยแผลเป็นน่าหวาดกลัวตั้งแต่หน้าผากด้านขวาลากยาวไปจนถึงจมูกข้างซ้ายของรองผู้บัญชาการ
ในยามที่รองผู้บัญชาการฟื้นคืนสติ เมื่อได้เห็นรอยแผลเป็นน่ากลัวบนใบหน้าของตนในกระจก นัยน์ตานั้นฉายแววตื่นตระหนกก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความเกรี้ยวกราด แม้จะมิอยากยอมรับชะตากรรมนี้อย่างไร สุดท้ายก็ทำได้เพียงแค่ทุบหนึ่งกำปั้นลงบนโต๊ะเพียงเท่านั้น
รอยแผลเป็นนั้นคือเครื่องหมายของการแก้แค้นและคำสาปแช่งที่ราชาปีศาจใช้พลังครึ่งชีวิตแลกมา มิเพียงแต่ทำให้ใบหน้างามดุจเทพลงมาจุติกลายเป็นใบหน้าอัปลักษณ์ แต่ยังคอยเตือนสติรองผู้บัญชาการที่มิเคยลิ้มรสความพ่ายแพ้มาก่อนว่า — รองผู้บัญชาการกองอัศวินแห่งพระวิหารผู้แสนทะนงเคยพ่ายแพ้ภายใต้น้ำมือของราชาปีศาจ แม้ว่ายามอยู่ต่อหน้าผู้คนจะสามารถใช้วิธีการแต่งหน้าปกปิดได้ ทว่า ‘เกียรติยศ’ เช่นนี้ยังคงติดอยู่ในใจเจียเอ่อร์ลั่วไปชั่วชีวิต
นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา รองผู้บัญชาการก็เริ่มเป็นโรคนอนมิหลับ กระจกภายในห้องนอนถูกทุบจนแตกมิเหลือ ใต้ตาของรองผู้บัญชาการคล้ำขึ้นทุกวัน อีกทั้งอารมณ์ยังแปรปรวนกว่าเมื่อก่อนขึ้นเรื่อยๆ — ยามกลางวันยังคงให้คำชี้แนะและจัดแจงหน้าที่ให้เหล่าอัศวินได้ตามปกติ ทว่าตกดึกเมื่อใดก็มักจะจ้องมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอย
รองผู้บัญชาที่เคยมีจิตวิญญาณเต็มเปี่ยมกลับเศร้าซึมขึ้นเรื่อยๆ ตนเห็นแล้วรู้สึกร้อนใจ แต่กลับมิอาจทำสิ่งใดได้ หวังเพียงว่าหลังพิธีตัดสินของราชาปีศาจจบสิ้นลง เมื่อศัตรูตัวฉกาจถูกสังหาร รองผู้บัญชาการอาจจะมีชีวิตชีวามากกว่าเดิมขึ้นสักนิด
หากเป็นประชาชนทั่วไป เมื่อนักบวชหรือบาทหลวงใช้วิชาเยียวยาแห่งแสงก็จะสามารถนอนหลับได้สนิท ทว่าพลังเวทแห่งแสงของท่านเจียเอ่อร์ลั่วเหนือกว่าผู้คนส่วนมากในสันตะสำนักเสียอีก ก็ยังต้องทนทุกข์เพราะจนปัญญากับอาการนอนมิหลับ
แต่คล้ายกับตนจะคิดง่ายดายเกินไป
เมื่อกลับมารายงานการปฏิบัติงานที่สถาบันอัศวิน ตนก็มิอาจอดกลั้นได้อีกต่อไป จึงบอกเรื่องราวโดยคร่าวกับอัศวินอาวุโสที่อบรมสั่งสอนตน หลังอัศวินอาวุโสได้ฟังสิ่งที่ตนบรรยายก็เริ่มขมวดคิ้วเข้าหากัน
“…หากเป็นเช่นนั้นจริง ท่านเจียเอ่อร์ลั่วคงรู้สึกมิยินยอมอย่างยิ่ง”
“…เพราะเหตุใดกัน? ราชาปีศาจที่ทำให้รองผู้บัญชาการเสียโฉมจะถูกตัดสินโทษตายแล้วมิใช่หรือ?”
เพียงแต่อัศวินฝึกหัดเช่นตนในตอนนั้นยังมิค่อยเข้าใจความหมายของอัศวินอาวุโส จึงมองบุรุษวัยกลางคนที่มีรอยยิ้มคลุมเครือตรงหน้าด้วยความสงสัย
“เจ้าอายุยังน้อย ยังมีประสบการณ์น้อยนัก มิแปลกหากจะมิเข้าใจความหมกมุ่นเพราะอยากจะแก้แค้นศัตรูที่แข็งแกร่งของเหล่านักรบ”
อัศวินอาวุโสกุมปลายคาง มองออกไปนอกหน้าต่างท่าทางคล้ายกำลังใช้ความคิด
“ก่อนที่ผู้พ่ายแพ้จะได้รับชัยชนะก็ยังคงเป็นผู้พ่ายแพ้ตลอดกาล หากแม้นผู้ชนะสิ้นชีวีลง ย่อมมิอาจลบล้างสมญานามผู้พ่ายแพ้นี้ลงได้…”
……
“อ่า!”
“เคร้ง!”
เสียงร้องด้วยความตกใจและเสียงถาดใส่อาหารตกลงบนพื้นดังขึ้นพร้อมกัน ทำเอาโม่จ้านถึงกับสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจก่อนจะค่อยๆ ยันตัวขึ้นจากพื้น ราชาปีศาจที่สติยังมิเต็มร้อยขยี้ตา กำลังคิดว่าควรจะระบายความหงุดหงิดที่ถูกปลุกใส่ตาเฒ่าตรงหน้าดีหรือไม่
พระสังฆราชลู่อี้ที่เอาข้าวมาส่งเผยสีหน้ามิสู้ดีนัก ชี้นิ้วไปทางโม่จ้านก่อนพูดว่า “เจ้าๆๆๆ” อยู่ครึ่งค่อนวัน มิรู้ว่าเป็นเพราะโมโหหรือตกใจกันแน่
“เจ้าทำอันใดของเจ้า หากข้าจะหนีก็คงหนีไปตั้งแต่แรกแล้ว มิเชื่อในความสามารถของพระสันตะปาปาของพวกเจ้าถึงเพียงนั้นเชียว?” โม่จ้านอ้าปากหาวแล้วกวักมือไปทางตาเฒ่า “หากเจ้าอยากมัดโซ่ก็รอให้ข้ากินเสร็จก่อนค่อยมัดกลับ หลังมื้อเย็นก็ไม่ต้องมัดแล้ว ยืนนอนมันทรมานเกินไป”
ลู่อี้เต้นเร่าๆ ด้วยความโกรธ กระทั่งเครายังสั่นตามไปด้วย “เจ้ามีสิทธิ์อันใดมาสั่งข้า! ที่สำคัญเจ้าปลดโซ่ได้อย่างไร!”
“มือเจ้าหละหลวมเพียงใดก็ถามตัวเองเถิด” โม่จ้านพึมพำเสียงเบา สายตาจดจ้องไปตรงเท้าของลู่อี้ด้วยกลัวว่าตาเฒ่าที่เต้นเร่าๆ จะเผลอเหยียบกล่องอาหารของตนเข้า ในนั้นเป็นถึงแหล่งความสุขตลอดครึ่งวันของเขา หากโดนเหยียบจนเสียของก็คงมิมีสิ่งใดให้กินแล้ว
โม่จ้านจอมโกงจงใจยื้อเวลากินข้าวให้นานออกไป เขาสูดปากพลางทำเสียงดังไปทางลู่อี้หลายต่อหลายครั้ง ทำเอาชายชราโมโหจนสุดจะทน
มิใช่เรื่องง่ายกว่าราชาปีศาจผู้ตกเป็นเชลยจะกินเต็มอิ่ม ตาเฒ่าที่โมโหจนเหนื่อยหอบเรียกอัศวินผู้หนึ่งเข้ามา มิรู้ว่าเป็นเพราะอยากจะแก้แค้นหรืออย่างไร ลู่อี้จึงสั่งอัศวินผู้นั้นให้มัดแน่นแล้วแน่นอีก แน่นจนกระทั่งโม่จ้านต้องแยกเขี้ยวบอกว่าทนไม่ไหวถึงได้ยอมเพลามือ โซ่ตรวนเย็นเฉียบแนบเนื้อจนรู้สึกเจ็บแสบ ทิ้งรอยประทับเป็นเส้นไว้บนกล้ามเนื้อแข็งแรง
กล่าวกันว่าชีวิตมักรักษาสมดุลในตัวมัน หากตอนกลางวันโชคร้ายแล้ว ตอนบ่ายก็น่าจะดีขึ้นสักหน่อยกระมัง? โม่จ้านคิดเช่นนี้
ทว่าโม่จ้านกลับมิได้รับรู้เลยว่านับตั้งแต่ข้ามมิติมา วิกฤตอันใหญ่หลวงที่นอกเหนือจากความปลอดภัยของชีวิตนั้นกำลังจะมาเยือนในไม่ช้า…
Chapters
Comments
- เล่มที่ 1 บทที่ 10 ยังคงเจ็บและรู้สึกงงงวย กันยายน 14, 2023
- เล่มที่ 1 บทที่ 9 สงครามบนตรอกขี้เถ้า (2) กันยายน 11, 2023
- เล่มที่ 1 บทที่ 8 สงครามบนตรอกขี้เถ้า (1) กันยายน 9, 2023
- เล่มที่ 1 บทที่ 7 นิ้วและมือ กันยายน 6, 2023
- เล่มที่ 1 บทที่ 6 วิกฤตพรหมจรรย์ กันยายน 4, 2023
- เล่มที่ 1 บทที่ 5 ประวัติอัศวิน กันยายน 2, 2023
- เล่มที่ 1 บทที่ 4 อัศวินติดหนี้ สิงหาคม 31, 2023
- เล่มที่ 1 บทที่ 3 พระบุตรศักดิ์สิทธิ์ลำดับสอง สิงหาคม 31, 2023
- เล่มที่ 1 บทที่ 2 น้องชาย สิงหาคม 31, 2023
- เล่มที่ 1 บทที่ 1 จากต้องตายกลับกลายเป็นต้องโทษประหาร สิงหาคม 31, 2023
MANGA DISCUSSION