เล่มที่ 1 บทที่ 2 น้องชาย
หลังบานประตูหนักอึ้งถูกปิดลง ในใจของโม่จ้านเต็มไปด้วยอารมณ์หลากหลายผสมปนเปกัน มิน่าทำไมวิญญาณเจ้าก้อน(สรรพนามในแบบฉบับโม่จ้าน) ราชาปีศาจตนนั้นถึงได้ถามเขาว่าอยากตายอีกรอบหรือไม่ ที่แท้เป็นเพราะไม่ว่าอย่างไรก็ต้องตาย ต่างกันแค่จะตายตอนนี้หรืออีกห้าวันให้หลังเท่านั้น จริงอยู่ที่ว่ารสชาติของความตายมันไม่น่าอภิรมย์ แล้วรสชาติของการรอความตายมันน่าพิสมัยนักหรืออย่างไร?
ทว่าการที่ต้องถูกโซ่ตรวนเส้นใหญ่พันธนาการไว้ไม่ต่างกับปูขน ทั้งยังไม่รู้ว่าจะมีอัศวินไร้สมองคนไหนเข้ามาทุบตีตนเองอีกเมื่อไหร่ หากเป็นเขาก็คงเลือกทำแบบเดียวกัน ยอมเดิมพันด้วยวิญญาณสักตั้ง แม้ว่าดวง วิญญาณจะต้องแตกสลายก็ดีกว่าทนถูกทรมานอยู่ที่นี่
ขณะที่โม่จ้านกำลังตำหนิติเตียนตนเองอยู่นั้น เสียงประตูถูกเปิดก็ดังขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง โม่จ้านถอนหายใจหนึ่งเฮือก ปิดเปลือกตาลงก่อนจะเริ่มทำตัวเป็นศพแข็งทื่อ
“ท่านพี่”
“……”
“ท่านพี่…”
โม่จ้านตอนนี้มิต่างกับภิกษุเฒ่าเข้าฌาน เอ่ยกับตนเองในใจด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า ‘เมื่อใจสะอาด จิตเราย่อมสะอาดตาม’ ถือเสียว่าเมื่อครู่เขาไม่ได้ยินสิ่งใดเลยก็แล้วกัน
“ฮึกฮือ…ท่านพี่…” เสียงเล็กเจือเสียงสะอื้นไห้ของเด็กน้อยดังขึ้นอีกครั้ง
โม่จ้านเมื่อมั่นใจแล้วว่าเสียงที่ได้ยินไม่ใช่ภาพมายา จึงตัดสินใจเปิดเปลือกตาขึ้น ก็พบกับเด็กน้อยที่กำลังแหงนหน้ามองตนอยู่ตาแป๋ว
อันที่จริงตั้งแต่ยังเด็ก โม่จ้านมักไม่อาจรับมือกับการร้องไห้ของเด็กและผู้หญิงได้ ขอเพียงอีกฝ่ายร้องไห้ โม่จ้านที่คิดว่าตนเองเป็นบุรุษจิตใจเข้มแข็งก็มักจะลนลานจนทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้จะเอามือไม้ไปวางไว้ที่ไหน ซึ่งตอนนี้ดวงตาเป็นประกายชุ่มหยาดน้ำตาคู่นั้นของเด็กน้อยก็กำลังจ้องมองมายังตัวเขา โม่จ้านที่กายเปลี่ยน แต่วิญญาณไม่ได้เปลี่ยนถึงกับคอตั้ง ก่อนจะเบนหน้าหนีเพื่อกลบเกลื่อนความกระอักกระอ่วนในใจของตน
“ฮึกฮือฮือ…ท่านพี่…ท่านยังเกลียดข้าจริงๆ ด้วย…”
น้ำตาของเด็กน้อยไหลรินลงมาไม่ต่างกับลูกปัดสายขาด เด็กน้อยสะอื้นไห้พลางใช้ชายแขนเสื้อกว้างปาดหยาดน้ำตา รอยยิ้มขมขื่นประดับอยู่บนใบหน้าอันเศร้าหมอง
“นั่นสินะ ท่านพี่ถูกสันตะสำนักจับมาลงทัณฑ์ และข้าก็เป็นหนึ่งในคนของสันตะสำนัก หากท่านพี่จะเกลียดข้าก็นับว่าสมควร…”
โม่จ้านจนใจ ทำได้เพียงเบนหน้ากลับมามองเด็กน้อยที่ร้องไห้จนน้ำตาเปรอะเปื้อนใบหน้าอย่างจนปัญญา เด็กชายตัวน้อยที่ใบหน้ากล้ำกลืนความไม่เป็นธรรมสวมชุดเครื่องแบบของสันตะสำนัก จีบผ้าบนหน้าอกและชายแขนเสื้อล้วนปักลายด้วยด้ายทองหรูหรา ทว่ายามนี้กลับถูกน้ำตาและน้ำมูกเปรอะเปื้อนจนยับยู่ยี่
โม่จ้านเห็นเด็กน้อยสูดจมูกด้วยท่าทางกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรม แล้วนึกอยากเงยหน้าตะโกนขึ้นฟ้า— เขาต้องกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรมยิ่งกว่าเสียอีก! เขาไม่มีความทรงจำในอดีตของราชาปีศาจ เขาจำอะไรไม่ได้! ต่อให้มาหลอกว่าเป็นลูกชายเขา เขาก็ไม่รู้สักนิด!
เด็กน้อยเมื่อเห็นโม่จ้านก้มหน้าลงมองตน จากที่ร้องไห้ก็กลับกลายเป็นเผยยิ้มแล้วกอดเอวโม่จ้านเอาไว้ “ที่แท้ท่านพี่ก็ยังเชื่อข้า”
เชื่อแล้วมีประโยชน์อันใด เจ้าจะพาข้าออกไปจากที่นี่ได้หรืออย่างไร?
“หมีเอ๋อร์เพียงอยากจะอยู่กับท่านพี่ให้มากสักหน่อย” เด็กน้อยนั่งอิงต้นขาของโม่จ้านแล้วถอนหายใจเสียงเบา “เวทกาลักพลังปีศาจส่งผลร้ายต่อเผ่าปีศาจถึงเพียงนั้น จะต้องเจ็บปวดมากเป็นแน่ แต่ข้ากลับทำอะไรไม่ได้สักอย่าง…”
“ท่านพี่ถูกใส่เครื่องจองจำวิญญาณและถูกกักขังไว้ในคุกนอกรีต ข้าได้ยินเหล่าอัศวินบอกว่าท่านพี่ขัดขืนรุนแรง กระทั่งสมเด็จพระสันตะปาปายังไร้หนทางทำให้ท่านพี่สงบลง…ตลอดหลายวันมานี้ท่านพี่ไม่มีกระทั่งเสียงร้อง ข้ายังคิดว่า ยังคิดว่า…”
เด็กน้อยเอ่ยไปเอ่ยมา น้ำตาก็เริ่มไหลรินออกมาอีกครั้ง
อดีตราชาปีศาจตนนี้น่าเวทนาถึงเพียงใดกัน…โม่จ้านลอบจุดเทียนไขให้ผู้อาวุโสในใจอย่างเงียบเชียบ เดิมทียังคิดอยากลูบหัวเด็กน้อย ทว่านอกจากลำคอ ร่างทั้งร่างของตนไม่มีส่วนใดขยับเขยื้อนได้เลยสักอย่าง ดังนั้นจึงทำได้เพียงปล่อยผ่านไป
“จองจำวิญญาณของเผ่าปีศาจ ภายหลังค่อยดูดกลืนพลังปีศาจไปทีละนิด ยามปกติพระสังฆราชเหล่านั้นคอยสอนสั่งให้ข้าใจคอกว้างขวางมีเมตตาอารี นึกไม่ถึงว่าลับหลังจะใช้วิชาโหดเหี้ยมเช่นนี้กับท่านพี่” เด็กน้อยกำหมัดแน่น ดวงตาแดงก่ำเต็มไปด้วยเส้นเลือด แววตาฉายชัดถึงความเกลียดชังอันยากบรรยายเป็นคำพูด
สิ่งที่เจ้ายังไม่เคยพบเห็นมีมากมายนัก ในโลกก่อนหน้าที่สงบสุขถึงเพียงนั้น ยังมีการลอบใช้แผนการน่าสะอิดสะเอียน นับประสาอะไรกับที่นี่ โม่จ้านมองเด็กน้อยตรงหน้าก่อนเผยสีหน้าขมขื่นออกมาอย่างอดไม่ได้ ผู้ที่เพิ่งจบการศึกษาทั้งยังมีนิสัยใจคอบุ่มบ่ามเช่นตนยังถูกเงินเดือนอันน้อยนิดนั่นลับความสามารถจนทื่อ
…เดี๋ยวสิ เหมือนจะมีบางอย่างไม่ถูกต้อง ในเมื่อเป็นน้องชายของเขา แล้วทำไมเขาถึงกลายเป็นราชาปีศาจ แต่เด็กนั่นกลับเข้าสันตะสำนัก?
ทว่าสีหน้าแค้นเคืองของเด็กน้อยที่แสดงออกไม่เหมือนกับเสแสร้งแกล้งทำ ยิ่งไปกว่านั้นเด็กน้อยคนหนึ่งจะมาหลอกราชาปีศาจที่ใกล้จะตายทำไมกัน? ดูท่าแล้วความเป็นมาของเรื่องนี้คงจะสลับซับซ้อนมากกว่าที่เขาคิด
โม่จ้านนึกอยากเอ่ยปากถาม ทว่าเมื่อคำพูดมาอยู่ที่ริมฝีปากกลับต้องถูกกลืนกลับลงไป — จะถามยังไง? ข้าเป็นใคร ข้าอยู่ที่ไหน ก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น แล้วพ่อกับแม่เล่าไปอยู่ที่ไหน?
ทันทีที่คำถามเหล่านี้หลุดออกไป เด็กน้อยที่อยู่ตรงหน้าจะต้องสงสัยเขาเป็นแน่ หากรู้ว่าในร่างราชาปีศาจไม่ใช่วิญญาณดั้งเดิม เด็กน้อยจะถือมีดพุ่งเข้ามาเพื่อ ‘แก้แค้น’ ให้พี่ชายหรือไม่…
โม่จ้านรู้สึกอัดอั้นตันใจ อยากที่จะพูดบางอย่างแต่กลับต้องชะงักเอาไว้ ให้เขาไปแบกปืนสังหารศัตรูหรือขายของทำบัญชีอะไรก็ได้ แต่เขาไม่ถนัดเรื่องใช้ลูกไม้ เล่นสงครามประสาท หรือใช้คำพูดจาหว่านล้อมจริงๆ ! ยามนี้เวลานี้ โม่จ้านนึกเสียใจภายหลังเหลือเกินที่เมื่อชาติก่อนไม่ได้ดูละครการเมืองหรือบทละครในวังหลัง อย่างน้อยคงพอได้เรียนรู้วิธีการพูดจามาบ้างไม่มากก็น้อยใช่หรือไม่?
ความคิดยุ่งเหยิงตีพันกันในหัวอยู่หลายรอบ จนในที่สุดโม่จ้านก็ตัดสินใจเอ่ยปากออกไป
“…สถานการณ์ของพวกเขาเป็นอย่างไรบ้าง?” ในเมื่อกลัวว่าการถามแบบเจาะลึกจะเผยพิรุธ เช่นนั้นก็เอาไปแบบคลุมเครือเถอะ อย่างไรการถามออกไปแบบนี้ก็คงจะได้รับข่าวคราวที่เป็นประโยชน์กลับมาบ้าง
เด็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงของพี่ชายจึงเงยหน้าขึ้นเผยสีหน้ายินดีระคนประหลาดใจ ก่อนจะโบกมือสื่อให้รอครู่หนึ่ง จากนั้นวิ่งหายออกไปข้างนอก ขณะที่โม่จ้านกำลังมึนงงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เด็กน้อยก็ยกจอกน้ำชาวิ่งเข้ามา พยายามเขย่งปลายเท้าส่งไปจรดริมฝีปากของราชาปีศาจพร้อมทั้งเงยหน้าเอ่ยพึมพำเสียงเบา
“นี่คือน้ำชาที่เอามาจากในตัวเมืองเพื่อใช้รับแขก ข้าไม่กล้าเอาน้ำของสันตะสำนักให้ท่านพี่ดื่ม…”
น้ำรสหวานสดชื่นไหลผ่านลำคอแห้งผาก โม่จ้านรู้สึกซาบซึ้งใจจนแทบจะร้องไห้ออกมา เหตุใดน้องชายจึงว่านอนสอนง่ายถึงเพียงนี้ เทียบกับน้องชายในชาติก่อน คนคนนั้นกลับชอบตีหน้าขรึมใส่ทุกคน วันทั้งวันเอาแต่เปิดปากพล่ามถึงเรื่องเงินเดือนไม่ก็เรื่องงาน?
“ได้ยินหัวหน้ากองอัศวินบอกว่าหลังจากพี่ใหญ่ถูกจับ ปู้ไหลเต๋อเจ้าคนทรยศได้ถูกเจี๋ยหลัวกับอามู่ไล่ต้อนไปจนถึงริมหน้าผา จากนั้นจึงกระโดดลงไปเพื่อฆ่าตัวตายแล้วขอรับ”
เด็กน้อยขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพลางกำจอกน้ำชาในมือแน่น กระทั่งข้อต่อกระดูกยังกำเข้าหากันจนเกิดเป็นรอยแดง
“คนผู้นั้นถึงตายก็ไม่อาจชดใช้บาปกรรมได้ ทั้งๆ ที่ท่านพี่เป็นคนคอยดูแลเขามาโดยตลอด กระทั่งทักษะการต่อสู้ ท่านพี่ก็ยังเป็นคนสอน นึกไม่ถึงว่าเขาจะเปิดโปงความลับต่อโถงพิพากษาในยามคับขัน”
“อีกทั้งยามนี้เผ่าปีศาจก็แทบจะสูญสิ้นหมดแล้ว…เฮ้อ เจี๋ยหลัวถูกกองอัศวินทำให้บาดเจ็บสาหัส จนป่านนี้ก็ยังไม่รู้ว่าอยู่ที่ใด ส่วนอามู่หนีไปทางฝั่งตะวันออก คาดว่าคงกำลังเร้นกายอยู่ในป่าแล้วกระมัง ถึงอย่างไรเขาก็เป็นภูตความมืด เผ่าภูตน่าจะยอมรับเขา” หมีเอ่อร์ถอนหายใจอีกครั้ง “กองทัพทั้งสี่เหลือเพียงกลุ่มเล็กๆ ของกองทัพที่สามที่หนีไปยังตรอกขี้เถ้า ส่วนคนอื่นๆ ข้าก็ไม่รู้แล้วเช่นกัน ทั้งยังไม่มีสิทธิ์รู้ด้วยขอรับ”
โม่จ้านลอบจดจำชื่อคนไม่กี่คนและสถานที่เอาไว้ในใจ จากนั้นจึงเอ่ยคำถามที่สองออกไป “…ระยะนี้ ข้างนอกมีเรื่องใหญ่อะไรหรือไม่?”
ยังไม่ทันเอ่ยคำสุดท้ายจบ ดวงตาของเด็กน้อยที่เพิ่งปาดน้ำตาออกก็เริ่มแดงก่ำอีกครั้ง “หลังจากพี่เกอลี้ย่าได้ยินว่าท่านถูกจับก็เอาแต่ร้องไห้และเก็บตัวอยู่ในบ้าน ข้าพยายามเกลี้ยกล่อมนาง แต่นางบอกว่า ‘เพราะพวกสัตว์เลิศเลอเช่นเจ้าทำให้พวกเราไม่อาจอยู่อย่างสงบ’ ก่อนจะถีบข้าออกไปนอกประตู กว่าท่านป้าหากุญแจพบ นางก็ดื่มยาแปรธาตุปลิดชีพตนเองแล้ว”
เจ้าของร่างเดิมไม่ได้มีแค่แฟนสาว แต่แฟนสาวยังเป็นคนรักมั่น สหายโม่ผู้เป็นโสดมาสามสิบปีรู้สึกกลัดกลุ้มใจยิ่งนัก ประกายไฟแห่งความอิจฉาดวงเล็กของโม่จ้านลุกโชนขึ้นมา
“ฮือๆๆ ล้วนแต่เป็นความผิดของข้า ล้วนแต่เป็นความผิดของข้าทั้งสิ้น!” เมื่อเห็นสีหน้าอึมครึมของพี่ชาย หมีเอ่อร์ก็ร้องไห้หนักกว่าเดิม “หากมิใช่เพราะเมื่อสามปีก่อนข้าอยากเข้ามาเที่ยวเล่นในเมืองก็คงไม่ต้องบังเอิญพบพระสังฆราชเหล่านั้น ยิ่งไม่มีทางถูกจับมาเป็นพระบุตรศักดิ์สิทธิ์ลำดับสามอะไรนั่น สายเลือดของท่านพี่ก็คงไม่ถูกล่วงรู้เข้าเช่นกัน…ยามนี้ครอบครัวถูกทำลาย กระทั่งพี่เก๋อเหลยเกอหลี่ยังหายตัวไปด้วย…ฮึกฮือๆ…ฮือๆๆๆ”
โม่จ้านที่กำลังปวดหัวจะปลอบใจก็ไม่ได้ จะไม่ปลอบใจก็ไม่ได้ ถูกกวนใจจนในหัวกลายเป็นความยุ่งเหยิงอีกครั้ง ได้แต่หวังให้มีคนเข้ามาขัดจังหวะการร้องไห้ที่ดังขึ้นเรื่อยๆ ของเด็กน้อย
คล้ายเทพเซียนจะได้ยินเสียงวิงวอนของโม่จ้าน เสียงระฆังดังแผ่วจากด้านหลังบานประตูทำให้เด็กน้อยที่กำลังเอามือปิดดวงตาสะดุ้งตกใจ รีบปาดน้ำตาบนใบหน้าให้สะอาด จากนั้นเงยหน้าเอ่ยกับโม่จ้านว่า “ระฆังเปลี่ยนเวรยามดังขึ้นแล้ว หากยังไม่ยอมกลับไปพวกเขาจะสงสัยเอาได้ วันหลังหมีเอ่อร์จะมาอยู่เป็นเพื่อนท่านพี่อีกขอรับ”
เด็กน้อยวิ่งเหยาะขึ้นบันได จากนั้นใช้พลังมหาศาลดึงประตูใหญ่ฉาบทอง มิวายยังหันกลับมามองโม่จ้านอีกครั้งก่อนจะค่อยๆ ปิดบานประตูเข้าหากันอย่างอาลัยอาวรณ์
ด้านนอกช่องประตูสว่างไสวอย่างมาก คล้ายกับแสงเทียนส่องสว่างยิ่งกว่าแสงตะวัน ในขณะที่ห้องขังและโลกภายนอกถูกตัดขาดจากกันอีกครั้ง ในที่สุดโม่จ้านผู้เหน็ดเหนื่อยหัวใจก็ได้มีเวลาประมวลข่าวสารที่เพิ่งได้รับมา
ร่างกายของตนยามนี้คือราชาปีศาจไม่ผิดแน่ ถูกสันตะสำนักจับตัวมาไว้ที่นี่ อัศวินผู้นั้นบอกว่าอีกห้าวันให้หลังจะมีพิธีตัดสิน เวลาที่เหลือให้ตนมีไม่มากแล้วจริงๆ
‘เขาเป็นใคร’ และ ‘เขาอยู่ที่ไหน’ ได้รับคำอธิบายแล้ว ส่วน ‘ก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น’ สามารถใช้สมองคิดเพิ่มเติมได้ว่า พี่น้องสามคน มีสองคนเข้ามาเที่ยวเล่นในเมือง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นคนหนึ่งถึงเข้าสันตะสำนัก อีกคนกลายเป็นราชาปีศาจ หลังทั้งสองฝ่ายเริ่มทำสงครามทำให้คนทรยศอย่างปู้ไหลเต๋อหักหลังกองทัพปีศาจ น้องชายที่เหลืออยู่อีกคนหายตัวไป ผู้บัญชาการระดับสูงทั้งสองคน คนหนึ่งตาย คนหนึ่งหายสาบสูญ กองทัพทั้งสี่เหลือทหารเพียงน้อยนิดที่หนีรอดไปยังสถานที่ที่เรียกว่าตรอกขี้เถ้า คู่หมั้นสาวของราชาปีศาจคนก่อนยอมตายถวายความรัก ตอนนี้เรื่องราวทั้งหมดก็มีเพียงเท่านี้
ซึ่งดูเหมือนจะไม่มีอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อการหนีรอดของตัวเขาเลยสักนิด โม่จ้านเงยหน้ามองท้องฟ้า ท้องฟ้าที่เป็นแค่ฝ้าเพดาน
คล้ายกับความรู้สึกของเด็กน้อยจะไม่ใช่เรื่องโกหก แต่คาดว่าคงจะอับจนหนทางเพราะสถานการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ดูจากชื่อ ‘พระบุตรศักดิ์สิทธิ์ลำดับสาม’ ก็เดาได้แปดส่วนแล้วว่าจะต้องมีลำดับหนึ่งลำดับสองอยู่เหนือกว่าเขา นอกจากนั้นเมื่อเป็นนักโทษถูกจองจำก็ต้องมีการคุ้มกันอย่างแน่นหนา เพียงสายโซ่เส้นใหญ่ไม่กี่เส้นที่พันธนาการอยู่ในยามนี้ก็ไม่อาจหลุดพ้นแล้ว ราชาปีศาจคนก่อนจะต้องแข็งแกร่งกว่าตนมากเป็นแน่ ทว่าท้ายที่สุดยังทำได้เพียงใช้วิญญาณแลกวิญญาณ มิน่าเล่าถึงได้บอกกับตนว่า ‘ตายอีกรอบ’
มีประโยคหนึ่งพูดเอาไว้ว่าอะไรสักอย่าง? ชีวิตก็เหมือนกับการข่มขืน ในเมื่อไม่อาจต่อต้าน เช่นนั้นก็จงเสพสุขเถิด? โม่จ้านคิดในใจ
ขอร้องล่ะ ให้เสพสุขจากการรอความตาย? มันจะไปเสพสุขได้อย่างไรกันเล่า…
แม้จะพูดเช่นนี้ ทว่าโม่จ้านกลับไม่ได้ผิดหวังมากนัก อีกทั้งวันนี้มีแต่เหตุการณ์แปลกประหลาดเกิดขึ้นมากมาย ทำให้นอกจากความรู้สึกเหนื่อยแล้วสหายโม่ของพวกเราก็ไม่รับรู้อะไรอีก เดิมทีชีวิตนี้ที่ควรจบสิ้นไปแล้ว ก็กลับกลายเป็นได้มีชีวิตต่ออีกห้าวันเพื่อทนรับความทรมาน เช่นนั้นอยากจะทำอะไรก็ทำไปเถอะ
ชีวิตนั้นสำคัญ แต่การนอนสำคัญกว่า [1] หนังตาบนและล่างต่อยตีกันไม่ยอมหยุด ความง่วงงุนค่อยๆ เข้าครอบงำสติสัมปชัญญะของโม่จ้านไปทีละน้อย
เชิงอรรถ
[1] ชีวิตนั้นสำคัญ แต่การนอนสำคัญกว่า 生命诚可贵,睡眠价更高 ดัดแปลงมาจาก ชีวิตนั้นสำคัญ ความรักสำคัญยิ่งกว่า 生命诚可贵 爱情价更高
Chapters
Comments
- เล่มที่ 1 บทที่ 10 ยังคงเจ็บและรู้สึกงงงวย กันยายน 14, 2023
- เล่มที่ 1 บทที่ 9 สงครามบนตรอกขี้เถ้า (2) กันยายน 11, 2023
- เล่มที่ 1 บทที่ 8 สงครามบนตรอกขี้เถ้า (1) กันยายน 9, 2023
- เล่มที่ 1 บทที่ 7 นิ้วและมือ กันยายน 6, 2023
- เล่มที่ 1 บทที่ 6 วิกฤตพรหมจรรย์ กันยายน 4, 2023
- เล่มที่ 1 บทที่ 5 ประวัติอัศวิน กันยายน 2, 2023
- เล่มที่ 1 บทที่ 4 อัศวินติดหนี้ สิงหาคม 31, 2023
- เล่มที่ 1 บทที่ 3 พระบุตรศักดิ์สิทธิ์ลำดับสอง สิงหาคม 31, 2023
- เล่มที่ 1 บทที่ 2 น้องชาย สิงหาคม 31, 2023
- เล่มที่ 1 บทที่ 1 จากต้องตายกลับกลายเป็นต้องโทษประหาร สิงหาคม 31, 2023
MANGA DISCUSSION