นักอัญเชิญแห่งแฟรี่เทล - ตอนที่ 8 : สมาชิกใหม่
นักอัญเชิญแห่งแฟรี่เทล
ตอนที่ 8 : สมาชิกใหม่
กว่ามาคารอฟและเควินจะกลับมาจากสภาจอมเวทย์ เวลาก็ร่วงเลยไปพอสมควร มาคารอฟและเควินต่างโดนสภาจอมเวทย์ต่อว่าอย่างหนักหน่วง เมื่อกลับมาถึงกิลด์พวกเขาก็เดินขึ้นไปบนชั้นสองอย่างเงียบๆ มาคารอฟในตอนนี้เหนื่อยทั้งกายและใจไม่มีแรงแม้แต่จะตวาดด้วยซ้ํา
“เควิน เจ้าคิดว่าสักวันกิลด์ของเราจะถูกยุบบ้างไหม?” มาคารอฟถอนหายใจด้วยน้ําเสียงอ่อนแรง ในมือของเขาถือใบคําร้องจํานวนมากเอาไว้ ถ้าเด็กๆของเขามัวแต่ทําตัวทําลายล้างแบบนี้ต่อไป เขากลัวว่ากิลด์ที่แสนสงบสุขจะหายไปในสักวัน
“ต่อให้ถูกยุบจริงๆ แฟรี่เทลก็คงจะยังอยู่ต่อไป แม้ว่าจะในฐานะกิลด์แห่งความมืดก็ตาม มาสเตอร์ไม่ต้องกังวลไปหรอก” เควินพูดด้วยรอยยิ้ม แต่คําปลอบของเขาไม่ได้ฟังดูดีเลยแม้แต่น้อย มันยิ่งทําให้มาคารอฟที่ได้ยินเกิดอาการปวดจิตปวดใจยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
ตอนนั้นเองที่ชั้นล่างก็มีเสียงคนพูดว่า “ฉันกลับมาแล้ว” ดังขึ้นจากบริเวณประตูทั้งสองมองลงมาจากบนชั้นสอง พวกเห็นชายหนุ่มผมสีดอกซากุระ บริเวณไหล่มีแมวเกาะอยู่ และหญิงสาวผมบลอนด์อีกคนอยู่ที่ด้านหน้าประตู
“นัตสึกลับมาแล้ว มาสเตอร์คิดว่าอีกนานไหมกว่าพวกนั้น จะเริ่มสู้กัน?” เควินยิ้มบางๆ การต่อสู้ภายในกิลด์นับว่าเป็นวัฒนธรรมที่มีมาอย่างยาวนานของกิลด์แฟรี่เทล และชายหนุ่มหัวชมพูที่ชื่อว่านัตสีเองก็เป็นหนึ่งในคนที่ชื่นชอบการทะเลาะวิวาทมากที่สุดคนหนึ่งของกิลด์
“เฮ้อ ทําไมเอลซ่าถึงไม่อยู่กันนะ? ช่างมันเถอะ ปล่อยพวกนั้นไป ยังไงนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจ้าพวกนั้นต่อยตีกันสักหน่อย” มาคารอฟส่ายหัวพร้อมถอนหายใจ
และเป็นไปตามที่คาดไว้ ภายในเวลาอันสั้น กลุ่มคนที่ชั้นล่างก็เริ่มสู้กันเอง การต่อสู้เริ่มรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จนท้ายที่สุดทุกคนก็เริ่มใช้เวทมนตร์ออกมา
เมื่อเห็นท่าทางหมดอะไรตายอยากของมาคารอฟ เควินก็ได้แต่เกาหัวโดยไม่รู้จะทํายังไงดี เขาหันไปมองสถานการณ์ที่ด้านล่างและหันไปพูดกับมาคารอฟว่า “นีมาสเตอร์ ดูเหมือนว่ากิลด์เราจะมีเด็กใหม่ล่ะ เห็นสาวผมบลอนด์สวยๆนั้นไหม”
“สาวสวยผมบลอนด์?!” เมื่อได้ยินมาคารอฟก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งทันที เขากระโดดลงไปยังชั้นล่างพร้อมขยายร่างกลายเป็นยักษ์
“อย่าใจเสาะกันไปก่อนล่ะ เจ้าพวกบ้า!!” มาคารอฟตะโกนออกมาอย่างดุดัน
ในตอนนี้ภายนอกของมาคารอฟได้กลายเป็นยักษ์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หัวของเขาสูงเทียบเท่ากับเพดานของกิลด์อย่างพอดิบพอดี ใบหน้าแสดงออกถึงความโกรธแทบไม่ต่างอะไรไปจากวิญญาณร้าย นี่คือเวทย์ขยายร่างยักษ์เวทย์เฉพาะตัวของกิลด์มาสเตอร์คนปัจจุบันของแฟรีเทล
คนที่กําลังสู้กันอยู่ต่างพากันหยุดทันที ส่วนเควินเขาฉวยโอกาสนี้และเดินลงมาชั้นล่างอย่างเงียบๆและนั่งดูการแสดงของมาสเตอร์
“มาสเตอร์กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” เมื่อทุกคนต่างเงียบกันหมด มิร่าจึงถามมาคารอฟ
“มาสเตอร์งั้นเหรอ?” สาวผมบลอนด์ที่ถูกพามาโดยนัตสึพูดด้วยอาการตื่นตกใจ เธอไม่คิดเลยว่ากิลด์ที่เธอกําลังจะขอเข้าร่วมด้วยมีมาสเตอร์ที่น่ากลัวขนาดนี้
“ฮ่าฮ่าฮ่า! ในเมื่อทุกคนกลัวตาแก่กันหมด งั้นชัยชนะในครั้งนี้ก็ตกเบี้”
ขณะที่นัตสึกําลังหัวเราะอย่างลําพองใจ มือหนาก็เขกเข้าไปที่หัวอีกฝ่ายทันที
มาคารอฟหันหน้ากลับไปทางมิร่า สายตาเขาเหลือบไปเห็นสาวผมบลอนด์พอดี เขาเลยแม้รงทําเป็นพูดว่า “เจ้าเป็นสมาชิกใหม่งั้นเหรอ?”
สาวผมบลอนด์รีบพยักหน้ารัวด้วยความกลัว
มาคารอฟที่ดูเหมือนจะรู้ตัวว่าสภาพในตอนนี้น่ากลัวเกินไป เขาเลยหดร่างกลับมาอยู่ในสภาพเดิม การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ทําให้อีกฝ่ายถึงกับช็อคตัวแข็งค้าง
หลังจากมาคารอฟได้ระบายอารมณ์และจัดการทุกคนเสร็จ เขาก็เริ่มพูดจาดูถูกสภาจอมเวทย์ โดยมีเควินนั่งฟัง และถอนหายใจอยู่เป็นพักๆ
“มาสเตอร์ไม่รู้ตัวรึไงว่าตัวเองเป็นตัวอย่างผิดๆให้กับเจ้าพวกนี้ ?
“เควิน วันนี้มาสเตอร์โดนมาหนักงั้นเหรอ?” หลังจากเห็นอาการของมาคารอฟ มิร่าก็เดินมาที่บาร์พร้อมกับเด็กใหม่ ก่อนจะหันมาพูดกับเควินซึ่งมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
“เลวร้ายสุดๆเลยแหละ ตอนออกมาฉันเองก็เกือบจะทําลายสภาทิ้งไปเหมือนกัน แต่มาสเตอร์เข้ามาห้ามไว้” เควินจิบเบียร์พร้อมคิดถึงคําบ่นก่อนหน้า จากนั้นเขาก็เริ่มรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอีกครั้ง
“กล้าถึงขั้นทําลายสภาจอมเวทย์ นี่ฉันเหมาะกับกิลด์นี้จริงๆเหรอเนี่ย?” เด็กใหม่เมื่อได้ยินคําบ่นไร้สาระของเควิน ก็ช็อคไปทันที
“ห้ามทําอะไรบ่มบ่ามเป็นอันขาดเข้าใจไหม หากพวกเราเผลอทําลายสภาจอมเวทย์ทิ้งไปจริงๆ กิลด์พวกเราได้ถูกยุบแน่” มิร่าลูบคางพร้อมบ่นเควินด้วยความเหนื่อยใจ
“ถล่มได้จริงๆงั้นเหรอ? สภาจอมเวทย์เนี่ยนะ?” สาวผมบลอนด์มองไปที่เควินซึ่งอยู่ข้างๆ เธอไม่คาดคิดเลยว่าภายใต้ร่างผอมบางของเควินจะแฝงไปด้วยพลังอันน่าหวาดกลัว
“เธอเด็กใหม่สินะ? ฉันเควิน เธอชื่ออะไรงั้นเหรอ?”
“อ่า ฉันลซี ต่อจากนี้ไปขอฝากตัวด้วยนะ” ลูซี่รีบแนะนําตัวเองให้เควินรู้จัก และด้วยเหตุนี้จึงทําให้มิร่าที่อยู่ข้างๆได้รู้ชื่อเธอไปด้วย
“ลูซี่ มานี่หน่อย ฉันจะช่วยปั้มตราของกิลด์เราให้” มิร่าคว้ามือของลูซี่ไป โดยใบหน้าของเธอยังคงประดับไปด้วยรอยยิ้มเหมือนเช่นเคย
“มิร่า! ขอไฟที่นึ่ง!” ตอนนั้นเองนัตสึก็ได้วิ่งเข้ามาหามิร่า ทันทีที่เควินเห็นนัตสึ เขาก็เบือนหน้าหนีและเดินหนีไป
“หะ? ทําไมพอเควินเห็นนัตสึแล้วเขาถึงหนีไปล่ะ” ลูซี่แอบถามมิร่า
“ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ แต่ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร” มิร่ากระซิบบอกลูซี่เบาๆด้วยสีหน้าสงสัยไม่ต่างกัน
เควินถือแก้วเบียร์เดินเข้ามาหาคาน่า ก่อนจะเทไวน์ทั้งขวดใส่แก้วที่ว่างเปล่าของเขา
“นายควรปล่อยวางได้แล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนนั้นมันไม่เกี่ยวกับนัตสึสักหน่อย” เมื่อเห็นใบหน้าไม่สบายใจของเควิน คาน่าก็พูดปลอบ
“ฉันรู้ว่านัตสึไม่ผิด และมังกรที่เลี้ยงดูนัตสึมาก็ไม่น่าจะใช่ตัวตนที่เลวร้าย แต่ทุกครั้งที่เห็นหน้านัตสึภาพในอดีตมันก็ย้อนกลับมาตลอด” เควินนึกถึงหมู่บ้านของตัวเขาเอ งซึ่งถูกทําลายลงด้วยมังกรพิษ ความเกลียดชังยังคงฝังแน่นอยู่ในใจของเขา นั่นเป็นสาเหตุหลักที่เขาไม่สามารถญาติดีกับนัตสึได้
“ช่างเรื่องนั้นเถอะ ฉันไปหาภารกิจทําดีกว่า” เควินดื่มไวน์จนหมด หลังจากพูดคุยกับคาน่าอีกสักพัก เขาก็เดินขึ้นไปบนชั้นสอง
หลังจากเลือกอยู่นาน เควินก็เลือกได้สําเร็จ ในใบภารกิจมีรูปของมอนสเตอร์ตัวยักษ์ถูกวาดเอาไว้อยู่ โดยมีค่าตอบแทนอยู่ที่สิบล้านจีเวล
“จัดการมอนสเตอร์ยักษ์บนภูเขางั้นเหรอ? ไกลพอสมควรเลย” เควินไม่ชอบภารกิจที่น่าเบื่อ ภารกิจที่เขาชอบส่วนมากมีแต่ภารกิจจัดการมอนสเตอร์ทั้งนั้น ทุกครั้งที่เควินจัดการกับพวกมอนสเตอร์ เขาจะได้รับแรงบรรดาลใจในการสร้างการ์ดใหม่ๆ
“อีกเดี๋ยวลัคซัสน่าจะกลับมาแล้ว รีบหนีไปตอนหมอนั่นไม่อยู่ดีกว่า” เมื่อคิดได้ดังนี้ เควินก็รีบดึงภารกิจและเดินไปที่ชั้นล่าง
“หืม? เด็กใหม่ออกไปแล้วงั้นเหรอ?” เมื่อลงมาด้านล่าง เควินก็พบว่านัตสีและลูซี่หายตัวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ดูเหมือนจะตามนัตสึไปทําภารกิจ รู้สึกไม่พอใจเลยแฮะ ที่หมอนั่นออกไปทําภารกิจกับสาวสวย” คนที่ตอบเควินคือชายหนุ่มผมดําที่กําลังเปลือยเปล่าอยู่ใบหน้าของอีกฝ่าย เต็มไปด้วยความอิจฉา
“ไปทําภารกิจทันทีหลังจากเข้ากิลด์ เป็นคนขยันจริงๆ”
ภูเขาซึ่งเป็นจุดหมายของภารกิจในครั้งนี้ตั้งอยู่บริเวณตอนใต้ของอาณาจักรฟีโอเร่ ภูเขาแห่งนี้มีเรื่องเล่าและตํานานเกี่ยวกับมันเต็มไปหมด เควินต้องใช้เวลาเกือบหนึ่งวันเต็มกว่าจะบินมาถึงที่นี่
“พลังเวทมนตร์ดํารุนแรงมาก ดูเหมือนว่าเจ้ามอนสเตอร์นี้จะไม่ธรรมดาซะแล้ว!” ตอนนี้เควินมั่นใจแล้ว ว่ามอนสเตอร์ที่เขาเจอในครั้งนี้แข็งแกร่งกว่าที่เขาและลัคซัสร่วมมือกันจัดการเมื่อสองวันก่อนมาก
“เอาล่ะ มาเริ่มภารกิจกันเถอะ”