นักอัญเชิญแห่งแฟรี่เทล - ตอนที่ 4 : วงเวทย์อามาเทราสึ
เมื่อคนๆหนึ่งอยู่ในสภาวะสิ้นหวัง มันก็จะได้รับผลลัพธ์อยู่สองประการ
อย่างแรกคือดวงวิญญาณทนรับแรงกดดันไม่ไหวและพังทลายลงในที่สุด
อย่างที่สองคือ เข้าสู่สภาวะบ้าคลั่ง แม้จะหมดหวังแล้วแต่มันจะต่อสู้ด้วยพลังทั้งหมดที่มีเพื่อลากศัตรูให้ตกตายตามไปด้วย
แจ็คนั้นบ้าคลั่งกว่าปีเตอร์เพื่อนของเขามาก เมื่อถูกล้อมด้วยเหล่าสมาชิกจากกิลด์แฟรี่เทลทั้งหมด ความคิดเดียวในหัวของเขาคือลากใครสักคนให้ตายไปพร้อมกับเขา
“ไปตายซะ!! ไอ้สารเลว!!” เขารวบรวมพลังเวทย์ทั้งหมดและขว้างกระสุนเวทย์ที่ทรงพลังที่สุดของเขาไปที่เควิน
แต่กระสุนเวทย์นั่นกลับถูกกลืนหายไปอย่างง่ายดาย
หมาป่าสีเงินที่ถูกเรียกออกมาโดยเควิน ได้เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเควินพร้อมอ้าปากกว้างและกลืนกระสุนเวทย์นั่นเข้าไปโดยตรง
“ต่อให้ฉันจะแพ้นายก็จริง แต่อสูรร้ายใต้แสงจันทร์ของฉันไม่มีทางที่จะแพ้ตัวประกอบแบบแกได้หรอก”
“อ๊ากกกก!”
หลังจากกลืนกระสุนเวทย์เข้าไปในท้องแล้ว หมาป่าสีเงินก็เข้าไปขย้ำแจ็คในด้วยกรงเล็บของมันทันที เมื่อมองดูแจ็คที่สลบเหมือดไปแล้วเควินก็เริ่มผ่อนคลาย
“ใช้การ์ดเพื่ออัญเชิญสัตว์เวทย์ออกมางั้นเหรอ นี่มันเวทย์อะไรกันเนี่ย!” มาคารอฟหันไปมองเควินด้วยความประหลาดใจ เขาค่อนข้างประทับใจในความสามารถของอีกฝ่าย
หลังจากนั้นเควินก็เริ่มรู้สึกมึนหัวและล้มลงเนื่องจากพลังเวทย์ของตัวเขานั้นเหือดแห้งลงจนหมด
“เควิน!” คาน่ารีบวิ่งเข้ามาเควินด้วยความรวดเร็ว
“ไม่ต้องกังวลไปคาน่า เควินแค่หมดสติไปก็เท่านั้น” มาคารอฟสำรวจอาการบาดเจ็บของเควินและพบว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีอันตรายถึงชีวิตแต่อย่างใด และไม่ได้มีความเสียหายที่ส่งผลต่อศักยภาพในอนาคตของอีกฝ่ายอีกด้วย ดังนั้นเขาเลยรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก
สามวันต่อมา
“ขอบคุณมากครับ คุณมาคารอฟที่ช่วยดูแล” เควินที่ฟื้นตัวเต็มที่แล้วก้มหัวขอบคุณมาคารอฟ
“ไม่ต้องสุภาพกับฉันนักหรอก นายเองก็นับว่าเป็นพรรคพวกคนหนึ่งของเขา” มาคารอฟตอบกลับพร้อมลูบหัวเควิน
“เกี่ยวกับเรื่องนี้คุณมาคารอฟ” ทันใดนั้นสีหน้าของเควินก็เริ่มจริงจัง “ผมลองทบทวนดูแล้ว ผมว่าผมจะอาศัยอยู่ที่เมืองนี้ต่อและจะขอเข้าร่วมเป็นสมาชิกของกิลด์แฟรี่เทล”
“หืม?”
“ในตอนแรกผมยังลังเลอยู่ก็จริง แต่หลังที่ผมเกือบตายในครั้งนี้ ผมก็ได้รู้แล้วว่าผมชอบที่นี่มากจริงๆ” เควินยิ้มออกมาบางๆ
“เธอพูดอะไรกันหนะ ตั้งแต่แรกเธอเองก็เป็นสมาชิกของกิลด์พวกเราอยู่แล้วไม่ใช่รึไง เธอแค่ต้องการจะออกจากกิลด์เพื่อไปเดินทางก็เท่านั้น” มาคารอฟยิ้มอย่างเป็นกันเอง “ในเมื่อตอนนี้เธอตัดสินใจยังไม่ออกเดินทางก็รับตราสมาชิกไปแล้วเธอจะกลายเป็นสมาชิกของกิลด์เราอย่างแท้จริง”
“ครับ”
และด้วยเหตุนี้เควินจึงเข้าร่วมกับกิลด์แฟรี่เทลอย่างเป็นทางการ ช่วงเวลาชีวิตของเขาเริ่มแปรเปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย จากที่มักจะออกเดินทางไปทั่ว ในตอนนี้เขามักขลุกตัวอยู่ภายในกิลด์และพูดคุยกับคนอื่นอย่างเป็นสุข
เควินได้พบเจอคนที่น่าสนใจเป็นจำนวนมาก ทั้งวาคาเบะที่มีใช้เวทย์ควันในการต่อสู้ ทั้งมาคาโอผู้ใช้เปลวเพลิงสีม่วง และผู้ใช้เวทย์สายฟ้าลัคซัสหลานชายของมาคารอฟ
“เควิน เวทย์ของนายเป็นเวทย์แบบไหนกันงั้นเหรอ ทำไมฉันไม่เคยพบเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลย” วันนี้ระหว่างคุยเล่นกับสมาชิกภายในกิลด์มาคาโอก็ได้ถามเควินออกมา
“มันคือเวทย์อัญเชิญเป็นเวทย์ที่สร้างขึ้นโดยปู่ของผมเอง มันเป็นเวทมนตร์ที่ทรงพลังมาก!” เควินภาคภูมิใจในเวทมนตร์ของตัวเองอยู่เสมอ เพราะก่อนตายเพียร์ซได้แสดงให้เห็นแล้วว่าเวทย์นี้มันสามารถสังหารได้กระทั่งมังกร
“หมาป่าที่นายอัญเชิญออกมาในวันนั้นก็ถือว่าแข็งแกร่งมาก แต่ความเร็วในการอัญเชิญมันออกจะช้าไปหน่อย” วาคาเบะพูดแทรก พร้อมสำลักออกมาด้วย
“นั่นเป็นเพราะผมมีพลังเวทย์น้อยเกินไปต่างหาก ไม่อย่างนั้นมันคงทำงานไปนานแล้ว” เควินมองหน้าไปยังกระดานภารกิจด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้น
“ถ้านายมีปัญหาเรื่องเวทมนตร์ทำไมไม่ลองไปปรึกษาลุงมาคารอฟดูล่ะ” มาคารอฟจิบไวน์และพูดเสนอ
“จริงสิปู่มาคารอฟเป็นหนึ่งในสิบจอมเวทย์ศักดิ์สิทธิ์ผู้ยิ่งใหญ่นี่! ผมขอตัวก่อนนะ!” ตั้งแต่เข้าร่วมกิลด์มาเควินมักจะออกทำงานเพื่อหาเงินอยู่เสมอจนไม่ได้ฝึกฝนพลังเวทย์มากนัก แต่ด้วยความเร็วในการร่ายเวทมนตร์ที่ช้า ในอนาคตเขาอาจจะพบเจอศัตรูแบบแจ็คอีกก็เป็นได้”
“ความเร็วในการอัญเชิญช้าไปงั้นเหรอ? อันที่จริงเธอกำลังอยู่ในช่วงเติบโต ในอนาคตพลังเวทย์ของเธอจะเพิ่มขึ้นเองตามธรรมชาติ ปัญหาเกี่ยวกับเรื่องนี้จะถูกแก้ไขได้เองในอนาคต” มาคารอฟที่นั่งอยู่ที่หน้าบาร์เอ่ยแนะนำเควิน
“แต่ผมอยากแข็งแกร่งให้เร็วมากที่สุดนี่” เควินพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“ถ้างั้นเอาเป็นลองเรียนเวทย์ที่ใช้ในการป้องกันตัวเป็นยังไง เธอก็แค่ต้องพยายามปกป้องตัวเองไว้จนกว่าจะอัญเชิญสำเร็จก็พอ” มาคารอฟพยายามนึกวิธีการต่างๆเพื่อช่วยกลบจุดอ่อนของเควินอย่างจริงจัง
“เวทย์ป้องกันงั้นเหรอครับ?”
“มันมีเวทย์ชนิดหนึ่งที่เรียกว่า ‘เวทย์อามาเทราสึ’ มันเป็นเวทย์ที่เรียนรู้ได้ยากลำบากมาก แต่หากเธอสามารถสร้างการ์ดเวทย์อสูรร้ายใต้แสงจันทร์ได้ด้วยตัวเอง บางทีเธอน่าจะสามารถเรียนรู้มันได้” มาคารอฟพูดอย่างจริงจัง นอกเหนือจากเวทย์ขยายร่างแล้วที่เป็นเวทมนตร์หลักของเขาแล้ว เขาเองก็เป็นคนหนึ่งที่ชำนาญในเวทมนตร์เกือบทุกประเภท
“ช่วยสอนผมเลยได้ไหมครับ?” แม้ว่าเควินจะเกรงใจอีกฝ่ายไม่น้อย แต่ในตอนนี้เขาต้องการจะแก้ปัญหาเรื่องความเร็วในการอัญเชิญของเขาให้ได้เร็วมากที่สุด
“ฉันจะสอนเธอเองเกี่ยวกับเวทย์อามาเทราสึ มันเป็นเวทย์ที่ใช้ปกป้องตัวเองได้อย่างทรงประสิทธิภาพ ฉันเชื่อว่าเธอคงฝึกสำเร็จได้ในไม่ช้า” มาคารอฟหัวเราะออกมา เควินเป็นเด็กที่ฉลาดและมีพลังเวทย์จำนวนมหาศาลอยู่ภายในร่าง เขาเป็นเมล็ดพันธุ์ที่ดี ดังนั้นเขาจึงตั้งใจอย่างเต็มที่ที่จะสอนเควินเพื่อสร้างรากฐานให้แก่แฟรี่เทลในรุ่นถัดไป
วันต่อมาขณะที่เควินอยู่ภายในกิลด์เควินก็พยายามศึกษาการ์ดเวทย์อัญเชิญที่ปู่ของเขาทิ้งเอาไว้ให้ และพยายามเรียนรู้เวทย์อามาเทราสึที่มาคารอฟเป็นคนสอน
เขาใช้เวลาในตอนกลางวันเพื่อทำภารกิจของกิลด์ และกลับไปพักที่บ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าในยามค่ำคืน หลังจากทำงานอย่างหนักมาได้กว่า 5 ปี ในที่สุดเขาก็สามารถซื้อบ้านของตัวเองในเมืองแมกโนเลียได้ตั้งแต่อายุ 12 ปี
ด้วยความฝันในชาติก่อนที่อยากมีบ้านเป็นของตัวเอง ทำให้เขาพยายามทำงานอย่างหนักเพื่อเก็บเงินซื้อบ้าน และหลังจากเขาได้รับบ้านหลังแรกแล้วเขาก็ลดปริมาณการทำงานของตัวเองลงในทันที
เมื่อเขามีอายุได้ 14 ปี เขาเข้าร่วมการสอบเพื่อเลื่อนระดับเป็นจอมเวทย์ระดับ S ของกิลด์ และเขาก็ประสบความสำเร็จจนได้กลายเป็นจอมเวทย์ระดับ S ที่มีอายุน้อยที่สุดของแฟรี่เทล
เมื่อเขามีอายุได้ประมาณ 17-18 ปี เขาก็ได้กลายเป็นจอมเวทย์ที่มีชื่อเสียงของแฟรี่เทล ในตอนนี้แฟรี่เทลได้รับจอมเวทย์รุ่นใหม่ที่แข็งแกร่งเพิ่มเข้ามาเรื่อยๆ อำนาจของแฟรี่เทลได้แผ่ขยายไปทั่วอาณาจักร จนในที่สุดแฟรี่เทลก็ได้กลายเป็นหนึ่งในสองกิลด์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอาณาจักรฟิโอเร่ร่วมกับแฟนธ่อมลอร์ด
***
เวทย์อามาเทราสึ เป็นเวทย์ที่พิลฮิโตะ (หัวหน้ากิลด์กริมมัวฮาร์ต/ อดีตหัวหน้ากิลด์รุ่นที่สองของแฟรี่เทล) ใช้