นักอัญเชิญแห่งแฟรี่เทล - ตอนที่ 1 : พบเจอสาวน้อย
ในขณะที่เพียร์ซและมังกรพิษจบชีวิตลงพร้อมกัน ห่างออกไปไม่ไกลนักบนเชิงเขา มีชายผิวแทนถือคทาเวทย์อยู่ในมือยืนพึมพัมบางอย่างออกมา
“นี่นะเหรอพลังของมังกร! มันน่าหวั่นเกรงยิ่งนัก มันไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์จะสามารถก้าวผ่านมันไปได้เลยแม้แต่น้อย แต่เจ้านักเวทย์นั่นเป็นใครกัน? แล้วเวทย์ที่ใช้นั่นมันอะไรกัน? ทำไมฉันถึงไม่เคยได้เห็นอะไรแบบนี้มาก่อน”
ข้างหลังของเขามีทหารกลุ่มใหญ่แต่งกายอยู่ในชุดเกราะและยืนกันอยู่อย่างเป็นระเบียบ ชายที่ดูเหมือนจะเป็นผู้นำของกองทหารนี้เดินก้าวขึ้นมาและพูดกับชายผมเงินว่า “ท่านเบรน พวกเราจะทำอะไรต่อไปดี?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า…ต้องขอโทษด้วยแม้ว่ามันจะดูโหดร้ายสำหรับพวกเจ้าไปสักหน่อย แต่เรื่องราวคงเป็นประมาณว่าพวกเจ้าตายลงระหว่างการช่วยนักเวทย์ลึกลับนั่นต่อสู้กับมังกรพิษ!” ชายที่ชื่อเบรนกล่าวออกมา
“ท่านหมายความว่าอย่างไรกันแน่…?” หัวหน้าของเหล่าทหารกล่าวออกมาด้วยความงุนงง
“นั่นหมายความว่าเจ้าจะต้องตายยังไงล่ะ” เบรนหันหน้ามากล่าวพร้อมรอยยิ้ม ก่อนที่พลังเวทย์ของเขาจะเอ่อล้นออกมา
สิบนาทีต่อมาเบรนก็เดินเหยียบซากศพจำนวนมากและหันไปมองหมู่บ้านจากระยะไกลและยิ้มออกมาอย่างน่าหวั่นเกรง “ลาคริม่าแห่งมังกรพิษนั่นต้องเป็นของข้า ฮ่าฮ่าฮ่า ในไม่ช้าผู้จอมเวทย์สังหารมังกรพิษจะถือกำเนิดขึ้นมา!!”
สองปีต่อมา ณ เมืองโอซึบานะ ราชอาณาจักรฟิโอเร่ ที่จตุรัสหน้าสถานีรถไฟ มีเด็กชายสวมหน้ากากตัวตลก หมวกทรงกลม และเสื้อคลุม กำลังทำการแสดงละครสัตว์อยู่
เขาเต้นท่าทางและเรียกสัตว์ตัวเล็กๆน่ารักๆออกมาจากใต้เสื้อคลุมตลอดเวลา สัตว์ตัวน้อยเหล่านี้เต้นไปตามจังหวะพร้อมๆกับเขา เรียกผู้ชมมากหน้าหลากตาให้เข้าหา
หลังจบการแสดงเด็กน้อยก็ก้มหัวคำนับให้แก่ผู้ชม ก่อนวางหมวกทรงสูงไว้บนพื้น คนมากหน้าหลายตาต่างปรบมือแสดงความชื่นชมกันออกมา แม้คนในอาณาจักรฟิโอเร่จะคุ้นเคยกับเวทมนตร์เป็นอย่างดี แต่นอกจากการแสดงของเด็กน้อยก็ยังคงน่าตื่นตาตื่นใจสำหรับพวกเขา เด็กน้อยคนนี้ยังมีหน้าตาที่น่ารักเป็นอย่างมาก คนจำนวนมากต่างนำเหรียญใส่ไว้ในหมวกของเขา
หลังจากฝูงชนหายไปจนหมด เด็กน้อยก็ถอยหน้ากากออกและเผยให้เห็นใบหน้าของเด็กชายตัวน้อย เขาคือเควินที่ตอนนี้ปล่อยวางกับการสูญเสียในครั้งนั้นได้แล้ว ณ ตอนนี้เขามีอายุเจ็ดปีแล้ว
เควินเดินไปด้านหน้าคว้าหมวกขึ้นมาและนั่งนับเงินด้วยรอยยิ้ม “วันนี้นี่เงินดีจริงๆ แค่นี้ก็น่าจะพอสำหรับค่าใช้จ่ายสักสองสามวันและค่าเดินทางแล้ว”
หลังจากโศกนาฎกรรมในครั้งนั้น เขาใช้เวลาหลายวันในการฝังศพชาวบ้านและเพียร์ซ เขาอยู่ที่นั่นสักพัก ก่อนจะจุดไฟเผาบ้านทิ้ง และตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าจะออกเดินทาง
ด้วยเวทย์อัญเชิญและประสบการณ์ชีวิตในชาติก่อน ทำให้การเดินทางกว่าสองปีของเขานั้นค่อนข้างสบายเป็นอย่างมาก เขาทำการค้นคว้าการ์ดเวทมนตร์มังกรที่ปู่เขาทิ้งไว้ให้อย่างต่อเนื่อง และในเดือนก่อน ในที่สุดเขาก็สามารถสร้างการ์ดอัญเชิญสัตว์เวทย์ใบแรกออกมาได้สำเร็จ
เพียร์ซนั้นได้สอนเควินสร้างเพียงแค่การ์ดเครื่องมือง่ายๆและการ์ดอัญเชิญสัตว์ธรรมดาๆ ส่วนการ์ดมังกรนั้นคือการ์ดใบสุดท้ายที่เพียร์ซได้สร้างขึ้นมา
ในทวีปนี้หากไม่นับเทพที่ไม่รู้ว่ามีตัวตนจริงหรือไม่ ‘มังกร’ ถือว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังมากที่สุด ด้วยเหตุนี้ตัวเควินนั้นจึงสามารถทดลองศึกษาจากการ์ดมังกรและสามารถสร้างสัตว์เวทย์ชนิดอื่นขึ้นมาได้จากการศึกษามัน
เควินได้ใช้เวลาสองปีที่ผ่านมาทำการศึกษาและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อสร้างสัตว์เวทย์ที่ทรงพลังออกมาให้ได้เช่นเดียวกันกับปู่ของเขา แต่ในชีวิตใหม่ของเขานอกจากมนุษย์แล้ว เขาเคยเห็นสิ่งมีชีวิตอื่นเพียงแค่อย่างเดียวเท่านั้นซึ่งนั่นก็คือมังกรพิษ ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่เพียงสร้างการ์ดมอนสเตอร์ออกมาโดยลอกเลียนแบบจากการ์ตูนชื่อดังในชีวิตก่อนของเขาซึ่งก็คือ “ยูกิ”
และโชคดีที่พลังเวทย์ของเขานั้นเพียงพอที่จะสามารถอัญเชิญสัตว์เวทย์ที่เขาสร้างออกมาได้ ทำให้เขาหายห่วงเรื่องความปลอดภัยชั่วคราว เนื่องจากเขานั้นพึ่งคิดค้นเวทย์นี้ออกมาได้เป็นคนแรกหากไม่นับปู่ของเขา และเนื่องจากปู่ของเขาเรียกเวทย์นี้ว่าเวทย์อัญเชิญ ดังนั้นสำหรับการ์ดนี้เขาจะเรียกมามันว่า “การ์ดอัญเชิญ”
“ฉันเที่ยวทั่วเมืองโอซึบานะแล้ว ต่อไปจะไปเมืองไหนดีนะ?” หลังจากเก็บเงินเข้ากระเป๋า เควินก็เริ่มครุ่นคิดถึงแผนการในอนาคต ช่วงสองปีที่ผ่านมานี้นั้นเขาเดินทางอย่างไร้จุดหมาย และไปทุกที่ๆเขาได้ยิน นิยาย อ่านนิยาย
“พี่ชาย พี่ชายใช้เวทมนตร์ได้พี่ชายเป็นจอมเวทย์งั้นเหรอ?” ทันใดนั้นก็มีเสียงใสดังขึ้นจากทางด้านหลัง เขาหันไปมองและพบเจอกับเด็กสาวตัวเล็กๆ ผมหยิกเล็กน้อยกำลังจูงลูกสุนัขเดินเล่น ขนตาของเธอนั้นยาวมากและดวงตาของเธอก็เบิกกว้างและจ้องมองมาที่เขาอย่างเปล่งประกาย
“เอ่อ…อืม…”
ภายในร้านอาหารเขากำลังนั่งกินอาหารกับเด็กสาวที่เพิ่งเจอหน้าเมื่อครู่ ตอนที่เขากำลังจะตอบเด็กสาว ท้องของพวกเขาก็ดังขึ้นพร้อมๆกัน หลังจากนั้นเขาและเธอก็มองหน้ากันอย่างเคอะเขิน ก่อนที่เควินจะชวนเธอมากินข้าวที่ร้านอาหาร
“งั้นเธอก็กำลังออกเดินทางตามหาพ่อสินะ?”เควินหันหน้าไปถามเด็กสาวตัวเล็กที่กำลังเคี้ยวน่องไก่
“ใช่แล้ว! ในจดหมายของแม่หนูบอกว่าพ่อเป็นจอมเวทย์ของแฟรี่เทล พี่ชายเองก็เป็นจอมเวทย์เหมือนกัน พี่ชายไม่ได้สังกัดกิลด์งั้นเหรอ?” เด็กสาวถามพร้อมรอยยิ้ม
“ฉันเป็นแค่จอมเวทย์ฝึกหัดเลยยังไม่ได้คิดอยากจะเข้าร่วมกิลด์ในตอนนี้ แต่เหมือนแฟรี่เทลนั้นจะเป็นกิลด์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังพอตัวเลยนะ เธอพอจะรู้ไหมว่ามันตั้งอยู่ที่ไหน” เควินจิบน้ำองุ่นพร้อมถามคำถามกลับไป
“หนูรู้ว่าอยู่ไหน มันอยู่ที่แมกโนเลียสามารถเดินทางได้โดยใช้รถไฟเวทย์!”
“หือแล้วเธอมีเงินพอที่จะเดินทางงั้นเหรอ” เควินถามด้วยความสงสัย
“จริงๆหนูก็น่าจะมีเงินไม่พอนั่นแหละ หนูเลยว่าจะแอบขึ้นรถไฟเพื่อออกเดินทาง” สาวน้อยพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“เอ่อ…” จู่ๆในหัวของเควินก็เริ่มคิดเป็นฉากๆว่าเด็กสาวตรงหน้าจะถูกผู้ใหญ่เลวๆลักพาตัวไป เหงื่อของเขาก็ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัวทันที
“อืม เมืองต่อไปที่พี่จะออกเดินทางไปก็คือแมกโนเลีบเหมือนกัน ทำไมพวกเราไม่ไปที่กิลด์นั่นด้วยกันหละ” เควินเอ่ยชวนออกมา
“พี่เองก็จะไปแมกโนเลียเหมือนกันงั้นเหรอ? ไปด้วยกันเถอะนะ” เด็กสาวปรบมือออกมาอย่างยินดี
“อืม…ได้เลยพี่จะออกเดินทางไปกับเราเอง แต่ว่าชื่อแฟรี่เทลนี่มันฟังดูคุ้นหูจริงๆ…”
“จะว่าไปแล้ว หนูยังไม่รู้จักชื่อพี่เลย?”
“โอ้โทษที พี่ลืมแนะนำตัวไปซะสนิท พี่ชื่อเควิน มาโคร เป็นจอมเวทย์ไร้สังกัด” เควินแนะนำตัวเองอย่างจริงจัง “แล้วเราล่ะชื่ออะไร?”
“หนูชื่อ คาน่า อัลเบโรน่า”
“ถ้าเรากินข้าวกันเสร็จแล้ว เราก็ออกเดินทางกันเถอะ”