นักมิกซ์มอนสเตอร์สุดโกง [Monster Merging Simulator] - ตอนที่ 147 - การลอบสังหาร?
ตอนที่ 147 – การลอบสังหาร?
เมื่อหลอดโหลดข้อมูลเสร็จสิ้น มีรังไหมแสงสีดำปรากฏขึ้นบนตัวลอร์นในโลกของความจริงมันกลายเป็นพลังงานพุ่งเข้าสู่ตัวเขา
ในขณะนี้ลอร์นออฟไลน์แล้ว
เขารู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่เกิดขึ้นในร่างกายของเขา
ใช่!! มันเป็นจอระบบ!
เช่นเดียวกับข้อมูลบนจอในเกม
ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลอะไรในจอนี้มีเพียงไอคอนไอเทมเท่านั้น
“เชี่ยยยยย!! มันเกิดขึ้นจริง!”
ลอร์นรู้สึกเหลือเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้น
แม้ว่าเขาจะเตรียมใจไว้บ้างแล้ว แต่เขาก็ยังตกใจกับมันอยู่
การทำให้เรื่องในเกมกลายเป็นจริงขึ้นมาได้ ทำให้ลอร์นรู้สึกยากที่จะเข้าใจเรื่องนี้
โชคดีที่เขามีชีวิตร่ำรวยดังนั้นจึงสามารถหาข้อมูลที่เฉพาะเจาะจงได้มากกว่าคนทั่วไป
เขาเริ่มตรวจสอบรายละเอียดของไอเทมนี้และพบว่ามันเหมือนกับไอเทมในเกมเลย
“เห้ยยย นี่ฉันล่องหนได้!”
ลอร์นเปิดใช้งานสกิลของไอเทม
เมื่อลอร์นใช้สกิลนี้ ร่างกายของเขาก็หายไปทันที
เขามองเห็นทุกสิ่งในโลกนี้แต่คนอื่นมองไม่เห็นเขา
เขายืนอยู่หน้ากระจกแต่ก็มองไม่เห็นตัวเอง
ไม่เพียงแค่นั้น แม้แต่เงาของเขาก็ไม่มีให้เห็น
” การล่องหนนี้มันเยี่ยมกว่าที่ฉันคิดไว้” ลอร์นพูดกับตัวเอง
ลอร์นทดสอบระยะเวลาการทำงานของสกิลในห้อง
ในเกมระยะเวลาของสกิลนี้ มันใช้คู่กับมานาของผู้เล่น
แต่ในโลกความเป็นจริงลอร์นไม่มีมานา
ดังนั้นจึงจำเป็นต้องทดสอบก่อนที่จะใช้มัน
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆลอร์นยังคงทดสอบอยู่
สามนาทีต่อมาลอร์นรู้สึกว่าสภาพจิตใจของเขาแย่ลง
ห้านาทีต่อมาลอร์นรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย
จากนั้นเขาก็หยุดการทดสอบ
หลังจากพักผ่อนบนโซฟาเป็นเวลานานลอร์นก็ลืมตาขึ้น
จากการทดสอบระยะเวลาล่องหนยาวนานที่สุดคือประมาณเจ็ดนาทีหากเกินเวลาดังกล่าวอาจเสี่ยงต่อการเป็นลม
นอกจากนี้ภายใต้การล่องหนความเร็วในการเคลื่อนที่ของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก
สร้อยคอเงาจิตวิญญาณมีผลเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ 30% ทำให้ลอร์นมีความเร็วในการเคลื่อนที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก
ด้วยเอฟเฟกต์เสริมนี้ สมรรถภาพทางกายของเขาจะเกิน 99.9% ของคนปกติ เว้นแต่เขาจะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง มันก็ยากที่ใครจะตามทัน
ประมาณสามชั่วโมงต่อมา ลอร์นรู้สึกว่าเขาหายเป็นปกติแล้ว
ลอร์นมองไปที่ประตูแล้วคิดอะไรบางอย่าง
เนื่องจากเขาได้รับความสามารถในการล่องหน เขาจึงต้องทดสอบดูว่ามีใครภายนอกสามารถมองเห็นเขาได้หรือไม่
ลอร์นเดินออกไปโดยไม่ลังเล
ขณะที่เขาเดินออกจากประตูทางเข้าของวิลล่าเล็กๆอีกหลังมีชายสองคนกำลังพยายามจะงัดประตูอย่างลับๆ
พฤติกรรมแปลกๆนี้ดึงดูดความสนใจของลอร์นเขารีบตรงไปหาพวกมัน
ตอนนี้ลอร์นล่องหนอยู่พวกมันจึงมองไม่เห็นเขา
แตก!
ประตูที่งัดถูกปลดล็อคอย่างรวดเร็ว
ชายสองคนรีบเข้าไปข้างในและลอร์นตามพวกเขาไป
วิลล่าหลังนี้ภายในตกแต่งสวยงามเจ้าของน่าจะเป็นผู้หญิงที่มีรสนิยมและยังมีรองเท้าส้นสูงสองคู่บนชั้นวางรองเท้า
ชายสองคนแอบเข้าไปในวิลล่าของผู้หญิงคนหนึ่งทำไมกัน?
พวกเขาดูไม่เหมือนคนดี
เขาเดินตามทั้งสองไปที่ห้องนอนและเขาก็พบกับหญิงสาวสวยในชุดเดรส
“คุณคือใคร?”
เมื่อเธอสังเกตเห็นว่ามีคนบุกรุก หญิงสาวรู้สึกประหม่าทันที
แต่น่าประหลาดใจที่หญิงสาวคนนี้ดูมีสติกว่าคนทั่วไปมาก แม้ว่าเธอจะดูประหม่า แต่เธอก็ไม่ได้ตะโกนโวยวาย
“เจ้านายของเราต้องการให้คุณอยู่ที่นี่ตลอดไป”
น้ำเสียงของพวกเขาเย็นชามาก
ชายคนหนึ่งหยิบปืนพกขนาดเล็กออกมาจากใต้ชุดของเขาเห็นได้ชัดว่าพวกเขาต้องการฆ่าผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้า
“คุณมาจากตระกูลซามาสเหรอ”
หญิงสาวคนนั้นมองดูพวกเขาอย่างใจเย็น
เป็นเพราะเธอไม่มีทางที่จะหลบหนีไปได้ ดังนั้นเธอจึงต้องการรู้ความจริง
น่าเสียดายที่ชายทั้งสองไม่ตอบ ชายคนหนึ่งยกปืนขึ้น
ในช่วงเวลาวิกฤตินี้ ไม้เบสบอลก็เหวี่ยงลงมาทันที
ปึก!!
ชายในชุดสูทที่ถือปืนล้มลงกับพื้น
ชายอีกคนในชุดสูทเพิ่งตั้งหลักได้ แต่ก่อนที่เขาจะทันทำอะไร ไม้เบสบอลก็บินมาที่หน้าเขา
ไม้เบสบอลที่มีกำลังมหาศาลกระทบหน้าอีกฝ่ายโดยตรงทำให้เลือดพุ่งกระฉุดออกมา!!
แล้วลอร์นก็ปรากฏตัวขึ้นในมือมีไม้เบสบอลเขาโล่งใจที่ทั้งสองคนหมดสติไปแล้ว
นี่คือเรื่องในชีวิตจริงลอร์นไม่สามารถผ่อนคลายเหมือนในเกมได้
ครั้งนี้เขายังไม่ถึงกับฆ่าคน ดังนั้นจึงไม่ยังไม่ร้ายแรง
สำหรับหญิงสาวในชุดเดรสเธอมองที่เกิดเหตุด้วยความตกใจ
เธอไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าในช่วงเวลาวิกฤตินี้จะมีคนเข้ามาช่วยชีวิตเธอไว้ได้
“คุณเป็นอย่างไรบ้างสบายดีใช่ไหม!?” ลอร์นถามแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก
หญิงสาวลุกขึ้นมาและส่ายหัวแทนคำตอบแล้วถามด้วยความประหลาดใจ “คุณ… คุณเป็นใคร?”
“ฉันเป็นเพื่อนบ้านข้างบ้านของคุณ”
ลอร์นถือไม้เบสบอลอยู่ในมือแล้วพูดว่า “ตอนที่ฉันกำลังออกจากห้องมาฉันมองเห็นทั้งสองคนกำลังงัดประตูห้องคุณฉันไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะเป็นผู้ร้าย”
เมื่อได้ยินเช่นนี้หญิงสาวก็มองดูลอร์นอีกครั้งและโล่งใจที่พบว่าเขาไม่ได้โกหก
“โปรดรอสักครู่นะคะ!”
หญิงสาวหยิบโทรศัพท์ของเธอขึ้นมาแล้ว โทรออก “ใช่…ส่งคนไปก่อน”