นักปราชญ์ผู้ถูกอัญเชิญไปต่างโลกพร้อมกับไอเทมที่ไม่ได้ใช้ - ตอนที่ 56 มุ่งหน้าสู่เมืองเลียน
- Home
- นักปราชญ์ผู้ถูกอัญเชิญไปต่างโลกพร้อมกับไอเทมที่ไม่ได้ใช้
- ตอนที่ 56 มุ่งหน้าสู่เมืองเลียน
เวลาผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ตั้งแต่พวกเราเข้ามาในป่า ด้วยความที่เราทำตามคำขอของนาตาลี พวกเราได้ต่อสู้กับมอนสเตอร์เพื่อพัฒนาระดับของตัวเองในระหว่างทาง
ถึงแม้เราจะรีบร้อนอยากไปให้ถึงจักรวรรดิลูเนตต์ให้เร็วที่สุด แต่ก็รู้ว่าการพัฒนาความสามารถนั้นก็เป็นสิ่งสำคัญ ถ้ามีโอกาสที่ทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น เราก็ต้องใช้ประโยชน์จากมันให้เต็มที่ พวกเราทำทุกอย่างแม้กระทั่งฝึกซ้อมต่อสู้กันเอง โชคดีที่ในช่วงไม่กี่วันนี้ไม่มีวี่แววว่าจะมีการไล่ล่าจากเมือง
ตอนเราอยู่ที่ทางเข้าป่า หลังจากการต่อสู้กับกลุ่มไล่ล่ากันเสร็จ เราพบกลุ่มนักผจญภัยที่ดูเหมือนจะเฝ้าดูการต่อสู้อยู่ ทุกคนดูหน้าซีดเซียวเหมือนไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมจึงบอกให้พวกเขากลับไปที่เมือง ก่อนจะให้เหรียญเงินพวกเขาเพื่อจัดการกับร่างของคนตาย
นักผจญภัยเหล่านั้นรีบวิ่งหนีไปทันทีเหมือนกลัวว่าจะถูกตามล่า พร้อมกับตะโกน「เข้าใจแล้ว! เดี๋ยวไปทำเดี๋ยวนี้เลย! 」ดังมาจากระยะไกล
เรื่องการจัดการกับศพก็จบลงเรียบร้อย
◇◇◇
「ฉันยังคงรู้สึกคิดถึงความสะดวกสบายของบ้านหลังนี้ไม่หายเลย」
นาตาลีกำลังผ่อนคลายอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น พร้อมกับถ้วยชาแก้วหนึ่งในมือ เธอเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จมาหมาด ๆ
ก่อนหน้านี้ เธอเป็นคนที่ใช้ความรุนแรงที่สุดในระหว่างการต่อสู้กับมอนสเตอร์ เธอปลดปล่อยเวทมนตร์ทั้งหมดของเธอใส่พวกมัน
เธอตะโกนในระหว่างการต่อสู้ว่า 「ฉันจะไม่ยอมแพ้พวกเธอสองคนเด็ดขาด! ฉันจะไม่แพ้! 」ในขณะที่ปล่อยเวทมนตร์ไปทั่วบริเวณ เด็กสาวอีกสองคนได้แต่มองด้วยสีหน้าแปลกใจ ดูเหมือนเธอจะอับอายจากการถูกพวกเราทิ้งห่างในเรื่องความสามารถ
ในห้องอาหาร ผมกางแผนที่ออกเพื่อยืนยันจุดหมายปลายทางของพวกเรา
「ท่านโทยะ ฉันคิดว่าเรามาถึงครึ่งทางแล้วค่ะ อีกประมาณสามวันหากเดินทางผ่านป่าไปเราน่าจะถึงเมืองเลียน เมืองป้อมปราการของเขตมนุษย์สัตว์ หากคำพูดของชายคนนั้นเชื่อถือได้ เราควรจะไม่มีปัญหาในการมุ่งหน้าไปที่นั่น」
「ฉันมีบ้านอยู่ที่นั่น เราสามารถใช้เป็นฐานได้」
พวกเธออธิบายว่า จักรวรรดิลูเนตต์เป็นเมืองที่มีเผ่าพันธุ์หลากหลาย แต่ก็มีเขตการปกครองตนเองจำนวนมากเช่นกัน โดยบางเขตมีเพียงมนุษย์สัตว์หรือเอลฟ์ แน่นอนว่ามีเมืองที่เป็นของมนุษย์โดยเฉพาะด้วยเหมือนกัน แต่มันตั้งอยู่ใกล้พรมแดนของอาณาจักรเจเนอเรต และคาดว่าเมืองนั้นน่าจะล่มสลายไปแล้วเพราะเจเนอเรตได้เข้ายึดจักรวรรดิเสียแล้ว
「เข้าใจแล้ว…… งั้นเราไปที่เลียนกันเถอะ เราจะรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเมืองหลวงที่นั่น」
ทั้งสามคนพยักหน้า
วันถัดมา เราเดินทางต่อไปในป่า พร้อมกับอับเลเวลและมุ่งหน้าสู่จักรวรรดิลูเนตต์
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป
「ท่านโทยะ ดูสิ เรากำลังจะออกจากป่าแล้ว」
อัลที่เดินนำอยู่ข้างหน้าเรียกผม
ผมมองไปข้างหน้าและเห็นว่าเราอยู่ห่างจากทางออกป่าเพียงไม่กี่ร้อยเมตร
อย่างไรก็ตาม มันก็ยังมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นเขตของพวกมอนสเตอร์
ผมใช้สกิลค้นหาเพื่อมองไปข้างหน้า
…… ไม่มีสัญญาณของมอนสเตอร์……
อัลเร่งความเร็วขึ้น ในไม่กี่นาทีต่อมมาเราก็ออกจากป่า—
ทุ่งหญ้าสูงถึงเข่าแผ่กระจายอยู่เบื้องหน้าเรา
หลังจากที่ถูกป่าขนาดใหญ่ล้อมรอบมาเป็นเวลากว่าสองสัปดาห์ ทัศนียภาพใหม่นี้มันช่างทำให้รู้สึกสดชื่น
รากไม้ที่โผล่ออกมาทุกที่ในป่าทำให้ผมตัดสินใจเก็บโคคุโยไว้ในคลังมิติชั่วคราว
「ขอโทษนะ ที่ต้องให้นายอยู่ในนั้นทั้งวัน」
โคคุโยส่งเสียงงอแงเล็กน้อยเหมือนอารมณ์ไม่ดีเมื่อผมปล่อยมันออกมา มันหยอกล้อกับผม ด้วยการขบหัวผมเบา ๆ ก่อนจะเริ่มเดินสำรวจพื้นไปรอบ ๆ เหมือนกำลังตรวจสอบอะไรบางอย่าง
「นี่เป็นเรื่องเดียวที่ไม่เคยเปลี่ยนเลยให้ตายสิ ฮ่า ๆ ๆ ……」
ผมหัวเราะเบา ๆ ขณะที่ใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำลายออกจากหัวตัวเอง
「ท่านโทยะ คุณกับโคคุโยสนิทกันเหมือนเดิมเลยนะคะ」
ชาร์ยิ้มพร้อมกับเดินลึกเข้าไปในทุ่งหญ้า
ผมเสนอให้พักกินข้าว โดยคิดว่าเราน่าจะสามารถใช้รถม้าเดินทางในพื้นที่ราบนี้เพื่อประหยัดเวลาได้
ผมหั่นเนื้อจากมอนสเตอร์ที่เราจัดการ ก่อนจะโรยด้วยเครื่องปรุงก่อนนำไปย่างบนกองไฟที่สร้างขึ้น
จากนั้นผมเอาโต๊ะและเก้าอี้พับออกมา วางเนื้อย่างลงบนจาน จากนั้นก็เตรียมซุปกับขนมปัง
「อาหารพร้อมแล้ว! 」
เมื่อได้ยิน ทุกคนก็ต่างมารวมตัวกันเพื่อรับประทานอาหาร
「ผมคิดว่าเราน่าจะไปถึงเมืองเลียนได้ในสองวันถ้าใช้รถม้านะ」
「แต่ถ้าเราให้……โคคุโยลากรถม้า เราน่าจะไปถึงพรุ่งนี้เลยก็ได้」
「ในที่สุด……พวกเราก็กลับมาแล้ว」
ชาร์ดูเป็นกังวลมากขึ้น ยิ่งเราเข้าใกล้จักรวรรดิลูเนตต์ เธอก็พูดน้อยลง อาจเพราะกำลังคิดเรื่องต่าง ๆ ในหัวอยู่มาก แน่นอนว่าจักรพรรดิอาจจะไม่ถูกปล่อยให้มีชีวิตอยู่นาน
ถ้าผมสามารถต่อสู้จนฝ่าเข้าไปได้ บางทีผมอาจมีโอกาสช่วยจักรพรรดิด้วยตัวเอง แต่ก็ยังมีข้อจำกัดในเรื่องพลังเวทมนตร์ของผม
ผมสามารถรับมือคนร้อยคนได้ด้วยตัวคนเดียว แต่ไม่แน่ใจว่าพลังเวทมนตร์ของผมจะทนไหวหรือเปล่าถ้าต้องเจอกับทหารนับพันหรือนับหมื่นคน
ไม่มีทางที่ผมจะบุกเข้าไปในฐานะนักผจญภัยแล้วรอดกลับมาได้
「เป็นอะไรหรือเปล่า โทยะ?」
เมื่อนาตาลีถาม ผมก็ตอบเธอไปว่า 「ไม่มีอะไร ผมโอเคดี」 จากนั้นก็กินอาหารต่อ
ผมนำรถม้าออกมา พ่วงมันเข้ากับโคคุโย ในที่สุดพวกเราก็พร้อมออกเดินทางต่อ
รถม้าที่โคคุโยลากวิ่งผ่านทุ่งหญ้าที่ไม่มีถนน แม้ว่ารถม้าจะนั่งได้สบาย แต่ผมก็ยังคงต้องระมัดระวังในการขับบนเส้นทางที่ไม่มีถนนอยู่ดี ผมหยุดรถม้าในที่ปลอดภัยเพื่อพักก่อนที่พระอาทิตย์ตกดิน
แม้จะมีโอกาสที่ถ้าผมนำบ้านออกมา เราอาจถูกสังเกตเห็นได้ ดังนั้นผมจึงนำเต็นท์ออกมาจากคลังมิติเพื่อพักแรมในคืนนั้น
เช้าวันรุ่งขึ้น
หลังอาหารเช้า พวกเราก็ขึ้นรถม้าแล้วเดินทางต่อ
「ถ้าเราข้ามเนินเขาลูกนั้นไป เราน่าจะเห็นตัวเมืองได้แล้ว」
อัลบอกผ่านหน้าต่างเล็ก ๆ ของรถม้า
ผมกระตุกบังเหียนเล็กน้อยด้วยความตื่นเต้น นึกถึงเมืองใหม่ สถานที่ใหม่ ๆ ในขณะที่เรากำลังเข้าใกล้ยอดเนิน
——————————————————————-
เย้ สวัสดีครับทุกท่าน ขออภัยที่มาซะดึกเลย พอดีพรุ่งนี้เป็นวันจันทร์ เลยนั่งเครียงาน ยาว ๆ ในที่สุดเราก็มาถึงบทส่งท้ายของเล่มที่ 2 กันแล้ว เย้ ๆ ตบมือ ๆ จะเห็นได้ว่าเนื้อเรื่องยังค่อนข้าง ต่าง ๆ ไปจากมังงะพอควรเลยที่เดียว ไม่ส้มปอยละกัน แต่ก็เอาเถอะ ก็ยังถือว่าสนุกอยู่ สำหรับใครที่ชื่นชอบก็ช่วยคอมเมนต์เป็นกำลังใจหรืออยากสนับสนุน ก็ QR โค้ดได้เลยนะครับ แล้วเจอกันต่อในเล่ม 3 นะครับ ขอบคุณทุกท่านที่ให้การสนับสนุนมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ