นักปราชญ์ผู้ถูกอัญเชิญไปต่างโลกพร้อมกับไอเทมที่ไม่ได้ใช้ - ตอนที่ 52 มาถึงเมืองดัมเบลอร์อีกครั้ง
- Home
- นักปราชญ์ผู้ถูกอัญเชิญไปต่างโลกพร้อมกับไอเทมที่ไม่ได้ใช้
- ตอนที่ 52 มาถึงเมืองดัมเบลอร์อีกครั้ง
「ฉันชักจะเหนื่อยกับการแปลกใจแล้วล่ะนะ……」
นาตาลีพูดขึ้นขณะดื่มชาภายในบ้านชั่วคราวของเรา ถ้าผมอยู่ในสถานการณ์ของเธอ ผมก็คงรู้สึกแบบเดียวกัน
「ดูเหมือนคลังมิติของผมจะค่อนข้างจะพิเศษมาก……」
「ไอ้คำว่า ‘พิเศษ’ ที่ว่านี้ อธิบายมันได้ไม่ถึงครึ่งเลยนะ……」
ผมปล่อยให้นาตาลีที่ยังดูอึ้งงันอยู่นั่งอยู่ตรงนั้น ก่อนไปเริ่มทำอาหารเย็นในห้องครัวสไตล์ญี่ปุ่น ส่วนอีกสามคนก็นั่งพักผ่อนอยู่ในห้องนั่งเล่น
อุปกรณ์ทุกอย่างทำงานเหมือนที่ญี่ปุ่น ทั้งน้ำ ไฟฟ้า แม้ว่าผมจะยังไม่เข้าใจว่าทำได้อย่างไร แต่ผมก็บอกตัวเองว่านี่เป็น ‘สเปกของโลกนี้ก็เป็นแบบนี้แหละ’ จากนั้นทำอาหารต่อไป
เมื่ออาหารพร้อม เรานั่งล้อมโต๊ะอาหาร ก่อนจะพูดคุยกันเกี่ยวกับแผนการหลังออกจากที่นี่
「ผมคิดว่าพรุ่งนี้เราควรไปที่ดัมเบลอร์เพื่อซื้อของ จากนั้นก็เดินทางผ่านป่าไปยังจักรวรรดิ」
ทั้งสามคนพยักหน้าเห็นด้วย
「ฉันก็อยากเก็บเลเวลเหมือนกัน! ฉันจะไม่ยอมแพ้สาวน้อย พวกนั้นหรอก」
ผมอธิบายผลของแหวนให้กับนาตาลีฟัง เธอดูตื่นเต้นที่จะได้เริ่มใช้งานมันอย่างจริงจัง
ผมหัวเราะกับความกระตือรือร้นของเธอ แต่จริง ๆ แล้ว การช่วยเพิ่มเลเวลของเธออย่างรวดเร็วนั้นสำคัญอย่างมาก เพื่อให้เธอสามารถรับมือกับกองทัพของอาณาจักรเจเนเรทได้
หลังมื้ออาหารจบลง พวกเราผลัดกันอาบน้ำและเตรียมตัวเข้านอน ผมพานาตาลีไปยังห้องของเธอ ซึ่งยังไม่เคยมีใครใช้มาก่อน เธอพอใจกับเตียงนุ่มและผ้าห่มอุ่น ๆ มากเสียจนถึงขั้นพูดว่า
「ฉันอยากอยู่ในบ้านหลังนี้ตลอดไปเลย」
แถมห้องน้ำและฝักบัวทำให้เธอยิ่งประทับใจมากขึ้นไปอีก
บ้านทรงญี่ปุ่นนั้นถูกออกแบบมาอย่างดีจริง ๆ สภาพแวดล้อมสะดวกสบาย ไม่หรูหราเกินความจำเป็น แต่เน้นการใช้งานให้มีประสิทธิภาพสูง
ผมกลับไปที่ห้องของตัวเอง เปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเข้านอน ก่อนจะหยิบศิลาภูตออกมา จากนั้นก็เรียกเรียกเฟอร์ริส
「เฟอร์ริส เธอคิดว่าจะออกมาอยู่ในบ้านหลังนี้ได้ไหม?」
ศิลาภูตเริ่มเปล่งแสงจานั้นเฟอร์ริสก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าผม
「อืม ที่นี่ก็สบายดี มันเหมือนเป็นแหล่งรวมพลังเวทมนตร์ แต่ในศิลาภูตก็ยังดีที่สุด」
เธอพูดคล่องขึ้นมาก อาจเป็นเพราะเริ่มชินกับการพูดคุยแล้ว
「ดีจัง งั้นคืนนี้ผมต้องขอให้เธออยู่ในศิลาก่อนนะ」
เฟริสพยักหน้าและกลับเข้าไปในศิลาภูต
ผมปิดไฟในห้องก่อนหลับไปภายใต้ความอบอุ่นของผ้าห่ม
วันรุ่งขึ้น
ตอนเช้าหลังอาหารเช้าเบา ๆ ผมก็รีบเตรียมรถม้าก่อนจะ พ่วงมันเข้ากับโคคุโย เมื่อทุกคนออกมาข้างนอก ผมเก็บบ้านกลับเข้าไปในคลังมิติ
「ไม่ว่าจะเห็นกี่ครั้ง มันก็ยังรู้สึกเหลือเชื่ออยู่ดี」
คำพูดของนาตาลีทำให้สองคนที่เหลือพยักหน้าเห็นด้วย แต่ผมเลือกที่จะไม่สนใจ
เมื่อทุกคนขึ้นรถม้าเรียบร้อย ผมก็นั่งที่เบาะสารถีก่อนจะส่งสัญญาณให้โคคุโยเริ่มออกเดินทาง
รถม้าเคลื่อนที่ไปอย่างช้า ๆ ก่อนจะค่อย ๆ เพิ่มความเร็ว เราเดินทางไปตามถนนด้วยความเร็วเป็นสองเท่าของรถม้าปกติ ในที่สุดก็มาถึงเมืองดัมเบลอร์ในช่วงหัวค่ำ
ก่อนเข้าเมือง ผมเก็บรถม้าไว้ในคลังมิติ จากนั้นพวกเราก็เดินเข้าเมืองด้วยเท้า
โชคดีที่นาตาลีเคยลงทะเบียนกับสมาคมนักผจญภัยในจักรวรรดิไว้แล้ว ทำให้กระบวนการลงทะเบียนง่ายขึ้นมาก
แต่เราไม่สามารถรู้ได้ว่าหน่วยไล่ล่าจะมาถึงเมืองนี้เมื่อไร
หลังจากหาโรงแรมพัก พวกเราก็มารวมตัวกันในห้องเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับแผนสำหรับวันพรุ่งนี้
「พรุ่งนี้เราจะไปซื้อของกัน เนื่องจากนาตาลีกับฉันเป็นคนเดียวที่มีคลังมิติ เราจะแบ่งกันเป็นคู่」
ชาร์ยกมือขึ้นทันที
「โอ้ ฉันจะไปกับท่านโทยะค่าาาา!」
「นั่นมันไม่ยุติธรรมเลยยยย」
ดูจากระดับเลเวลตอนนี้ พวกเธอสามารถป้องกันตัวเองจากโจรหรือทหารบางส่วนได้โดยไม่มีปัญหาอะไร แต่ผมไม่คิดว่าจะมีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นในเมืองนี้
อย่างไรก็ตาม การที่อัลใส่ชุดเกราะจะช่วยลดโอกาสที่ใครจะเข้ามาหาเรื่องได้มาก
「โอเค ชาร์จะไปกับผม อัลไปกับนาตาลี แล้วตรวจสอบให้แน่ใจว่าพวกเธอมีทุกอย่างที่ต้องการแล้ว」
「อือ เข้าใจแล้ว……」
「ดี งั้นไปกันเถอะ」
นาตาลีกับอัลเดินออกไปด้วยท่าทางห่อเหี่ยว ตรงกันข้ามกับชาร์ที่ดูอารมณ์ดีมากตอนเดินออกจากห้อง
หลังอาหารเย็น ผมออกจากโรงแรมหลังจากบอกพวกเขาว่าพวกเขามีเวลาว่าง
จุดหมายของผมคือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
เป็นเวลานานแล้วที่ผมได้เดินไปตามถนนในเมืองดัมเบลอร์นับตั้งแต่การคุ้มกันครั้งก่อน
พระอาทิตย์ลับฟ้าไปแล้วเมื่อผมเดินเข้าไปในเขตสลัม ผมเกือบคิดว่าตัวเองหลงทางเพราะแสงสลัวจนแทบไม่เห็นตัวอาคาร แต่ผมก็ยังจำได้……
ประตูถูกปิดอยู่ ผมเคาะประตูสองครั้ง เสียงดังมาจากข้างใน
「……ใครน่ะ?」
「ผมเอง โทยะ ไม่ได้มาในเมืองนานแล้ว เลยแวะมาทักทายสักหน่อย」
「…? คุณโทยะ! รอเดี๋ยวนะคะ จะเปิดให้เดี๋ยวนี้แหละ」
ประตูส่งเสียงดังเล็กน้อยในขณะที่ถูกปลดล็อก ในที่สุดมันก็เปิดออก
ซายะยิ้มให้ผมด้วยรอยยิ้มที่คุ้นเคย ก่อนจะบอกให้ผมเข้าไปข้างใน ข้างในนั้นมีเด็กๆ ที่มองมาด้วยแววตาคาดหวังจ้องมาที่ผม
…ดูเหมือนพรุ่งนี้ผมคงต้องซื้ออาหารมาให้เยอะ ๆ ซะแล้วสิ
「ทุกคน อยากให้ผมทำอะไรให้กินไหม?」
「「「「「อยาก!」」」」」
「โอเค งั้นเดี๋ยวรอแป๊บนะ」
「คุณโทยะ!? …ทำไมถึง…」
ผมยิ้มให้ซายะที่มองมาด้วยสีหน้าลำบากใจ ก่อนจะบอกว่า 「ไม่ต้องคิดมาก」 ก่อนจะเดินเข้าไปในครัว
หม้อที่ผมเคยทิ้งไว้ให้ ดูเหมือนจะถูกทำความสะอาด และถูกใช้งานอย่างดี มันทำให้ผมรู้สึกดีใจไม่น้อย
ผมหยิบหม้ออาหารจากคลังมิติออกมา พร้อมกับตะกร้าที่ใส่ขนมปังที่ซื้อมาจากตลาด จากนั้นก็เอาเนื้อออร์คที่ชำแหละไว้แล้วออกมา หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ ก่อนจะโรยเกลือกับสมุนไพรจากนั้นก็ย่างลงบนกระทะ
กลิ่นสมุนไพรที่อบอวลคงทำให้เด็กๆ อดใจไม่ไหว พวกเขาจึงแอบมองเข้ามาในครัว ดู ๆ ไปก็น่ารักดี
「ใกล้เสร็จแล้ว รอหน่อยนะ」
「「「「「ครับ/ค่ะ!」」」」」
เด็กๆ เริ่มเตรียมช้อน และอุปกรณ์ต่างๆ ด้วยความตื่นเต้น
เมื่อเนื้อย่างสุก ผมจัดใส่จานไว้หลายๆ ใบ จากนั้นก็ยกไปยังห้องอาหาร ก่อนจะวางไว้บนโต๊ะที่เด็กๆ เคลียร์พื้นที่ไว้ให้
「เสร็จแล้วนะ เดี๋ยวค่อยๆ ตักซุปกันทีละคน ซายะ เธอช่วยดูแลหน่อยนะ」
「อา ค่ะ!」
เด็กๆ พากันนั่งลงที่โต๊ะ กล่าวคำอธิษฐาน และเริ่มทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย
「กินเลอะเทอะจัง… กินช้าๆ สิ」
ซายะถอนหายใจเบา ๆ แต่ดูเหมือนเธอเองก็เร่งจังหวะของตัวเองไปพร้อม ๆ กับซดซุปไปด้วย
ผมนั่งจิบชาที่หยิบออกมาจากคลังมิติ พร้อมกับดูเด็ก ๆ ทานอาหารกันอย่างสนุกสนาน
「อร่อยมากเลย!」
ผมรู้สึกดีใจเมื่อเห็นเด็กๆ มีความสุข แต่ก็นึกเสียดายที่คงไม่ได้มาที่นี่อีกสักพัก…
ผมเชื่อว่าพวกเขาจะหาวิธีใช้ชีวิตกันได้
「คุณโทยะ เรื่องนี้คือว่า…?」
「คือแบบนี้… ผมได้รับภารกิจด่วนให้ไปจักรวรรดิลูเน็ตต์ เพราะงั้นวันนี้ผมเลยมาบอกว่าคงไม่ได้เจอกันสักพักใหญ่ ๆ พรุ่งนี้ผมก็จะออกเดินทางแล้ว」
「อะไรนะ… จักรวรรดิลูเน็ตต์…ที่นั้น กำลังทำสงครามอยู่ไม่ใช่เหรอ…?」
ผมพยักหน้าให้เธอ
「แต่ถ้าไป… คุณอาจตายก็ได้นะ!」
「ใช่ แต่… มันจะไม่เป็นไรหรอก แค่ให้รู้ไว้ว่าผมน่ะแข็งแกร่งก็พอ」
…ผมมั่นใจว่าสถานะของผมนั้นอยู่สูงกว่าคนอื่น ๆ อย่างแน่นอน—ยกเว้นจะมีผู้กล้าออกมาหละนะ
ในขณะที่ผมกำลังคิดอยู่ ทันใดนั้นวิสัยทัศน์ของผมก็มืดสนิท ผมรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างนุ่ม ๆ เข้ามาปะทะที่หน้า
「ไม่! ฉันไม่อยากให้คุณไปในที่แบบนั้น! ฉันรู้สึกไม่ดีเลย!」
ผมเปิดปากพูดภายใต้อ้อมกอดนั้น
「เธอไม่อยากจะช่วยคนที่คุณห่วงใยในเวลาที่พวกเขาลำบากงั้นเหรอ…? ไม่ต้องห่วง ผมจะกลับมา」
ผมค่อยๆ ปลดแขนของซายะออกจากหัวของผมแล้วมองเข้าไปในดวงตาของเธอ ดวงตาของเธอแดงก่ำ น้ำตาไหลพรากลงมาจากแก้ม
ผมเช็ดน้ำตาของเธออย่างอ่อนโยนด้วยมือของผมและยิ้มให้เธอ ( ถ้าผมรอดกลับมาได้ เราสองคนแต่งงานกันนะ รอผมกลับมาได้ไหม? [อันนี้นายน้ำพริกอยากแต่งเอง มันอดไม่ได้จริง ๆ เทะเฮะ])
「ไม่ต้องห่วง ผมจะกลับมา อาจจะใช้เวลาหน่อย แต่ผมจะกลับมาแน่นอน」
「ฉันเชื่อค่ะ เด็กๆ จะรอคุณ และฉันก็จะรอคุณ…」
「โอเค งั้นไว้เจอกันตอนกลับมานะ」
เธอยิ้มก่อนลุกออกไป
「ทุกคน ดูแลตัวเองดี ๆ นะจนกว่าผมจะกลับมา แล้วก็ซายะ… ผมทิ้งซุปกับขนมปังไว้ในครัว」
ผมไม่ได้บอกไปว่ามีเงินอยู่ด้วย เพราะว่าถ้าเธอรู้เธอคงไม่ยอมรับแน่
「แล้วเจอกันนะ」
「「「ขอบคุณครับ/ค่ะ พี่ชาย!」」」
ผมโบกมือให้เด็กๆ ก่อนจะเดินออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
「คุณโทยะ!」
「หืม?」
จุ๊บ!
ทันทีที่ผมหันกลับไป ผมรู้สึกถึงสัมผัสนุ่มนิ่มที่ริมฝีปาก
มันเพียงแค่ชั่วขณะเดียวเท่านั้น
「—กลับมาเร็วๆ นะคะ」
ซายะที่หน้าแดงจนถึงใบหู วิ่งกลับเข้าไปในอาคารทันที ผมรู้สึกตกใจเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจที่ไม่รู้ว่าตัวเองกลั้นไว้นานแค่ไหน แล้วยิ้มออกมา ผมจึงเดินกลับไปยังโรงแรม
(บทนี้ยังไม่เห็นในมังหงะ มีใครออกเรือก็รีบ ๆ เลย ท่าทางซายะในนิยายในอนาคตจะมีบทไม่น้อยเลยล่ะ)