นครแห่งบาป City of Sin - ตอนที่ 97 เตรียมการการบูชา
ยามเย็นได้มาถึงในขณะที่พระอาทิตย์ดวงที่ 2 ของนัวแลนด์ก็เตรียมตัวตกในทิศตะวันออก แสงสุดท้ายของวันสาดส่องไปยังแม่น้ำ เส้นขอบฟ้าก็กำลังแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงทั่วทั้งนัวแลนด์ เฟาสต์ในเวลานี้ได้ถูกปกคลุมไปด้วยความอ่อนโยนของแสงสีทองเรืองแสงราวกับว่าโลกได้หยุดนิ่งลงพร้อมกับช่วงเวลาที่ผ่านไปอย่างสงบ
ริชาร์ดปล่อยมานาออกมาก่อนที่หนังของสัตว์ร้ายที่อยู่ตรงหน้าของเขาจะสาดแสงวงเวทย์ราวกับสายลมอ่อนโยนที่พัดผ่านแม่น้ำ รูนอันถัดมาของเขาเสร็จสิ้นลงแล้วและเอฟเฟกต์ของมันก็ดูเหมือนว่าจะดีกว่ามาตรฐานที่เขาตั้งไว้ก่อนหน้านี้แม้ว่าวัสดุที่เขาใช้จะไม่ได้เป็นไปอย่างที่เขาคาดคิดเท่าไหร่นักก็ตาม เขานั่งลงเงียบ ๆ ขณะรอให้พลังของวงเวทย์หยุดทำงาน ทันใดนั้น คลื่นแห่งความเหนื่อยล้าก็ผ่านตัวเขาไปจนทำให้เขารู้สึกง่วงนอนขึ้นมา ทุกครั้งที่เกิดสภาวะเช่นนี้สิ่งแรกที่เขาทำคือการหยิบโพชั่นฟื้นฟูขึ้นมาดื่มเข้าไปจนหมดขวด
มือข้างหนึ่งของริชาร์ดถูที่ขมับในขณะที่อีกข้างเอื้อมไปยังฝั่งตรงข้ามของโต๊ะเพื่อหยิบขวดโพชั่น ทว่าสิ่งที่เขาสัมผัสกลับไม่ใช่สิ่งที่เขาคุ้นเคย มันไม่ได้เย็นเฉียบหรือเป็นพื้นผิวเรียบเพราะสิ่งที่อยู่ในมือของเขาตอนนี้กลับมีความอบอุ่นและเนื้อสัมผัสที่นุ่มและโค้งงอน ทันทีที่สัมผัสเข้ากับสิ่งนี้ เนื้อสัมผัสนั้นก็ดึงกลับออกไปจากมือของเขาอย่างรวดเร็ว ริชาร์ดหันกลับไปมองก่อนที่จะเห็นโกโก้ยืนห่างออกไป 1 เมตรด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ นางมองเขาอย่างตื่นตะลึงประกอบกับความโกรธที่เกิดขึ้นทางสายตา และท้ายที่สุดเขาก็ตระหนักได้ว่าเนื้อสัมผัสที่นุ่มนั้นคงจะเป็นบั้นท้ายของนาง
‘เป็นสัมผัสที่ไม่เลว แต่นั่นก็ไม่ได้พิเศษอะไรเท่าไหร่นัก’ นี่เป็นความคิดแรกที่เกิดขึ้นในสมองของริชาร์ด
ย้อนกลับไปที่ดีพบลู เมื่อริชาร์ดรู้สึกอ่อนล้า เขาก็มักจะใช้โพชั่นฟื้นฟูที่อยู่ด้านข้างตัวของเขาเสมอทว่าสำหรับที่เกาะอาเครอนแล้ว สถานที่แห่งนี้ไม่ได้เอื้ออำนวยให้ทุกอย่างสะดวกสบายเหมือนในดีพบลูเลย โพชั่นที่มีก็มีไว้เพื่อฟื้นฟูพลังในการทำสงครามเท่านั้น สำหรับตัวเขาที่เคยอยู่ภายในดีพบลูถึง 5 ปี จึงทำให้ยากที่จะลืมความคุ้นชินกับชีวิตภายในนั้น
‘หรือว่าข้าควรจะขอโทษนาง ?’ ริชาร์ดคิดในใจ เขาพยายามนึกถึงเหตุผลที่เขาจะอธิบายให้นางฟังในสิ่งที่เกิดขึ้น
ทว่าเมื่อเขาเห็นว่านอกจากนางแล้วยังมีผู้ช่วยอีก 2 คนที่ยังยืนอยู่ข้าง ๆ เขา ทำให้ในตอนนี้คงจะไม่เหมาะสมเท่าไหร่นักหากเขาจะรีบกล่าวขอโทษนางหรือเริ่มพูดถึงเรื่องความยากจนของอาเครอนเมื่อเทียบกับดีพบลู อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่คิดว่าความยากจนเป็นเรื่องที่ร้ายแรงอะไร ในตอนนี้เขาตระหนักได้ถึงความแตกต่างระหว่างโลกภายนอกและดีพบลูได้อย่างชัดเจนแล้ว ยกตัวอย่างได้จากผู้ช่วยของเขาทั้ง 2 คน ตลอดการใช้ชีวิตของพวกเขา พวกเขาแทบไม่เคยเห็นโพชั่นที่มีพลังมานาสูง ๆ มาก่อน ซึ่งนั่นทำให้พวกเขาไม่สามารถจินตนาการถึงโต๊ะทำงานที่เต็มไปด้วยโพชั่นมากมายที่เขาพยายามจะอธิบายออกมาได้ หากเขาพูดอะไรออกไปก็ดูเหมือนว่าจะกลายเป็นเรื่องโกหกที่น่าอึดอัดใจ และถึงแม้ว่าเขาจะพยายามพูดอะไรเพิ่มไปเรื่อย ๆ มันก็คงจะเป็นเรื่องที่ไม่มีใครเชื่อเขาอยู่ดี
เมจสาวรีบเดินออกไปโดยไม่ได้กล่าวอะไร ในขณะที่เมจชายจ้องมองไปที่บั้นท้ายของโกโก้ก่อนที่จะยักไหล่ขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ สำหรับโกโก้แล้วใบหน้าของนางยังคงแดงก่ำ นางกัดริมฝีปากตัวเองขณะที่ดวงตาเริ่มมีน้ำตารื้นขึ้นมา นางยังคงเงียบไม่กล่าวอะไรขณะที่จัดระเบียบและเตรียมโต๊ะทำงานต่อไปโดยรักษาระยะห่างจากริชาร์ดให้มากขึ้นกว่าเดิม
ในความเป็นจริงแล้วความแตกต่างระหว่างเขากับโกโก้นั้นห่างกันมากจนทำให้เรื่องที่เขาเผลอจับบั้นท้ายของนางเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น และถึงแม้ว่าคนจับจะเป็นเมจชายผู้ช่วยของเขา เต็มที่ก็คงจะถูกตำหนิกับการกระทำที่ไม่เหมาะสมนี้หรือไม่ก็ถูกทำโทษสถานเบาเท่านั้น ทว่าหากเรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นจริง ๆ บางทีโกโก้อาจจะถูกพิจารณาว่าเป็นเพราะนางจงใจยั่วยวนผู้ชายเสียเองเพื่อให้หลงเสน่ห์นางก็ได้ ริชาร์ดรู้กฎของพวกชนชั้นสูงเป็นอย่างดีและเขาเองก็รู้ว่าการกล่าวขอโทษจะเป็นการสร้างปัญหาให้กับโกโก้ในอนาคต ในตอนนี้โกโก้มีสีหน้าที่ซีดเซียวและนางก็พยายามออกห่างจากเขาจนทำให้เขาเกิดความรู้สึกอึดอัดอยู่ไม่น้อย
นาฬิกาทรายภายในห้องได้ลดลงมาครึ่งหนึ่งแล้ว นั่นเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าใกล้จะถึงเวลามื้อค่ำ เมื่อเห็นวัสดุและอุปกรณ์มากมายที่ถูกจัดวางอยู่บนโต๊ะ ริชาร์ดก็ทนความอึดอัดไม่ได้อีกต่อไป เขาโยนอุปกรณ์ในมือลงบนโต๊ะก่อนที่จะลุกขึ้นเพื่อเตรียมตัวเดินออกจากห้องในทันที
ทว่าหลังจากที่เขาก้าวมาข้างหน้าได้ 2 ก้าว เขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างที่อยู่ลึกเข้าไปในจิตสำนึกของเขาถูกฉีกออก เกิดเสียงบางอย่างที่คล้ายกับเสียงปรบมือดังสนั่นขึ้นมาก่อนที่เงามืดอันเย็นยะเยือกจะปรากฏขึ้นมาให้เห็นและสลายไปภายในจิตของเขา
เขาผงะและหยุดเดินในทันทีเพื่อเพ่งสมาธิทั้งหมดมองดูในจิตสำนึก ทว่าเขากลับไม่พบร่องรอยของเงานั้นอีกเลย ราวกับว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพียงภาพลวงตา เขาตรวจสอบร่างกายด้วยประสาทสัมผัสทว่าก็ไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ อย่างไรก็ตาม เขาสัมผัสได้ถึงอันตรายบางอย่างที่ใกล้เข้ามา มีบางอย่างเกิดขึ้นแล้วแต่เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร
ทันใดนั้นเสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นบริเวณทางเดิน เซนม่าปรากฏตัวขึ้นบนชั้น 3 ของห้องปฏิบัติการของริชาร์ดและพูดกับเขา “มาสเตอร์ต้องการเจอเจ้า ตามข้ามา”
ริชาร์ดพยักหน้าและสั่งให้ผู้ช่วยทั้ง 2 ของเขาเก็บรูนที่เขาเพิ่งสร้างเสร็จ แล้วเขาก็เดินตามเซนม่าออกไป ใบหน้าของเซนม่ายังคงนิ่งเฉยและดูเหมือนว่าออร่าของนางจะยังอ่อนแออยู่มาก นางหยิบขวดแก้วออกมาโยนให้เขาและพูดเสียงเรียบ “ดื่มนี่ระหว่างทางที่ไป เจ้าเหลือเวลาไม่มากแล้ว”
เขารู้สึกงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นขณะมองไปที่ขวดโพชั่นในมือ โพชั่นขวดนี้ถูกออกแบบมาเพื่อคืนค่าพลังและมานาในเวลาเดียวกันซึ่งดูเหมือนว่าจะมีค่ามากกว่าโพชั่นฟื้นฟูที่เขาใช้ทั่วไป ต้องมีเรื่องใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนเขาถึงได้รับสิ่ง ๆ นี้ ทว่าแทนที่เขาจะถามเซนม่า เขากลับเปิดฝาออกแล้วดื่มเข้าไปจนหมดขวดขณะที่เดินตามนางไปยังปราสาทหลัก
ริชาร์ดพบกาตอนอีกครั้งภายในห้องบัญชาการ แผนที่เวทมนตร์ที่อยู่ตรงกลางมีเนื้อหาที่เปลี่ยนไปเพราะเพลนที่ปรากฏขึ้นในครั้งนี้เป็นเพลนที่เขาไม่เคยเห็นหรือรู้ข้อมูลมาก่อน ทว่าออร่าของมันถูกส่งออกมาอย่างรุนแรงเนื่องจากมันเต็มไปด้วยหินหนืดที่อยู่ภายในนั้น เพลนนี้เป็นเหมือนกับชั้นของขุมนรกหรือไม่ก็เป็นหุบเหวลึก หากไม่ใช่ 2 ที่ที่กล่าวมาก็อาจจะเป็นสถานที่ที่ใกล้เคียงกับลักษณะเหล่านั้น
มือของกาตอนวางอยู่ตรงมุมของแผนที่ สายตาของเขาจับจ้องไปบนภาพฉายอย่างพินิจพิเคราะห์ ออร่าที่ทรงพลังถูกส่งออกมาจากตัวของกาตอนอย่างต่อเนื่องซึ่งมันมีความแข็งแกร่งอย่างมากจนทำให้แม้แต่ตาเปล่าก็ยังสามารถมองเห็นได้
ในส่วนท้ายของแผนที่มีไนท์คู่หนึ่งยืนอยู่ พวกเขาสวมใส่ชุดเกราะอย่างหนาแน่นโดยไม่มีพื้นที่ว่างให้เห็นร่างกายของพวกเขาเลย เว้นก็แต่อักษร ‘T’ ที่ถูกเปิดออกตรงหมวกของพวกเขาเท่านั้น เกราะของพวกเขาดูมีน้ำหนักมากและหากมีใครมองพวกเขาจากด้านข้างก็จะเห็นได้ว่าเกราะชุดนี้มีความหนาเกินกว่า 15 เซนติเมตร หากดูจากชุดเกราะหนานี้แล้วไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าฝ่ายตรงข้ามจะต้องมีพลังมากเพียงใดจึงจะสามารถเจาะเกราะชุดนี้เข้าไปได้
ไนท์ทั้ง 2 คนมีลักษณะที่เหมือนกัน พวกเขาสวมชุดเกราะสีดำซึ่งเป็นชุดเกราะที่นิยมอย่างมากในหมู่ไนท์ชุดเกราะหนัก สัญลักษณ์ของอาเครอนถูกฝังลงในจุดที่แตกต่างกัน คนหนึ่งมีสัญลักษณ์ตรงด้านซ้ายในขณะที่อีกคนมีสัญลักษณ์ตรงด้านขวาเพื่อแยกความแตกต่างของทั้งสองให้ชัดเจน
ทั้ง 2 คนคือเคย์เลนและเคย์ดี ทั้งคู่เป็นพี่ชายและน้องสาวฝาแฝดที่เป็นสมาชิกในอัศวินทั้ง 13 ของกาตอน แม้ว่าอุปกรณ์ของพวกเขาจะดูเหมือนว่าไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ ทว่าออร่าที่ส่งออกมานั้นไม่ได้น้อยไปกว่าเซนม่าเลย มอร์เดร็ดยืนเงียบ ๆ อยู่ด้านหลังกาตอน ซึ่งทันทีที่เขาเห็นริชาร์ดเดินเข้ามา ริมฝีปากของเขาก็ฉีกยิ้มต้อนรับให้กับผู้มาเยือน
กาตอนยืนขึ้นและมองไปที่ริชาร์ด “ริชาร์ด เจ้ามาแล้ว ! ไหนให้ข้าดูหน่อยซิว่าเจ้าฟื้นฟูพลังเวทมนตร์ของเจ้าไปมากแค่ไหนแล้ว… อืมม… เยี่ยม ไม่เลวนี่ เจ้าพร้อมที่จะเริ่มพิธีแล้ว เซนม่า ! นำโพชั่นเติมพลังมาเพิ่มเพื่อใช้ในการเดินทางหลังจากนี้”
เซนม่าตอบกลับด้วยการส่งเสียงในลำคอขณะที่ริชาร์ดฟังทุกอย่างด้วยความสับสน “พิธีอะไรหรือ ?” เขาถาม
“การบูชามังกรนิรันดร ! เจ้าเด็กน้อย รู้ไว้ซะว่าเจ้าน่ะโชคดีมากที่ตอนนี้เรามีของสังเวยเพียงพอแล้ว แต่ก็น่าเสียดายที่เรามีเวลาไม่มากพอที่จะจัดเตรียมทุกอย่างให้กับเจ้า เอาล่ะ รับนี่ไป !” กาตอนโยนกล่องสีดำให้กับเขาหลังจากพูดจบ
ทันทีที่เขารับกล่องสีดำกล่องนั้นมาถือ มือของเขาก็อ่อนแรงลงจนเขาเกือบจะลงไปกองอยู่ที่พื้น กล่องนี้มีน้ำหนักกว่า 100 กิโลกรัมซึ่งทำให้เขาต้องเปิดใช้เออรัพชั่นเพื่อสร้างการทรงตัวและเพื่อให้จับมันได้แน่นมากยิ่งขึ้น
“เอาสิ เปิดดู !”
ริชาร์ดเปิดกล่องออกมา กลิ่นเหม็นไหม้ลอยออกมาจากด้านในกล่องอย่างรุนแรงทันที ในกล่องนี้มีเนื้อขนาดใหญ่ที่สีของมันถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นสีดำเรียบร้อยแล้ว พลังที่อยู่ภายในชิ้นเนื้อนี้ยังคงแผ่ซ่านออกมาด้วยออร่าที่ทรงพลังซึ่งถูกส่งออกมาตามจังหวะการเต้นของมัน
“หัวใจเดม่อน !” ริชาร์ดพูดเสียงดังด้วยสีหน้าที่ตกตะลึง
“ใช่ หัวใจของเลสเซอร์เดม่อนลอร์ด และนี่ด้วย รับไป !” กาตอนโยนกล่องที่มีขนาดใหญ่ขึ้นให้กับเขาอีกครั้ง กล่องนี้มีน้ำหนักมากเช่นกันทว่าในครั้งนี้กล่องกลับหยุดการเคลื่อนไหวด้วยตัวของมันเองก่อนที่จะลอยลงไปที่พื้นอย่างนุ่มนวลราวกับว่ามีมือที่มองไม่เห็นกำลังประคองมันอยู่ และในขณะเดียวกันฝากล่องก็ถูกเปิดออก
ของชิ้นนี้มีกลิ่นเหม็นเกินต้านทานเช่นเดียวกันกับกล่องแรก ทว่ามันกลับไม่ใช่ชิ้นส่วนของหัวใจเหมือนก่อนหน้านี้ ออร่าของมันแผ่กระจายออกมาอย่างหนาแน่นและมืดมิด หัวของเดวิลที่มีดวงตาสีเหลืองอำพัน 10 ดวงปรากฏอยู่ที่ส่วนหน้าของมัน เขาขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านบนดูแหลมคมและถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี แม้แต่ความโค้งของเขาก็ยังคงสภาพอยู่เช่นเดิม ชิ้นส่วนของหัวเดวิลส่วนนี้ถูกตัดออกจากร่างของมันเป็นเวลานานแล้วและดูเหมือนว่ามันจะไร้ชีวิตแล้วเช่นเดียวกัน ทว่าพลังแห่งความมืดมิดและการกัดกร่อนที่อยู่ภายในชิ้นส่วนหัวนี้ยังคงถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีภายใต้พลังแห่งเวทมนตร์
“หัวของเดวิล !” ริชาร์ดพูดอย่างตื่นเต้นแต่เขาพอจะควบคุมความตื่นเต้นได้บ้างแล้ว
“มันคือเกรทเทอร์เดวิลเลยทีเดียว ! แต่มันถูกตัดออกจากร่างของมันเป็นระยะเวลานึงแล้ว และมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะตัดหัวเดวิลออกมาแบบนี้ได้ สิ่งนี้ข้ามอบให้เจ้า มันเป็นของส่วนตัวของข้าเอง แต่ครั้งนี้ข้ามอบมันให้กับเจ้า !” กาตอนกล่าวก่อนที่จะใส่หมวกที่อยู่ในมือของเขาราวกับว่าเขากำลังเตรียมตัวออกไปต่อสู้ในสนามรบ
ริชาร์ดมองกล่องทั้งสองด้วยสายตาที่ว่างเปล่าก่อนจะกวาดสายตามองไปยังคนที่อยู่รอบ ๆ สำหรับเคย์เลนและเคย์ดีนั้น พวกเขาสวมหน้ากากป้องกันอยู่จึงทำให้เขาไม่สามารถมองเห็นได้ว่าตอนนี้ทั้งสองมีสีหน้าอย่างไร ทว่าสำหรับมอร์เดร็ดและเซนม่า พวกนั้นกำลังมองมาที่เขาด้วยสีหน้าที่ตกตะลึง
อบิลิตี้ของเขาทำการบันทึกข้อมูลของเศษชิ้นส่วนของเดม่อนและเดวิลที่เขาเคยอ่านในหนังสือว่าสำหรับมนุษย์ การไปที่อบิสหรือขุมนรกเพื่อฆ่าเดม่อนหรือเดวิลนั้นมันยากมาก แต่พวกมันก็ถูกตามไล่ล่าและฆ่ามานานเพราะชิ้นส่วนในร่างกายของมันถือเป็นสิ่งสำคัญที่ไว้ใช้ในการสังเวยให้กับมังกรนิรันดร สำหรับตัวเขานั้น การได้พบเห็นไอเทมที่ล้ำค่าเช่นนี้ อีกทั้งมันยังเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายเลย !
เดม่อนเหล่านั้นมาจากอบิส ในขณะที่เดวิลมาจากขุมนรก ทั้ง 2 แห่งนี้เป็นเพลนหลักเช่นเดียวกับนัวแลนด์ทว่ามีขนาดที่ใหญ่กว่ามาก สภาพแวดล้อมภายในมีความพิเศษคือมันสามารถเพิ่มพลังให้กับผู้ที่อาศัยอยู่ภายในนั้นได้อย่างน่าประหลาดใจ แต่ละชั้นของทั้งสองที่นี้ถือเป็นเพลนย่อยๆ ซึ่งจำนวนชั้นที่มีอยู่นั้นจวบจนปัจจุบันก็ยังไม่มีใครรู้ได้อย่างแน่ชัดว่ามีกี่ชั้น และหากทั้งสองที่รวมเข้าด้วยกัน มันจะกลับกลายเป็นเพลนที่มีชั้นนับไม่ถ้วนเลยทีเดียว