นครแห่งบาป City of Sin - ตอนที่ 86 ข้อสรุป ตอนที่ 1
เสียงหัวเราะของชายร่างกำยำที่ดังออกมาทำให้พื้นดินสั่นสะเทือนจนผู้คุ้มกันของตระกูลโจเซฟต่างพากันเสียการทรงตัวและล้มลงกับพื้น
แววของความน่ากลัวฉายขึ้นบนใบหน้าของชายผู้นั้นในขณะที่เขากวัดแกว่งดาบยาวในมือขวาก่อนจะฟันเข้าที่เข่าของฟอล์กทันทีด้วยความนุ่มนวลทว่าเยือกเย็นอย่างน่าประหลาด และเมื่อคมดาบผ่านไป ขาของฟอล์กก็ขาดออกในชั่วพริบตาเดียว
สิ่งเดียวที่ฟอล์กสังเกตเห็นในตอนแรกคือความรู้สึกแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นจากเข่าของเขา ทว่าหลังจากนั้นเพียงไม่กี่วินาทีความเจ็บปวดที่สุดแสนจะทรมานก็เข้าครอบงำเขาจนทำให้เขาแทบขาดสติ เขากรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดขณะที่เลือดทะลักออกมาจากขาราวกับน้ำตกจนทำให้ร่างของริชาร์ดที่อยู่ใต้ตัวเขาเปียกเลือดชุ่มไปด้วย
ชายหนุ่มร่างกำยำหันไปมองหญิงสาวทรงพลังที่อยู่ด้านหลังก่อนจะกล่าวว่า “เจ้าไม่จำเป็นต้องให้สิ่งสกปรกเพียงเล็กน้อยเหล่านี้เปื้อนมือของเจ้าหรอกอลิซ ข้าจะเป็นคนจัดการปัญหาตรงนี้เอง เจ้าเพิ่งจะพิชิตดินแดนใหญ่มาเพราะงั้นคงจะยังเหนื่อยล้าอยู่”
หญิงสาวผมแดงวัย 20 ผู้นี้ได้รับการยอมรับว่าเป็นเทพีแห่งสงครามของอาเครอน นามของนางคือ อลิซ อาเครอน หญิงสาวที่มีอายุน้อยที่สุดที่สามารถเป็นเอิร์ลได้ด้วยความสามารถและความพยายามของนางเอง ไม่ใช่เพราะมรดกตกทอดจากตระกูล
อลิซยักไหล่ก่อนพูดขึ้น “ถ้ารู้ว่าท่านจะมา ข้าคงไม่ลงมือทำอะไรตั้งแต่แรกหรอก”
ชายร่างกำยำหัวเราะออกมา “ฮ่า ๆ ข้าก็แค่บังเอิญผ่านมาทางนี้เท่านั้น เอาไงต่อล่ะ… ดูเหมือนว่าเจ้าหนุ่มโจเซฟคนนี้จะโชคไม่ดีนะ เอ๊ะ ! หรือว่าเจ้าหนุ่มน้อยของพวกเราจะโชคดีกันแน่ ?”
ในเวลานั้นยังมีผู้คุ้มกันของตระกูลโจเซฟที่ยังสามารถขยับตัวได้อยู่ ทันทีที่พวกเขาเห็นว่าขาของฟอล์กถูกตัดขาด ดวงตาของพวกเขาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำด้วยความโกรธ พวกเขาลุกขึ้นยืนก่อนจะพุ่งเข้าหาเหล่าอาเครอนอย่างไม่คิดชีวิตเพราะในเวลานี้ฟอล์กได้รับบาดเจ็บสาหัสเสียแล้ว หากพวกเขาเลือกที่จะไม่ทำอะไรและพาฟอล์กกลับไปในสภาพเช่นนี้ก็คงไม่พ้นจะต้องถูกลงโทษในแบบที่ไม่สามารถจะปกป้องบุตรของดยุกได้อยู่ดี การเลือกที่จะต่อสู้จนถึงวินาทีสุดท้ายยังจะดีเสียกว่า
อย่างไรก็ตาม ดาบยาวในมือของชายร่างกำยำพุ่งไปด้านหน้า 3 ครั้งอย่างโหดเหี้ยม และเมื่อเขาทำเช่นนั้น ร่างของพวกผู้คุ้มกันก็ลงไปกองอยู่ที่พื้น ! และทันทีที่ร่างของพวกเขาสัมผัสพื้น แขนและขาของพวกเขาก็หลุดออกไปทันที ผู้คุ้มกันทั้งสองร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดก่อนที่จะกลิ้งไปมาบนพื้นอย่างทุรนทุรายจนทำให้เลือดเปื้อนไปทั่วทุกที่
ผู้คุ้มกันคนที่ 3 ก้าวเท้ามาข้างหน้าเพื่อพุ่งตัวไปยังชายร่างกำยำผู้นั้น ทว่าริชาร์ดรีบลุกขึ้นจากพื้นและต่อยเข้าไปที่สะบักของชายผู้นั้นอย่างจัง แล้วก็เหยียบเข้าที่เท้าของเขาอย่างไม่ปราณี
ผู้คุ้มกันผู้นี้เป็นวอริเออร์ระดับ 8 ที่มีร่างกายทรงพลังอย่างมากเมื่อเทียบกับริชาร์ด ทว่าพลังของริชาร์ดกลับไม่ได้น้อยไปตามระดับของเขาอย่างที่ควรจะเป็น ทันทีที่เท้าของริชาร์ดเหยียบขาของชายผู้นั้นก็เกิดเสียงกระดูกแตกหักดังลั่นออกมา ในเวลาเดียวกันสะบักของวอร์ริเออร์ก็ถูกอัดเข้าอย่างแรงจนแหลกเป็นเสี่ยง ๆ ทว่าจากประสบการณ์ที่ช่ำชองของเขานั้น สัญชาตญาณก็สั่งให้เขาต่อสู้กลับโดยใช้ข้อศอกซัดกลับไปที่ร่างของริชาร์ดทันที
ริชาร์ดสูดหายใจเข้าลึก เขาเลือกที่จะไม่ใช้ศอกป้องกันการโจมตีจากวอริเออร์ทว่ากลับปล่อยให้ศอกของฝ่ายตรงข้ามกระแทกเข้ามาที่ท้องของเขา ริชาร์ดใช้ช่วงเวลาที่ฝ่ายตรงข้ามเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ก่อนใช้หมัดชกเข้าที่ซี่โครงของชายผู้นั้นอย่างแรงโดยการใช้ความแข็งแกร่งจากเออรัพชั่นเข้าช่วย
*ตูม ! ตูม ! ตูมมม !* หมัดที่ส่งออกไปเต็มไปด้วยพละกำลังที่แข็งแกร่ง ในเวลานี้ฝ่ายตรงข้ามถูกบีบให้รู้สึกสิ้นหวังอีกครั้ง การโจมตีด้วยหมัดที่ทรงพลังของริชาร์ดเมื่อครู่ทำให้ขาของเขาได้รับบาดเจ็บ ในเวลานี้เขาแทบไม่สามารถเปลี่ยนท่าทางของตัวเองได้เพราะหากเขาเคลื่อนตัวเพียงเล็กน้อยนั้นก็อาจจะทำให้เด็กชายตรงหน้าเห็นจุดอ่อนของเขาได้ทันที ในเวลานี้เขาจึงทำได้เพียงพุ่งศอกไปยังริชาร์ดอย่างสุดแรงเพื่อให้ริชาร์ดกระเด็นออกไปจากจุดที่เขากำลังยืนอยู่
ริชาร์ดไม่ได้ก้าวหนีหรือเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย สีหน้าของเขายังคงสงบนิ่งขณะซัดหมัดเหล็กเข้าไปที่ซี่โครงของผู้คุ้มกันที่มีร่างกายแข็งแกร่งคนนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า สำหรับวอริเออร์ผู้นี้ที่มีระดับสูงกว่าริชาร์ด ดูเหมือนว่าพลังของริชาร์ดจะทำอะไรร่างกายภายนอกของเขาไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ทว่าเมื่อสังเกตเห็นเลือดที่ออกมาทางปากของเขาก็พอจะพิสูจน์ให้เห็นได้ว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นเดียวกันที่ผู้คุ้มกันจะต้องมารับมือกับการโจมตีที่เขากำลังเจอ
ซี่โครงของผู้คุ้มกันยุบเข้าไปจนเป็นรูโหว่อย่างเห็นได้ชัด ในที่สุดเขาก็เปล่งเสียงร้องออกมาอย่างสิ้นหวัง เลือดของเขาพุ่งออกมาจากปากพร้อมด้วยชิ้นเนื้อเล็ก ๆ ที่หลุดออกมาพร้อมกับเลือด เขาร้องโอดโอยก่อนจะทรุดตัวลงกับพื้นอย่างหมดแรง
ริชาร์ดยกเท้าออกจากเท้าของชายผู้ที่ตอนนี้หมดสติไปแล้ว เขาพ่นเลือดที่อยู่ในปากของตัวเองออกมาด้วยความเยือกเย็นก่อนกวาดตามองดูเหล่าผู้คุ้มกันที่บาดเจ็บตรงหน้าและแสดงท่าทางลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะหยุดนิ่งไป เขาตัดสินใจเปลี่ยนเป้าหมายจากคนเหล่านั้นและเงยหน้าขึ้นมองฟอล์กอย่างดุร้าย
ริชาร์ดเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่ร่างกายของเขาจะเปล่งประกายสีฟ้าจาง ๆ ออกมา เขาก้าวไปข้างหน้าราวกับถูกผลักด้วยมือที่มองไม่เห็นจากด้านหลังและเล็งมือไปข้างหน้าราวกับว่ามันเป็นดาบ ทันใดนั้น แสงในมือของเขาก็เปลี่ยนเป็นริ้วสายฟ้าสีฟ้าทันทีก่อนที่มันจะพุ่งเข้าหาฟอล์กอย่างรวดเร็ว หากใครที่จ้องมองดูอย่างตั้งใจก็จะสังเกตเห็นได้ว่าแสงสีฟ้าจาง ๆ มาจากมือของเขา !
สกิลดาบลับลำดับที่ 4 ของซิลเวอร์มูน —— แอนนิฮิเลชั่น! นี่เป็นสิ่งเดียวที่เขาใช้ได้ในตอนนี้ แม้ว่าฟอล์กจะเป็นวอริเออร์ระดับ 10 ที่แข็งแกร่งกว่าเขามาก แต่พลังแห่งดาบจันทรานี้ก็อาจจะทำให้ร่างกายของฟอล์กได้รับบาดเจ็บจากพลังแห่งจันทราของดวงจันทร์ดวงที่ 4 ได้ไม่น้อยเลย ซึ่งความรุนแรงของมันนั้นแม้แต่เคลริคที่มีพลังที่เก่งกาจก็ยังต้องใช้ความพยายามอย่างมากจึงจะสามารถรักษาบาดแผลที่ดาบเล่มนี้ทิ้งไว้ให้ได้
ชายร่างกำยำปล่อยดาบยาวในมือของเขาลงกับพื้นก่อนยื่นมือออกไปยังริชาร์ด การโจมตีที่ถูกส่งออกมาจากริชาร์ดเปลี่ยนเป้าหมายจากการปะทะเข้ากับร่างของฟอล์กไปเป็นปะทะเข้าที่ฝ่ามือของชายร่างกำยำโดยตรง แรงปะทะนี้ทำให้ริชาร์ดรู้สึกราวกับว่าเขาชนเข้ากับภูเขาใหญ่อย่างจังจนทำให้อวัยวะภายในของเขาสั่นสะเทือนและเกิดสภาวะจุกกลางอกขึ้นมา พลังของจันทราสีฟ้าที่เขาได้รวบรวมไว้ก่อนหน้านี้กระจายออกไปชั่วพริบตาเดียวและร่างของเขาก็เซไปด้านหลัง
“โอ๊ะ ! เจ้าหนูริชาร์ดบุตรชายของกาตอน เจ้าเองก็เช่นกัน อย่าเอามือของเจ้ามาเปื้อนสิ่งสกปรกเช่นนี้เลย มันเป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น” ชายร่างกำยำส่ายหน้าก่อนพูดต่อไป “ช่างน่าอิจฉากาตอนซะจริง เขามีบุตรชายเช่นเจ้า แต่เหตุใดถึงไม่เคยเล่าให้ข้าฟังเลยสักครั้งเดียว ! เจ้าหนู เจ้าเรียกข้าว่าลุงก็ได้ รอให้ข้าจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จก่อนแล้วเรามาทดสอบกันดีกว่าว่าเจ้ามีความสามารถในการดื่มมากแค่ไหนกัน ! ”
ทันใดนั้นคนที่อยู่ภายในกลุ่มฝูงชนก็ตะโกนแทรกขึ้นมา “นั่นมันโกลิอัท เอิร์ลโกลิอัท !” ทันทีที่ชื่อนี้ถูกเรียกออกมาก็สร้างความปั่นป่วนขึ้นมาเล็กน้อยในกลุ่มของคนเหล่านั้นที่มามุงดูเหตุการณ์
……
ในเวลาเดียวกัน ห้องขนาดใหญ่ที่สุดซึ่งอยู่ชั้นบนสุดของตึกที่ห่างไกลออกไปกว่า 1,000 เมตร เรย์มอนด์นั่งอยู่ริมหน้าต่างในห้องและครุ่นคิดอะไรบางอย่าง เขาถือกล้องส่องทางไกลสีเงินซึ่งถูกออกแบบในสไตล์เก่าแก่ไว้ในมือขณะสังเกตเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงมุมถนนที่ห่างไกลออกไป
ทันใดนั้นเรย์มอนด์ก็เปล่งเสียงร้องก่อนตะโกนขึ้น “เห้ย ! นั่นมันอลิซหนิ ! ทำไมนางถึงมาอยู่ที่นั่นได้ !”
เมื่อได้ยินชื่อของอลิซ คนที่อยู่ภายในห้องก็หน้าถอดสีขึ้นมาเล็กน้อย ซึ่งเนสบีที่ยืนอยู่ใกล้ ๆก็กล่าวออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “ข้าจะไปจัดการนางให้เอง !”
ทันทีที่เนสบีเดินตรงไปยังหน้าต่างและเตรียมตัวจะกระโดดออกไป เรย์มอนด์ก็ยื่นมือซ้ายที่ดูยาวและเรียบเนียนราวกับมือของหญิงสาวออกไปขวางไว้ ปลายนิ้วของเขาสั่นเล็กน้อย
ขณะที่เนสบีกำลังสับสนกับการกระทำของเรย์มอนด์นั้น เรย์มอนด์ก็วางกล้องส่องทางไกลในมือของเขาลงก่อนถอนหายใจออกมา “เจ้าไม่ต้องไปที่นั่นอีกแล้วล่ะ โกลิอัทก็อยู่ที่นั่นด้วย ตอนนี้เราไม่มีสิทธิ์ทำอะไรทั้งนั้น ดูเหมือนว่าชีวิตของฟอล์กคงจะจบลงแล้ว”
แม้ว่าทั้งคู่จะเป็นเอิร์ล และอลิซเองก็เป็นที่รู้จักในด้านสติปัญญาและไหวพริบในสนามรบ ทว่านางอยู่เพียงระดับ 17 เท่านั้นเมื่อเทียบกับเนสบีที่เป็นวอริเออร์ระดับ 18 ดูเหมือนว่าเขาจะมีกำลังมากพอที่จะปรามนางไว้ได้ แต่ในทางตรงกันข้าม โกลิอัท อาเครอน มีระดับมาตรฐานที่แตกต่างจากพวกเขาไปอย่างสิ้นเชิงจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะกำจัดเขาได้ง่าย ๆ ซึ่งในตอนนี้นั้นพลังการต่อสู้ทางกายภาพของโกลิอัทก็เทียบเท่าระดับ 20 แล้ว ด้วยเขาเพียงคนเดียวก็ดูเหมือนว่าจะสามารถกำจัดคนในห้องนี้ทั้งหมดให้หายไปได้อย่างง่ายดาย
พี่ชายของกาตอนผู้นี้ถูกตั้งชื่อตามยักษ์ในยุคโบราณซึ่งแสดงให้เห็นถึงพลังทางกายภาพของเขาได้อย่างชัดเจน ในความเป็นจริงแล้วระดับของเขาไม่ได้ตรงตามพละกำลังของเขาเลย แม้ว่าเขาจะยังไม่พร้อมต่อสู้กับคู่ต่อสู้อย่างเลเจนดารี่ แต่เขาก็สามารถรับมือกับเซนต์วอริเออร์พร้อมกันทีเดียว 2 คนได้ง่าย ๆ ข้อบกพร่องอย่างเดียวของเขาคือการขาดสภาวะการเป็นผู้นำและความสามารถในการปกครองที่อยู่ในระดับปานกลางทำให้เขาไม่สามารถเลื่อนตำแหน่งให้สูงขึ้นไปกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้ได้
ด้วยเหตุนี้จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมในสงครามที่เกิดขึ้นทั่วสหพันธ์ศักดิ์สิทธิ์ สงครามระหว่างประวัติศาสตร์ของมนุษย์ หรือแม้แต่ในสงครามเพลน อลิซจึงอยู่เหนือกว่าเขาทุกครั้งทั้ง ๆ ที่เขาเองอยู่ในระดับที่เหนือกว่าและความสามารถก็มากกว่า สำหรับแผนการของเรย์มอนด์ในครั้งนี้ ดูเหมือนว่าการปรากฏตัวของโกลิอัทเพียงคนเดียวก็สามารถปัดเป่าแผนการที่แยบยลของเขาให้หายไปในชั่วพริบตาเดียว
ทันใดนั้นเควินก็นึกขึ้นได้ถึงบางอย่างก่อนที่ใบหน้าของเขาจะถอดสี “เรายังมีอสรพิษอีกไม่ใช่หรือ !”
ชายแก่วาเลนส่ายหน้าก่อนจะกล่าวว่า “อสรพิษเองดูเหมือนว่าเขาก็ถูกจัดการไปแล้วเหมือนกัน แต่นั่นก็เป็นแค่เพียงเงินที่สูญเสียไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทว่าสำหรับฟอล์ก…”
ทุกคนในห้องต่างพากันเงียบเสียงลง… สำหรับฟอล์กแล้วเขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์และเฉลียวฉลาดเหมือนกับดยุกโจเซฟ และเขาเองก็เตรียมตัวเสียสละตนเองตั้งแต่เริ่มแรกที่เขาได้รู้แผนการในครั้งนี้อยู่เหมือนกัน แต่ถึงอย่างไรก็ถือว่าฟอล์กเป็นบุตรชายแท้ ๆ ของดยุกโจเซฟคนหนึ่งอยู่ดี…