นครแห่งบาป City of Sin - ตอนที่ 8 การทดสอ
— อาคารหลักของดีพบลูนั้นไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาในรูปแบบสถาปัตยกรรมธรรมดา นอกจากความสูงที่สูงกว่าหอเวทมนต์โดยทั่วไปถึง 3 เท่าแล้ว เส้นผ่านศูนย์กลางของตึกยังมีขนาดใหญ่กว่าปกติถึงหนึ่งเท่าตัวจึงทำให้ขนาดพื้นที่ภายในของมันกว้างกว่าหอคอยธรรมดาถึง 10 เท่า ซึ่งนี่ก็ยังไม่ได้นับรวมกับอาคารปลีกย่อยใหญ่น้อยอื่นๆ ที่อยู่ในบริเวณโดยรอบอีก หอเวทมนต์ที่มีลักษณะเช่นนี้มีค่าใช้จ่ายสูงเกินกว่าที่คนจะคาดเดาได้ ภายในนี้มีจำนวนคนที่อาศัยอยู่มากกว่าหนึ่งหมื่นคนจนสามารถเรียกว่าเป็นรูปแบบของเมืองเล็กๆเมืองหนึ่งได้เลยทีเดียว เพราะอย่างนั้นดีพบลูจึงเป็นเหมือนปีศาจขนาดยักษ์ที่สูบทรัพยากรในปริมาณมหาศาล ในแต่ละวันจะมีจำนวนของทรัพยากรที่ถูกส่งเข้าและออกจากสถานที่แห่งนี้กว่า 10 เท่าตัวของหอเวทมนตร์โดยทั่วไป และเนื่องจากหอเวทมนตร์แห่งดีพบลูนั้นจัดเป็นงานศิลปะชั้นยอดจึงต้องการทรัพยากรในการดูแลบำรุงรักษาเป็นจำนวนมาก
แต่ดีพบลูนั้นมีท่าเรือเป็นของตัวเองที่ใช้สำหรับขนถ่ายสินค้าและเคลื่อนย้ายสิ่งของ ท่าเทียบเรือที่เป็นพื้นหินแข็งจะถูกยกขึ้นจากทะเลโดยการใช้เวทมนต์ มีถนนสายหลักที่เชื่อมต่อกับดีพบลูมาจาก 3 ทิศทางและยังมีชุมชนที่เป็นเมืองท่าและเมืองทางผ่านสำคัญอีก 5-6 แห่งที่เจริญรุ่งเรืองเนื่องจากที่นี่เป็นเส้นทางแลกเปลี่ยนสินค้า
ดีพบลูอยู่ที่จุดปลายสุดของอ่าวโฟลซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของทวีป ในเวลาเดียวกันก็มีแม่น้ำใหญ่ 2 สายไหลผ่านไปสู่ทะเล พื้นที่ของอ่าวโฟลมีขนาดกว้างใหญ่ไพศาล มันทอดตัวยาวกว่า 1,500 กิโลเมตรจากคาบสมุทรสตาร์ไลท์ ไปจนถึงเขาเอฟเวอร์วินเทอร์ทางตอนเหนือ เมื่อถึงช่วงฤดูหนาว อ่าวนี้ก็จะถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งจนเหลืออยู่เพียงส่วนใต้สุดของแนวชายฝั่งที่เปิดไว้สำหรับทำกิจการการขนส่งและการค้า ซึ่งก็คือบริเวณที่เป็นพื้นที่ของท่าเรือดีพบลูและนั่นก็เพราะท่าเรือแห่งดีพบลูตั้งอยู่ใกล้กับกระแสน้ำอุ่นจึงรอดพ้นจากการถูกน้ำแข็งปกคลุมในฤดูหนาว
พื้นที่ทั้งหมดของดีพบลูมีความสำคัญอย่างมากเพราะเป็นเส้นทางการขนส่งที่สะดวกที่สุด และดีพบลูเป็นเสมือนพื้นที่ป้องกันหนึ่งในสามของถนนสายหลักทางตอนใต้ของทวีปน้ำแข็งแห่งนี้ และการมีอยู่ของดีพบลูก็เป็นเสมือนการบังคับให้คนแคระเกรย์และเผ่าพันธุ์อื่นๆ ที่จะบุกมาโจมตีจะต้องผ่านไปยังซันเซ็ทแคนยอนแทน ซึ่งการใช้เส้นทางนั้นเป็นการเดินทางที่อ้อมไกลถึง 1,000 กิโลเมตรอีกทั้งเป็นการบีบบังคับให้พวกเขาต้องผ่านป้อมปราการธันเดอร์ลอร์ดของสหพันธ์ศักดิ์สิทธิ์ด้วย
และหลังจากสิ้นสุดการต่อสู้ครั้งใหญ่ระหว่างดีพบลูกับกองกำลังของคนแคระเกรย์ ก็ทำให้เหล่าคนแคระเกรย์ยอมที่จะใช้เส้นทางอ้อมและโจมตีฝ่าป้อมปราการธันเดอร์แทนโดยหลีกเลี่ยงไม่เข้าไปลองดีกับชารอนอีก เพราะผู้หญิงคนนี้เป็นเสมือนเทพเจ้าแห่งความชั่วร้ายที่น่ากลัวที่สุดในตำนานของเผ่าคนแคระหลายเผ่าไปแล้ว และเมื่อนางเลื่อนขั้นเข้าสู่ระดับที่ 20 อย่างเป็นทางการจนกลายเป็นเลเจนดารี่เมจ ดีพบลูก็เติบโตขึ้นอย่างสงบสุขสมบูรณ์ แม้แต่คนแคระเกรย์ที่โหดร้ายทารุณก็ยังไม่กล้าเข้าไปทำลายความสงบสุขภายในแผ่นดินดีพบลู จึงทำให้ดีพบลูและพื้นที่บริเวณโดยรอบกลายเป็นดินแดนที่สวยงามและเจริญรุ่งเรืองในเวลาอันรวดเร็ว และต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้ —
การบรรยายภาคประวัติศาสตร์ของวันนี้จบลงเพียงเท่านี้โดยผู้บรรยายเป็นเมจผู้เฒ่าที่มีอายุเกือบร้อยปี เวทมนต์ของเขาไม่ได้แข็งแกร่งนัก ความสามารถของเขาอยู่ในระดับ 8 ซึ่งก็ดูเหมือนจะเป็นผู้ที่อ่อนแอที่สุดที่ริชาร์ดสังเกตเห็นภายในดีพบลูแห่งนี้แล้ว ทว่าด้วยน้ำเสียงที่มีเสน่ห์และความเข้าใจในดินแดนแห่งนี้เป็นอย่างดีทำให้เขาดูทรงภูมิและสง่างาม หน้าที่ของเขานั้นเรียบง่าย มีเพียงแค่บรรยายประวัติศาสตร์ของดีพบลูให้กับอโคไลท์มือใหม่อย่างริชาร์ดฟังซึ่งสิ่งนี้ก็ดูเหมือนว่าจะสำคัญกว่ามานาและพรสวรรค์ทางเวทมนตร์ด้วย
*อโคไลท์ = ผู้ฝึกหัดเวทมนตร์
พรสวรรค์ทางเวทมนตร์จะเป็นตัวตัดสินว่าเมจผู้หนึ่งจะไปได้ไกลเพียงใดบนเส้นทางแห่งเวทมนตร์ในโลกที่ซับซ้อนนี้ ในขณะที่มานาจะพิจารณาว่าพวกเขาจะสามารถเป็นเมจได้หรือไม่
ในฐานะนักเรียนที่ชารอนรับเข้ามาเอง ริชาร์ดจึงแตกต่างจากคนอื่นๆ ดังนั้นประวัติศาสตร์ของดีพบลูที่ควรจะเรียนเพียงหนึ่งวันก็กลายเป็นขยายเวลาเรียนถึงสามวัน ความท้าทายไม่เพียงเกิดขึ้นกับริชาร์ดเท่านั้น แต่ยังถือเป็นความท้าทายของเมจเฒ่าที่จะต้องเผยแพร่ประวัติศาสตร์ของหอคอยในช่วงเวลาสามวันนี้ด้วย
ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นแต่รายละเอียดจำนวนมากก็หายไปจากเรื่องราวของเมจเฒ่า และบางส่วนนั้นก็ถูกตัดออกไปโดยเจตนา แต่ไม่ว่าอย่างไรริชาร์ดก็เลือกที่จะยอมรับและเรียนรู้จากประวัติศาสตร์ที่ได้ฟังมาพร้อมกับปะติดปะต่อเรื่องราวต่างๆเข้าด้วยกันด้วยพรแห่งสติปัญญาของเขาเอง สามวันแห่งการล้างสมองดูเหมือนจะมีประสิทธิภาพอย่างมาก เมื่อริชาร์ดได้เจอกับชารอนอีกครั้งความคิดของเขาก็เปลี่ยนไปมาก เขาไม่ได้มองว่าชารอนเป็นหญิงสาวไร้พิษภัยที่ไม่เหมาะจะเป็นถึงเลเจนดารี่เมจเหมือนวันแรกที่พบอีกต่อไป บัดนี้เกิดความคิดใหม่ขึ้นภายในใจของเขา เป็นความคิดที่นิยามหญิงสาวผู้นี้ว่าเป็น ‘ผู้หญิงที่แม้แต่คนแคระเกรย์ยังหวาดกลัว’
แน่นอนว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่เมจเฒ่าผู้นั้นจงใจให้เป็นเพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่าการสอนของตัวเองมีผลต่อนักเรียนของเขาเช่นไร ทุกคนรู้เพียงว่าริชาร์ดเป็นเด็กเงียบๆ ที่แทบจะไม่แสดงความรู้สึก ไม่เคยหัวเราะหรือร้องไห้แม้จะถูกตำหนิและถูกกลั่นแกล้งก็ตาม ใครสั่งให้เขาทำอะไรเขาก็จะรีบไปทำตามคำสั่งนั้นโดยไม่รีรอ และทุกอย่างที่เขาทำก็จะเป็นไปอย่างถูกต้องสมบูรณ์และไร้ที่ติจนแทบจะไม่มีใครดูออกเลยว่าเป็นฝีมือของเด็กอายุ 10 ปีเท่านั้น
และเนื่องจากบทเรียนประวัติศาสตร์ 3 วันของเขา อัดแน่นไปด้วยเนื้อหาที่ต้องเร่งให้จบอย่างรวดเร็วทำให้ริชาร์ดไม่ได้ออกไปสัมผัสแสงอาทิตย์ในตลอด 3 วันที่ผ่านมานี้เลย และหลังจากจบการเรียนการสอนเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ฉบับเต็มในหลักสูตรเร่งรัดแล้ว ต่อไปก็จะเป็นการทดสอบพรสวรรค์แห่งเวทย์ เขาถูกพาไปที่ห้องโถงพิเศษที่เต็มไปด้วยเครื่องมือและอุปกรณ์การเล่นแร่แปรธาตุ ในห้องนี้มีเมจอยู่ราวๆยี่สิบกว่าคน และมีผู้ทดสอบหลักซึ่งอยู่ในระดับเกรทเมจ และเมื่อริชาร์ดใช้อบิลิตี้ทรูธ เขาก็มองเห็นเป็นภาพของลูกเพลิงแห่งเวทย์ซึ่งกำลังลุกโชติช่วงซ้อนทับร่างของเกรทเมจผู้นั้น!ริชาร์ดสามารถประเมินได้ทันทีว่าชายคนนี้จะต้องเป็นเมจในระดับที่ไม่ต่ำกว่าระดับ 17 อย่างแน่นอน ซึ่งเมจในระดับนี้นั้นแข็งแกร่งเพียงพอที่จะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรอยัลเมจ*แห่งราชอาณาจักรใดสักแห่งได้เลย และบัดนี้เกรทเมจผู้นี้ก็ถูกส่งมาเพื่อทดสอบริชาร์ดโดยเฉพาะ
*รอยัลเมจ = นักเวทย์ประจำราชวงศ์
ริชาร์ดถูกถอดเสื้อผ้าออกจนหมด และถูกมัดตรึงไปกับเก้าอี้เหล็กเย็นเฉียบด้วยเชือก เกรทเมจนำเข็มคริสตัลทิ่มแทงส่วนต่างๆบนร่างกายของเขาซึ่งเป็นกระบวนการที่ทำให้เขาเกิดความเจ็บปวดอย่างรุนแรง ริชาร์ดกัดฟันอดทนต่อไปเรื่อยๆ เขารู้ว่าการทดสอบไม่ได้มีเพียงแค่นี้อย่างแน่นอน แต่เขาเองก็ยังไม่รู้เลยว่าหลังจากนี้จะต้องพบเจอกับอะไร อโคไลท์ธรรมดาที่เข้ามาทดสอบจะเพียงแค่ถูกลูกบอลเวทย์หรือคริสตัลระดับ 0 ขว้างเข้าใส่เท่านั้น แต่เมจเหล่านี้กลับทำให้การทดสอบพลังที่ธรรมดาให้กลายเป็นการทดสอบที่ยิ่งใหญ่สำหรับริชาร์ด ทุกคนดูจริงจังอย่างมาก การดำเนินการทุกอย่างเป็นไปอย่างว่องไว แต่ก็เรียบร้อยและหมดจด
การทดสอบภาคปฎิบัติยังคงดำเนินต่อไปโดยที่ริชาร์ดไม่รู้เลยว่าชารอนนั่งอยู่อีกฟากหนึ่งของกำแพงเวทมนตร์ที่ใช้กั้นห้องทดสอบและเฝ้ามองทุกสิ่งทุกอย่างอยู่บนโซฟาเนื้อดี มือข้างหนึ่งถือบันทึกของเลเจนดารี่เมจในขณะที่อีกข้างก็หยิบผลไม้ส่งเข้าปากอย่างผ่อนคลาย พลังของชารอนอยู่ในระดับสูงกว่าคนอื่นๆ ในการทดสอบครั้งนี้จึงไม่มีใครสัมผัสหรือรู้สึกได้เลยว่านางคอยจับตาดูอยู่อย่างเงียบๆ ซึ่งนั่นก็ทำให้การดำเนินการทดสอบของเกรทเมจเป็นไปอย่างราบรื่นและเต็มที่
ผู้ปกครองของดีพบลูมีเพียงหนึ่งเดียว นั่นก็คือชารอน คนอื่นๆนอกเหนือจากนางแล้วก็เหมือนเป็นเพียงคนรับใช้ แค่พวกเขาสามารถทำให้ชารอนพึงพอใจและมีความสุขได้เหล่าเมจก็จะได้รับการปฎิบัติที่ดีขึ้น
เมจคนหนึ่งเดินเข้ามาที่ตัวของริชาร์ดพร้อมกับวางโถแก้วไว้ใต้จมูกของเขาและสั่งให้เขาสูดดมละอองที่อยู่ภายในเข้าไป หลังจากนั้นเพียงครู่เดียวสติของริชาร์ดก็ค่อยๆเลือนลางลงแต่เขาก็ยังสามารถรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวได้อยู่ ทุกส่วนของร่างกายเกิดความรู้สึกแปลกประหลาดมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากนั้นเพียงครู่เดียวริชาร์ดก็ได้ยินเสียงเบาๆที่ไม่ชัดเจนนักว่า
“ความสอดข้องกันของธาตุ : — ระดับสูง —
ธาตุที่โดดเด่น : — ไฟ เงา และศักดิ์สิทธิ์ —
ธาตุโดยกำเนิด : — ไม่มี — ”
ทันใดนั้น ความเจ็บปวดที่สุดแสนจะทรมานก็พุ่งเข้าใส่ร่างของริชาร์ดอีกครั้งซึ่งมันมีวัตถุประสงค์เพื่อทดสอบความอดทนต่อธาตุ ซึ่งจะวัดจากความสามารถในการต้านทานเวทย์ของเขา หลังจากนั้นก็เกิดเสียงเดิมดังขึ้นประกาศผลของการต้านทานเวทย์ที่อยู่ใน –‘ระดับดี’– ออกมา
และไม่กี่อึดใจต่อจากนั้นริชาร์ดก็รู้สึกถึงเข็มที่ทิ่มแทงร่างกายอีกครั้ง แม้ว่าเขาจะยังมีอาการเบลอจากสิ่งที่สูดดมเข้าไปอยู่ แต่ความเจ็บปวดทรมานที่ได้รับก็ทำให้ไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไปแล้ว ทว่าเพราะร่างกายของเขาถูกมัดเอาไว้แน่นจึงทำให้เขาไม่มีทางหลบเลี่ยงจากสิ่งที่ทิ่มแทงร่างกายไปได้เลย
“พลังจิต : — ยอดเยี่ยมเกือบถึงระดับอัจฉริยะ –” ริชาร์ดผ่อนลมหายใจอย่างแรง ความเจ็บปวดคลายลงเมื่อได้ยินผลที่ประกาศออกมาซึ่งผลลัพธ์ครั้งนี้ของเขาดูเหมือนจะดูดีมากทีเดียว
ในการทดสอบร่างกายทุกส่วนของเขาอย่างละเอียดนี้ มีการตรวจสอบถึงอวัยวะเพศของเขาด้วยเช่นกันเพราะมันจะเป็นอีกส่วนหนึ่งที่จะได้ใช้ในภายภาคหน้า ซึ่งผลการประเมินออกมาว่า –มันมีศักยภาพที่โดดเด่น– และดูเหมือนว่าส่วนนี้ของร่างกายจะมีผลประเมินที่สูงกว่าพลังเวทย์ของเขาเสียด้วยซ้ำ การทดสอบนี้กินเวลายาวนานกว่าสามชั่วโมง และในที่สุดผลลัพธ์ต่างๆก็ถูกบันทึกลงในรายงานกว่ายี่สิบหน้าเรียบร้อยแล้ว
ในช่วงเวลาระหว่างการทดสอบของริชาร์ด ชารอนอ่านบันทึกจบไปสองเล่มรวมถึงได้ลองทดสอบแนวคิดของเวทมนต์ใหม่ และในขณะที่นางทดสอบอยู่นั้นผลไม้ที่ถูกจัดไว้ก็หมดไปกว่าสิบกิโลด้วย แต่ไม่ว่าอย่างไร กิจกรรมของชารอนก็ไม่ได้ทำให้นางละสายตาจากการทดสอบของริชาร์ดที่นางเฝ้าดูอยู่เลยแม้แต่วินาทีเดียว
เมื่อสติของริชาร์ดฟื้นคืนมาอย่างสมบูรณ์ เขาก็ได้รับแจ้งผลประกาศว่า — เขามีผลพรสวรรค์ทางด้านเวทมนตร์ที่ยอดเยี่ยม แต่ยังไม่มีลักษณะเด่นพิเศษปรากฎ ในขณะเดียวกันเขาก็มีคุณสมบัติด้านการเป็นไฟเตอร์*ที่โดดเด่นด้วย หากเขาอยากจะเดินทางไปในเส้นทางแห่งไฟเตอร์ เขาก็สามารถที่จะเลื่อนระดับเข้าไปจนถึงระดับที่ 11 หรือ 12 ได้อย่างง่ายดาย —
*ไฟเตอร์ = คลาสนักสู้ เช่น วอริเออร์ , ไนท์ , แอสซาซิน และอื่นๆ
ผลการทดสอบที่ออกมาอย่างดีเยี่ยมนี้ทำให้ริชาร์ดรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก เขารู้สึกผ่อนคลายลงหลังจากต้องพบเจอกับความทรมานมาเป็นเวลานานซึ่งทำให้ร่างกายของเขาทรุดโทรม และสูญเสียพละกำลังไปอย่างมาก ในที่สุดเขาก็ถูกนำตัวไปพักผ่อนเสียที ‘เหนือกว่าระดับยอดเยี่ยมคงจะมีอีกระดับสินะ?’ ริชาร์ดไตร่ตรองในใจ เขาคิดว่าผู้ที่จะได้รับอันดับที่เหลือน่าจะอยู่ต้องมีความสามารถที่หายากมากหรือมีเงื่อนไขพิเศษบางอย่างเท่านั้น ทว่าเด็กน้อยกลับไม่รู้เลยว่าอันดับที่เหลือที่เหนือจากระดับยอดเยี่ยมที่เขาได้รับ ยังมีอีกถึง 5 ระดับ ซึ่งก็คือ : อัจฉริยะ โดดเด่น ตำนาน พิเศษ และชารอน