นครแห่งบาป City of Sin - ตอนที่ 79 การเชื้อเชิญ ตอนที่ 1
ไม่นานนัก เด็กสาวทั้งสองก็เริ่มต่อสู้เพื่อแย่งชิงริชาร์ดอย่างเปิดเผย แม้ว่ามีเพียงทายาทที่มีความสามารถมากกว่าเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์เลือกคู่ครองได้ แต่ถ้าหากมีความสมัครใจกันทั้งสองฝ่าย การเลือกครั้งนั้นก็จะได้รับการอนุญาต เว้นเสียแต่ว่าจะมีใครอีกคนที่มีสิทธิ์เช่นกันเข้ามาขัดขวาง การจับคู่นั้นก็อาจไม่เป็นผล แต่ยังไงซะเหล่าทายาทที่มีสิทธิ์เช่นนั้นก็มีอยู่ไม่มากนัก
นี่เป็นจริงอย่างยิ่งสำหรับคนที่มีสิทธิ์เลือกคู่ครองได้มากกว่า 1 คน ถึงแม้ว่าเวนนิงตัน เดมี่ และเวนิก้าจะสามารถเลือกได้ถึง 2 ตัวเลือกเนื่องจากพรสวรรค์ที่พวกเขามีรวมถึงอิทธิพลของพ่อแม่ของพวกเขา แต่การตัดสินใจก็ยังต้องขึ้นอยู่กับคนในตระกูลที่มีอำนาจเหนือกว่า ริชาร์ดเป็นเพียงคนเดียวในที่นี้ที่มีสิทธิพิเศษในการเลือกคู่ครองอย่างสมบูรณ์ เขาสามารถเลือกใครก็ได้ตามที่เขาปรารถนา หากเขาเลือกใครสักคนอย่างเช่นเวนิก้า สิทธิ์ของนางจะถูกระงับไปโดยอัตโนมัติ สถานะของเขานั้นยิ่งใหญ่พอที่จะทำให้เขามีสิทธิ์มองข้ามกฎในตระกูลนี้ไปได้เลย
ขณะที่ริชาร์ดจมอยู่กับความคิดมากมายนั้น เขามองเห็นเดมี่ปลีกตัวออกมาจากกลุ่มคน และจู่ ๆ นางก็เดินตรงมาที่เขา
“ข้าเดมี่ จะนับว่าเป็นน้องสาวเจ้าก็ได้”
“ริชาร์ด”
ส่วนสูงของเดมี่เกือบเท่ากับริชาร์ด เส้นผมสีแดงเข้มของนางถูกม้วนขึ้น นางมีเปลวไฟที่ลุกโชติช่วงอยู่ในม่านตาซึ่งเป็นสัญญาณของสายเลือดที่ถูกปลุกขึ้นมาแล้ว การที่อาเครอนจะกระตุ้นสายเลือดขึ้นมาได้เมื่อมีอายุเพียง 15 ปีนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
เดมีเต็มไปด้วยความงดงามทว่านางมีท่าทีเย่อหยิ่ง แต่ถึงอย่างไรท่าทางเย่อหยิ่งที่นางมีนั้นก็เพิ่มเสน่ห์ให้กับรูปร่างของนาง และความเย่อหยิ่งนั้นก็ใช่ว่าจะไม่เป็นความจริงเพราะนางมีพลังอันยิ่งใหญ่ นางไม่ได้เป็นเพียงเมจระดับ 10 ธรรมดา ๆ ทว่าเป็นถึงเคิร์สมาสเตอร์* ซึ่งพบได้ยากมาก
*เคิร์สมาสเตอร์ = ผู้ใช้มนตร์ดำซึ่งเป็นหนึ่งในสาขาของเมจ
ผู้ใช้มนตร์ดำก็เป็นสาขาหนึ่งของเมจ เคิร์สมาสเตอร์จะอ่อนแอในช่วงเริ่มต้นของการฝึกของพวกเขา ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ และเมื่อผ่านระดับ 10 พวกเขาก็จะสามารถเทียบเท่ากับเมจที่มีระดับเดียวกันได้อย่างง่ายดาย อบิลิตี้ที่ดีที่สุดของพวกเขาคือการลดพลังของคู่ต่อสู้และทำให้คู่ต่อสู้เสียสมาธิ ใครก็ตามที่ได้ดวลกับเคิร์สมาสเตอร์จะต้องปวดหัวหากไม่มีมานาที่แข็งแกร่งสำรองไว้มากพอ สำหรับเคิร์สมาสเตอร์นั้น แค่ระดับ 10 ก็สามารถที่จะปล่อยการโจมตีแบบกลุ่มได้แล้ว ซึ่งนั่นแสดงให้เห็นถึงความน่ากลัวอย่างแท้จริงของพวกเขาในสนามรบ
เดมี่มองเข้าไปในดวงตาของริชาร์ดในขณะที่นางกำลังยืนอยู่ใกล้กับเขา นางยืนใกล้มากซะจนหน้าอกของนางเกือบจะชนเขาอยู่แล้ว หน้าอกของนางกำลังขยับขึ้นลงตามจังหวะการหายใจและมันยังสัมผัสมาโดนตัวเขาเป็นครั้งคราวด้วย !
นางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบห้าวเล็กน้อย “ริชาร์ด ข้าได้ติดตามท่านพ่อในการต่อสู้บนเพลนมาเป็นปีแล้ว และตอนนี้ข้าก็เป็นเมจที่มีคุณสมบัติเหมาะสมในกองทัพ เจ้าน่าจะรู้ความแข็งแกร่งของข้าได้จากประวัติที่เจ้าได้รับไปแล้ว” นางพูดอย่างภาคภูมิใจ
ริชาร์ดอึ้งไปกับคำพูดนั้น ‘นางตามกาตอนไปในการต่อบนสู้เพลนตั้งแต่อายุน้อยแค่นี้น่ะหรือ ?’ สนามรบของจริงนั้นคาดเดาได้ยากและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลากองทัพที่แข็งแกร่งอาจสูญเสียสมาธิจากการต้องคอยปกป้องนางได้ เพราะเหล่าเมจมักจะตกเป็นเป้าหมายแรก ๆ ของสงครามรองจากเคลริค
ในตอนนั้นเองเขาก็ได้เข้าใจความหยิ่งยโสของเดมี่อย่างชัดเจน หญิงสาวคนนี้เต็มไปด้วยศักยภาพมากมายและนางก็ดูดุร้ายมากซึ่งสมกับที่เป็นอาเครอนอย่างแท้จริง
เขาสังเกตนางอย่างรอบคอบตามนิสัยของเขา ทว่าพวกเขาอยู่ใกล้ชิดกันเกินไป เขาจึงไม่สามารถสามารถสังเกตได้ทั่วทั้งร่างกาย เมื่อเขามองลงต่ำ สายตาของเขามันจะตรงกับตำแหน่งหน้าอกของนางพอดี ข้อมูลตัวเลขก็โดดเด่นมากขึ้ซึ่งเขาก็ได้จำแนกพวกมันเป็นระดับ 1–7 ตามนิสัยของรูนมาสเตอร์
หน้าอกของเดมี่นั้นอยู่ระดับ 4 อย่างไม่ต้องสงสัย ในขณะที่เวนิก้าอยู่เกือบระดับ 5 ส่วนระดับ 6 และ 7 นั้น หากว่ามันไม่ได้มีอยู่แค่ในตำนานเหมือนกับรูนที่มีระดับเดียวกัน เขาก็ยังไม่เคยเจอมาก่อน
อย่างไรก็ตาม เขารับรู้ได้ทันทีว่าปัญหากำลังจะมาถึงตัวเมื่อเดมี่เข้ามาใกล้ เขาหยุดความคิดประหลาดเหล่านั้นทั้งหมดและตอบนางไปอย่างสุภาพ “ใช่ ข้าค่อนข้างแปลกใจตอนอ่านข้อมูลของเจ้า แน่นอนว่าเคิร์สมาสเตอร์นั้นหาได้ยาก และหากไม่มีพรสวรรค์มันก็ยากที่จะนำพลังที่แท้จริงของคาถาออกมาได้ แต่ขอโทษด้วย หากข้าเดาไม่ผิด เจ้าได้ปลุกอบิลิตี้ทางสายเลือดขึ้นมาแล้วใช่หรือไม่ ?”
“ใช่แล้ว อบิลิตี้ทางสายเลือดของข้าช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับคาถาของข้า” เดมี่ตอบด้วยความภาคภูมิใจ
เป็นอีกครั้งที่เขารู้สึกประหลาดใจ เขาเริ่มประเมินหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้ง ในโลกนี้สายเลือดจะถูกแบ่งเป็นระดับเช่นเดียวกันกับอบิลิตี้ทางสายเลือดที่พวกเขาได้รับ การแบ่งประเภทสายเลือดที่แตกต่างกันในนัวแลนด์มีอยู่ 4 ประเภท — สายเลือดระดับต่ำ, สายเลือดระดับกลาง, สายเลือดระดับสูง และสายเลือดระดับตำนาน การจัดหมวดหมู่จะขึ้นอยู่กับระดับและจำนวนของพลังที่สายเลือดนั้นสามารถมีได้ สายเลือดระดับต่ำมีโอกาสได้รับเพียงไม่เกิน 3 อบิลิตี้เท่านั้น แต่ยิ่งระดับสายเลือดต่ำพวกเขาก็จะยิ่งปลุกพลังทางสายเลือดขึ้นมาได้ง่ายกว่า สายเลือดระดับกลางนั้นสามารถมีอบิลิตี้ได้ระหว่าง 3-10 ประเภท ในขณะที่สายเลือดระดับสูงก็จะมีโอกาสปลุกอบิลิตี้ได้หลากหลายประเภทมากขึ้นไปอีก ส่วนสายเลือดระดับตำนานนั้น พวกเขามาจากสิ่งมีชีวิตโบราณที่น่ากลัว แต่โอกาสของการปลุกสายเลือดประเภทนี้อยู่ในระดับที่ต่ำพอ ๆ กับการพัฒนาไปให้ถึงระดับเลเจนดารี่ อย่างน้อยในสหพันธ์ศักดิ์สิทธิ์นี้ก็ไม่มีตระกูลใดเลยที่มีสายเลือดในตำนานแบบนั้น
โดยปกติแล้ว 1 คนจะสามารถปลุกอบิลิตี้ทางสายเลือดออกมาได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น บางคนที่โชคดีก็อาจมีได้ 2–3 อบิลิตี้ ทว่าล้วนเกิดมาในสายเลือดที่มีระดับต่ำเช่นเดียวกัน ยิ่งสายเลือดมีระดับสูงมากขึ้น โอกาสที่จะกระตุ้นอบิลิตี้ได้ก็จะมีน้อยลง ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่สอดคล้องกับกฎของเพลนที่เกี่ยวกับพีระมิดของการอยู่รอด
อบิลิตี้ทางสายเลือดในนัวแลนด์แบ่งออกเป็น 7 ระดับเช่นเดียวกับการแบ่งประเภทของรูน พวกมันถูกเรียงอันดับกันตามพลังและจำนวนของการใช้งาน ระดับ 6 และ 7 นั้นเรียกได้ว่ามีอยู่แค่ในตำนานเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่นเออรัพชั่นของริชาร์ดซึ่งเป็นอบิลิตี้ที่มีรูปแบบเรียบง่าย มันสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งและความว่องไวได้ตั้งแต่ครึ่งเท่าไปจนถึง 1 เท่า ปกติแล้วเออรัพชั่นจะเป็นเพียงระดับ 1 เท่านั้น แต่ในกรณีของริชาร์ด มันแข็งแกร่งมากพอที่จะเป็นระดับ 2 ได้เลย
สำหรับอบิลิตี้ที่มีความสามารถพิเศษจะหาได้ยากยิ่งขึ้น เช่น อบิลิตี้ที่สามารถเพิ่มผลของคาถาได้อย่างของเดมี่ มันถือเป็นอบิลิตี้ระดับ 3 มีอบิลิตี้พิเศษหลายอย่างที่คล้ายกันในประเภทนี้้อย่างเช่นอบิลิตี้ที่เพิ่มพลังทำลายของเวทมนตร์ เพิ่มการทะลุทะลวงของเวทมนตร์ เร่งความเร็วของการร่ายคาถา และอื่น ๆ อีกมาก อบิลิตี้พิเศษที่ดีที่สุดคือการทะลวง มันสามารถลดการต้านทานเวทมนตร์ของฝ่ายตรงข้ามได้ แต่อบิลิตี้พิเศษที่เพิ่มพลังทำลายของเวทมนตร์ก็ถือว่าดีไม่ต่างกัน สำหรับอบิลิตี้พิเศษอื่น ๆ เช่นการร่ายคาถาอย่างเงียบเชียบและการร่ายไร้เวลานั้นถูกจัดว่าหายากในระดับ 4 และ 5
ส่วนอบิลิตี้ที่ถือว่าเป็นพลังพิเศษเป็นสิ่งพบได้ยากที่สุดเพราะมันแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ส่วนใหญ่จะอยู่ในระดับ 4 ขึ้นไป ตัวอย่างอบิลิตี้พิเศษนี้ก็เช่นเกรทเทอร์ซัมมอนนิ่งของชารอนที่ช่วยเพิ่มความสามารถให้กับคาถาอัญเชิญของนางและมากพอที่จะเพิ่มพลังให้นางได้ถึง 1 หรือ 2 ระดับ ซึ่งอบิลิตี้นี้ใกล้เคียงกับอบิลิตี้ระดับ 6 มาก
อย่างไรก็ตามเมื่อเปรียบเทียบกับคนหลายพันล้านคนในนัวแลนด์แล้ว ตระกูลที่มีสายเลือดพิเศษนั้นมีอยู่น้อยกว่า 10 ตระกูล นอกจากนี้ การมีสายเลือดที่ทรงพลังก็ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถปลุกสายเลือดนั้นขึ้นมาได้ ยกตัวอย่างตระกูลอาเครอน หลายศตวรรษของการดำรงอยู่ของพวกเขามีหลุมศพไม่ถึง 1,000 หลุมที่สามารถไปอยู่ในสุสานของตระกูลได้ นี่แสดงให้เห็นว่าการที่จะกระตุ้นสายเลือดขึ้นมาได้ถือเป็นเรื่องที่ยากยิ่ง อย่างไรก็ตาม นั่นทำให้ตระกูลที่มีสายเลือดพิเศษเหนือกว่าตระกูลอื่น ๆ อย่างชัดเจน แม้ว่าตระกูลอาเครอนจะประสบกับความยากลำบากในการปลุกสายเลือดขึ้นมา แต่พวกเขาก็ยังถือว่าประสบความสำเร็จมากในเวลาเพียงไม่กี่ศตวรรษในแง่ของการดำรงอยู่
แต่ถึงอย่างนั้น สายเลือดก็ไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่าง ถึงแม้ว่าจะมีอบิลิตี้ทางสายเลือดที่ดีที่สุดเช่นเกรทเทอร์ซัมมอนนิ่ง แต่หากไม่ระวัง เมจระดับ 10 ที่มีอบิลิตี้ที่ว่านี้ก็จะถูกวอริเออร์ระดับ 15 ฆ่าได้อย่างง่ายดาย และถึงแม้จะสามารถเรียกหมียักษ์ระดับ 7 ได้แทนที่จะเป็นหมูป่าระดับ 5 หรือต่อให้เรียกออกมาได้หลายตัว วอริเออร์ก็ยังสามารถจัดการกับพวกมันได้ในพริบตาอยู่ดี