นครแห่งบาป City of Sin - ตอนที่ 76 งานเลี้ยง ตอนที่ 1
วันทั้งวันได้ผ่านไปจนนาฬิกาเวทมนตร์บอกเวลาในยามค่ำคืน และในเวลานี้เฟาสต์ก็ได้ถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมิดซึ่งเป็นสัญญาณบอกถึงช่วงราตรี ยามราตรีในเมืองแห่งตำนานไม่ได้มีเพียงสีดำและสีขาวเหมือนที่อื่น ๆ ทว่ามันกลับเต็มไปด้วยแสงสว่างและสีสันมากมาย ดวงจันทร์ดวงที่ 4 และดวงที่ 5 ลอยประดับอยู่บนฟากฟ้าในค่ำคืนนี้ แสงสีฟ้าละมุนและสีม่วงได้รวมเข้าด้วยกันซึ่งมันเปล่งแสงออกมาได้อย่างน่าประทับใจ
หากมีใครสักคนที่เดินออกมาจากทางเดินของเฟาสต์แล้วมองขึ้นไปบนท้องฟ้าในยามค่ำคืนของที่ราบนิรันดรก็จะเห็นว่าพระจันทร์ทั้งสองอยู่ห่างไกลออกไปมาก บางทีอาจจะเป็นเพราะระยะทางจึงทำให้สีของแสงจันทร์ไม่สามารถสาดส่องไปในระยะไกลได้จนทำให้นัวแลนด์ยังคงมีแสงสีขาวและดำอยู่เช่นนั้น
เส้นของแสงแขวนอยู่เหนือศีรษะ มันค่อย ๆ หมุนรอบตัวเองอย่างช้า ๆ ไปตามวงโคจรที่มหัศจรรย์ของพวกมัน ดวงจันทร์ทั้ง 7 โคจรในรูปแบบที่แน่นอน ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่สามารถเข้าใจถึงความลับที่อยู่เบื้องหลังของพระจันทร์สีรุ้งได้ แม้แต่ตอนที่พวกเขาได้มีโอกาสเข้ามาอยู่ภายในเฟาสต์แห่งนี้แล้วก็ตาม ในค่ำคืนนี้ท้องฟ้าได้ถูกครอบครองโดยดวงจันทร์สีฟ้าและสีม่วง เมื่อจันทร์ทั้งสองสีได้ผสานเข้าด้วยกันมันก็เกิดเป็นสีรุ้งสลัว ๆ ที่น่าอัศจรรย์ใจ แต่อย่างไรก็ตาม โกลด์มูน (จันทราสีทอง) ก็ยังคงเป็นดวงจันทร์ที่มีความมืดหม่นที่สุดในบรรดาดวงจันทร์ทั้งหมด ซึ่งมันจะเป็นเช่นนี้ตลอดทั้งปี มีเพียงไม่กี่วันเท่านั้นที่จะสามารถมองเห็นการปรากฏตัวของดวงจันทร์ดวงนี้ได้ ทว่าช่างน่าเสียดายที่มันไม่ชัดเจนจนยากที่จะเห็นได้ด้วยตาเปล่า
การที่เฟาสต์ถูกรายล้อมไปด้วยก้อนเมฆและวงเวทย์ขนาดใหญ่หลายชั้นนั้นก็เพื่อที่จะทำให้เมืองมีช่วงฤดูที่มีความอบอุ่นตลอดทั้งปีอยู่เสมอ ซึ่งความอบอุ่นภายในนี้ทำให้คนที่อยู่ข้างในไม่ต้องกังวลถึงความหนาวเหน็บของที่ราบนิรันดร เส้นแสงแห่งเวทมนตร์ที่เป็นเหมือนกับด้ายที่เกิดขึ้นภายในหมอกสามารถมองเห็นได้ และเมื่อรวมกับเมฆหลากสีสัน มันก็เป็นเหมือนดั่งรุ้งที่สวยงาม เป็นเพราะสิ่งนี้จึงทำให้เฟาสต์ในยามราตรีแพรวพราวกว่าที่อื่น ๆ
เกาะสูงที่อยู่ด้านบนลอยวนไปมาด้วยความนิ่งและเงียบ ทว่าชั้น 6 และชั้น 7 ในตอนนี้กลับกำลังมีกิจกรรมที่คึกคักเกิดขึ้น ทุก ๆ ตึกเต็มไปด้วยแสงไฟที่สว่างไสวซึ่งแสดงให้เห็นว่านี่เป็นสถานที่ที่ครอบครัวผู้ทรงอำนาจสูงสุดของสหพันธ์ศักดิ์สิทธิ์ได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง ภายในงานมักจะเกิดข้อเสนอจำนวนนับไม่ถ้วนขึ้นในทุก ๆ นาที และการแลกเปลี่ยนเหล่านี้ก็มักจะเกิดขึ้นภายในห้องส่วนตัวหรือห้องงานเลี้ยงที่จัดขึ้น ดังนั้นในทุก ๆ เกาะจึงมีห้องส่วนตัวจำนวนมากมายเพื่อรองรับผู้คนที่ต้องการใช้มันเพื่อพูดคุยเรื่องส่วนตัวของพวกเขา ภายในงานเลี้ยงแต่ละคืนมีวัตถุประสงค์ของงานที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งในยามราตรีก็มักจะเป็นงานที่ถูกจัดขึ้นโดยตระกูลอาเครอน
งานเลี้ยงในค่ำคืนนี้ไม่ได้ใหญ่โตเท่าไหร่นัก มันถูกจัดขึ้นภายในหอคอยที่อยู่ด้านนอกของปราสาทซึ่งอยู่ติดกับขอบเกาะของพวกเขา
อาคาร 3 ชั้นถูกออกแบบมาสำหรับงานปาร์ตี้หรืองานชุมนุมขนาดใหญ่โดยเฉพาะ ด้านนอกตึกมีการสร้างสวนไว้ตามประเพณีของชนชั้นสูง ปีกทางตอนเหนือของตึกชั้นแรกและชั้น 2 เป็นห้องอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ที่มีความสำคัญ มันถูกแบ่งออกเป็นพื้นที่ขนาดเล็กหลายห้องเพื่อให้พวกเขาได้ทำกิจกรรมตามที่ต้องการ และในส่วนปีกทางตอนใต้เป็นห้องขนาดใหญ่โต ครึ่งหนึ่งของชั้น 3 เป็นระเบียงที่หันหน้าเข้าหาเกาะ ส่วนหลังคานั้นถูกออกแบบให้เป็นเหมือนกับจุดชมวิวเพื่อให้ผู้ที่เข้าร่วมสามารถเพลิดเพลินไปกับมุมมองของเกาะลอยอื่น ๆ ได้
พื้นที่ทั้งหมดในปีกด้านเหนือขณะนี้ได้รวมกันเป็น 1 ห้องโถง สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความสว่างไสว มีโต๊ะยาวซึ่งมีอาหารเรียงรายละลานตาอยู่เต็มโต๊ะ เหล่าเมดและทาสต่างพากันบริการรินไวน์ให้กับผู้เข้าร่วมอย่างต่อเนื่องก่อนที่จะเก็บแก้วไวน์ที่ถูกดื่มหมดแล้วออกไป
ภายในนี้มีการแสดงวงดนตรีที่ร้อนแรงอยู่ตรงมุมห้องโถง เสียงดนตรีของมันไม่ได้ไพเราะอย่างที่มันควรจะเป็นเท่าไหร่นัก ทว่าแขกที่เข้ามาในที่แห่งนี้ต่างก็ไม่ได้สนใจกับเสียงดนตรีหรือไวน์ชั้นเยี่ยมในมือของพวกเขาเท่าไหร่อยู่แล้ว เพราะในเวลานี้ทุกคนต่างให้ความสำคัญกับการพูดคุยกับผู้ที่มาร่วมงานเพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมากกว่า
ห้องขนาดใหญ่จำนวน 8 ห้องถูกเปิดไว้เพื่อให้เชื่อมต่อมายังด้านนอกของห้องโถงไปจนถึงชั้น 2 พื้นที่ส่วนตัวเหล่านี้ถูกจัดขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับคนที่ต้องการจะพูดคุยหรือแลกเปลี่ยนกันเป็นการส่วนตัวกับคนที่ต้องการจะสนทนาด้วย แต่บางคนก็เลือกที่จะไปยังสวนด้านหลังที่เต็มไปด้วยหญ้าเขียวชอุ่มดูสบายตา แม้ว่าสถานที่เช่นนี้จะมีโอกาสที่อาจจะถูกคนอื่นเห็นได้ง่ายที่สุด แต่มันก็เป็นสถานที่ที่ดูน่าตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นคนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้สนใจอะไรหากพวกเขาจะถูกจับตามอง
งานเลี้ยงในค่ำคืนนี้ถูกจัดขึ้นสำหรับหนุ่มสาวอาเครอน ในเวลานี้กาตอนและเหล่าไนท์ข้างกายของเขาอีก 13 คนไม่ได้ปรากฏตัวขึ้นภายในที่แห่งนี้แต่อย่างใด เหล่าหนุ่มสาวต่างพากันเกาะกลุ่มคุยกันเป็นกลุ่มย่อย ๆ ประมาณ 2–3 คนเพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนพร้อมทั้งทานอาหารและดื่มไวน์กันอย่างเพลิดเพลิน พวกเขาเลือกที่จะพูดคุยกันเพียงแค่บางส่วนเท่านั้น ทว่าหากมีเรื่องอื่นที่ต้องการจะคุยกันเป็นการส่วนตัว พวกเขาก็จะไปยังห้องที่ถูกจัดเตรียมไว้หรืออาจจะเป็นห้องส่วนตัวอื่น ๆ เพื่อกระทำ ‘บางอย่าง’ ด้วยกันต่อไป
มีตระกูลมากกว่า 14 ตระกูลภายในเฟาสต์ที่ลงหลักปักฐานอยู่ในเมืองหลักแห่งนี้ ตระกูลทั้ง 14 เป็นผู้อาศัยที่อยู่ภายในหมู่เกาะลอยฟ้า คนเหล่านี้ถูกจัดว่าอยู่ในตระกูลขุนนางที่แท้จริง พวกเขามีสิทธิพิเศษเหนือกว่าตระกูลอื่น ๆ แม้ว่าอาเครอนจะถูกบางตระกูลมองว่าเป็นเพียงแค่ตระกูลหน้าใหม่ของเฟาสต์ ทว่าสถานะที่สูงส่งของพวกเขาก็ทำให้อาเครอนเลือกที่จะส่งบัตรเชิญให้กับคนเหล่านั้นเพื่อให้มาเข้าร่วมงานสังสรรค์ของตระกูลของพวกเขาในครั้งนี้ ทุกตระกูลภายในเฟาสต์ต่างเห็นถึงความสามารถของอาเครอนที่โดดเด่นโดยเฉพาะหลังจากที่กาตอนสามารถเอาชนะเกาะที่ 7 และเกาะที่ 3 ของชั้นที่ 7 ได้เพียงลำพัง
พวกเขาได้ใช้จ่ายเงินไปจำนวนมากสำหรับแผนการของพวกเขาที่วางไว้เพื่อหยุดยั้งการเติบโตของอาเครอน และพยายามไม่ให้อาเครอนเข้ามาในเฟาสต์ แต่ตระกูลเก่าแก่ก็เกิดการแยกออกจากกันมากขึ้น หลายกลุ่มเลือกที่จะเข้ามาหากาตอนและพยายามสานสัมพันธไมตรีกับเขาโดยการให้เขาช่วยโจมตีฝ่ายที่เป็นคู่อริ
เพียงหลังจากที่กาตอนตั้งหลักปักฐานภายในเฟาสต์ได้สำเร็จ อาเครอนก็ได้ประกาศตัวขึ้นอย่างโดดเด่นภายในพื้นที่แห่งนี้ คนของตระกูลอาเครอนหลายคนที่ออกเดินทางก็ส่งลูกหลานของพวกเขามายังเฟาสต์เช่นกันเพื่อเป็นการสร้างโอกาสให้สามารถขยายขอบเขตอันไกลโพ้นของพวกเขาได้ รวมถึงยังสามารถทำให้พวกเขาปลอดภัยและสร้างโอกาสให้พวกเขามากขึ้นในการพัฒนาตนเอง ยิ่งไปกว่านั้นนี่ถือเป็นโอกาสที่ดีที่พวกเขาจะได้เลือกคู่ครองอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ยินดีที่จะส่งลูกหลานของตนเองมายังที่นี่ก็ไม่ได้โดดเด่นเท่าไหร่นักบนแผ่นดินหลัก ในความเป็นจริงแล้วคนเหล่านี้ก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับกาตอนเท่าไหร่ด้วย ทว่าอาเครอนบางคนต่างมีความทะเยอทะยานที่จะเร่งตัวเองให้พัฒนามากขึ้นเพื่อให้สามารถมาแทนที่กาตอนได้ในภายภาคหน้า
ภายในห้องโถงแห่งนี้มีหนุ่มสาวอาเครอนกว่า 10 คน ทว่ากลับไม่มีริชาร์ดรวมอยู่ด้วย ในเวลานี้เขาเลือกที่จะพาตัวเองไปอยู่ที่ห้องโถงขนาดเล็กชั้นบนสุดของงานเลี้ยง
ห้องโถงที่จัดงานนี้มีการตกแต่งอย่างเป็นเอกลักษณ์ พื้นและฝาผนังของห้องถูกตกแต่งด้วยลาวาของภูเขาไฟ ในขณะที่แสงไฟภายในห้องนั้นมาจากคบเพลิงบนฝาผนัง การตกแต่งภายในนี้ทำมาจากโลหะและแร่ทั้งหมด ภาพแขวนและผ้าม่านที่เหล่าขุนนางมักใช้กันก็ปรากฏให้เห็นอยู่ภายในห้องนี้เช่นกัน นอกจากการตกแต่งแล้ว ภายในห้องยังเต็มไปด้วยความร้อนระอุอีกทั้งยังคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นกำมะถันลอยอยู่ในอากาศอย่างน่าพิศวง ผู้ที่เข้ามาต่างก็มีความรู้สึกราวกับกำลังอยู่ในสภาพแวดล้อมของภูเขาไฟซึ่งเป็นสุสานของตระกูล
นอกเหนือจากริชาร์ดแล้วยังมีชายหนุ่ม 4 คนและหญิงสาวอีก 9 คนที่ยืนอยู่ในห้องนี้ คนเหล่านี้มีอายุประมาณ 13–18 ปี พวกเขายืนจับกลุ่มออกเป็น 3 กลุ่มย่อย และกำลังพูดคุยกันราวกับว่าคุ้นเคยกันมาเป็นอย่างดี น้องชายต่างแม่ของริชาร์ด 2 คนรวมถึงน้องสาวอีก 3 คนของเขาก็อยู่ในห้องนี้ด้วย ในเวลานี้พวกเขากำลังจับกลุ่มคุยกับคนภายในตระกูลของพวกเขาอย่างสนุกสนาน ทว่าภายในกลุ่มคนเหล่านั้นกลับยังไม่มีใครที่มีคู่ครองเป็นของตนเองแม้แต่คนเดียว ดูเหมือนว่างานเลี้ยงครั้งนี้จะสร้างโอกาสในเรื่องนี้ให้กับพวกเขาอยู่ไม่น้อย
เหล่าหนุ่มสาวต่างพากันพูดคุยถึงหัวข้อของสงครามและเรื่องเพศกันอย่างไม่หยุดปาก ในเวลานี้นอกจากริชาร์ดแล้ว ลูกชายของกาตอนไม่ว่าจะเป็นวอร์เรน เวนนิงตัน หรือลูกสาวอย่าง เวนิก้าและเดมี่เองต่างก็มีสิทธิ์ที่จะเลือกคู่ครองตามข้อปฏิบัติเช่นกัน ทว่าการเลือกคู่ครองของพวกเขาก็ยังต้องเป็นไปตามขอบเขตที่ถูกวางไว้ เพราะหากพวกเขาเห็นใครบางคนที่พวกเขาชอบ พวกเขาจะต้องแจ้งให้ครอบครัวระดับสูงของพวกเขาทราบเรื่องเสียก่อน ซึ่งคนเหล่านั้นจะเป็นผู้ตัดสินว่าการจับคู่นั้นจะได้รับอนุญาตหรือไม่
ทว่าสำหรับริชาร์ดที่ยืนอยู่ตรงมุมห้องต่างจากคนอื่น เขาสามารถเลือกคู่ครองของเขาได้เองตามที่ใจของเขาต้องการ ดังนั้นเขาจึงกลายเป็นบุคคลที่ได้รับสิทธิพิเศษมากที่สุดภายในนี้ แต่เขาก็ไม่ใช่คนเดียวที่ปลีกตัวออกมาจากฝูงชน ยังมีใครอีกคนหนึ่งด้วยจึงทำให้ตอนนี้เขาเป็นเพียง 1 ใน 2 คนที่ปลีกตัวจากคนอื่น ๆ ที่อยู่ภายใน
ทว่านอกจากเขา ยังมีใครที่ปลีกตัวออกจากฝูงชนอีกล่ะ !? คนผู้นั้นก็คือเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูบอบบางและอ่อนแอ นางกำลังนั่งอย่างเงียบ ๆ อยู่ที่โซฟามุมห้องเพียงคนเดียว…