นครแห่งบาป City of Sin - ตอนที่ 72 ความปรารถนา
ริชาร์ดคิดไม่ถึงเลยว่าภูเขาไฟที่อยู่ตรงกลางเกาะนั้นแท้จริงแล้วคือสุสานของบรรพบุรุษของตระกูลอาเครอน
เขาเดินตามกาตอนออกไปทางประตูด้านหลังของปราสาทและเหยียบลงบนภูเขาไฟ ทันใดนั้นเขารับรู้ถึงความผันผวนของพื้นที่รอบ ๆ เล็กน้อย ป่าเขียวชอุ่มรอบ ๆ พวกเขาถูกแทนที่ด้วยสีแดงและสีดำอย่างไม่ทันตั้งตัว อากาศอบอุ่นหายไปและกลิ่นเหม็นของกำมะถันก็เข้ามาแทนที่ ท้องฟ้าสีครามปกคลุมไปด้วยเมฆหนาแน่นสีเทาทว่าส่วนที่ยังหลงเหลืออยู่นั้นมองเห็นเป็นสีแดงเพลิง ความอบอุ่นที่น่าพอใจของเฟาสต์ถูกแทนที่ด้วยความร้อนจัดจนแทบเผาไหม้ เป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่ต้องทนให้ไหว เพราะอากาศเหล่านั้นดูเหมือนเป็นประกายไฟที่พร้อมจะทำให้ผมและผิวหนังของเขาลุกเป็นไฟได้ตลอดเวลา
ภูเขาไฟทั้งหมดนั้นประกอบไปด้วยหินภูเขาไฟสีดำถ่าน มีเส้นทางคดเคี้ยวทอดยาวไปยังปล่องภูเขาไฟตรงกลางแต่ตัวของภูเขาไฟนั้นไม่ได้กระจายควันออกมา อย่างไรก็ตาม มันมักจะเกิดการเขย่าและสั่นสะเทือนเป็นครั้งคราวซึ่งทำให้มองเห็นเปลวไฟและควันจากปล่องภูเขาไฟจำนวนมากที่ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าและรวมตัวเข้ากับก้อนเมฆหนาทึบ
ส่วนหลักของภูเขาไฟนั้นไม่ได้สูงเพียง 50 เมตรอีกต่อไปแล้ว ทว่ามันมีความสูงเพิ่มขึ้นราว ๆ 1 กิโลเมตร ลาวาร้อน ๆ พุ่งออกมาจากปล่องภูเขาไฟเป็นระยะและไหลผ่านขอบลงมาเหมือนเป็นสายน้ำเพลิง มันไหลลงมาอย่างช้า ๆ โดยระหว่างทางที่มันไหลนั้น ลาวาบางก้อนก็ได้แข็งตัวและแปรสภาพเป็นส่วนหนึ่งของภูเขาไป
มีสิ่งหนึ่งที่ผิดปกติมากที่สุดนั่นก็คือแม้ว่าภูเขาไฟจะสั่นสะเทือนไม่หยุดและลาวาก็ไหลออกมาบ่อยครั้ง แต่นอกเหนือจากไฟ ควัน และแม่น้ำลาวานั้น ส่วนอื่นทั้งหมดของภูเขายังคงสภาพเดิมไม่เปลี่ยนแปลงโดยไม่มีแม้แต่ก้อนหินที่หลุดออกมาหรือว่าแตกร้าวใด ๆ เลย
ริชาร์ดพยายามทบทวนความจำของเขาก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเขาเคยเรียนเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในชั้นเรียนเตรียมเวทมนตร์มาก่อน นี่คือสถานที่ที่มีคุณสมบัติของมิติ เขาตกตะลึงในทันทีเมื่อตระหนักได้ว่า — ตัวอย่างที่ใหญ่ที่สุดที่เขาเคยอ่านเจอก็คือลอสพาราไดซ์ ทว่าทั้งหมดของมันจะใหญ่ประมาณห้องปฏิบัติการห้องใหญ่ในดีพบลูเท่านั้น แต่ภูเขาไฟที่สูงตระหง่านอยู่ตรงหน้าเขานั้นสูงกว่า 1,000 เมตร นั่นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่มันจะเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมา และเมื่อดูขนาดกับความถี่ของการพ่นลาวาออกมา เขาก็มั่นใจว่าภายในภูเขาลูกนั้น หากไม่ได้บรรจุธาตุไฟของครึ่งเพลนไว้อยู่แล้ว มันก็น่าจะเชื่อมต่อกับเพลนของธาตุไฟอย่างน้อย 1 เพลน หรือบางทีนี่อาจเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่พระเจ้าสร้างขึ้นก็เป็นได้
ทั้งสองด้านของเส้นทางที่ไม่ราบเรียบนั้นเป็นหลุมฝังศพขนาดแตกต่างกันมากมายที่สร้างขึ้นจากหินสีดำเข้ม หลุมศพพวกนั้นดูค่อนข้างประหลาดตา ทั้งสองข้างของเส้นทางเรียงรายไปด้วยลักษณะภูเขาไฟที่ไม่สม่ำเสมอกัน มีป้ายจารึกหลุมศพขนาดต่าง ๆ สร้างขึ้นบนหินสีดำเข้ม อย่างไรก็ตาม หลุมศพก็ดูแปลกประหลาดเช่นกัน มันมีเพียงแค่ป้ายจารึกแต่ไม่มีอะไรอยู่ข้างใต้ และอย่างมากก็มีเพียงไม่กี่ร้อยหลุมซึ่งกระจัดกระจายไปทั่วทั้งภูเขาไฟลูกนี้ นอกจากนี้ เขายังสังเกตเห็นอีกด้วยว่ายิ่งเข้าใกล้ปากปล่องภูเขาไฟมากเท่าไหร่ จำนวนหลุมศพก็ยิ่งน้อยลงเรื่อย ๆ ถึงแม้ว่าตระกูลอาเครอนจะไม่ใช่ตระกูลที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานนัก แต่ระยะเวลาหลายร้อยปีที่ผ่านมาก็น่าจะมีสมาชิกที่ตายไปแล้วอย่างน้อยก็หลายหมื่นคนไม่ใช่หรือ ? หากดูจากขนาดของภูเขาไฟทั้งลูกแล้วนั้น ที่นี่น่าจะสามารถมีหลุมศพได้มากถึง 100,000 หลุมเลยด้วยซ้ำ
เขาเดินตามกาตอนไปอย่างเงียบ ๆ ขณะปีนขึ้นไปบนเขา เขาก็พบว่าแท้จริงแล้วภูเขาไฟนั้นถูกแบ่งอย่างคร่าว ๆ ไว้เป็น 5 ชั้น จำนวนของหลุมศพในแต่ละชั้นจะมีน้อยลงกว่าชั้นก่อนหน้า อีกทั้งข้อความที่จารึกอยู่บนนั้นก็มีตั้งแต่ชื่อธรรมดา ๆ อย่างเดียวไปจนถึงชื่อพร้อมคำบรรยายพรรณนารายละเอียดอย่างชัดเจน รวมถึงความปรารถนาดีต่อผู้ที่ล่วงลับด้วย
ไม่นานนัก พวกเขาก็เดินมาหยุดอยู่ตรงขอบปล่องภูเขาไฟ ลาวาด้านหน้าที่ห่างไปไม่ถึง 10 เมตรนั้นพ่นอากาศร้อนจัดใส่ใบหน้าของพวกเขา นั่นทำให้เขาแทบลืมตาไม่ขึ้น ! นี่คือชั้นที่สูงที่สุดของสุสานตระกูลอาเครอน สถานที่ที่แม่ของเขาปรารถนาจะมาอยู่หลังล่วงลับไปแล้ว
ตรงนี้มีแผ่นจารึกหลุมศพรวมกันทั้งหมด 6 ป้ายกระจายกันไปในบริเวณกว้าง แผ่นจารึกหลุมศพทั้งหมดล้วนทำมาจากลาวาสีดำที่แข็งตัวโดยไม่มีสิ่งประดับหรือการสลักใด ๆ เพิ่มเติมราวกับแผ่นจารึกเหล่านั้นหลอมเป็นสี่เหลี่ยมได้เองตามธรรมชาติของมัน บนชั้นนี้ไม่มีการบรรยายความสำเร็จในชีวิตของผู้ล่วงลับเหมือนกับชั้นอื่น ๆ ก่อนหน้า มันไม่มีอะไรเลยนอกจากชื่อเท่านั้น อย่างไรก็ตาม มันเป็นชื่อที่ยาวผิดหูผิดตาที่ถูกเขียนไว้ด้วยลายมือที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
หลังจากได้เห็นรายชื่อที่อยู่บนนั้น เขาก็เริ่มท่องจำรายชื่อเหล่านั้นเบา ๆ ทันทีราวกับพลังภายในตัวของเขาได้มอบความสามารถแต่กำเนิดเพื่อจดจำลายมือหรือชื่อของใครก็ตามตั้งแต่ได้เห็นหรือได้ยินครั้งแรก ขณะที่เขาอ่านชื่อเหล่านั้นออกมาเสียงดัง เขาก็รู้สึกว่าเลือดทุกหยดในร่างกายกำลังสั่นสะเทือนและสะดุ้งไปกับทุก ๆ พยางค์ที่เขาออกเสียง ทุกรายชื่อนั้นมีความยาวจนไม่สามารถวัดได้จนทำให้เขารู้สึกราวกับว่าบางอย่างในตัวเขาได้ถูกปลุกขึ้นจากการหลับใหล
เขาอ่านรายชื่อบนแผ่นจารึกหน้าหลุมศพทั้ง 6 หลุมราวกับโดนครอบงำก่อนสะดุ้งกลับเข้าสู่ความเป็นจริงเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน ส่วนกาตอนพยักหน้าเมื่อสังเกตเห็นภาพนั้น “ไม่เลวนี่ ! เลือดของเจ้าบริสุทธิ์เหลือเกิน บางทีในอนาคตเจ้าอาจจะได้มาพักผ่อนหลังความตายที่นี่ กลับสู่แผ่นดินของบรรพบุรุษของพวกเรา”
ริชาร์ดยังคงโซเซจากการสะดุ้ง เสียงคำรามหดหู่อันห่างไกลยังคงสะท้อนก้องอยู่ในหูของเขาราวกับว่าสิ่งมีชีวิตโบราณนั้นอยู่ใกล้เขาเพียงนิดเดียวและต่างร้องตะโกนข้ามวันเวลาและสถานที่อย่างไม่หยุดยั้ง นั่นทำให้เขากวาดสายตาผ่านรายชื่อพวกนั้นอีกครั้งด้วยความกังวล แต่ครั้งนี้เขาไม่กล้าที่จะอ่านออกเสียงชื่อเหล่านั้นออกมาอีก
“นี่คืออาเครอนที่แข็งแกร่งและน่าเกรงขามที่สุด 6 คน พวกเขาเข้าใจดีถึงความลับที่ซ่อนอยู่ลึกในสายเลือดและปลุกสายเลือดโบราณที่แท้จริงในตัวพวกเขาออกมาได้ นั่นทำให้พวกเขามีชื่อที่แท้จริงซึ่งเป็นของพวกเขาคนเดียวเท่านั้น
บรรดาพวกเขานั้นคืออัจฉริยะที่มีพรสวรรค์อย่างมากที่ได้รับชื่อจริงตั้งแต่ยังอ่อนแอและยังเด็กอยู่ พวกเขาส่วนใหญ่ไม่ได้มีพรสวรรค์มาตั้งแต่กำเนิด แต่ก็ได้รับความแข็งแกร่งมาจากการต่อสู้ที่นองเลือดและร้อนระอุที่ฝึกฝนพวกเขาไปในตัว”
กาตอนเงียบไปก่อนจะพูดต่อ “ชื่อจริงคือความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอาเครอนทุกคน มันเป็นแหล่งที่มาของความแข็งแกร่งของพวกเรา อย่างที่เจ้าได้สัมผัสแล้วว่าชื่อจริงทุกชื่อนั้นครอบครองพลังจำนวนมหาศาลไว้ซึ่งแต่ละชื่อก็แตกต่างกันออกไป ชื่อจริงของเราจะทำให้ได้สัมผัสกับกฎของเพลน ถึงแม้มันจะเล็กจนแทบไม่สามารถตรวจวัดได้ แต่มันก็ทำให้เราเข้าใจกฎพวกนี้ได้ในที่สุด มันจึงทำให้เราแข็งแกร่งและนี่เป็นเหมือนความลับที่สุดของพวกเรา เมื่อมีคนอื่นรู้ชื่อจริงของเรา พวกเขาสามารถควบคุมความเป็นความตายของเราได้ โดยวิธีการคือเขาเหล่านั้นต้องทำแค่เพียงเอ่ยชื่อจริงของเราออกมาดัง ๆ และเราจะรับรู้ข้อความที่เขาต้องการสื่อสาร หากพวกเขาเอ่ยขึ้นด้วยคำสาปแช่งที่มุ่งร้าย แม้แต่คนธรรมดาที่ไม่มีอำนาจพิเศษใด ๆ ก็สามารถกำจัดและลบร่องรอยทั้งหมดของเราให้หายไปจากเพลนได้”
หัวใจของริชาร์เต้นถี่ด้วยความหวาดกลัวทันทีทว่าเขาเกิดสงสัยขึ้นมา “ถ้าเป็นอย่างนั้น ทำไมพวกเราถึงจะอยากให้คนอื่นรู้ชื่อจริงของพวกเราล่ะ ?”
กาตอนหัวเราะออกมาพลางลูบเคราบนใบหน้า “หึ ๆ เด็กน้อยเอ๊ย ! วันหนึ่งเจ้าจะได้เจอกับผู้หญิงคนที่เจ้าเต็มใจจะเปิดเผยชื่อจริงออกไป มันจะทำให้เจ้ารู้ได้ทันทีเมื่อนางคิดถึงเจ้า”
ริชาร์ดเงียบไปอีกครั้ง เขาจำได้ดีว่าเมื่อตอนเขายังเด็ก แม่เคยบอกว่าพ่อของเขานั้นมีชื่อที่ยาวมาก
เมื่อมองไปรอบ ๆ สุสานนี้ ถึงแม้จะมีป้ายจารึกหลุมศพอยู่เพียง 6 แผ่น แต่ริชาร์ดก็สัมผัสได้ถึงพลังงานที่มองไม่เห็นจำนวนมหาศาลแผ่ออกมาจากป้ายจารึกเหล่านั้น เขาถามขึ้นอย่างยากลำบาก “นี่คือสถานที่ฝังศพสำหรับอาเครอนที่มีชื่อจริงเท่านั้นหรือ ?”
กาตอนมองริชาร์ดเงียบ ๆ ทว่าสายตาที่มองมาทำให้เขาประหม่าราวกับความลับของเขากำลังจะถูกเปิดเผย และเมื่อเขาเริ่มมีเหงื่อของความกังวลไหลออกมา กาตอนก็พูดขึ้น “ใช่ แต่มีแค่คนตระกูลอาเครอนเท่านั้นที่มีสิทธิ์ถูกฝังอยู่ที่นี่ และหากข้าตายไป ข้าจะเป็นคนที่ 7”
“แล้วถ้าคนที่ไม่ใช่ตระกูลอาเครอนล่ะ ?”
กาตอนอธิบายอย่างมีความหมาย “ก็ย่อมได้ แต่พวกเขาก็จะต้องได้รับการยินยอมจากอาเครอนทุกคนก่อนรวมถึงข้าด้วย ริชาร์ด ในตัวเจ้ามีสายเลือดอาเครอนอยู่ นี่จะเป็นที่ของเจ้าเมื่อเจ้าตายไป ดังนั้นเจ้าน่าจะรู้ว่าการจะได้รับความเห็นชอบจากอาเครอนนั้นต้องทำยังไง”
แน่นอนว่าเขารู้ดี การที่จะได้รับการเห็นชอบจากตระกูลอาเครอนนั้น วิธีที่ง่ายและตรงไปตรงมาที่สุดก็คือ — การเอาชนะพวกเขาให้ได้ — มันไม่มีวิธีอื่น ๆ อีกแล้ว หากเขาต้องการจะทำความปรารถนาสุดท้ายของแม่ให้เป็นจริงได้นั้น เขาจะต้องเอาชนะอาเครอนทุกคน
นั่นรวมถึง — กาตอน ไอเซห์ ซาทานิสโตเรีย อาเครอน —