นครแห่งบาป City of Sin - ตอนที่ 59 การต่อสู้ชี้ชะตา ตอนที่ 3
กระต่ายที่ริชาร์ดนำมาต่อสู้ในครั้งนี้เป็นกระต่ายหิมะเช่นเดียวกับของสตีเว่น ทว่ามันมีขนาดเล็กกว่ากระต่ายหิมะของสตีเว่นถึง 3 เท่า ขนาดของมันใหญ่กว่าปกติเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนความแตกต่างระหว่างมันกับกระต่ายทั่ว ๆ ไปคือขนของมันเป็นสีน้ำตาลอ่อน และเป็นเพราะรูนที่มันรองรับอยู่จึงทำให้ขนของมันร่วงเป็นกระจุกในบางส่วน ตรงนี้นั้นแสดงให้เห็นถึงจุดอ่อนของช่องใส่รูนของริชาร์ดที่เขายังต้องพัฒนาอีกมากเพื่อทำให้ร่างกายของสิ่งมีชีวิตสามารถรองรับรูนได้อย่างสมบูรณ์มากกว่าเดิม นอกเหนือจากความไม่สมบูรณ์บนร่างกายของกระต่ายหิมะแล้ว กระต่ายตัวนี้ยังดูเหมือนว่ามันแข็งแรงไม่มากพอที่จะรองรับรูนได้อย่างที่ควรจะเป็น
ทันทีที่เหล่าตระกูลโซแลมมองเห็นกระต่ายหิมะของริชาร์ด พวกเขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมา และเมื่อยิ่งพิจารณาดูและเห็นว่ากระต่ายหิมะตัวนี้ไม่มีทางสู้กับหมาป่าฤดูหนาวได้อย่างแน่นอนนั้น พวกเขาต่างก็เริ่มมีกำลังใจขึ้น มีเพียงเม้าเทนซีที่ยังคงใช้มือเท้าคางและกวาดสายตามองไปรอบ ๆ อย่างสนอกสนใจโดยไม่มีร่องรอยความกังวลหรือตื่นตระหนกแต่อย่างใด
เมื่อมองเห็นการปรากฏตัวของกระต่ายหิมะของริชาร์ด อาจารย์เฟย์ก็ยืดตัวขึ้นและแสดงสีหน้าออกมาด้วยความสับสน ชาแมนอูราซัดซูลืมตาขึ้นและมองไปยังกระต่ายหิมะของริชาร์ดเช่นกันก่อนที่จะค่อย ๆ หลับตาลงอีกครั้ง รอยยิ้มจาง ๆ ได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
ชารอนใช้มือเท้าคางของนางและเริ่มกรนออกมา การเดินทางไปยังเพลนอื่นเพื่อหารายได้ในครั้งนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องยากลำบากสำหรับนางอยู่ไม่น้อย เห็นได้ชัดว่าความอ่อนล้าที่เกิดขึ้นทำให้นางยังไม่ฟื้นตัวเท่าไหร่นัก
หมาป่าฤดูหนาวจับจ้องไปยังกระต่ายหิมะทันทีที่ริชาร์ดเดินออกจากสนามทดลองไป กระต่ายตัวน้อยไม่ได้อ่อนแออย่างที่ภายนอกของมันแสดงให้เห็น ขนที่คอของมันตั้งชันขึ้นก่อนที่มันจะส่งเสียงกรีดร้องใส่หมาป่าฤดูหนาวอย่างสุดเสียง ซึ่งทันทีที่เกิดการกระตุ้นจากฝ่ายตรงข้าม หมาป่าฤดูหนาวก็เริ่มโจมตีอย่างไม่ลังเลเช่นกัน มันเปล่งเสียงร้องออกมาก่อนกระโจนเข้าหากระต่ายอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าแลบและกัดเข้าไปที่ร่างของกระต่ายหิมะ ทว่ากระต่ายหิมะกลับไม่เกรงกลัวหรือต่อต้านการจู่โจมของหมาป่าฤดูหนาวอย่างที่คาดการณ์ไว้ ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นทำให้กระต่ายหิมะพยายามดิ้นไปมา แต่ทันทีที่มันเริ่มดิ้นไปมานั้น หมาป่าฤดูหนาวก็ยกตัวมันขึ้นจากพื้นโดยใช้ปากของมันคาบร่างของกระต่ายหิมะเอาไว้ซึ่งนั่นทำให้ความพยายามในการดิ้นหนีของกระต่ายไม่เกิดผล
แต่ทันใดนั้นเอง กระต่ายหิมะก็สูดหายใจเข้าเต็มปอดของมัน ดวงตาของมันเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำขณะที่ร่างกายของมันพองตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขนหนา ๆ ในตอนนี้แทบจะรองรับเพลิงภายในร่างกายของมันไม่ได้อีกต่อไป
*ตูม !* จู่ ๆ เสียงระเบิดก็ดังขึ้นพร้อมกับเปลวเพลิงที่ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าก่อนที่จะแปรสภาพเป็นเมฆที่ค่อย ๆ จางหายไป
ร่างของกระต่ายหิมะหายไปพร้อมควันที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ในเวลาเดียวกันปากของหมาป่าฤดูหนาวก็หายไปเช่นกัน ! ลำตัวครึ่งบนของมันกลายเป็นสีดำเถ้าถ่านมีรอยไหม้ มันก้าวถอยหลังไปสองสามก้าวก่อนที่หัวของมันจะกระแทกลงกับพื้น แขนขาของมันอ่อนกำลังลงก่อนที่มันจะทิ้งตัวลงและหยุดนิ่งไม่ไหวติง
ความเงียบเข้าครอบคลุมสนามทดลอง ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนี้มันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วกว่าครั้งก่อนจนสร้างความตกตะลึงให้กับเหล่าคนที่กำลังดูอยู่ภายในนี้อย่างมาก
เมื่อเห็นผลลัพธ์ ริชาร์ดที่ยืนอยู่ด้านข้างสนามทดลองก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกภาคภูมิใจในผลงานของเขา ดวงตาที่หลับใหลของชารอนก่อนหน้านี้ลืมตาตื่นขึ้นก่อนที่แววแห่งความรู้สึกยินดีจะปรากฏออกมาและนางก็กะพริบตาไปที่ริชาร์ด
ทันใดนั้นเสียงตะโกนก็ดังขึ้น “โกง ! เขาโกงการแข่งขัน !” ดราก้อนวอล็อคพยายามที่จะปีนรั้วเพื่อพุ่งเข้าใส่ริชาร์ดในขณะที่ลูกน้องของเขาพยายามรั้งเขาไว้
การกระทำของสตีเว่นไม่ได้ทำให้ริชาร์ดตื่นตระหนกแต่อย่างใด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสุข นิ้วมือด้านซ้ายของเขาขยับออกมาโดยที่เขาไม่รู้ตัว ในเวลานี้หากดราก้อนวอล็อคพุ่งเข้ามาหาเขา เขาก็คงเลือกที่จะรับมือโดยใช้เทคนิคการต่อสู้ของโลกมืดอย่างแน่นอน สตีลร็อคจ้องมองไปที่มือด้านซ้ายของริชาร์ดก่อนที่จะมองไปยังสตีเว่นที่กำลังแสดงท่าทีต่อต้านและเหล่าลูกน้องที่กำลังรั้งตัวของเขาไว้ด้วยสายตาว่างเปล่า เขาถ่มน้ำลายไปยังฝั่งที่ดราก้อนวอล็อคยืนอยู่อย่างเหยียดหยาม
สมาชิกภายในตระกูลโซแลมแสร้งทำเป็นไม่เห็นการกระทำของสตีลร็อค วอริเออร์ 2 คนได้เข้ามาดึงตัวสตีเว่นให้สงบสติอารมณ์ของตัวเอง เมจ 2-3 คนเริ่มซุบซิบพร้อมทั้งถกเถียงกันเกี่ยวกับผลลัพธ์การแข่งขันอย่างเงียบ ๆ ในเวลาเดียวกัน มินนี่ที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ฝั่งของโซแลมก็จ้องมองไปยังริชาร์ดด้วยสายตาที่ว่างเปล่า ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความสับสนทว่าหลากหลายอารมณ์
เกิดความวุ่นวายอย่างยิ่งในหมู่ตระกูลโซแลม เหล่าอาจารย์ภายในดีพบลูยังคงนั่งอยู่ที่ตำแหน่งของตนเองโดยไม่ขยับเขยื้อน พวกเขาทำเพียงจ้องมองไปยังความวุ่นวายเหล่านั้นอย่างเงียบ ๆ ขณะเดียวกันเม้าเทนซีก็จ้องมองไปยังริชาร์ดโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้างเลยแม้แต่น้อย สายตาของนางแสดงถึงความโลภทว่านางก็ยังพยายามที่จะรักษาภาพลักษณ์เอาไว้ตามที่คนนัวแลนด์ปฏิบัติกัน
แม้ว่าเหล่าบาร์บาเรียนวอริเออร์ส่วนใหญ่จะยังไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น ทว่าอาการและท่าทางของเหล่าทหารองครักษ์ที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้พวกเขาตระหนักขึ้นได้ ร่างที่ไหม้เกรียมครึ่งตัวของหมาป่าฤดูหนาวในเวลานี้นอนแน่นิ่งไม่ไหวติงอยู่เป็นเวลานานแล้วและดูเหมือนว่ามันอาจจะไม่สามารถลุกขึ้นมาได้อีก
“ข้ารับไม่ได้ ! เขาโกง !” สตีเว่นตะโกนออกมาด้วยความโกรธขณะพยายามสะบัดตัวให้หลุดจากเหล่าวอริเออร์ทั้งสี่ ในตอนนี้วอร์ริเออร์ 4 คนกำลังพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะจับตัวเขาไว้ไม่ให้กระโจนออกไป ทว่าความแข็งแรงของสตีเว่นก็ทำให้พวกเขาต้านแทบไม่ไหวเช่นกัน สตีเว่นทำทุกอย่างเพื่อให้หลุดออกจากการรัดกุมของคนเหล่านั้น เขากัดแขนของวอริเออร์ที่อยู่ตรงหน้าของเขาอย่างแรงทว่าถึงแม้วอริเออร์ผู้นั้นจะรู้สึกเจ็บปวด แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะปล่อยให้สตีเว่นหลุดไปได้
ผู้อาวุโสที่สวมใส่เสื้อผ้าเรียบ ๆ ลุกขึ้นจากที่นั่งแถวหลังสุดของตระกูลโซแลม เขาถอนหายใจออกมาก่อนที่จะร่ายคาถาหลับใหลไปที่สตีเว่น คาถาที่ถูกร่ายออกมาทำให้สตีเว่นกระตุกเล็กน้อยและหลับไปในทันที คาถาที่มีประสิทธิภาพเช่นนี้แสดงให้เห็นถึงความเก่งกาจและความน่ากลัวของเมจคนนี้อย่างมาก
ผู้อาวุโสคนนั้นมองไปยังสตีเว่นและออกคำสั่ง “พาเขากลับไป” สิ้นคำพูดนั้น เหล่าวอริเออร์ก็รีบพาร่างของสตีเว่นออกจากสนามทดลองในทันที
ก่อนที่เขาจะก้าวออกจากเก้าอี้ของตระกูลโซแลม ชายผู้นั้นก็โค้งตัวให้กับชารอนเพื่อเป็นการขอโทษก่อนจะกล่าวออกมาว่า “ให้อภัยข้าด้วย ตระกูลของข้าอาจจะสั่งสอนเด็กคนนี้ไม่มากพอ หวังว่าท่านจะไม่ถือสา”
ชารอนหาวและลืมตาขึ้นอีกครั้ง แม้ว่าประสิทธิภาพของคาถาก่อนหน้านี้จะทรงพลังแต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้นางรู้สึกประทับใจเท่าไหร่นัก เพราะหากเป็นนางที่ใช้คาถานี้บ้าง นางคงสามารถทำให้ตระกูลโซแลมหลับไปได้ทั้งหมด แน่นอนว่าพลังของนางก็มีโอกาสที่จะใช้ได้ผลกับสตีลร็อคด้วยเช่นกัน เหตุผลเดียวที่นางตัดสินใจทำตัวอย่างเป็นทางการก็เพราะชายผู้นั้นมีสถานะทางสังคมและมีความน่าเคารพอยู่พอสมควร
“เอิร์ลเฟอร์น่อน โซแลม… เหตุใดเจ้าจึงแอบเข้ามาโดยไม่กล่าวทักทาย ? เจ้ากลัวว่าการแข่งขันจะไม่ยุติธรรมอย่างนั้นรึ ?” ชารอนถามด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย
เอิร์ลเฟอร์น่อนเป็นน้องชายคนเล็กของดยุกโซแลม เขาเป็นเมจที่มีพลังอยู่ในระดับ 18 ซึ่งเป็นผู้คุมกฎในตระกูลของโซแลม ด้วยความน่าเกรงขาม หน้าที่ และสถานะของเขานั้น ย่อมชัดเจนเพียงพอที่จะปรากฏตัวในที่แห่งนี้ได้โดยที่ไม่ต้องอธิบายอะไรเพิ่มเติม
เอิร์ลเฟอร์น่อนถอนหายใจออกมาก่อนปรายตามองไปยังริชาร์ดด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน “ไม่ ผลลัพธ์ออกมาอย่างยุติธรรม เราพ่ายแพ้ในการแข่งขันครั้งนี้ รูนที่อยู่กับกระต่ายของเด็กริชาร์ดนั่นเป็นรูนที่บรรจุคาถาทำลายตนเอง นั่นคือรูนระดับ 3 ที่ถูกย่อลงมาอยู่ในรูปแบบพื้นฐาน แม้ว่าผลลัพธ์จะออกมาเพียง 1 ใน 3 ของประสิทธิภาพจริงของมันแต่ความสามารถเช่นนี้ก็ใกล้เคียงกับการเป็นรูนมาสเตอร์ การแข่งขันนี้เป็นการทดสอบเพื่อดูความเข้าใจของรูน และริชาร์ดก็พยายามสร้างมันขึ้นมาโดยยึดหลักการมาตรฐาน ไม่ว่าเขาจะสร้างมันขึ้นมาด้วยตัวเองหรือไม่ แต่ผลในครั้งนี้เห็นได้ชัดว่าการทดสอบของเขาประสบความสำเร็จ และการทดสอบของเราล้มเหลว”
“ข้าดีใจที่เจ้าคิดได้เช่นนั้น ! อย่ารู้สึกหดหู่ไปเลย นี่เป็นเพียงแค่โอกาสเดียวเท่านั้นที่สูญเสียไป” เลเจนดารี่เมจเผยรอยยิ้มออกมาก่อนที่จะกล่าวต่อไปว่า “หากคำนึงถึงความสัมพันธ์ระหว่างพวกเราที่มีต่อกันมาเป็นเวลายาวนาน ข้าจะพิจารณาให้โควต้าเล่าเรียนแก่สตีเว่นโดยการใช้ทุนของตัวเอง ค่าเล่าเรียนเท่ากับราคาก่อนหน้านี้ และแน่นอนว่ามันไม่เกี่ยวกับการสร้างรูนอีก เอิ่ม… จะว่าไปข้าก็ยังไม่มีศิษย์ฝึกหัดที่ฝึกโดยเน้นพลังสายเลือด พวกเจ้าก็ลองคิดดูแล้วกันว่าจะเอาอย่างไร วอล็อคที่แข็งแกร่งก็เป็นเหมือนกับปืนใหญ่ที่เคลื่อนที่อยู่ในสนามรบ !”
ใบหน้าของเฟอร์น่อนกระตุกขึ้นเล็กน้อย เขากล่าวขอบคุณเลเจนดารี่เมจที่เสนอทางเลือกให้กับเขา เขาเก็บข้อเสนอของนางไว้เพื่อที่จะกลับไปปรึกษากับดยุกก่อนที่จะส่งเด็กที่มีความสามารถที่แท้จริงเข้ามาศึกษาภายในดีพบลู เขาส่งสายตาแสดงความยินดีให้กับริชาร์ดอีกครั้งก่อนที่เขาจะนำคนของตระกูลโซแลมออกจากพื้นที่ไปในทันที
หลังจากที่ตระกูลโซแลมออกไปแล้ว แบล็คโกลด์ก็ถอนหายใจออกมาพร้อมด้วยสีหน้าเสียใจ เขาและชารอนกำลังมองไปยังสตีเว่นที่ถูกลากตัวออกไป ทว่าเขานั้นเกิรู้สึกเสียดายขึ้นมาเพราะดูเหมือนว่าจะไม่มีนักเรียนคนใดภายในนี้ที่พวกเขาจะสามารถกอบโกยได้มากเท่ากับวอล็อคผู้นั้นอีกแล้ว สำหรับสตีเว่น ดูเหมือนว่าเขายังไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะเผชิญหน้ากับฝ่ายตรงข้ามที่แข็งแกร่งอย่างริชาร์ด และเป็นที่น่าเสียดายที่แม้ว่าชารอนจะยื่นข้อเสนอสอนเขาในฐานะวอล็อค แต่ดูเหมือนว่าโซแลมอาจเลือกที่จะหยุดการสูญเสียลง…
เหล่าแกรนด์เมจเข้าไปยังพื้นที่ทดสอบเพื่อเริ่มทำความสะอาด พวกเขาพลิกร่างของหมาป่าฤดูหนาวที่ไหม้เกรียมก่อนที่จะเริ่มถกเถียงกัน
ในที่สุดอาจารย์เฟย์ก็อดไม่ได้ เขาก้าวออกมาหาริชาร์ด “ริชาร์ด รูนที่เจ้าใช้กับกระต่ายหิมะมันสามารถกระตุ้นให้เกิดคาถาทำลายตนเองหรือคาถาอิมพลอสชั่น (ระเบิดจากภายใน) ใช่หรือไม่ ?” เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา อิมพลอสชั่นเป็นคาถาระดับ 9 ซึ่งเป็นสิ่งที่ตระกูลโซโลม่อนเท่านั้นที่สามารถใช้ได้ เฟย์สังเกตในเเรื่องนี้เช่นเดียวกัน เพราะการจะกระตุ้นคาถานั้นได้ รูนที่ใช้จะต้องเป็นรูนระดับ 3 แต่รูนที่ริชาร์ดจารึกลงไปบนตัวกระต่ายนั้นกลับเห็นได้ชัดว่ายังเป็นรูปแบบพื้นฐาน
ริขาร์ดระงับความปั่นป่วนที่เกิดขึ้นภายในจิตใจของเขาก่อนที่จะโค้งตัวและตอบคำถามของอาจารย์เฟย์เหมือนกับทุกครั้งที่เขาปฏิบัติภายในห้องเรียน “ที่ข้าใช้คือการทำลายตัวเอง แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เกิดการระเบิด การทดสอบของข้าแตกต่างไปจากมาตรฐานอย่างสิ้นเชิง มีโครงสร้างจำนวนมากของรูนระดับ 3 ที่ข้ายังไม่สามารถทำได้ในขณะนี้ ดังนั้น ข้าจึงเลือกที่จะใช้วิธีการที่ยุ่งยากมากขึ้นแทนนั่นก็คือข้าเพิ่มคาถาไฟร์บอลเข้าไปในรูน 3 ลูก ไฟร์บอล 2 ใน 3 ลูกถูกทำให้ล่าช้าออกไปด้วยเทคนิคบางอย่าง ส่วนชนวนจุดระเบิดก็คือพลังชีวิตของกระต่าย เมื่อใดที่กระต่ายหิมะกำลังเผชิญกับอันตรายที่จะมอบความตายให้กับมัน พลังงานชีวิตของมันก็จะผสานเข้ากับรูนจนทำให้ระเบิดออกมา”
การระเบิดของไฟร์บอลมาตรฐาน 3 ลูกในเวลาเดียวกันจะมีพลังทำลายมากกว่า 70 หน่วย ซึ่งมันเพียงพอที่จะสร้างความเสียหายให้กับหมาป่าฤดูหนาวได้อย่างร้ายแรง รูนระดับ 2 ที่สามารถร่ายคาถาหลายอย่างในเวลาเดียวกันได้ก็อาจให้ผลลัพธ์ที่น่าทึ่ง ทว่ามันก็ยังเป็นสิ่งที่ริชาร์ดยังไม่สามารถทำได้ในเวลานี้ เขาจึงตัดสินใจที่จะใช้วิธีใส่ไฟร์บอลเข้าไปพร้อมทั้งใช้เทคนิคการทำให้มันล่าช้าลง คาถาไฟร์บอลแต่ละคาถาที่เขาใส่ลงไปจะถูกดีเลย์ออกไปด้วยเทคนิคพิเศษ ทำให้รูนพื้นฐานสามารถใส่คาถาได้หลายคาถา ทว่าวิธีการนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่รูนมาสเตอร์ทั่วไปจะสามารถทำได้ มีเพียงคนที่มีความแม่นยำในเรื่องการคำนวณเช่นริชาร์ดเท่านั้นจึงจะสามารถทำได้ ทว่าแม้แต่ริชาร์ดเองก็ยังต้องใช้เวลาในการคิดค้นเทคนิคความล่าช้าของไฟร์บอล 2 ลูกนั้นถึงครึ่งเดือน นอกจากการที่เขาจำเป็นต้องพึ่งพาการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องแล้ว โชคก็ยังเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้การทดสอบของเขาสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี อย่างไรก็ตาม คำพูดของริชาร์ดสร้างความโกลาหลให้กับเหล่าเมจอยู่ไม่น้อย และนั่นทำให้เขาเริ่มพูดคุยกันด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
“ไฟร์บอล 3 ลูกกับกับเทคนิคการหน่วงเวลา เวลาที่ถูกหน่วงออกไป เขาคำนวณมันได้อย่างแม่นยำถึงเพียงนี้เชียวหรือ ? มหัศจรรย์จริง ๆ !”
“ใส่คาถาหลายคาถาลงไปในรูนระดับพื้นฐานเพียงอันเดียว ?”
“นี่เป็นสิ่งที่ริชาร์ดสร้างขึ้นมาเองจริง ๆ รึ ?”
ไม่แปลกที่ผลงานของริชาร์ดจะสร้างความฮือฮาและน่าตกตะลึงให้กับเหล่าเมจได้มากมายถึงเพียงนี้ การฝังโครงสร้างคาถามากมายในรูนขนาดเล็กนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย และรูนนั้นถูกสร้างขึ้นมาตามความต้องการของเขาเอง หากริชาร์ดเป็นคนที่สร้างมันขึ้นมาด้วยตัวเองจริง ๆ ในอนาคตเขาจะไม่เจออุปสรรคใด ๆ บนเส้นทางของการเป็นแกรนด์รูนมาสเตอร์เลย สำหรับจักรวรรดิทั้งสาม แกรนด์รูนมาสเตอร์ถือเป็นผู้ที่โดดเด่นและไม่มีผู้ใดสามารถเทียบเทียมได้ และสำหรับแกรนด์รูนมาสเตอร์บางคนก็มีความเก่งกาจถึงขั้นที่แม้แต่ชารอนเองก็ไม่สามารถที่จะไปรุกรานคนเหล่านั้นได้เช่นกัน เมื่อเห็นเด็กหนุ่มที่มีความสามารถในการเป็นรูนมาสเตอร์ในอนาคตอยู่ตรงหน้า เหล่าเมจภายในนั้นต่างก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองเขาด้วยความประหลาดใจ
หลังจากได้ยินคำอธิบายของริชาร์ดแล้ว เฟย์ก็พยักหน้าก่อนนั่งลงอย่างช้า ๆ และเอ่ยขึ้น “ริชาร์ด ความคิดสร้างสรรค์ที่เจ้าแสดงออกมาช่างน่ายกย่องยิ่งนัก ผลงานของเจ้าล้วนเป็นรูปแบบที่สร้างมาจากความคิดของเจ้าเพียงคนเดียวและมันก็คือสไตล์ของเจ้า เจ้งจงจำไว้ว่าถึงแม้ประตูแห่งพลังอำนาจจะเปิดออกมาต่อหน้าเจ้าแล้ว แต่เส้นทางของมันก็ยังคงอีกยาวไกลกว่าที่เจ้าจะก้าวไปถึงจุดสูงสุดได้ และเจ้าจะได้หัวเราะออกมาก็ต่อเมื่อเจ้าได้เดินทางก้าวไปถึงจุดนั้นแล้ว สิ่งต่าง ๆ เช่นการทำลายตนเองนั้นขอให้ใช้เป็นทางเลือกสุดท้าย สิ่งนี้เจ้าไม่ควรใช้ในสถานการณ์อื่น ๆ เพราะบางทีการใช้ความรุนแรงก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุด”
รอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของริชาร์ด คำพูดของอาจารย์เฟย์ทำให้เขารู้สึกสับสนขึ้นมาเล็กน้อย ทว่าเขาก็สามารถรู้สึกถึงความหมายเหล่านั้น รูนเป็นเหมือนสะพานที่มี 2 ทาง เมื่อสร้างรูนขึ้นมาด้วยตัวของเขาเอง ผู้คนก็ย่อมมองเขาผ่านสิ่งที่เขาสร้าง
ทันทีที่อาจารย์เฟย์กล่าวจบ ริชาร์ดก็รับรู้ได้ถึงสายตา 2 คู่ที่จ้องมองมาที่เขาอย่างเป็นประกาย ซึ่งคนที่กำลังจ้องมองมาที่เขาในตอนนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นชารอนกับเม้าเทนซีนั่นเอง การได้รับชัยชนะจากการแข่งขันครั้งนี้ถือเป็นการเปิดเผยพรสวรรค์ครั้งแรกของเขา ซึ่งความโดดเด่นของผลงานของเขาในครั้งนี้ก็ดูเหมือนว่ามันจะช่วยพาเขาก้าวเข้าสู่เส้นทางของแกรนด์รูนมาสเตอร์ได้ไม่ยากนัก
อย่างไรก็ตามชัยชนะของเขาในครั้งนี้ดูเหมือนจะเป็นเพียงเรื่องของโชคชะตา และมันอาจเป็นเพียงเส้นทางเล็ก ๆ ที่เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น เขารู้ดีว่าความเกลียดชังระหว่างเขาและสตีเว่นจะยังไม่จบเพียงเท่านี้ มันก็คงจะเหมือนกับที่เขาเคยกล่าวกับเม้าเทนซีไว้ก่อนหน้านี้ว่า
— ความเกลียดชังบางอย่างก็มิอาจให้อภัยได้ !–