นครแห่งบาป City of Sin - ตอนที่ 56 อภัยไม่ได้
หลังจากได้ยินที่ริชาร์ดพูด มินนี่ก็กัดฟันแน่นและถามออกมา “ข้า… เอาล่ะ เจ้ามั่นใจหรือไม่ว่าจะชนะการแข่งขันครั้งนี้ ?”
ริชาร์ดแสยะยิ้ม “ทำไมถึงคิดว่าข้าจะตอบคำถามเจ้า ?”
มินนี่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ข้าเข้าใจ แต่ข้าอยากขอแค่เรื่องเดียว หากเจ้าคิดว่าจะชนะ ได้โปรดรับข้าไปอยู่ด้วยสัก 2 เดือนเถอะนะ แค่ 2 เดือนเท่านั้น สตีเว่นจะต้องถูกเนรเทศออกไปจากดีพบลูแน่ และข้าก็คงไม่มีเงินจ่ายค่าเรียนอีกแล้ว ข้าจะต้องเลิกเรียนอย่างเดียวเท่านั้น ดูเหมือนมาสเตอร์จะเก็บเจ้าไว้เป็นนักเรียนแค่คนเดียว ครอบครัวของข้า ขายข้าให้ตระกูลโซแลมไปแล้ว แต่ข้าไม่อยากจมลงเหวไปกับสตีเว่นด้วย หากว่าเจ้าช่วยให้ข้าผ่านอุปสรรคครั้งนี้ไปได้ ข้า… ข้าจะเป็นเหมือนเอรินและจะช่วยเหลือตัวเองให้เอาตัวรอดอยู่ในดีพบลูได้ต่อไป”
“ความจริง” เม้าเทนซีพูดขึ้น ดวงตาของนางยังคงปรือ ๆ
ริชาร์ดไม่รู้ว่าเขาควรหัวเราะหรือร้องไห้ดี บรรยากาศตึงเครียดหายไปทันทีหลังจากคำพูดเหล่านั้นออกมาจากปากของนาง เขาเคาะหน้าผากนางด้วยท่าทีขี้เล่น ก่อนจะหันกลับมามองมินนี่ มีเพียงริชาร์ดคนเดียวเท่านั้นที่สามารถปฏิบัติเช่นนี้กับเม้าเทนซีได้ หากเป็นคนอื่นล่ะก็ คงจะถูกตัดมือขาดก่อนจะได้สัมผัสตัวนางด้วยซ้ำ
“อย่างนั้นหรือ ? งั้นลองบอกข้ามาซิ ว่าข้าจะได้ประโยชน์อะไรหากรับเจ้ามาอยู่ด้วย ? เพราะในตอนนี้ สิ่งเดียวที่ข้านึกได้ก็คือความอาฆาตของตระกูลโซแลมจะเพิ่มมากขึ้น” ริชาร์ดพูดอย่างสงบ
มินนี่ยืดตัวตรงเผยให้เห็นรูปร่างที่น่าเย้ายวนใจของนางก่อนจะพูดอย่างจริงจัง “ข้าจะบอกแผนการและการเตรียมตัวทุกอย่างของสตีเว่นให้เจ้ารู้ แล้วข้าก็ยังมีข้อมูลมากมายเกี่ยวกับแหล่งทรัพยากรและเงินทุนของตระกูลโซแลมด้วย และ… และ… ตลอดเวลาที่ข้าอยู่กับเจ้า ข้าจะ… ข้าจะเป็นของเจ้า ! เจ้าจะทำอะไรกับข้าก็ได้ตามต้องการ !”
“ความจริง” เม้าเทนซีเอ่ย ตอนนี้นางอยู่ในสภาพครึ่งหลับครึ่งตื่นแล้ว นางเริ่มส่งเสียงกรนทว่าไม่ลืมที่จะประเมินสถานการณ์ตรงหน้าต่อไป ท่าทางน่ารัก ๆ ของนางทำให้เขาแทบอดไม่ได้ เขานึกอยากจะเคาะหน้าผากนางอีกครั้งแต่สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจไม่ทำ
มินนี่รีบพูดต่อขณะที่บทสนทนากำลังคุกรุ่น “ความสัมพันธ์ของเจ้ากับตระกูลโซแลมไม่เคยดี และไม่มีความรู้สึกที่ดีต่อกันมาก่อนอยู่แล้ว ครั้งนี้มันจะทำให้เรื่องใหญ่โตมากขึ้นได้แค่ไหนกันล่ะ ? อีกอย่าง ในตระกูลใหญ่ ๆ น่ะ ไม่มีมิตรหรือศัตรูถาวรอยู่แล้ว เรื่องเล็ก ๆ มักไม่มีผลอะไรมากนักหรอก ตระกูลโซแลมคงไม่สร้างปัญหาให้เจ้า ถึงแม้จะเพราะเห็นแก่มาร์ควิสกาตอนก็เถอะ ส่วนสตีเว่น หากเขาแพ้การแข่งขันครั้งนี้ เขาก็คงจะยอมทิ้งสายเลือดของตัวเองและเรียนรู้ต่อจากเซนต์เคลาส์ แต่ถ้าดูจากรูนระดับ 3 ของเขาแล้ว เซนต์เคลาส์ไม่ได้มีคุณสมบัติของการเป็นรูนมาสเตอร์เลยด้วยซ้ำ ต่อให้สตีเว่นไปพึ่งเขา ก็ไม่มีทางฝ่าอุปสรรคเพื่อสร้างรูนระดับ 2 ขึ้นไปได้หรอก มีแค่รูนมาสเตอร์สายเลือดมังกรเท่านั้นแหละที่จะสร้างรูนระดับ 3 โดยเฉพาะขึ้นมาได้”
“ความจริง” เสียงเล็ก ๆ ที่ง่วงงุนของเม้าเทนซียังคงเอ่ยขึ้นมา
ริชาร์ดท้าทาย “แต่ไม่ว่ายังไง เขาก็ยังเป็นรูนมาสเตอร์ได้ ไม่ใช่หรือ ? นั่นก็เป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้วนี่”
“ไม่สิ มันไม่เหมือนกัน ตระกูลโซแลมลงทุนไปกับเขามากพอแล้ว ถ้าหากเขาไม่สามารถเป็นเกรทรูนมาสเตอร์ได้ เขาก็จะต้องใช้ชีวิตต่อไปโดยไม่มีสถานะอะไรเลย” มินนี่ย้อน
“ความจริง” เสียงเล็ก ๆ เอ่ยต่อไป
ริชาร์ดยืนขึ้น “ไม่ว่ายังไง เจ้าก็จะได้เป็นภรรยาของรูนมาสเตอร์ที่เป็นวอล็อคชั้นสูง นั่นมันดีมากกว่าการอยู่ในดีพบลูด้วยตัวเองเสียอีก ข้าช่วยเจ้าไม่ได้ กลับไปเถอะ”
“อ๊ะ ! ไม่นะ ! ทำไมล่ะ ? ข้าไม่ได้อยากเป็นภรรยาเขาซักหน่อย ! สัญญาการหมั้นนั้นมันคือการขายข้าให้กับตระกูลโซแลม ! และนี่ก็เป็นความผิดของเจ้าด้วยเหมือนกัน ! หากไม่ใช่เพราะไวเคานต์อลิซของพวกเจ้า พ่อก็คงจะไม่เอาข้าไปขาย !”
“ความจริง”
เมื่อเห็นมินนี่ดูเดือดดาลและทุกข์ใจ เขาก็ขมวดคิ้วและถามอย่างใจเย็น “นี่เจ้ากำลังโยนความผิดให้ข้างั้นรึ ?”
สีหน้าของมินนี่หม่นหมองลง นางก้มหน้าลงทันที หยาดน้ำตาไหลอาบไปทั่วใบหน้าอย่างควบคุมไม่ได้ นางพยายามตั้งสติและเริ่มอธิบายอย่างนุ่มนวล “แล้วข้าจะทำอะไรได้ พ่อของข้าได้แต่หวังว่าจะไม่มีตระกูลอาเครอนคนอื่นมาโจมตีพวกเราอีก เอาล่ะ ข้ารู้ว่าเคยทำให้เจ้าผิดหวังมาก่อน แต่ข้าเชื่อว่าการแข่งขันครั้งนี้สำคัญกับเจ้ามาก หากเจ้าจะพิจารณาข้าอีกครั้ง ถ้าเจ้ายินดี ข้าจะเป็นของเจ้าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ขอร้องล่ะ”
“ความจริง”
อย่างไรก็ตาม เขาได้เปิดประตูบ้านรอไว้แล้วก่อนจะหันไปบอกกับมินนี่ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “เอาล่ะ ข้าไม่อยากรู้ว่าสตีเว่นกำลังทำอะไร หรือแม้แต่เจ้าจะทำอะไรเพื่อข้าได้บ้าง ขอโทษด้วย แต่ข้าช่วยอะไรเจ้าไม่ได้จริง ๆ ถึงเวลาทำสมาธิของข้าแล้ว เจ้ากลับไปเถอะ”
มินนี่ยกกระเป๋าสัมภาระขึ้นด้วยสองมือก่อนเดินกลับออกไปด้วยจิตใจห่อเหี่ยว ประตูโลหะส่งเสียงดังขณะปิดลงทันทีที่นางเดินออกไป
“ริชาร์ด ! ข้าเกลียดเจ้า !” มินนี่รีบเดินผ่านประตูโลหะและตะโกนออกมาสุดเสียง นางทรุดลงไปกับพื้น ได้แต่นั่งกอดเข่าและเริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้น เสียงสะอื้นนั้นได้ยินทะลุประตูโลหะเข้าไปถึงด้านใน
“ความจริง…” เม้าเทนซียังคงพูดต่ออย่างสะลึมสะลือ ขณะค้ำร่างตนเองขึ้นอย่างไม่เต็มใจนักเพื่อให้อยู่ในท่าที่สบายขึ้น นางลืมตาขึ้นและพบว่ามินนี่ได้กลับไปแล้ว “เอ๊ะ ? นางหายไปไหน ? เจ้าไล่นางไปรึ ? แต่เรื่องที่นางพูดมันจริงหมดเลยนะ”
ริชาร์ดไม่ได้พูดอะไร เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนหยักหน้า
“ใจร้าย !” เม้าเทนซีส่งเสียง นางยืนขึ้นยืดเส้นยืดสายทว่าดวงตาทั้งสองแทบจะลืมไม่ขึ้นแล้ว
ริชาร์ดถอนหายใจอีกครั้ง “เจ้าไม่เข้าใจ ความแค้นบางอย่าง มันอภัยให้ไม่ได้หรอก”
เม้าเทนซีตื่นตัวขึ้นมาทันทีและพยายามเบิกตาให้กว้าง นางจ้องมองริชาร์ดอย่างจริงจังอีกครั้ง “เจ้านี่เหมือนชายแก่อายุ 130 ปี มากกว่าวัยรุ่นอายุ 13 ซะอีก”
ริชาร์ดยิ้มอย่างหมดหนทางและอธิบายอีกครั้ง “อาจเพราะในตอนเด็กข้าผ่านเรื่องราวมามาก…” ถึงแม้เขาจะเข้าใจถึงอบิลิตี้วิสดอมของตนเองดี ทว่ามันก็ไม่ใช่สิ่งที่จะอธิบายให้ใครเข้าใจได้ง่าย ๆ
เม้าเทนซีเอามือปิดปากและหาวออกมาครั้งแล้วครั้งเล่าก่อนพูดขัดขึ้น “ข้ารู้ ข้ารู้ ! เจ้าพูดตั้งหลายครั้งแล้ว แค่เพียงเพราะความรักและความเกลียดชังใช่ไหมล่ะ ? ผู้ชายนัวแลนด์ก็เป็นเหมือนกันหมด ! เอาอย่างนี้นะ เจ้ามาเป็นผู้ชายของข้า และข้าจะแก้แค้นให้เจ้าเอง ! ข้ามีทุกอย่างที่ชาวนัวแลนด์ต้องการ เหมือนกับคำพูดที่ว่า ‘ข้าก็มีกำลังคน มีเงิน และภูมิหลังอันมีเกียรติเช่นกัน !’”
ริชาร์ดรู้สึกโกรธปนขบขันในเวลาเดียวกัน เขากำมือและเคาะไปที่หัวของนาง “ใครสอนเรื่องไร้สาระพวกนี้ให้กับเจ้า ! อีกอย่าง อย่าล้อเลียนอาจารย์ของเจ้า !” ริชาร์ดค่อนข้างงุนงงที่เม้าเทนซีสามารถล้อเลียนเลเจนดารี่เมจได้ทั้งที่เคยเจอกับนางแค่ไม่นานเท่านั้น
“ก็ได้” เม้าเทนซีรับคำอย่างง่ายดาย ครั้งนี้นางปฏิบัติตัวดีเป็นพิเศษ และแม้ว่านางจะยื่นหน้าผากให้เขาเคาะอีก เขาก็ไม่ได้อยากที่จะทำเช่นนั้นแล้ว และยังรู้ดีอีกด้วยว่าที่นางทำเช่นนั้นก็เพื่อจะได้ใกล้ชิดเขามากขึ้น
“ได้เวลาทำสมาธิของข้าแล้ว” เขาเอ่ยตัดบท
เม้าเทนซีส่งเสียงดีใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็นั่งลงให้ห้องทำสมาธิและทำสมาธิอย่างช้า ๆ กลิ่นจากธูปความยาวประมาณนิ้วมือที่ฟุ้งกระจายไปทั่วห้องทำให้เขาเข้าถึงสมาธิได้เร็วขึ้น ในขณะเดียวกัน ธูปที่เม้าเทนซีใช้นั้นก็มีเวทมนตร์อันทรงพลังที่เพิ่มประสิทธิภาพของการทำสมาธิครั้งนี้ด้วย และถึงแม้เขาจะเผลอหลับไป ผลที่เกิดขึ้นก็จะยังดีกว่าการไปทำสมาธิที่อื่น
เวลาแห่งการทำสมาธิดำเนินต่อไป ซึ่งตอนนี้เม้าเทนซีได้ขดตัวนอนอยู่ข้างเขาเสมือนลูกเสือ นางจับเขาไว้แน่น และส่งเสียงกรนออกมาเบา ๆ