นครแห่งบาป City of Sin - ตอนที่ 54 วันเวลาที่ใช้ร่วมกัน ตอนที่ 3
พื้นที่ภายในดีพบลูโดยเฉพาะรอบ ๆ หอคอยหลักเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัย ดูเหมือนว่าสตีเว่นจะอยู่ในคนกลุ่มน้อยที่กล้าเสี่ยงชีวิตตัวเองเพื่อโจมตีคู่ต่อสู้ภายในสถานที่แห่งนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะทำเรื่องที่สุ่มเสี่ยงต่อความปลอดภัยของตัวเอง ทว่าในตอนนี้เขาก็ยังสามารถใช้ชีวิตอยู่ในดีพบลูได้อย่างปกติราวกับเคยไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไหนจะยังเรื่องที่ลูกน้องของเขาเองก็มีเพิ่มมากขึ้นทุกวัน และเพื่อให้มั่นใจว่าสตีเว่นจะได้รับชัยชนะจากการแข่งขัน ดยุกโซแลมก็ได้ส่งกองทัพขนาดใหญ่เพื่อมาเป็นกองหนุนให้กับเขาด้วย
ในเวลานี้แบล็คโกลด์กลับเริ่มรู้สึกผิดหวังที่ตัดสินใจให้คนเหล่านี้อยู่ต่อโดยไม่ได้ทำโทษในสิ่งที่เกิดขึ้น ทันทีที่เขารู้ว่าเม้าเทนซีและริชาร์ดอยู่ด้วยกันตลอดเวลา เขาก็เริ่มกังวลว่าสตีเว่นจะลงมือสังหารริชาร์ดรวมถึงทำร้ายเม้าเทนซีไปด้วย เพราะสถานการณ์ของสตีเว่นในตอนนี้นั้น เขาคือคนที่ไม่หลงเหลือเหตุและผลใด ๆ เวลาจะทำอะไรแล้ว เขาคงเลือกทำทุกอย่างโดยไม่คำนึงถึงผลลัพธ์ที่จะตามมา
คนแคระเกรย์เชื่อว่าเม้าเทนซีไร้เทียมทาน ไม่ว่าจะเป็นเผ่าพันธุ์ อายุ หรือแม้แต่วิธีการสะสมความร่ำรวยของนาง สำหรับคนที่ร่ำรวยอย่างนางก็ถือเป็นความโชคดีที่ได้รับพรมาจากพระเจ้า แม้ขณะนี้สตีเว่นจะเริ่มเผยตัวว่าเป็นศัตรูกับนางอย่างชัดเจนขึ้นแล้วแต่แบล็ดโกลด์ก็ไม่ได้กลัวว่าชีวิตของนางจะมีความเสี่ยงอะไร สิ่งเดียวที่แบล็คโกลด์กังวลในตอนนี้คือเขากลัวว่าเม้าเทนซีจะถูกคุกคาม นี่ทำให้เขาตกอยู่ในสภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ในที่สุดเขาก็เลือกหนึ่งในตัวเลือกที่ยากพอสมควร เขาตัดสินใจส่งคนไปคอยควบคุมและจับตามองสตีเว่น
แน่นอนว่าสตีเว่นย่อมเริ่มที่จะเห็นเมจผู้คุมกฎ 4 คนและไนท์อีก 2 คนมาคอยติดตามเขาไปในทุก ๆ ที่เพื่อ ‘ป้องกัน’ เขา คนเหล่านี้ตามติดไปทุกที่ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน แม้แต่เวลาเรียนพวกเขาก็ยังคงติดตามเข้าไปด้วยเช่นกัน
ข่าวคราวเกี่ยวกับริชาร์ดและเม้าเทนซีถูกแพร่กระจายอย่างรวดเร็วภายในดีพบลู ทุกคนต่างเริ่มตระหนักถึงสถานะและภูมิหลังของเม้าเทนซี หลังจากนั้นทุกคนก็มักเห็นนางปรากฏตัวในห้องเรียนของริชาร์ดบ่อยครั้ง ทว่าการพูดถึงกลับไม่ได้เป็การพูดถึงกันอย่างเปิดเผยเท่าไหร่นัก ด้วยความแข็งแกร่งและน่าเกรงขามของนาง จึงทำให้คนเหล่านั้นรู้สึกกลัวที่จะแสดงความเห็นออกมาตรง ๆ
เวลาผ่านไปอย่างต่อเนื่อง ช่วงเวลาแห่งการแข่งขันเริ่มใกล้เข้ามาทุกที ในวันหนึ่งแบล็คโกลด์ได้นัดพบริชาร์ด เขาพูดคุยกับริชาร์ดเป็นเวลานานโดยอธิบายถึงความยากลำบากทั้งหมดที่ชารอนต้องพยายามทำตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ในตอนแรกเขากล่าวกับริชาร์ดว่ามันไม่ได้เป็นเรื่องง่ายสำหรับนางเลยที่จะมีความมั่งคั่งได้อย่างทุกวันนี้ เขายังบอกกับริชาร์ดอีกว่าชารอนพึงพอใจในตัวเขาอยู่ไม่น้อย ทว่าในตอนนี้สถานะทางการเงินของดีพบลูถึงขั้นวิกฤติแล้ว ในวันพรุ่งนี้ดีพบลูอาจจะต้องขายสินค้าออกไปในราคาที่ถูกลงเพื่อนำเงินมาชดใช้หนี้ที่เกิดขึ้น ซึ่งเมื่อฟังเช่นนั้น ริชาร์ดก็รู้สึกหนักใจขึ้นมา
ในขณะที่ริชาร์ดกำลังครุ่นคิดว่าเขาจะสามารถช่วยเลเจนดารี่เมจในครั้งนี้ได้อย่างไรนั้น ทันใดนั้นแบล็คโกลด์ก็พูดขึ้นมาด้วยเสียงแหลมสูงว่ามีคนอยู่คนหนึ่งในตอนนี้ที่สามารถช่วยเลเจนดารี่เมจได้ ซึ่งใครคนนั้นก็ไม่ใช่คนอื่นไกล แต่เป็น ‘เม้าเทนซี’ นั่นเอง
คนแคระเกรย์เดินมายังโต๊ะกาแฟที่อยู่ตรงหน้าริชาร์ด เขามองหน้าริชาร์ดก่อนที่จะพูดวิงวอนด้วยน้ำเสียงจริงใจและเคร่งขรึม “ถึงเวลาที่เจ้าจะต้องตอบแทนท่านชารอนแล้ว และสิ่งที่ดีที่สุดที่เจ้าสามารถทำได้ในเวลานี้คือเจ้าต้องทำตัวเป็นสหายที่ดีของเม้าเทนซีและทำให้นางอยู่ที่นี่ให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ตอนนี้นางลงทะเบียนเรียนไว้เดือนเดียวเท่านั้น และการลงทะเบียนในรอบต่อไปกำลังจะมาถึงเร็ว ๆ นี้”
คนแคระเกรย์ยังกล่าวเสริมเป็นนัย ๆ ให้เขาอีกด้วยว่า เขาควรปฏิบัติตามคำขอทั้งหมดของเม้าเทนซีเพื่อให้นางประทับใจ ยกตัวอย่างเช่นการมอบ ‘ของขวัญ’ ให้นางบ่อยขึ้น เพราะสิ่ง ๆ นั้นดูเหมือนว่าตัวริชาร์ดเองก็ไม่ได้เสียหายอะไร
คำพูดของคนแคระเกรย์ทำให้ริชาร์ดเริ่มสงสัยว่าคนแคระเกรย์แอบติดตาวิเศษไว้ในห้องพักของเขาหรือไม่ และก่อนที่เขาจะกลับ คนแคระเกรย์ก็ได้กล่าวสัญญาว่า หากริชาร์ดยอมช่วยเขาในเรื่องนี้ เขาจะพยายามช่วยให้ริชาร์ดชนะการแข่งขันให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ริชาร์ดเดินออกมาจากที่ทำงานของแบล็คโกลด์ด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม แม้ว่าเขาจะไม่สามารถนิยามความรู้สึกในตอนนี้ของเขาได้ แต่เขารู้สึกได้อย่างหนึ่งว่าความรู้สึกที่เขามีต่อเม้าเทนซีมันเป็นความรู้สึกที่บริสุทธิ์เสียจนเขาไม่อยากให้ความสัมพันธ์ของเขาและเม้าเทนซีต้องมาแปรเปลี่ยนไป เขาจึงตัดสินใจลืมเรื่องทุกอย่างที่เขาสัญญาไว้กับแบล็คโกลด์ก่อนก้าวเดินออกไป
ในค่ำคืนนั้นหลังจากที่เขาและเม้าเทนซีทานอาหารค่ำกันเสร็จแล้ว เม้าเทนซีก็ได้รับ ‘ของขวัญ’ ที่นางเฝ้ารอคอยมานาน และแน่นอนว่าหากเขาไม่ต่อต้านแผนการของแบล็คโกลด์ ของขวัญชิ้นนี้คงจะเป็นของขวัญที่สมบูรณ์มากกว่านี้
แม้ว่านางจะรู้สึกพึงพอใจอย่างมาก แต่นางก็สังเกตเห็นว่าริชาร์ดในตอนนี้ดูผิดปกติไปจากเดิม “นี่ ! มีอะไรรบกวนใจเจ้าอยู่งั้นรึ ? ” นางถาม
ริชาร์ดพยักหน้าตอบ
“เจ้าอยากจะเล่าให้ข้าฟังหรือไม่ ?” นางถามต่อไปขณะเอามือเท้าคาง
เขาส่ายหน้าปฏิเสธซึ่งทำให้นางถอนหายใจออกมาก่อนจะลุกขึ้นมายืนข้างเขาอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับมองไปยังรูนเวทมนตร์อันใหม่ที่เขากำลังออกแบบอยู่
เวลาผ่านไปอย่างต่อเนื่อง ช่วงเวลาในการแข่งขันก็ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ เม้าเทนซีเองก็เลื่อนเวลาในการอยู่ภายในดีพบลูออกไปเรื่อย ๆ โดยไม่มีทีท่าว่าจะย้ายออกไปเช่นกัน ยิ่งนางอยู่ในดีพบลูนานมากขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้แบล็คโกลด์มองริชาร์ดในแง่ดีมากขึ้นเท่านั้น นั่นก็เพราะเงินที่ได้รับจากนางช่วยให้ดีพบลูมีเงินสำหรับใช้จ่ายหนี้อันมหาศาลได้มากขึ้นกว่าเดิม ชีวิตมักเต็มไปด้วยความบังเอิญเสมอ ริชาร์ดที่รอการแข่งขันอย่างเงียบ ๆ และดำเนินชีวิตในทุก ๆ วันอย่างไม่หวือหวากลับต้องมาเจอกับสตีเว่นด้วยความบังเอิญในขณะที่เขากำลังเดินไปเรียนเหมือน ๆ ทุกวัน สำหรับเรื่องนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากมาก เพราะทั้งสองเลือกที่จะเข้าชั้นเรียนในหัวข้อวิชาที่แตกต่างกันตั้งแต่ที่พวกเขากลายเป็นคู่แข่งกันแล้ว แบล็คโกลด์เองก็คอยระมัดระวังอย่างมากเพื่อไม่ให้พวกเขาทั้งสองต้องมาเจอกันในชั้นเรียน
เมื่อสตีเว่นเจอกับริชาร์ดอีกครั้ง เลือดดราก้อนวอล็อคของเขาก็ปะทุขึ้น ใบหน้าของเขาเริ่มเกรี้ยวกราดทว่าเขาก็ยังคงพยายามรักษาภาพลักษณ์ของตัวเองไว้ เขาดึงมินนี่มาข้างตัวก่อนเดินตรงไปยังริชาร์ดช้า ๆ ด้วยความมั่นใจ
ความมั่นใจของดราก้อนวอล็อคไม่ได้มาจากเหล่าลูกน้องที่ติดตามเขา แต่มาจากเหล่าเมจผู้คุมกฎ 4 คนรวมถึงไนท์อีก 2 คนที่เดินตามหลังเขามา แม้ว่าเขาจะรู้อยู่แก่ใจว่าคนเหล่านี้ไม่ใช่ผู้ช่วยของเขาแต่เป็นคนที่แบล็คโกลด์ส่งมาเพื่อควบคุมและจับตาดูเขา อย่างไรก็ตามคนส่วนมากก็เข้าใจผิดคิดว่าคนเหล่านี้เป็นผู้ช่วยระดับสูงของเขาอยู่ดี ในเวลานี้สตีเว่นต้องการที่จะใช้ความเข้าใจผิดนั้นเพื่อข่มริชาร์ดให้หลีกทางให้กับเขา เขารู้ดีว่าการกระทำนี้คงไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาได้ เขาคิดเพียงแค่ว่าการได้ข่มขู่ริชาร์ดเพียงชั่วขณะจะสร้างความพึงพอใจให้เขาก็เท่านั้น
ทว่าขณะที่เขาก้าวเดินตรงไปข้างหน้าและกำลังจะพูดออกมา เขากลับรู้สึกว่าอะไรบางอย่างได้หายไปจากด้านหลังของเขา เขาหันกลับไปมองด้วยความเร่งรีบและพบว่าเหล่าผู้คุ้มกันที่มากับเขายังยืนอยู่จุดเดิมโดยไม่สนใจที่จะก้าวตามเขามาอย่างที่ควรจะเป็น สายตาของคนเหล่านั้นจับจ้องไปที่หญิงสาวที่อยู่ข้างกายริชาร์ดด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย ดราก้อนวอล็อคเดินตรงไปด้านหน้าหญิงสาวก่อที่เขาจะนึกขึ้นได้ว่าหญิงสาวคนนี้เป็นคนเดียวกับคนที่ชนเขาในเทศกาลกลางฤดูร้อน นั่นทำให้เหตุการณ์ในวันนั้นซึ่งสร้างความอับอายลอยกลับเข้ามาในหัวเขาอีกครั้ง
ริชาร์ดจ้องมองมาที่สตีเว่นเช่นเดียวกัน ในเวลานี้เขาไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวสตีเว่นเลยแม้แต่น้อย แต่ถึงอย่างไรการที่ได้มาเจอกันเช่นนี้ก็ทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป
ก่อนที่ริชาร์ดจะทันได้แสดงท่าทีอะไรออกมา สตีเว่นและมินนี่ก็ได้ก้าวข้ามไปยังถนนฝั่งตรงข้ามแล้ว ริชาร์ดสังเกตเห็นว่าตอนที่เดินผ่าน สตีเว่นไม่ได้เหลียวมองมาเลยแม้แต่นิด ! เขาทำราวกับว่าตั้งใจที่จะเดินไปยังฝั่งตรงข้ามตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
แต่ทันทีที่สตีเว่นเดินข้ามไปถึงอีกฝั่ง เขาก็หันกลับมามองริชาร์ดด้วยสายตาดุดัน ซึ่งนั่นทำให้เห็นว่าสตีเว่นจงใจที่จะหลีกเลี่ยงไม่เผชิญหน้ากับเม้าเทนซี เพราะสำหรับเขาแล้วการสร้างความโกรธแค้นให้กับเจ้าหญิงแห่งจักรพรรดิมิลเลนเนียลเป็นเรื่องที่ไม่น่าทำเท่าไหร่นัก หากนางโมโหขึ้นมาจริง ๆ เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป
การกระทำของสตีเว่นทำให้ริชาร์ดมึนงงอยู่ไม่น้อย พอรู้ตัวอีกทีสตีเว่นก็หายไปอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนหรือพูดจายั่วยุให้เขาโกรธเหมือนทุก ๆ ครั้ง และหลังจากที่เขาเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็หันไปมองหญิงสาวที่อยู่ข้างกายก่อนจะได้รับคำตอบจากเรื่องนี้ทันที
ในตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมสตีเว่นจึงทำเช่นนั้น และเขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาพร้อมกับส่ายหน้าแสดงความไม่ต้องการเก็บเรื่องเหล่านั้นมาใส่ใจ ส่วนเม้าเทนซีนั้น ดราก้อนวอล็อคไม่ได้อยู่ในสายตาของนางเลยแม้แต่น้อย ดูเหมือนว่าเขาเป็นเพียงสิ่งของที่ไม่มีตัวตนและพร้อมที่จะเคลื่อนตัวออกจากทางเดินของนางได้ด้วยตัวของมันเองโดยที่นางไม่จำเป็นต้องทำอะไร