นครแห่งบาป City of Sin - ตอนที่ 46 สูงส่งและป่าเถื่อน
ผู้คนรอบ ๆ ไม่ได้ซ่อนความอยากรู้อยากเห็นอีกต่อไป ไม่นานเสียงพูดคุยก็ดังขึ้นภายในฮอลล์
เปลวเพลิงในดวงตาลึกของสตีลร็อคทำให้เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นเซนต์ และการเผชิญหน้ากับผู้ที่อยู่ในระดับ 19 และมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นวอริเออร์ระดับ 20 คงไม่มีใครมั่นใจว่าจะได้รับชัยชนะจากการต่อสู้กับบุคคลผู้นี้ แม้แต่วอริเออร์ 2 คนที่ถูกส่งตัวมาเพื่อปกป้องดูแลสตีเว่นก็ยังไม่กล้าที่จะสบตากับเขา เป็นเพราะพวกเขารู้ดีว่าหากเกิดการปะทะกัน เพียงแค่ชายผู้นี้เหวี่ยงหมัดหนเดียว พวกเขาก็คงจะน็อกกลางอากาศได้ในเวลาไม่กี่วินาที
ทว่าในตอนนี้ สตีลร็อคไม่ได้เป็นหัวข้อที่ทุกคนกำลังถกเถียงกัน เรื่องที่พวกเขากำลังแปลกใจคือไม่มีใครรู้เรื่องที่ชารอนเสนอการประมูลเพื่อที่จะรับนักเรียนที่จ่ายทุนการศึกษาด้วยตัวเองให้กับจักรวรรดิมิลเลนเนียลด้วย แต่เหล่าชนชั้นสูงของทวีปก็พอจะรู้ว่าหลานสาวของจักรพรรดินีเจลันเป็นคนที่ได้มันไปในท้ายที่สุด
รากฐานตระกูลของจักรวรรดิมิลเลนเนียลสามารถสืบย้อนไปถึงยุคของเหล่าเอลฟ์ได้ เพราะมีตระกูลของจักรพรรดิหลายคนที่มีเลือดเอลฟ์ผสมอยู่ในตัวของพวกเขาด้วย จึงทำให้จักรวรรดิเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องของศิลปะ เวทมนตร์ และทักษะการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมจนทำให้พวกเขามีชื่อเสียงไปทั่วโลก ไม่มีใครคาดคิดว่าหลานสาวของจักรพรรดินีเจลันจะเป็นเด็กสาวบาร์บาเรียนที่ปรากฏตัวพร้อมด้วยเหล่าผู้คุ้มกันที่มีลักษณะป่าเถื่อนเช่นนี้ ภาพตรงหน้าเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายอย่างมาก คนเหล่านั้นรู้สึกประหลาดใจหลังจากที่ได้ยินสตีลร็อคป่าวประกาศออกมา เพราะนั่นหมายถึงเหล่าผู้คุ้มกันที่ติดตามนางมา ประกอบไปด้วยผู้พิทักษ์ที่ยอดเยี่ยมแห่งจักรวรรดิมิลเลนเนียล !
หลังจากที่ทุกคนรู้ว่านางเป็นใครและมาจากต้นตระกูลใด คนเหล่านั้นต่างก็เปลี่ยนความคิดทันที แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีเหล่าชนชั้นสูงบางกลุ่มที่แสดงท่าทางไม่พอใจให้เห็น ทว่าในเวลานี้พวกเขากลับแสดงท่าทางที่อ่อนน้อมถ่อมตัวราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น พวกเขารู้ดีว่าตัวเองไม่สามารถจะเอาอะไรไปสู้กับฝ่ายของนางได้ นี่จึงถือเป็นการวางตัวที่ดีที่สุดในตอนนี้ การปรากฏตัวของนางในฐานะหลานของจักรพรรดินีแห่งจักรวรรดิมิลเลนเนียลทำให้ทุกคนต่างเกรงกลัวและยอมอ่อนข้อให้อย่างเลี่ยงไม่ได้
ปากของสตีเว่นกระตุกขึ้นอีกครั้ง ในเวลานี้เขาก็อยากจะแสดงตัวให้ทุกคนได้รับรู้ว่าเขาเองก็เป็นนักเรียนที่จ่ายค่าเล่าเรียนเองเช่นเดียวกันกับนาง แต่เขาก็ฉลาดพอที่จะไม่ทำเช่นนั้น เขาคงไม่กล้าพูดอะไรทำนองนั้นไปโดยไม่รู้สึกเกรงกลัวอะไรได้
คำที่กล่าวว่า ‘สนับสนุนตัวเอง’ มีความหมายแตกต่างกันออกไป สำหรับหญิงสาวคนนั้น นางเป็นเหมือนกับความสง่างามที่น่าเทิดทูน แต่สำหรับเขามันกลับเป็นเพียงเรื่องตลกในสายตาคนอื่น
สตีลร็อคยังคงอยากจะพูดต่อไปอีก สายตาของเขากวาดไปรอบ ๆ ห้องขณะที่เขาแกว่งแขนไปมา เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการที่จะเลือกดูคู่ต่อสู้เพื่อคลายกล้ามเนื้อของตัวเอง ทว่าหญิงสาวยกมือขึ้นเพื่อให้เขาสงบเสงี่ยมลง ความเงียบจึงครอบคลุมฮอลล์แห่งนี้อีกครั้ง
หญิงสาวหลับตาลงก่อนจะเงยหน้าขึ้น จมูกเรียวเล็กและสูงโด่งของนางสูดกลิ่นบางอย่างอย่างต่อเนื่อง ส่วนผู้อาวุโสด้านหลังของนางสะดุ้งตื่นจากการสัปหงกแล้วกวาดสายตาไปรอบ ๆ ฮอลล์ก่อนที่จะเข้าสู่โหมดพักผ่อนอีกครั้ง
หญิงสาวตบแขนของสตีลร็อคก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงทรงพลังว่า “กลิ่นนั่น ! เจ้าได้กลิ่นหรือไม่ ?”
สตีลร็อคสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อสูดดมกลิ่นที่นางกำลังสงสัย ทว่าเขากลับไม่ได้กลิ่นอะไรเลยแม้แต่น้อย นางหลับตาลงก่อนสูดลมหายใจเข้าอีกครั้งเพื่อตามกลิ่นที่จับต้องไม่ได้ เหล่าทหารของนางอีกสิบกว่าคนเดินตามนางไปเงียบ ๆ โดยไม่ส่งเสียงรบกวน ท่าทางการเดินของคนเหล่านั้นดูเหมือนจะเป็นจังหวะการเต้นรำของเหล่าชนเผ่า นั่นทำให้ผู้ที่กำลังมองดูอยู่รู้สึกขบขันเป็นอย่างมาก
แม้ว่ามันจะเป็นท่าทางที่น่าขัน ทว่าในเวลานี้ก็ไม่มีใครกล้าส่งเสียงหัวเราะออกมาแม้แต่คนเดียว ทุกคนต่างรู้ดีว่าการหัวเราะเหล่าผู้พิทักษ์ของจักรวรรดิมิลเลนเนียลนั้นดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องที่น่าทำเท่าไหร่นัก
หญิงสาวทำราวกับว่าที่แห่งนี้มีเพียงนางแค่คนเดียว นางเดินผ่านเหล่าขุนนางโดยไม่ได้สนใจความอยากรู้อยากเห็นที่ถาโถมเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นความผิดหวัง หรือความคาดหวังใด ๆ จากคนรอบข้างเหล่านั้น นางก็ไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย เมื่อเห็นนางก้าวเดินใกล้เข้ามา ทุก ๆ คนต่างก็พากันหลีกทางให้นางเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว ส่วนสตีเว่นที่ไม่ได้สนใจจะหลีกทางให้กับนางจึงถูกชนเข้าอย่างจังอีกครั้ง มันดูเหมือนว่านางจะไม่ได้สนใจสิ่งที่อยู่ตรงหน้าใด ๆ เลย นางรู้เพียงอย่างเดียวว่าหากมีสิ่งกีดขวาง นางก็พร้อมที่จะพุ่งชนเข้าใส่โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
ร่างเล็กของหญิงสาวเต็มไปด้วยพละกำลัง การเดินชนของนางสามารถผลักวอริเออร์ 2 คนที่อยู่ในระดับ 12 ออกไปได้ไกลหลายเมตรอย่างง่ายดาย นั่นแสดงให้เห็นว่าความเก่งกาจของนางนั้นทำให้ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะก้าวเข้ามาขัดขวางแม้แต่คนเดียว
ขณะเดียวกัน ริชาร์ดกำลังยืนอยู่ด้านหน้าหนังกิ้งก่ายักษ์ขนาดใหญ่ เขาจับปากกาและกระดาษอยู่ในมือ และกำลังคำนวนอะไรบางตรงบริเวณมุมมืดของฮอลล์ หนังชิ้นนี้มีราคาถึง 120,000 เหรียญ และมีคุณภาพยอดเยี่ยมมากพอที่จะใช้ในการสร้างรูนขั้นพื้นฐานได้
มันเป็นหนังที่มีขนาดใหญ่มาก สำหรับการสร้างรูนนั้นริชาร์ดได้คำนวนไว้แล้วว่าสิ่ง ๆ นี้จะถูกใช้ไปเพียง 10% เท่านั้น ด้วยเหตุนี้ราคา 120,000 เหรียญก็ดูเหมือนจะยังสูงเกินไปสำหรับคนที่ไม่ได้รับเงินแม้แต่เหรียญเดียวจากกาตอนอย่างเช่นเขา ริชาร์ดรู้ดีว่าเขาไม่ควรที่จะสูญเสียเงินเพื่อซื้อสิ่งนี้ เขาจึงคำนวณหาวิธีเพิ่มการใช้งานของหนังชิ้นนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่นการใช้มันเพื่อสร้างอะไรบางอย่างที่สามารถขายออกไปเพื่อนำเงินกลับมาให้เขาได้มากกว่าเดิม
หนังของกิ้งก่ามีรูปร่างที่ผิดปกติอย่างมาก สภาพภายนอกของมันแสดงให้เห็นว่าคนที่ถลกหนังมันออกมาไม่ค่อยเชี่ยวชาญเท่าไหร่นัก บริเวณขอบบางแห่งก็ไม่ได้เรียบอย่างที่ควรจะเป็น แม้ว่าผิวจะอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ก็ตาม และบางขั้นตอนในการประมวลผลของหนังชิ้นนี้ก็มีลักษณะที่แปลกอย่างมาก
จากคุณภาพของสินค้าตรงหน้า จัดว่ามันยังไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะนำมาตั้งประมูลได้เลยเมื่อเทียบกับสินค้าชิ้นอื่น ความผิดปกติของมันทำให้หลายคนต่างสงสัยว่ามันมาอยู่ในมือของเลเจนดารี่เมจได้อย่างไร ก่อนหน้านี้แบล็คโกลด์เคยคิดอยากจะกำจัดมันออกไป ทว่าเขาก็ยกเลิกความคิดนั้นเพราะเขาคิดว่าอย่างไรเสีย มันก็ยังเป็นสินค้าที่สามารถขายเพื่อแลกเป็นเงินได้อยู่ดี และเขาเองก็อยากจะรู้ด้วยว่าหากเขานำมันมาตั้งประมูล จะสามารถเพิ่มมูลค่าของมันได้หรือไม่
หนังชิ้นนี้ไม่ได้บอกรายละเอียดอย่างละเอียดเหมือนกับสินค้าคุณภาพสูงชิ้นอื่น มันบอกเพียงแค่ขนาดและวัสดุเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น มันก็ไม่ได้ถูกระบุถึงแหล่งที่มาหรือต้นกำเนิดเลยแม้แต่น้อย
แบล็คโกลด์สงสัยว่าสิ่งมีชีวิตนี้ไม่ได้เป็นสิ่งที่ชารอนต้องการแต่แรก แต่อาจเป็นเพราะมันวิ่งเข้าหาชารอนด้วยตัวของมันเอง จึงทำให้นางได้สิ่งนี้มาครอบครอง และถึงแม้ว่าจะได้มา แต่มันก็ไม่ได้มีคุณค่าที่คู่ควรเท่าไหร่นัก ท้ายที่สุดแล้วแบล็คโกลด์จึงเรียกสิ่งนี้ว่า ‘ไม่มีแหล่งที่มา’
ทว่าถึงอย่างนั้น สำหรับริชาร์ดที่มีเงินและวัตถุดิบอย่างจำกัด หนังชิ้นนี้จึงเป็นเหมือนกับของขวัญที่ได้จากถ่านหินในช่วงฤดูหิมะเลยทีเดียว
หลังจากที่เขาคำนวนตัวเลขเสร็จแล้ว เขาก็เดินสำรวจรอบ ๆ ต่อ ในพื้นที่ของฮอลล์จัดนิทรรศการแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้กับร้านค้าซึ่งไม่ได้รับความสนใจจากผู้คนเท่าไหร่นัก นั่นทำให้เขาสามารถคำนวนสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างสงบ ไม่มีใครมารบกวน
ริชาร์ดก้าวเดินไปข้างหน้าโดยไม่ทันได้สังเกตว่าตัวเองกำลังเดินเข้ามายังจุดศูนย์กลางที่มีผู้คนรายล้อมและให้ความสนใจกับบางอย่างอยู่ เขาถูกสายตานับพันคู่จับจ้องราวกับเขาเป็นมังกรยักษ์ เขารู้สึกตกใจอย่างมากกับสิ่งที่เกิดขึ้นจึงรีบกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ฮอลล์ทันที !
และโดยที่ไม่ได้ทันตั้งตัวนั้น หญิงสาวคนหนึ่งที่แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าแปลกประหลาดก็เดินชนเขาเข้าอย่างจัง ! นางเงยหน้าขึ้นทั้งที่กำลังหลับตาอยู่ และใช้จมูกสูดกลิ่นต่อไปอย่างไม่ได้ใส่ใจหรือรู้สึกผิดต่อริชาร์ดเลยแม้แต่น้อย ข้างหลังนางมีเหล่าผู้พิทักษ์ที่ดูป่าเถื่อนมากเดินตามหลังมา นอกจากนี้เขายังสังเกตเห็นเหล่าทหารที่สวมใส่ชุดเกราะแฟนซีประหลาดตากำลังเดินติดตามนางมาด้วยเช่นกัน จากมุมมองของริชาร์ด การก้าวเดินของคนเหล่านั้นทำให้ดูเหมือนว่าพวกกำลังเตรียมจะขโมยอะไรบางอย่างในที่นี้ เป็นเพราะคนเหล่านั้นสวมใส่ชุดเกราะทั้งตัว พวกเขาจึงต้องก้าวเดินด้วยท่าทางที่แปลกประหลาดและน่าขัน ซึ่งแท้จริงแล้วท่าทางการเดินเช่นนี้เป็นวิธีการที่ดีที่สุดที่จะไม่ทำให้เกิดเสียงดังรบกวน
ในเวลานี้สัญชาตญาณของริชาร์ดกำลังเตือนเขาถึงอันตรายบางอย่างที่กำลังก้าวเข้ามา…
นอกจากสายตาของคนทั้งฮอลล์ที่จับจ้องมาทางเขาแล้ว ยังมีกลุ่มคนประหลาดที่กำลังพุ่งตรงมาหาเขาอย่างไม่ลังเลและไม่มีทีท่าว่าจะหลบหลีก เขาลองหันมองทั้งทางซ้ายและทางขวาก็พบว่าไม่มีใครที่กำลังยืนอยู่จุดนี้เช่นเดียวกับเขาเลย นั่นทำให้เขาตระหนักขึ้นมาได้ว่าเป้าหมายของหญิงสาวคนนี้คงจะเป็นอะไรก็ตามที่อยู่ด้านหลังของเขาอย่างแน่นอน แต่ทว่าด้านหลังของเขา…
เมื่อเขานึกขึ้นได้ก็รีบหันหลังกลับไปมองหนังกิ้งก่าที่อยู่ด้านหลัง แต่เมื่อเขาหันกลับมาก็พบกับสายตาของเหล่าบาร์บาเรียนที่กำลังจ้องมองมาที่เขาด้วยสายตาชิงชังราวกับว่าเขากำลังดูถูกเทพธิดาของพวกนั้น