นครแห่งบาป City of Sin - ตอนที่ 39.2 ความน่าหวาดกลัว [2]
ท้ายที่สุดมินนี่ก็เลือกที่จะพยักหน้าแล้วนำกระดาษขึ้นมาเขียนข้อความที่เหมือนกับของสตีเว่น จดหมายนี้จะถูกส่งไปให้กับมาร์ควิสไนออลผู้เป็นบิดาของนาง อาจจะเป็นเพราะนางถูกชายผู้นั้นทอดทิ้งจึงทำให้นางรู้สึกหนักใจกับเรื่องที่ทำน้อยกว่าสตีเว่น เงินที่นางได้รับจากเขาก็ถือเป็นเพียงจำนวนรายรับที่เพิ่มเติมมาซึ่งไม่ได้เยอะเท่ากับจำนวนเงินที่ตระกูลของสตีเว่นมอบให้
แสงแห่งวงเวทย์หายไปพร้อมจดหมายทั้ง 4 ฉบับก่อนหน้านี้ และจากนั้นสตีเว่นก็ส่งสัญญาณเวทมนตร์ระดับสูงเพื่อรวมกลุ่มลูกน้องทั้งหมดในดีพบลูให้มายังที่พักของเขา
มินนี่รู้ถึงสัญลักษณ์นี้เป็นอย่างดี นางจึงอดไม่ได้เช่นเคยก็เลยเอ่ยปากถามออกไปอีกครั้ง “เจ้าจะเปิดเผยเรื่องที่เกิดขึ้นให้ทุกคนรับรู้งั้นหรือ ?”
สตีเว่นจ้องหน้านางก่อนหัวเราะออกมาอย่างดูถูก “เจ้าอย่าไร้เดียงสาไปหน่อยเลย มีอะไรเกี่ยวกับพวกเราที่พวกเขาไม่รู้บ้าง ?”
ดราก้อนวอล็อคหมุนแหวนที่อยู่บนนิ้วของเขาก่อนที่จะไตร่ตรองถึงสถานการณ์ปัจจุบัน “อืม… การรวบรวมคนของข้าเป็นการแสดงให้เห็นถึงจุดยืนของตัวข้า มันหมายถึงว่าข้ายอมรับความพ่ายแพ้และจะไม่ทำอะไรต่อจากนี้อีก การทำเช่นนี้จะทำให้ฝ่ายตรงข้ามพร้อมที่จะเข้าโจมตีเรามาได้ทุกเมื่อ และหากเป็นเช่นนั้นมันจะเป็นการเตือนไปยังเหล่าคนชั้นสูงที่อยู่ภายในดีพบลูให้ต้องลงมือทำอะไรบางอย่าง ซึ่งถ้าหากพวกเขาเลือกที่จะไม่ทำอะไรเลยก็ดูเหมือนว่าจะต้องเกิดเรื่องที่น่ากลัวขึ้นแน่ ๆ”
จนถึงตอนนี้เขายอมรับแล้วว่าแผนการและการกระทำทั้งหมดที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้นั้นล้มเหลวลงแล้ว
อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะนึกสาปแช่งเมจเฒ่าคนที่พาเขาเดินชมดีพบลูในคราวก่อน เพราะคำพูดของเมจเฒ่าผู้นี้แท้ ๆ ที่ให้ข้อมูลกับเขาว่าริชาร์ดจะกลายเป็นรูนมาสเตอร์ในอนาคต อีกทั้งยังให้ข้อมูลอื่น ๆ กับเขาอีกจึงทำให้เขาอดสงสัยไม่ได้ว่าริชาร์ดผู้ซึ่งเป็นทายาทสืบทอดตระกูลใหญ่จะกลายมาเป็นรูนมาสเตอร์ในอนาคตโดยศึกษาอยู่ภายในนี้เพียงลำพังและไม่มีคนช่วยเหลือข้างกายของเขาเลยแม้แต่คนเดียวได้อย่างไร ?
อีกทั้งเขายังสันนิษฐานว่าผู้ช่วยเหลือที่อาเครอนส่งมานั้นจะมีความแข็งแกร่งพอ ๆ กับกลุ่มแอสซาซินซึ่งอยู่ระหว่างระดับ 10 และ14 เหมือนที่เขาส่งไป หากเป็นเช่นนั้นก็คงไม่จำเป็นที่จะต้องกังวลอะไร ทว่าคนที่อยู่ข้างกายของริชาร์ดเหล่านั้นกลับไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิด เพราะคนที่เขาส่งไปนั้นไม่สามารถทำอะไรฝั่งริชาร์ดได้เลย เขาอุตส่าห์เลือกที่จะใช้ความรุนแรงซึ่งเป็นเรื่องต้องห้ามภายในดีพบลูอย่างเงียบ ๆ โดยไม่ให้เกิดการแทรกแซงจากคนอื่นแล้วแท้ ๆ เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้จะต้องมีคนระดับสูงในดีพบลูคอยช่วยริชาร์ดอยู่เบื้องหลังเป็นแน่… เมื่อคิดได้เช่นนี้ ดราก้อนวอล็อคก็เกิดตัวสั่นขึ้นมา
เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง วอริเออร์ที่เคยเข้ามารับคำสั่งจากเขาก่อนหน้านี้ก็กลับเข้ามา สภาพของเขาดูแย่มาก ดวงตาของเขาทั้งลึกโบ๋และแดงก่ำ เห็นได้ชัดว่าเขาเกิดความกังวลตลอดทั้งคืน
เขาคุกเข่าลงต่อหน้าสตีเว่นทันทีพร้อมทั้งกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม “นายน้อย จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีข่าวคราวใด ๆ มาถึงข้าเลย ข้าวางแผนที่จะไปตรวจสอบแล้ว…”
ทว่าสตีเว่นโบกมือก่อนจะกล่าวแทรกขึ้น “ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบอะไรแล้ว ค่อย ๆ พาคนของเจ้ากลับมา คำสั่งที่ข้าสั่งก่อนหน้านี้ยกเลิกมันไปให้หมด ทำทุกอย่างให้ปกติราวกับว่าไม่เคยได้รับคำสั่งจากข้า แต่… หากเจ้าได้รับข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ให้รีบมาบอกข้า ถ้าไม่มีใครส่งข่าวคราวมาก็ไม่ต้องออกค้นหาหรือตรวจสอบให้คนอื่นสงสัย เข้าใจที่ข้าพูดไหม ?”
วอริเออร์รู้สึกสับสนอยู่ครู่หนึ่งแต่เมื่อเขาเข้าใจในสิ่งที่สตีเว่นพูดเป็นนัย เขาก็แสดงสีหน้าหวาดกลัวและเป็นกังวลขึ้นมากกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม สตีเว่นยังคงมีสีหน้าเรียบนิ่งและเขาก็มองไปยังนาฬิกาเวทมนตร์ขณะที่คิ้วขมวดเป็นปม “เคลริคอยู่ที่ไหน ? ทำไมเขาถึงยังไม่มาที่นี่อีก ?”
เมื่อเขาถามขึ้นด้วยท่าทางที่หมดความอดทนต่อการรอคอย เคลริคก็ปรากฏตัวขึ้นด้วยท่าทางลึกลับ เคลริคผู้นั้นลากกล่องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่เข้ามาด้วยก่อนจัดแจงวางตำแหน่งของมันอย่างระมัดระวังตรงพื้นใกล้ ๆ สตีเว่น และหลังจากนั้นเคลริคก็ก้มตัวลงทำความเคารพแก่เขา
“นายน้อย ข้าค้นพบสิ่งนี้โดยบังเอิญ ได้ยินมาว่านี่เป็นหุ่นเวทมนตร์ที่ริชาร์ดเคยใช้ก่อนหน้านี้ และเป็นเพราะมันไม่คุ้มค่าที่จะซ่อมให้กลับมาเหมือนใหม่จึงถูกส่งไปเพื่อทำลาย ข้าคิดว่าสิ่งนี้ควรค่าที่จะนำมันกลับมาให้ท่านได้ดู ข้าจึงซื้อมันมาในราคา 30,000 เหรียญ” เคลริคกล่าวขึ้น
‘30,000 เหรียญ ?’ แม้แต่หุ่นเวทมนตร์สภาพดีของดีพบลูก็ยังมีมูลค่าแค่หลักพันเหรียญเท่านั้น มินนี่และสตีเว่นแทบจะไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ในขณะเดียวกันวอริเออร์เองก็รู้สึกสงสัยอย่างมากว่าเคลริคยอมจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อสิ่งนี้ได้อย่างไร สำหรับหุ่นที่แต่เดิมมีราคาไม่ถึง 2,000 เหรียญนั้น เหตุใดจึงถูกซื้อมาในราคา 30,000 เหรียญได้ ความแตกต่างทางราคามันห่างกันอย่างชัดเจน ทั้งราคาและปริมาตรของสิ่ง ๆ นี้ล้วนแต่เกินความคาดหมายของสตีเว่นอย่างมาก
เคลริครับรู้ได้ถึงความเคร่งเครียดของสถานการณ์ในตอนนี้ เขาจึงรีบหยิบหุ่นตัวนั้นออกมาอธิบายอย่างรวดเร็ว
ผู้ที่มีหน้าที่ในการทำลายและหลอมละลายหุ่นตัวนี้คือแบล็คโกลด์ เขาก็เอาแต่พึมพำกับลูกน้องของเขาว่าสิ่งนี้แปลกมาก บังเอิญว่าหนึ่งในลูกน้องของเขาคือเพื่อนของเคลริคคนนี้ เมื่อเห็นถึงความแปลกประหลาดที่มี เขาจึงรีบมาบอกให้เคลริคทราบอย่างรวดเร็ว
ผู้ช่วยค่อนข้างที่จะมีลักษณะคล้ายคลึงกันกับคนแคระเกรย์ แม้ว่าจะเชื่อฟังกฎภายในดีพบลูอย่างเคร่งครัด แต่เมื่อใดก็ตามที่มีเรื่องของผลประโยชน์เข้ามา พวกเขาก็เลือกที่จะพิจารณาถึงผลประโยชน์มากกว่ากฎ เมื่อเห็นว่ามีผู้ต้องการของสิ่งใด ก็มักตัดสินใจขายสิ่งนั้นในราคาที่สูง ซึ่งเมื่อเคลริครู้ว่านี่เป็นหุ่นที่ริชาร์ดเคยใช้จึงตัดสินใจนำมันกลับมาด้วยราคาที่เกินความคาดหมายและรีบนำมันมาให้สตีเว่นดูทันที
และเมื่อหุ่นถูกนำออกมาในที่สุด สตีเว่นก็มองไปที่ร่องรอยความเสียหายที่ปรากฏอยู่บนหุ่นทันที รอยเลือดที่ทิ้งไว้สร้างความตกตะลึงอยู่ไม่น้อย เขาอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือออกไปสัมผัสรอยร้าวบนตัวหุ่นอย่างเบามือก่อนจะถามคำถามออกไป “อืม… เจ้าคิดว่ายังไง ?”
วอริเออร์มองดูด้วยสายตาที่เคร่งเครียดก่อนตอบกลับ “มันดูไม่เหมือนกับการเคลื่อนไหวพิเศษหรือโจมตีเข้าสู่จุดสำคัญเลย ข้าว่าเขาอาจจะต่อยมันด้วยวิธีการสุ่มไปเรื่อย ๆ แต่พลังของเขานี่สิ… มันช่างน่ากลัวนัก ในความเป็นจริงแล้วควรมีเพียงวอริเออร์ที่กำลังฝึกฝนอยู่ในระดับ 10 ไม่ใช่หรือที่น่าจะมีพลังแข็งแกร่งขนาดนี้ จากที่ดูแล้วหุ่นตัวนี้น่าจะอยู่ในระดับเดียวกับไนท์ที่มีชุดเกราะในการป้องกันการโจมตี หรือจะพูดอีกอย่างว่า ริชาร์ดแข็งแกร่งเพียงพอที่จะฆ่าไนท์ให้ตายได้เพียงหมัดเดียว แต่… แต่เขาเป็นเมจไม่ใช่รึ ?”
แม้ว่าสตีเว่นจะค่อนข้างมั่นใจในความสามารถของคนที่เขาส่งไป แต่เมื่อเขาได้เห็นหุ่นตัวนี้เขาก็รู้สึกแปลก ๆ ไปซึ่งมันคล้ายกับความไม่มั่นใจ อโคไลท์ที่มีพลังวอริเออร์ระดับ 10 งั้นรึ ? ความเย็นยะเยือกครอบงำเขาอีกครั้ง พรสวรรค์ทางเผ่าพันธุ์ ความสามารถทางสายเลือด และไอเท็มเวทมนตร์ที่ทรงพลังสามารถสร้างความแข็งแกร่งที่บริสุทธิ์ให้กับริชาร์ดได้ทั้งหมด นี่มันทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะคิดสงสัยว่ายังมีความลับของริชาร์ดอีกมากมายแค่ไหนกันที่เขายังไม่รับรู้ ?
ในตอนแรกเขารู้สึกว่าเขาเลือกคู่ต่อสู้ผิด ทว่าในตอนนี้เขารู้แล้วว่านี่มันไม่ใช่ทางเลือกของเขาตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ เขาเป็นเพียงนักเรียนที่ต้องยอมจ่ายค่าใช้จ่ายด้วยตัวเอง ส่วนชารอนก็ได้เลือกรูนมาสเตอร์ในอนาคตไว้แล้ว
“ทำไมเจ้าไม่เอามาให้ข้าดูเร็วกว่านี้ !?” สตีเว่นตะโกนใส่หน้าเคลริคอย่างเดือดดาล
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เคลริคก็มีสีหน้าหมองลงและทำได้เพียงเงียบไป สิ่งที่เขาทำได้มากที่สุดคือการนำหุ่นตัวนี้กลับมา แต่จะให้เขาเอามันมาให้เร็วขึ้นได้อย่างไรในเมื่อเขาก็เพิ่งจะรู้เรื่องเมื่อเช้าวันนี้เอง ?
เมื่อความโกรธของสตีเว่นค่อย ๆ ลดลงแล้ว วอริเออร์ก็กล่าวขึ้นมา “นายน้อย หัวของหุ่นมัน…”
สิ่งนี้ก็เป็นสิ่งที่สตีเว่นตระหนักขึ้นได้เช่นเดียวกัน หุ่นตัวนี้ไม่มีหัวแล้ว ซึ่งหัวถือเป็นส่วนสำคัญที่สุดที่ได้หายไป ร่องรอยตรงคอถูกตัดออกอย่างประณีตอย่างมากจนทำให้คนที่เห็นต้องอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาตัดมันออกไปได้อย่างไร
เมื่อเห็นสตีเว่นจ้องมองมา เคลริคก็รีบกล่าวอธิบายทันที “ผู้ช่วยของเขากล่าวว่าส่วนหัวเป็นส่วนที่พิเศษที่สุด ดังนั้นแบล็คโกลด์จึงเก็บไว้ที่เขา เขาบอกว่าส่วนหัวนั้นสามารถขายได้แต่มีราคาสูงมาก อย่างน้อยก็ 100,000 เหรียญ !”
หืม…? หัวนั่นมันพิเศษขนาดนั้นเลยรึ ?
“เอาล่ะ ข้าจะให้เจ้า 150,000 เหรียญ ไปเอาหัวนั้นมาให้ข้า !” มาถึงตอนนี้สตีเว่นก็ไม่ได้สนใจเกี่ยวกับราคาของมันอีกต่อไปเพราะเขาทนไม่ได้แล้ว เขาต้องการที่จะรู้จุดอ่อนของคู่ต่อสู้ของเขาให้เร็วที่สุดเผื่อมันจะช่วยให้เขาหาทางออกให้กับตัวเองในอนาคตได้
เคลริคมองไปยังวอริเออร์ก่อนจะแนะนำว่า “นายท่าน หรือท่านจะให้คนอื่นไปแทนข้า ?”
สตีเว่นส่ายหน้า “ไม่ เจ้านั่นแหละไป ข้าเชื่อใจเจ้า !”
เคลริคเดินออกไปด้วยความรู้สึกประทับใจกับคำพูดของสตีเว่น แต่ก่อนเดินออกไปเขาก็จ้องมองไปยังวอริเออร์ด้วยสายตาที่ดุดัน
……
เวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมงและเคลริคก็กลับมา สีหน้าของเคลริคดูไม่ค่อยสู้ดีนัก ในเวลานี้กล่องทองแดงที่ถูกล็อคอยู่ภายในมือของเขา เขาลังเลและดูไม่เต็มใจที่จะเปิดมันออกมาทว่าสตีเว่นก็คว้ามันไปโดยไม่พูดอะไร เขาเปิดมันออกแล้วดึงส่วนหัวออกมา แต่ภาพตรงหน้าทำให้เขาชะงักไปทันที
นี่เป็นหัวของหุ่นที่มีลักษณะใสแวววาวราวกับกระจกและยังดูเหมือนใหม่อย่างมาก มันไม่ได้รับความเสียหายใด ๆ เลย ส่วนหัวและส่วนตัวที่อยู่ในมือของเขาก่อนหน้านี้เข้ากันได้เป็นอย่างดีทว่าสภาพของมันแทบจะเรียกได้ว่ามาจากคนละตัวด้วยซ้ำ !
“ของแค่นี้ 150,000 เหรียญเชียวรึ ? ” เสียงของสตีเว่นเต็มไปด้วยความเยือกเย็นราวกับพายุที่พัดอยู่ในนรก สถานการณ์ในตอนนี้ทำให้เคลริคเหงื่อซึมออกมาทั่วตัวแต่เขาก็ต้องกล่าวยืนยันราคาอย่างเลี่ยงไม่ได้
ทันใดนั้น สตีเว่นก็ระเบิดเสียงหัวเราะก่อนจะโยนหัวที่ได้มาลงในถังขยะทันที “ดี เจ้าทำได้ดีแล้ว ! เจ้าใช้เงินเป็นจริง ๆ !”
แม้วอริเออร์และเคลริคจะรู้สึกได้ถึงพฤติกรรมที่แปลกประหลาดไปของสตีเว่น แต่ก็มีเพียงมินนี่คนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่าทุกอย่างเกิดจากอะไร นางไม่ได้เปล่งเสียงหัวเราะออกมาเหมือนกับที่สตีเว่นทำ เลือดที่เกรอะกรังอยู่บนหุ่นตัวนี้ซึมซับเข้าไปในสมองของนางเช่นเดียวกัน สภาพที่ยับเยินและเลือดที่เกาะอยู่บนหุ่นทำให้นางตระหนักได้ว่าริชาร์ดนั้นบ้าคลั่งและป่าเถื่อนมากแค่ไหน เขาเป็นเหมือนกับภูเขาไฟที่สามารถระเบิดออกมาได้ตลอดเวลาและดูเหมือนว่ามันจะถูกซ่อนอยู่ภายในใจส่วนลึกของเขาเป็นอย่างดี หากนางมีโอกาสได้แก้ตัวอีกครั้ง นางก็จะเลือกไม่เป็นศัตรูกับริชาร์ดเป็นอันขาด นางอดไม่ได้ที่จะเกิดคำถามขึ้นมาเช่นเดียวกับสตีเว่นว่า -ทำไมพวกเขาถึงไม่เจอหุ่นตัวนี้ให้เร็วกว่านี้ ?
ในตอนนี้มินนี่รู้ดีว่าสตีเว่นกำลังอยู่ในโหมดที่ไม่จรรโลงใจเท่าไหร่นัก แต่การที่แบล็คโกลด์ยอมรับเงินจากเขาก็ถือเป็นข่าวดีอยู่ไม่น้อยเพราะมันทำให้เขาได้เห็นประกายแห่งความหวังภายในความมืดมิดในตอนนี้…
ในขณะเดียวกัน แบล็คโกลด์รู้สึกว่าเขาอารมณ์ดีมาก เขาฮัมเพลงของชนเผ่าสตอร์มแฮมเมอร์ในขณะที่จัดการบัญชีของดีพบลูอย่างสบายใจ ในตารางรายรับ มีรายรับที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นภายในวันเดียวกันถึง 2 ครั้ง ซึ่งครั้งแรกเป็นตัวเลขจำนวน 30,000 ส่วนครั้งหลังเป็นจำนวนมากถึง 150,000 เขามองดูมันซ้ำ ๆ ด้วยความพึงพอใจก่อนที่จะเขียนลงไปอย่างร่าเริงราวกับว่าสิ่งเหล่านี้เป็นอัญมณีขนาดใหญ่ หุ่นตัวที่เขาขายออกไปได้นั้น หากเขาหลอมกลับมาใช้ใหม่มันก็จะมีราคาเพียงแค่ 10 เหรียญ ใครจะไปคาดคิดว่าของที่กำลังจะลงเตาหลอมจะสามารถให้ราคาคืนกลับมาได้มากมายเช่นนั้น ?
รายได้เสริมที่เกิดขึ้นนี้สร้างแรงบันดาลใจให้กับแบล็คโกลด์อย่างมาก เขาไม่ได้รู้สึกว่าเงินจำนวนนี้ยากในการต่อรองกับผู้ซื้อ เนื่องจากเงินทั้งหมดนี้มันกำลังจะเข้าสู่คลังสินค้าของดีพบลูเขาจึงยินดีที่จะรับเงินโดยไม่คำนึงถึงจำนวนเงินเลยด้วยซ้ำ ตราบใดก็ตามที่เขาได้กำไร สิ่งอื่นใดก็ดูจะไม่มีความสำคัญ