นครแห่งบาป City of Sin - ตอนที่ 39.1 ความน่าหวาดกลัว [1]
จนถึงตอนนี้ก้นแก้วได้ปรากฏให้เห็นอีกครั้งทว่าก็ยังไม่มีข่าวคราวอะไรกลับมาถึงหูเขาแม้แต่น้อย สตีเว่นรู้สึกวิงเวียนขึ้นมาจนทำให้เขาสงสัยว่าหรือนี่จะเป็นเพราะเขาดื่มเร็วเกินไป มินนี่เติมเหล้าให้เขาอีกครั้งซึ่งเขาก็ค่อย ๆ ยกมันขึ้นจิบพร้อมทั้งรอคอยอย่างมีความหวัง นี่เป็นช่วงเวลาสำคัญ ผู้ยิ่งใหญ่ทุกคนต่างต้องเจอกับสภาวะเช่นนี้อยู่บ่อยครั้ง และสิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็นตัวตัดสินว่าหลังจากนี้ทุกอย่างจะสงบลงหรือไม่
ตั้งแต่ที่เขาอายุยังน้อย สตีเว่นพยายามใช้ช่วงเวลาของเขาในการอ่านชีวประวัติจำนวนมากเพื่อศึกษาเรื่องราวและประสบการณ์ของผู้ยิ่งใหญ่เหล่านั้น ในตอนนี้แม้ว่าเขาจะเริ่มร้อนใจ แต่เขาก็ยังคงรักษาภาพลักษณ์และอดทนรอโดยไม่พูดอะไรออกมา
และเหล้าในแก้วก็ได้หมดลงก่อนจะถูกเติมจนเต็มอีกครั้ง แน่นอนว่าหลังจากที่เขารอคอยเป็นเวลากว่า 2 ชั่วโมงเต็ม ! ความอดทนของเขาก็หมดลงเช่นเดียวกัน เวลายาวนานเช่นนี้เพียงพอที่จะสามารถฆ่าคนทั้งถนนได้อย่างง่ายดาย ข่าวคราวที่เขาควรจะได้รับเป็นเหมือนกับก้อนกรวดที่ถูกโปรยลงไปใต้ท้องทะเล ในตอนนี้เขาไม่รู้เลยว่าภารกิจที่เขามอบหมายให้คนเหล่านั้นไปทำ มันสำเร็จหรือล้มเหลวกันแน่ !
เหงื่อเย็นเฉียบไหลซึมออกมาท่วมตัวจนทำให้เสื้อผ้าของเขาเปียกโชก เขาเงยหน้าขึ้นและมองไปยังมินนี่ที่กำลังถือขวดเหล้าที่ว่างเปล่าด้วยใบหน้าซีดเซียว เขาคว้ามือของนางอย่างรวดเร็วจนทำให้ขวดเหล้าตกพื้นแตกกระจายทว่าเขากลับกำลังจับมือของนางโดยลูบอย่างเบามือ
ความเย็นแผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่างกายของมินนี่ ในเวลานี้นางกำลังถูกความกังวลและความหวาดกลัวเข้าครอบงำ ก่อนหน้านี้นางเป็นเพียงคนดูที่ไม่ได้ออกความเห็นหรือลงมือทำ ทว่าในตอนนี้กลับกลายเป็นว่านางเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดไปเสียแล้ว และในเวลานี้ชะตากรรมของนางได้ถูกเชื่อมเข้ากับสตีเว่นอย่างเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไรล้วนส่งผลกับนางในทุก ๆ ทาง
มินนี่ไม่กล้าคิดถึงความล้มเหลวที่อาจจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ จุดจบที่เคยเกิดขึ้นกับแรนดอล์ฟทำให้นางรู้สึกหวาดกลัวอย่างมาก หากคนที่กำลังจะตกเป็นเป้าหมายคนต่อไปคือนาง นางจะทำอย่างไร ?
“เอายังไงต่อดี ? หรือว่าเราควรจะหนี ? ” สตีเว่นถามขึ้นอย่างฉับพลัน ในตอนนี้ความหวาดกลัวเกิดขึ้นภายในจิตใจของเขาจนทำให้เขาสูญเสียความมั่นใจที่มีก่อนหน้านี้ไปอย่างสิ้นเชิง สิ่งเดียวที่เขาต้องการทำจึงเป็นการหนีออกจากดีพบลูเพื่อกลับไปยังอาณาเขตของครอบครัวเขาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ในตอนนี้เขาไม่สนใจอนาคตที่จะกลายเป็นรูนมาสเตอร์อันรุ่งโรจน์ของเขาอีกต่อไปแล้ว สิ่งเดียวที่เขาต้องการคือพยายามรักษาชีวิตของตัวเองไว้
ทว่ามินนี่ยังคงนิ่งสงบอยู่อย่างน่าประหลาด นางดึงมือออกก่อนจะจับฝ่ามือของสตีเว่นไว้ และนางก็รวบรวมสติอย่างเต็มที่และกล่าวออกมาว่า “ไม่ เราหนีไม่ได้ อ่าวโฟลห่างจากจักรวรรดิเซเคร็ททรีถึง 6,000 กิโลเมตร การหลบหนีออกไปจากที่นี่ไม่ใช่เรื่องง่าย อีกอย่าง เจ้ามั่นใจว่าเจ้าจะหนีจากเลเจนดารี่เมจได้จริง ๆ น่ะรึ ? พวกเราหนี 1 ในแกรนด์เมจ 17 คนไปได้ไม่เกิน 100 กิโลเมตรหรอก”
คำพูดของมินนี่ทำให้เขาควบคุมสติได้อีกครั้ง เขาจึงกล่าวออกมาบ้าง “บางทีพวกเขาอาจจะทำสำเร็จแล้ว…” เขาพูดออกมาได้เพียงครึ่งประโยคเท่านั้นก็เงียบลง แม้ว่าฤทธิ์ของเหล้าจะทำให้สติและความรู้สึกของเขาช้าลงทว่าเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขำกับความคิดของตัวเองขึ้นมา
เขาหันไปถามมินนี่ที่ยังคงมีสติมากกว่าเขาเพื่อหาที่พึ่งให้กับตัวเอง “เราควรทำยังไงต่อดี ? ” เขาถามขึ้นอย่างสิ้นหวัง
“ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น”
“เราจะรออยู่อย่างนี้งั้นเหรอ ? ”
มินนี่ส่ายหน้าและกล่าวออกมา “ไม่ ตอนนี้พวกเราไม่สามารถคิดหาแผนการที่จะพุ่งเป้าไปยังริชาร์ดได้อีกต่อไปแล้ว สิ่งเดียวที่จะรักษาชีวิตของเราไว้ได้คือความช่วยเหลือจากตระกูลของพวกเรา บอกพวกเขาถึงเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นและดูว่าพวกเขาจะสามารถช่วยอะไรพวกเราได้บ้าง หากตระกูลของพวกเราเต็มใจที่จะเสนอค่าตอบแทนที่มากเพียงพอ ท่านชารอนก็อาจจะปล่อยพวกเราไป”
คำพูดของมินนี่สร้างความท้อแท้และสิ้นหวังให้กับสตีเว่นอีกครั้ง เขาใช้มือจิกผมตัวเองและพึมพำออกมา “พวกเขาจะช่วยอะไรเราได้ ? ไม่มีทาง ! สิ่งที่ข้าทำมันเป็นเรื่องร้ายแรงแต่ไร้สาระ คนที่ข้าต้องการจะฆ่าคือเจ้าเด็กริชาร์ด เจ้าเด็กนั่นเป็นที่รักของเลเจนดารี่เมจ ! แม้แต่บิดาของข้าก็ทำอะไรไม่ได้ เขาอาจจะไม่พูดอะไรแต่ข้าก็รู้ดีว่าเขาจะต้องแพ้ในการต่อสู้กับชารอนอย่างแน่นอน… ไม่ ! ไม่มีทาง ! รึว่าจะประกาศสงคราม ! ประกาศสงครามกับดีพบลูไปเลย ! ถึงดีพบลูจะมีเมจจำนวนมาก แต่เหล่าทหารของที่นี่ยังไม่เพียงพอ ! โอ๊ย ! ทำไมข้าไม่คิดถึงเรื่องนี้ตั้งแต่แรกนะ ? ข้าควรจะบอกบิดาของข้าให้นำกำลังทหารมาโจมตีดีพบลู…”
มินนี่พยายามเขย่าสตีเว่นสุดแรงทว่าสมองของดราก้อนวอล็อคในตอนนี้ดูเหมือนว่าจะถูกเหล้าครอบงำไปจนหมดแล้ว ยิ่งเขาพูดมากขึ้นเท่าไหร่ เสียงของเขาก็ยิ่งดังมากขึ้นเท่านั้น แม้ว่าที่นี่จะเป็นที่พักส่วนตัวของเขาแต่นางก็ยังรู้สึกไม่มั่นใจว่าภายในนี้จะมีการเฝ้าระวังหรือมีเครื่องแอบดูติดตั้งอยู่ในนี้หรือไม่
ประกาศสงคราม ! ประกาศสงครามกับดีพบลู !? ถึงแม้ว่าดีพบลูจะมีกำลังทหารน้อย ซึ่งถือเป็นจุดอ่อน แต่โซแลมก็ต้องเดินทางกว่า 6,000 กิโลเมตรเพื่อให้มาถึงที่นี่ ไหนจะยังต้องต่อสู้กับสหพันธ์ศักดิ์สิทธิ์อีก !
มินนี่เห็นว่าการพยายามเขย่าสตีเว่นต่อไปนั้นไร้ประโยชน์อย่างแท้จริง นางจึงยกถังน้ำเย็นมาสาดเข้าใส่เขาอย่างแรงเพื่อเรียกสติเขาให้กลับมา
สตีเว่นสะดุ้งโหยงและตัวสั่นด้วยความหนาว ความเย็นซึมซาบเข้าไปในกระดูกของเขาพร้อมเรียกสติของเขาให้กลับคืนมาอีกครั้ง เขามองไปยังมินนี่ที่กำลังตื่นตระหนกกับท่าทางของเขาก่อนจะยกถังน้ำเย็นขึ้นมาราดลงบนศีรษะของตัวเองแล้วโยนมันลงไปที่พื้น
“พวกเรายังไม่ถึงจุดสิ้นหวัง…” สตีเว่นกล่าวช้า ๆ น้ำเสียงของเขาแหบห้าว เลือดของดราก้อนวอล็อคยังคงสร้างความมั่นใจให้กับเขา เขาเดินไปมารอบห้องจนทำให้ฤทธิ์ของเหล้าที่เขาดื่มเข้าไปก่อนหน้านี้หายไปอย่างรวดเร็วซึ่งเขาก็ได้ค้นพบว่าหลังจากที่ตัวเองระงับความตื่นตระหนกและความหวาดกลัวที่เข้าครอบงำจิตใจได้แล้ว เขาก็สามารถตั้งสติและคิดได้ว่าถึงแม้ตอนนี้ความสำเร็จของเรื่องนี้จะลดน้อยลง แต่มันก็ยังคงมีความหวังอยู่
หลังจากที่เดินไปมาอยู่ครู่หนึ่งเขาก็ตัดสินใจอย่างรวดเร็วอีกครั้งและสั่งมินนี่ไป “เตรียมกระดาษและปากกาเวทมนตร์ให้ข้าหน่อย ข้าจะเขียนจดหมาย และเจ้าเองก็ควรจะเขียนจดหมายไปยังมาร์ควิสไนออลด้วย เรื่องนี้เขาจะต้องไม่เพิกเฉยอย่างแน่นอน !”
เมื่อได้ยินคำสั่ง มินนี่ก็รีบไปเตรียมทุกอย่างอย่างรวดเร็ว…
สตีเว่นนั่งอยู่ตรงโต๊ะ เขากำลังเขียนจดหมาย 4 ฉบับอย่างรวดเร็ว ฉบับแรกส่งให้กับดยุก ส่วนอีก 2 ฉบับส่งให้กับเซนต์เคลาส์และมารดาของเขา และฉบับสุดท้ายส่งตรงถึงแบล็คโกลด์
หลังจากที่เห็นข้อความภายในจดหมายทั้ง 4 ฉบับแล้ว มินนี่ก็ตกตะลึงอย่างมาก เพราะข้อความของสตีเว่นนั้นเป็นการคุกคามดยุกโซแลมซึ่งเขียนในทำนองว่าหากดยุกไม่ช่วยให้เขาผ่านเรื่องนี้ไปได้ เขาก็จะเปิดเผยสิ่งที่ดยุกเคยทำต่อสาธารณะชน มินนี่รับรู้ถึงความร้ายแรงผ่านข้อความของสตีเว่นได้อย่างชัดเจน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถทำอะไรเลเจนดารี่เมจได้ แต่ทันทีที่พวกเขาเปิดเผยต่อสาธารณะ จักรพรรดิแห่งสหพันธ์ศักดิ์สิทธิ์จะต้องโกรธขึ้นมาอย่างแน่นอนและคนที่โกรธมากที่สุดย่อมไม่ใช่จักรพรรดิกระหายเลือดของสหพันธ์แต่จะเป็นพระเจ้าปีเตอร์ จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิเซเคร็ททรี !
ส่วนจดหมายที่ส่งถึงแบล็คโกลด์นั้นเป็นข้อความปกติที่สตีเว่นแสดงเจตจำนงที่จะต่อรองเพื่อแลกเปลี่ยนอะไรบางอย่างกับเขา
เมื่อสตีเว่นกำลังนำจดหมายวางเข้าไปยังวงเวทย์ มินนี่ก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้น “เอ่อ… มันจะได้ผลจริง ๆ เหรอ ? หลังจากนี้ทั้งเจ้าและตระกูลของเจ้าจะไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีกเลยนะ !”
“กลับไปงั้นรึ ? ” สตีเว่นยิ้มเยาะ “รอให้พวกเรามีชีวิตรอดผ่านจุดนี้ไปได้ก่อนเหอะ เรื่องที่จะกลับไปค่อยมาพิจารณากันทีหลัง”