นครแห่งบาป City of Sin - ตอนที่ 31.2 ดีพบลูอาเรีย [2]
ริชาร์ดพยายามทำใจให้เย็นลงและเดินขึ้นบันไดไปอย่างช้า ๆ ประตูสีเหลืองน้ำตาลที่มีรูปร่างทุกรูปแบบเปิดออกเองอย่างต้อนรับเผยให้เห็นดาร์กเอลฟ์ 2 คน การได้เห็นชนเผ่าใต้ดินที่เป็นตำนานในเรื่องความดุร้ายปรากฏอยู่ตรงหน้า ทำให้เขาตกใจจนเกือบร่ายคาถาออกมาตามสัญชาตญาณ ทว่าเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ตัวเขายืนอยู่ในเขตพื้นที่ส่วนตัวของชารอน ซึ่งคงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีศัตรูมาอยู่ในนี้ เขาจึงคิดว่าดาร์กเอลฟ์นั้นน่าจะเป็นสมุนที่ชารอนเลี้ยงไว้อย่างลับ ๆ มากกว่า
เห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้ดีว่าริชาร์ดเป็นใครเพราะหนึ่งในนั้นทำท่าเชื้อเชิญ “มิสเตอร์ริชาร์ด ได้โปรดมากับข้าเถิด” เอลฟ์เด็กสาวกล่าวพร้อมเดินนำหน้าเขาไป ขณะที่อีกคนก็ปิดประตูให้
เมื่อมองดูฝีเท้าที่ก้าวไปอย่างเงียบ ๆ ตรงหน้า หยดเหงื่อก็ผุดขึ้นทั่วร่างกายของเขา นายาเคยสอนเขาให้สังเกตพฤติกรรมการขยับตัวของผู้อื่น การขยับเขยื้อนตัวของเด็กสาวนั้นแม่นยำราวกับลูกตุ้มนาฬิกา ทุกอย่างดูสมดุลไปหมดไม่มากน้อยไปกว่าความกว้างของหัวไหล่ทั้งสองข้างเลย
เด็กสาวนำทางริชาร์ดมาจนถึงพื้นที่กว้างใหญ่ หากว่าห้องรับรองที่ยาวกว่า 1 กิโลเมตรซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับใช้เจรจาธุรกิจของชารอนนั้นจำลองมาจากสภาพแวดล้อมของเทือกเขาและแม่น้ำลำธารแล้วล่ะก็ สถานที่กว้างใหญ่กว่าพันล้านตารางเมตรตรงหน้าเขาในเวลานี้ คงเป็นการคัดลอกทุก ๆ มิติของสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติก็ว่าได้ มีทั้งลาวา หิมะขั้วโลก ป่าสน ทะเลทรายแห้งแล้ง บึงที่ชื้นแฉะและเต็มไปด้วยโคลน และที่น่าตกใจคือ
— ที่นี่มีแม้กระทั่งรังของมังกร ! —
ขอบเขตที่แตกต่างกันนี้ถูกแบ่งกั้นไม่ให้ส่งผลกระทบใด ๆ ต่อกันด้วยบาเรียเวทมนตร์ ทุก ๆ สิ่งแวดล้อมดูมีชีวิตชีวา กำแพงเวทมนตร์ที่กั้นอยู่นั้นทำให้ลักษณะเฉพาะต่าง ๆ ของมันดูระยิบระยับไปด้วยเงาสีม่วง เขียว ฟ้า และสีอื่น ๆ อีกมากมาย เงาที่ทอดยาวขยายไปทั่วทิวทัศน์นั้นเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วซะจนไม่มีใครสังเกตได้ว่า นั่นคือการเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตแปลกปลอมที่มีชีวิตอยู่เพียงแค่ในหนังสือเท่านั้น เมื่อผ่านบริเวณนี้ไปก็จะเป็นขั้นบันไดขึ้นไปสู่ประตูในอีกชั้นที่สูงขึ้น ประตูบานนี้ทำมาจากหิน ทว่าพื้นผิวถูกขัดให้เกลี้ยงเกลาจนดูไม่แปลกตาเลย เด็กสาวสัมผัสประตูนั้นเบา ๆ จนมันค่อย ๆ เปิดออก นางปฏิเสธที่จะก้าวเดินต่อไปกับเขาก่อนส่งสัญญาณใช้เขาเดินเข้าไปด้วยตัวเอง
จุดสิ้นสุดของทางเดินที่ยาวไกลนั้นเป็นสถานที่ที่สวยงามราวกับอยู่ในความฝัน คริสตัลน้ำแข็งจำนวนมากฝังอยู่บนผนัง ดวงดาวกระจายไปทั่วท้องฟ้าจำลอง พวกมันเปล่งแสงสีฟ้าที่มีความสว่างแตกต่างกันออกมาปกคลุมไปทั่วจนทุกอย่างในห้องกลายเป็นสีฟ้าที่น่าอัศจรรย์ บางพื้นที่ในห้องที่สว่างและสะอาดเอี่ยมราวกับกระจกใสนั้นทำมาจากวัสดุบางอย่างที่ไม่อาจบอกได้ซึ่งมันไม่ได้ทำให้รู้สึกเย็น ทว่าให้ความรู้สึกอบอุ่นขณะก้าวเท้าเหยียบเข้าไป พื้นห้องสะท้อนให้เห็นภาพดวงดาวบนท้องฟ้าราวกับเป็นกระจกทำให้ริชาร์ดรู้สึกเหมือนกับว่าเขากำลังอยู่ในบริเวณใจกลางของกาแล็กซี่และกำลังมองไปยังทะเลแห่งดวงดาวที่ไม่รู้จบ
ไกลออกไปมีแผงหน้าต่างแบบฝรั่งเศสที่แสดงให้เห็นภาพมุมกว้างของเขาเอฟเวอร์วินเทอร์ภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืน เทือกเขาที่สูงใหญ่งดงามเสมือนยักษ์โบราณนั้นสง่าและน่าเกรงขาม มันตั้งอยู่เพื่อเป็นสักขีพยานให้รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของประวัติศาสตร์
เลเจนดารี่เมจผู้มีรูปร่างสง่างามยืนอยู่ด้านหน้าของหน้าต่างสูง 10 เมตร นางดูกลมกลืนจนแทบทำให้มองไม่เห็นในพื้นที่ที่ราวกับความฝันเช่นนี้ อย่างไรก็ตาม แม้ริชาร์ดจะไม่ได้สังเกตเห็นนางตั้งแต่แรก แต่เมื่อเห็นแล้วเขาก็ไม่อาจละสายตาไปได้เลย
นี่คือเลเจนดารี่เมจชารอน ผู้พิชิตเพลน มือสังหารมังกร และนักฆ่าปีศาจ
ที่นี่ เวลานี้ และหญิงสาวที่แสนสง่างาม… เมื่อทุกอย่างผสมผสานกันแล้วให้ความสึกราวกับอยู่ในดินแดนแห่งความฝัน มันเหมือนกับว่าเขากำลังอยู่ในความทรงจำของคนอื่นอยู่ ณ ขณะนั้น ร่างกายและจิตใจของเขาสัมผัสกับความผันแปรของช่วงเวลาราวกับว่าเขาได้เดินทางไปอีกนับพัน ๆ ปีบนเพลนนี้
ในที่สุดเขาก็เก็บความรู้สึกแปลก ๆ เหล่านั้นไว้ก่อนเอ่ยถามออกไป “มาสเตอร์ ท่านต้องการพบข้าใช่หรือไม่ ?”
ชารอนค่อย ๆ หันมามองเขาอย่างช้า ๆ ก่อนพูดขึ้นว่า “เจ้าเป็นผู้ชายเต็มตัวแล้ว ริชาร์ด เจ้าได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถมากมาย…” ตอนนี้ท่าทางและออร่าของนางนั้นต่างจากปกติมาก นางดูเหมือนหญิงสาวที่อ่อนโยนและสง่างาม ทว่าก็ดูเหมือนหญิงสาวผู้ที่ยังไม่สูญเสียความเป็นเด็กไปด้วยในเวลาเดียวกัน นางหยุดอยู่ครู่หนึ่งก่อนถามเขา “เจ้ายินดีศึกษาความรู้ของข้าและก้าวหน้าในเส้นทางของการสร้างรูนหรือไม่ ?”
ริชาร์ดหัวใจพองโตก่อนจะก้มศีรษะลงทันที “แน่นอน ข้ายินดี”
ชารอนหัวเราะและตอบอย่างอ่อนโยน “เจ้ารู้ไหม ทุกสิ่งทุกอย่างมีราคาของมัน จนถึงตอนนี้ กาตอน อาเครอนพ่อของเจ้าได้จ่ายมาหมดแล้ว แต่ข้ารู้ดีว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่เจ้าปรารถนา ถ้าอย่างนั้นข้าจะมอบโอกาสให้กับเจ้า โอกาสที่เจ้าจะต้องยอมแลกตัวของเจ้าเองกับพลังที่ยิ่งใหญ่ เจ้าจะยอมรับหรือไม่ ?”
ริชาร์ดไม่ได้ตอบในทันที ส่วนชารอนก็ยังคงทำตัวตามปกติ ทว่าเขาสงสัยเสียเหลือเกินว่าตนเองมีอะไรที่จะเทียบได้กับเงินที่พ่อของเขามี ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้รู้เรื่องราวตั้งแต่แรก แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่ากำไรตามเวลา 10 ปีของนัวแลนด์นั้นมีค่ามากขนาดไหน ต่อให้เขาขายทั้งชีวิตของตนเองก็ไม่อาจจะเทียบกับมูลค่ามหาศาลนั้นได้
อย่างไรก็ตาม ริชาร์ดเป็นเด็กฉลาด ด้วยปัญญาที่เขามีรวมถึงความรู้ที่เขาสั่งสมเพิ่มขึ้นจากการเรียนในดีพบลูนั้นทำให้เขาตระหนักถึงคุณค่าของตนเองได้อย่างชัดเจน แต่ถึงแม้จะมีเขาแบบในตอนนี้อีกสัก 10 คนก็ยังไม่เพียงพอต่อการฟูมฟักให้เป็นรูนมาสเตอร์ได้ ส่วนในอนาคต… ต่อให้เขาจะได้รับผลพวงจากการประสบความสำเร็จของกาตอนมา เขาก็ยังต้องใช้ความพยายามอย่างไม่ย่อท้อและโชคลาภอีกบ้างอยู่ดีเพื่อก้าวไปให้ถึงจุดนั้น และอย่างที่อาจารย์เฟย์เคยพูดไว้ด้วยว่า โชคลาภนั้นเป็นส่วนหนึ่งของความแข็งแกร่ง และอาจเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดเลยก็ว่าได้ มันเป็นความจริงที่โหดร้าย แต่ความจริงก็คือความจริง ทุกคนย่อมมีคุณค่าในตัวเอง ต่อให้เขาจะยืนกรานว่าคุณค่าของเขานั้นไม่สามารถเทียบเท่ากับทองคำได้ คนอื่นก็จะตัดสินแทนเขาอยู่ดี เรียกได้ว่าจะมีความแตกต่างอย่างมากระหว่างคุณค่าที่คนเรามองเห็นในตนเองกับคุณค่าที่แท้จริง เขาจึงไม่สามารถให้คำมั่นใด ๆ กับชารอนได้ และเขาก็ยังไม่รู้เลยว่าในอนาคตเขาจะประสบความสำเร็จมากแค่ไหน
แต่ถึงอย่างนั้น ตอนนี้ริชาร์ดสามารถบอกได้จากคำพูดของชารอนว่านางนั้น… ลำเอียง
นั่นทำให้เขายิ่งลังเลมากขึ้นไปอีก ลึก ๆ แล้วเขารู้ดีว่าตนเองเป็นหนี้บุญคุณนางมามากพอแล้ว เขาคงจะสร้างความเสื่อมเสียให้กับคุณค่าในตัวเองที่เอเลน่าคอยพร่ำสอน ถ้าหากว่าเขายังต้องการมากขึ้นโดยไม่คำนึงว่าเขาจะสามารถตอบแทนบุญคุณเหล่านั้นได้หมดหรือไม่ ความหยิ่งในศักดิ์ศรีซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของซิลเวอร์มูนที่อยู่ในสายเลือดของเอเลน่าซึ่งได้ส่งต่อมาถึงตัวเขาก็จะตกต่ำลงไป เหตุผลเดียวที่เขายังไม่ปฏิเสธไปในทันทีนั้น เป็นเพราะเปลวไฟที่กำลังลุกโชนอยู่ในใจของเขาเอง
แล้วหากว่าเขาปฏิเสธความช่วยเหลือของชารอนล่ะ ? ถ้าเป็นอย่างนั้นเขาก็ไม่รู้เลยว่าเขาจะหาทรัพยากรจำนวนมากที่ต้องใช้เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตนเอง รวมถึงทำตามความหวังสุดท้ายในใจของเขาได้จากที่ไหน กาตอนเป็นเงาที่ตระหง่านเหนือตัวเขา และเงานี้ยังคงขยายตัวออกไปเรื่อย ๆ เขาไม่คิดเลยว่าการต้องตัดสินใจเลือกมันจะยากถึงเพียงนี้
ชารอนเดินไปหยุดตรงหน้าริชาร์ดและช้อนใบหน้าของเขาให้เงยขึ้น นี่เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองสบตากันตรง ๆ ริชาร์ดรู้สึกว่ามือของเลเจนดารี่เมจนั้นเย็นยะเยือกซะจนเขาสั่นสะท้าน แต่ก็รู้สึกตระหนักได้ว่าเขาและนางยืนเผชิญหน้ากันอยู่ โชคดีที่ความสูงของเขากับนางนั้นไล่เลี่ยกัน เดม่อนมักจะตัวสูงกว่ามนุษย์ ในขณะที่ซิลเวอร์มูนจะมีส่วนสูงมากกว่าคนทั่วไปอยู่ประมาณหนึ่งหัว ด้วยสายเลือดที่มีรวมถึงระยะเวลาที่ใช้ชีวิตอยู่บนภูเขานั้น ทำให้เขามีส่วนสูงที่มากกว่าคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกันเยอะทีเดียว ผลสาเกที่เขาทานเป็นอาหารมามากกว่า 10 ปีนั้นแท้จริงแล้วเป็นยาโบราณ ขณะที่ชารอนสั่งจัดอาหารพิเศษให้เขาตลอดปีที่ผ่านมา นี่ทำให้เขาในตอนนี้นับว่ามีส่วนสูงเกินกว่าปกติตามวัยของเขาแล้ว
ใบหน้าที่ดูอ่อนโยนของเลเจนดารี่เมจที่อยู่ใกล้ขนาดนี้ ทำให้เขาตัดสินใจพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา “มาสเตอร์ ข้า — ข้าไม่มีอะไรที่จะเทียบเท่ากับการฟูมฟักดูแลของท่านได้ อนาคตนั้นยังอีกไกลเหลือเกิน ใครจะไปรู้ได้ว่าในอีก 3 ปีข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ?”
ชารอนหัวเราะอย่างอ่อนโยน แม้แต่รังสีของเวทมนตร์ภายในห้องตอนนี้นั้นก็ยังไม่สามารถส่องประกายได้มากเท่าแววตาของนาง “เจ้ากังวลเรื่องนั้นเองรึ ? หึ ! เด็กดื้อเอ๊ย ช่างเหมือนกับแม่ของเจ้าไม่มีผิด”
ริชาร์ดหยุดชะงักไปทันที “ท่านรู้จักแม่ข้าด้วยรึ ?”
“ข้าเจอนาง 2 ครั้ง และบอกเลยได้ว่าเราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เอเลน่าเป็นคนที่ควรค่าแก่การได้รับความเคารพ และบุคลิกของเจ้าก็เป็นแบบนั้น ข้าเลยคิดถึงนางขึ้นมา แต่นางและพ่อของเจ้าน่ะ… ช่างมันเถอะ เรื่องมันเป็นอดีตไปแล้ว อย่าไปพูดถึงอีกเลย ข้าเพียงอยากบอกว่าข้าสามารถคาดเดาได้ว่าเจ้ากำลังคิดอะไร” น้ำเสียงของนางสงบและสุภาพ ทว่ามันสามารถพังทลายกำแพงในหัวใจของเขาได้อย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตาม เขาทำได้เพียงก้มหน้าลงเพื่อไม่ให้นางเห็นน้ำตาที่กำลังรื้นขึ้นมาในดวงตาของเขา
“เอเลน่าเป็นเหตุผลหนึ่งที่ข้ามอบโอกาสนี้ให้กับเจ้า แต่อีกใจหนึ่งคือข้าต้องการจะสร้างความทะเยอทะยานให้กับตัวเองกับการพยายามที่จะประสบความสำเร็จในความฝันที่ไม่เคยคิดว่าตัวข้าจะทำได้ ก่อนหน้านี้ ข้าสูญสิ้นความหวัง แต่การปรากฏตัวของเจ้าทำให้ข้ามีหวังขึ้นมา ดังนั้น เจ้าไม่ต้องคิดหรอกว่าเจ้าจะให้อะไรข้าเป็นการตอบแทน แค่เจ้าเต็มที่กับมันก็เพียงพอแล้ว”
คำพูดของชารอนที่เพิ่งจบไปนั้นทำลายความลังเลในใจของเขาไปจนหมด “ตกลง ! ตราบใดที่ข้ายังมีชีวิต ข้าจะอุทิศตน —”
ทว่ายังไม่ทันที่เขาจะทันพูดจบ ชารอนก็เอามือปิดปากเขาเป็นการขัดจังหวะก่อนที่นางจะหัวเราะออกมา “ไม่จำเป็นเลย เพียงแค่สองคำแรกเท่านั้นแหละที่ข้าอยากได้ยิน”
“เอาล่ะ ริชาร์ด ถึงเวลาแล้วที่เจ้าจะได้เห็นรูนเวทมนตร์ที่แท้จริง”
พูดจบนางก็ถอยหลังไปเล็กน้อย ร่างของนางส่องแสงราวกับสายน้ำโดยที่ไม่ได้ใช้ท่าทางหรือคาถาใด ๆ มันเสมือนว่านางได้สูญเสียมวลทั้งหมดไปขณะลอยตัวขึ้นบนท้องฟ้าก่อนหยุดลงเมื่อไปถึงความสูงกว่า 1 เมตร นางกางแขนออกอย่างงดงามราวกับหงส์ ทั้งเสื้อคลุมเวทมนตร์และเสื้อผ้าที่ปกคลุมร่างกายอยู่ต่างก็แปรเปลี่ยนเป็นรังสีแสงนับล้านฉายแววระยิบระยับอยู่รอบ ๆ กายของนาง
ริชาร์ดตกใจจนพูดไม่ออก เขาไม่เคยคิดฝันมาก่อนเลยว่าจะได้มาเห็นเรือนร่างชวนฝันโดยไร้เสื้อผ้าปกปิดเช่นนี้ มาสเตอร์ของเขามีรูปร่างที่น่าทึ่งกว่าที่เขาเคยคิดไว้เสียอีก
และขณะที่เขากำลังฟื้นตัวจากความตกใจ ก็เกิดเส้นสีฟ้ามากมายอยู่ทั่วตัวของชารอน มันดูราวกับว่าเป็นกิ่งก้านสาขาที่แตกออกมาจากร่างของนางเองก่อนจะส่องแสงออกมาเป็นแสงสีฟ้าสลัว ๆ มากมาย
สติของเขาว่างเปล่าไปเหลือเพียงแต่แสงสีฟ้าที่สวยงามจนความคิดต่าง ๆ ของเขาต้องหยุดชะงัก เขาคิดอะไรไม่ออกอีกแล้ว ความงดงามที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นมันเหนือคำบรรยายเกินไป — ไม่สิ มันเหนือทุกสิ่งทุกอย่างเลยต่างหาก
ทันใดนั้น เสียงของชารอนเอ่ยขึ้นเบา ๆ ราวกับเป็นสิ่งที่ไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้ “เจ้าเห็นไหม ? นี่คือรูนที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของข้า มันคือดีพบลูอาเรีย แต่ก็นะ มันยังไม่สมบูรณ์หรอกและชีวิตนี้ข้าคงไม่สามารถทำให้มันสมบูรณ์ได้ ยังไงก็ตาม ตอนนี้ข้ายินดีที่จะหวังต่อไป ริชาร์ด หากเป็นไปได้ ในอนาคตเจ้าจงทำมันให้สมบูรณ์แทนข้าที”