นครแห่งบาป City of Sin - ตอนที่ 30.2 นุ่มนวลและดีเยี่ยม [2]
ความคิดมากมายผุดขึ้นในหัวของมาเอสโตร แต่เขาไม่กล้าที่จะเอ้อระเหยอยู่ที่นี่อีกต่อไป เพียงแค่ได้รู้ว่าชารอนจะเพิ่มความสุขของนางให้กับสตีเว่นมากขึ้นนั้น มันก็มากพอแล้ว ข่าวดีแบบนี้คงจะทำให้เด็กหนุ่มดีใจมาก และเขาต้องรีบไปบอกสตีเว่นเพื่อที่ผลประโยชน์ของตัวเขาเองจะได้เพิ่มขึ้นต่อไป
ทว่าในระหว่างที่มุ่งหน้าไปยังจุดเทเลพอร์ตนั้น จู่ ๆ มาเอสโตรก็ก้าวเท้าช้าลง เขาตกใจมากเมื่อรู้ตัวว่าตนเองได้เปลี่ยนไปอย่างไร ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เขาหน้ามืดตามัวจนช่วยเหลือเด็กหนุ่มที่เขาไม่สนิทสนมให้ไล่ตามหญิงสาวที่เขาชื่นชอบ นี่เป็นเพราะเงินอย่างนั้นหรือ ?
จิตรกรวัยกลางคนเริ่มมีความคิดถกเถียงกันเองอยู่ในหัวของเขา เสียงหนึ่งบอกเขาว่าเมจทุกคนย่อมแก่งแย่งชิงดีกันเพื่อความสุขของชารอนอยู่แล้ว แต่นั่นก็เพื่อทองคำไม่ใช่หรอกหรือ ? และหากว่าแกรนด์เมจทุกคนทำแบบนั้นกันหมด แล้วเมจตัวเล็ก ๆ อย่างเขาจะเอาอะไรไปสู้ได้กันล่ะ ?
อย่างไรก็ตาม เหตุผลและประสบการณ์ก็ได้ตอกย้ำเขาว่าสองเหตุการณ์นั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แกรนด์เมจทุกคนต่างก็มีเหตุผลที่แตกต่างกันไป พวกเขาเข้าร่วมดีพบลูในแนวทางของตนเองเพื่อให้ได้รับรางวัลตามที่พวกเขาต้องการ ความสุขของชารอนไม่ได้เกิดขึ้นอย่างไม่มีสาเหตุและมันเป็นเครื่องแสดงถึงความรู้ความสามารถประกอบกับการประสบความสำเร็จที่มีผลมาจากการทำงานหนักของพวกเขา แกรนด์เมจที่ดำรงชีวิตอยู่มานานแล้วต่างก็มองเห็นชารอนเป็นเด็กน้อยน่ารักจึงคอยพูดจาหยอกล้อนางอยู่เสมอ แน่นอนว่าพวกเขาก็ล้วนแล้วแต่ทำงานเพื่อเงินทองทว่าคุณสมบัติที่พวกเขาต่างก็มีเหมือนกันอย่างชัดเจน นั่นก็คือความซื่อสัตย์กับงานของตนเอง ทองทุกเหรียญที่พวกเขาได้รับนั้นมาจากการทำงานที่สุจริต คนที่ไม่มีคุณสมบัติข้อนี้ไม่สามารถอยู่รับใช้เลเจนารี่เมจได้
เมื่อคิดได้เช่นนี้ มาเอสโตรก็รู้สึกว่าเหรียญทองและคริสตัลเวทมนตร์ในกระเป๋าของเขาเริ่มร้อนขึ้นมา ถึงตอนนี้เขาก็ยังอดสงสัยไม่ได้ว่านี่อาจเป็นเพราะทัศนคติของเขาเองที่ชอบมองว่าตนเองล้มเหลวทำให้ไม่สามารถสร้างสรรค์งานศิลปะที่น่าพึงพอใจออกมาได้เลยตลอดหลายปีมานี้
ณ โถงห้องประชุม มาเอสโตรกลับไปแล้วแต่สายตาของชารอนก็ยังคงจับจ้องภาพวาดนั้นต่อไป นัยน์ตาของนางมีแววของความซับซ้อนบางอย่างที่ทำให้เหล่าแกรนด์เมจเริ่มมองหน้ากันอย่างเป็นกังวล เจตนาของสตีเว่นนั้นชัดเจนอยู่แล้ว และพวกเขามั่นใจว่าชารอนต้องเข้าใจเรื่องนั้นดีแต่ในตอนนี้ท่าทางของนางกลับดูแปลกประหลาดซะจนพวกเขาเริ่มเป็นกังวล เลเจนดารี่เมจของพวกเขาจะโง่เขลาถึงขนาดที่เผลอไผลไปกับผลงานแบบนี้ได้เชียวหรือ ?
ไม่นานนัก แบล็คโกลด์ก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขากระแอมไอออกมาสองสามครั้งเพื่อเรียกสติจากชารอน คนแคระเกรย์พูดออกมาเสียงดังฟังชัด “ท่านชารอน ท่านยังไม่ได้ตัดใจสินใจเลยว่ารางวัลของสตีเว่นเดือนนี้คืออะไร”
ชารอนสัมผัสได้ถึงความผิดปกติในน้ำเสียงของแบล็คโกลด์แต่สายตาของนางก็ยังคงจับจ้องอยู่ที่ภาพวาดนั้นไม่ไปไหนพร้อมเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงไม่ใส่ใจ “แค่ 100 เหรียญก็พอแล้ว”
“เอ่อ… ข้าหลวง เท่าไหร่นะ ?” นี่เป็นครั้งแรกที่คนแคระเกรย์แทบไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน เพราะดูจากท่าทีของเลเจนดารี่เมจที่มีต่อภาพวาดนี้แล้ว ถ้าบอกว่าให้รางวัล 1,000,000 เหรียญยังไม่ทำให้เขาตกใจได้มากถึงขนาดนี้เลย
ในที่สุดเลเจนดารี่เมจก็ละสายตาจากภาพวาดก่อนเอ่ยตอบอย่างรำคาญ “ก็ 100 ไง ! ข้าพูดไม่ชัดอย่างนั้นรึ ? อยากจะให้เพิ่มอีกสักเท่าไหร่กัน ? เจ้าจะจ่ายเองไหมล่ะ ?”
“ไม่ ไม่อย่างแน่นอน ! ท่านพูดเป็นเล่นไป ข้าจะมีเงินได้ยังไงกัน ?” คนแคระเกรย์ตกใจกลัวและเงยหน้าตอบอย่างลุกลี้ลุกลน เขาและมังกรนั้นเหมือนกันตรงที่เหรียญทองไม่ใช่สกุลเงินสำหรับพวกเขาทว่าเป็นของสะสมของพวกเขาเสียมากกว่า การต้องเสียเหรียญทองไปนั้นมันเจ็บปวดราวกับการถูกจับตัดหนวดเคราทิ้งไป
เลเจนดารี่เมจย่นจมูกเล็กน้อย “งั้นก็ตามนั้น แล้วก็ให้รางวัลชายคนที่เพิ่งกลับไปด้วย 10,000 เหรียญ ภาพวาดนี้วาดได้ดีมาก เขาพัฒนาขึ้นเยอะ สมควรได้รับรางวัล”
แบล็คโกลด์ไม่เข้าใจว่าเหตุใดชารอนถึงได้จับจ้องภาพของสตีเว่นอย่างไม่ละสายตาแต่กลับเลือกที่จะให้รางวัลมาเอสโตรแทน แกรนด์เมจหลายคนครุ่นคิดแต่ไม่นานพวกเขาก็เข้าใจ ด้วยความสนิทสนมกันนั้นเพียงแค่มองตาก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายคิดอย่างไร พวกเขาสบตากันและพยักหน้าเบา ๆ อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครเลยสักคนเดียวที่คิดจะช่วยขจัดความสับสนให้กับแบล็คโกลด์ผู้ซึ่งไม่มีศิลปะในหัวใจเลยแม้แต่นิดเดียว
ทว่าชารอนก็ไม่ได้คิดที่จะปิดบังอะไรอยู่แล้ว นางโบกภาพวาดในมือไปมา “เจ้าดูสิ องค์ประกอบและสีพื้นฐานเป็นเอกลักษณ์ของชายคนนั้น มีแค่รูปแบบการลงสีบางส่วน ชั้นของสี และรายละเอียดเล็ก ๆ เท่านั้นที่ดูต่างออกไป เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนร่างภาพและระบายสี ส่วนสตีเว่นก็แค่ระบายด้านบนเพียงนิดหน่อยเท่านั้นเอง หืม? เจ้าคิดอะไรล่ะ ? เจ้าคิดว่าเรื่องแค่นี้ข้าจะดูไม่ออกงั้นรึ ? หึ ข้าจะได้จำไว้ ! ระวังเงินเดือนเดือนหน้าไว้ให้ดี ! และเจ้า แบล็คโกลด์ ! ถึงเวลาที่เจ้าควรจะต้องเรียนรู้เรื่องศิลปะสักที อย่าสนใจเพียงแค่จำนวนเหรียญทอง!”
คนแกระเครย์ก้มหัวทันที “วางใจได้เลยท่านชารอน ! ข้าจะขยันเรียน ครั้งหน้าที่ข้าได้เข้าร่วมประชุมขุมทรัพย์ของจักรวรรดิเซเคร็ดทรี ข้าจะสร้างผลงานที่มีมูลค่าได้อย่างแน่นอน !”
สายตาของชารอนกลับมาจับจ้องที่ภาพวาดอีกครั้ง นางมองอยู่สองสามครั้งก่อนถอนหายใจออกมา “ที่จริงแล้ว การได้เห็นภาพนี้ทำให้ข้าตัดสินใจได้ เอาล่ะ พอกันที แล้วเจ้ามีอะไรจะพูดกันไหม ?” ชารอนส่งคำถามไปยังแกรนด์เมจที่ยืนอยู่ทางด้านหนึ่ง
แกรนด์เมจเฟย์ก้าวออกไปข้างหน้าและรายงานบทเรียนที่ริชาร์ดเรียนรู้กับนายาอย่างละเอียด เมื่อได้ยินชื่อของเด็กหนุ่ม ดวงตาของนางก็เป็นประกายขึ้นมา นางพูดขัดก่อนที่เฟย์จะได้เล่าจบ “ไม่แปลกใจเลยที่ริชาร์ดน้อยของข้ามีการพัฒนาที่ก้าวกระโดดในการสร้างรูน ชายคนนี้นี่เองที่ยื่นมือเข้ามายุ่ง อาจารย์เฟย์ เจ้าคิดว่าเขาจะมีอิทธิพลในด้านลบต่อริชาร์ดหรือเปล่า ?”
คำถามนี้ทำให้เฟย์ครุ่นคิดอยู่นานก่อนส่ายหัว “ไม่หรอก ข้าคิดว่าเขาน่าจะเป็นประโยชน์ต่อริชาร์ดในอนาคต”
เมื่อได้ยินคำพูดนั้น แววตาของชารอนก็ฉายแววน่ากลัวออกมาทันที “มีคนกำลังคิดจะปองร้ายริชาร์ดน้อยของข้าอย่างนั้นรึ !?”
นั่นทำให้เฟย์รีบร้อนตอบกลับทันที “ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น เราต่างก็รู้ว่าริชาร์ดจะขึ้นเป็นรูนมาสเตอร์ในอนาคต และมันก็เป็นไปได้ยากเหลือเกินที่รูนมาสเตอร์จะหลีกเลี่ยงสนามรบ การเรียนรู้ศิลปะด้านมืดบางอย่างไว้จะเป็นประโยชน์ต่อการเอาตัวรอดของเขา”
เลเจนดารี่เมจพยักหน้า “นั่นก็จริง แต่ไม่ว่ายังไง นายาแอบสอนวิชาให้กับนักเรียนของข้าอย่างลับ ๆ โดยที่ข้ายังไม่อนุญาต เขายังใจกล้าหน้าด้านอยู่เหมือนเดิมไม่มีผิด ใบมีดแห่งความพิบัตินั้นน่ารำคาญซะเหลือเกิน ข้านึกอยากจะมอบบทเรียนที่เขาจะต้องจำไม่มีวันลืมให้ซะหน่อย แต่น่าเสียดายที่ชายคนนั้นน่ะไม่ได้สนใจเกี่ยวกับชื่อเสียงเงินทอง วัน ๆ เอาแต่มุดหัวอยู่ในรูอย่างกับหนูตัวเล็ก ๆ แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่าที่จริงเขาก็ซ่อนตัวอยู่ในดีพบลู ใต้จมูกข้านี่เอง ดี ดีจริง ๆ ฮิฮิ ฮี่ฮี่ ฮี่ฮี่ฮี่ !”
เมื่อเสียงหัวเราะของเลเจนดารี่เมจเริ่มฟังดูแปลกไป เหล่าเมจก็ต่างพากันเงียบกริบ นายาช่างกล้าจริง ๆ ที่ใช้ดีพบลูเป็นที่ซ่อนตัวหลังจากทำให้ชารอนขุ่นเคืองใจ พูดได้ว่ามันเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจแต่ก็เป็นความคิดที่ดี แต่ไม่ว่าอย่างไรตอนนี้ที่ซ่อนของเขาได้ถูกเปิดเผยแล้ว ต่อให้เขาจะคิดหนีตอนนี้ก็เป็นเรื่องที่สายไปเสียแล้ว ชารอนอาจไม่ได้เป็นเลเจนดารี่เมจที่ทรงพลังที่สุดแต่นางเป็นเมจที่เจ้าคิดเจ้าแค้นมากที่สุด ซึ่งนั่นก็ทำให้ความสามารถในการแกะรอยและการไล่ลาของนางเป็นที่เลื่องลือไปทั่ว ความเป็นเลิศในด้านนี้ของชารอนนับว่าเทียบเท่ากับเวทมนตร์ที่แกร่งกล้าของนางเลยทีเดียว
ไม่มีใครสนใจมากนักว่าตัวตนของใบมีดแห่งความพิบัตินั้นก็คือนักฆ่า มีคนทุกประเภทเข้ามายังดีพบลูแห่งนี้ และด้วยจำนวนคนมากมายและหลากหลายที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเข้ามานั้นก็ทำให้ที่นี่เป็นเหมือนประเทศเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ใครจะรู้ว่ามีกี่คนที่นี่ที่เคยใช้ชีวิตแบบหลบซ่อน อาศัยอยู่แต่ในเงามืดเพื่อเอาตัวรอดมาก่อน เพราะตราบใดที่คนเหล่านั้นยังคงรักษากฎของดีพบลูได้โดยไม่บกพร่อง ก็ไม่มีใครสนใจอดีตหรือที่มาของพวกเขาอีก ทุกชีวิตในดีพบลูสนใจและปฏิบัติตามเพียงแค่ ‘กฎของดีพบลู’ เท่านั้น ส่วนกฎอื่น ๆ ภายนอกนั่นไม่มีความหมายใด ๆ ต่อที่นี่เลย
ชารอนกัดฟันกรอดก่อนที่ท่าทีของนางจะเปลี่ยนเป็นยียวนและถือดี “ถึงแม้ว่าเจ้าใบมีดแห่งความพิบัตินั่นจะเคยทำให้ข้าขุ่นเคืองใจมาก่อน แต่พอมาคิดดูดี ๆ ในตอนนี้มันก็กลายเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยไปแล้ว หลายสิบปีก่อนข้าเคยค้นดูทรัพย์สมบัติส่วนตัวของเขา อืมมมม… มันก็นานหลายปีมาแล้ว งั้นก็ลืมมันซะ แต่ก็นับว่าเขาฉลาดจริง ๆ เพราะสิ่งที่เขาสอนริชาร์ดนั่นเป็นเรื่องจริงและไม่ได้ปิดบังอะไรเลย การจัดการกับเรื่องนี้ดูเหมือนจะยากขึ้นมาแล้ว…”
ทันใดนั้นเอง คนแคระเกรย์ก็ก้าวเท้าไปข้างหน้าและพูดบางอย่างเพื่อเตือนนาง “ท่านชารอน ภาษีไงล่ะ ภาษี !”
“อะไรนะ?” ชารอนชะงักไป ใบหน้าฉายแววงุนงงชัดเจน เห็นได้ชัดว่าปฏิกิริยาการตอบสนองของนางทุกวันนี้นั้นเชื่องช้าเหลือเกิน ความคิดอันปราดเปรื่องก็ดูจะไม่เฉียบคมและฉับไวเท่าที่เคยเป็นมา
“ท่านชารอน นายาไม่ได้จ่ายภาษี ! เขาได้รับค่าธรรมเนียมเป็นเหรียญทองกว่าพันเหรียญจากริชาร์ดทุก ๆ วัน แต่เขาไม่ได้จ่ายภาษีเลย ! นั่นเป็นแผนการขโมยเหรียญทองจากท่านชัด ๆ !” คนแคระเกรย์มีท่าทางตื่นเต้นมากขึ้นขณะที่พูด
คิ้วเรียวงามของเลเจนดารี่เมจเลิกขึ้น!
นางและคนแคระเกรย์นั้นมีความสนใจตรงกันอยู่อย่างหนึ่งนั่นก็คือเรื่องเงิน ชารอนลุกพรวดขึ้นอย่างรวดเร็วและร้องเสียงดังจนเกือบตะโกน “แบล็คโกลด์ ! ไปพาตัวนายามา และทำยังไงก็ได้ให้เขาเอาเงินภาษีทั้งหมดที่เขาติดหนี้ข้ามาด้วย อ้อ อย่าลืมพาคนไปด้วยสักสองสามคนล่ะ ชายคนนั้นน่ะมักจะมีเพื่อนอยู่ด้วยเสมอ”
คนแคระเกรย์ยืดตัวขึ้นทันที เขาใช้กำปั้นทุบอกของตนเองในท่าทางเหมือนลิงเวลาโกรธแล้วตะโกนออกมาเสียงดังไม่น้อยไปกว่าชารอน “ไม่จำเป็นหรอก ! ข้าไปเองคนเดียวได้ ! ที่นี่คือดีพบลู !”
ท่าทางการก้าวเท้ายาว ๆ เดินออกจากห้องของคนแคระเกรย์นั้นดูองอาจราวกับเป็นวอริเออร์จริง ๆ ความกระฉับกระเฉงที่เขาแสดงออกมานั้นดูคล้ายกับรูนไนท์ที่กำลังจะออกสู่สนามรบ แต่ไม่ว่าอย่างไรเหล่าแกรนด์เมจก็ไม่ได้มีท่าทีสนใจในท่าทางเหล่านั้นเลย นั่นเป็นเพราะการร่วมงานกันมานานเกือบสิบปีทำให้พวกเขามั่นใจว่าสุดท้ายแล้วแบล็คโกลด์จะต้องไปเรียกกำลังเสริมมาเพิ่มอีกหลายคนอย่างไม่ต้องสงสัย เขาไม่มีทางกล้าไปต่อกรกับใบมีดแห่งความพิบัติเพียงลำพังแน่
การรายงานความก้าวหน้าของวันนี้จบลงเพียงเท่านั้น หลังจากที่เหล่าแกรนด์เมจออกไป ชารอนก็นั่งมองผลงานในมืออยู่พักใหญ่ก่อนจะให้คนรับใช้เรียกตัวริชาร์ดให้เข้ามาพบ
สถานที่ที่ริชาร์ดเข้าพบเลเจนดารี่เมจนั้นเป็นโถงขนาดเล็กทว่าตกแต่งอย่างสง่างามและให้ความรู้สึกที่อบอุ่นมากกว่าห้องโถงใหญ่ที่ยาวกว่าพันเมตรและยังสร้างระยะห่างให้เพิ่มขึ้นด้วยทิวทัศน์จำลองของภูเขาและแม่น้ำมากมาย เลเจนดารี่เมจสวมเสื้อตัวยาวทับไปบนชุดคลุมผ้าไหมอีกชั้นหนึ่ง ส่วนของปกเสื้อที่กำลังห่อหุ้มลำคอระหงถูกตกแต่งด้วยลวดลายดอกไม้อย่างประณีตบรรจงซึ่งมันช่วยเสริมสร้างความอ่อนเยาว์และขับเน้นความงดงามของชารอนให้เพิ่มมากขึ้นได้เป็นอย่างดี
ผมยาวสลวยที่ในเวลานี้ถูกทำให้ดูยุ่งเหยิงน้อย ๆ อย่างไม่ตั้งใจถูกมัดรวบอย่างง่าย ๆ ด้วยฟันมังกร 2 ซี่ และนางก็ทิ้งให้ปอยผมจำนวนหนึ่งลู่ไปตามไหล่ของนางซึ่งนั่นช่วยให้ภาพลักษณ์ของนางดูน่าหลงใหลเป็นพิเศษ
เมื่อริชาร์ดมาถึง ชารอนกำลังคุกเข่าอยู่บนพรมสีแดงที่ทำมาจากขนสัตว์แท้ ร่างกายส่วนบนของนางถูกพาดไปตามโต๊ะกาแฟเตี้ย ๆ ขณะที่ดวงตางดงามจับจ้องไปที่ตาชั่งเวทมนตร์สีทองขนาดเล็กที่อยู่ตรงหน้า
ปลายทั้งสองข้างของตาชั่งมีถาดวางซึ่งมีน้ำหนักที่เป็นมาตรฐานวางอยู่ แต่ถาดทั้งสองด้านกลับมีขนาดที่แตกต่างกัน เพียงแค่นั้นก็ทำให้เครื่องชั่งไม่สมดุลแล้ว ถาดที่อยู่ทางขวามีขนาดใหญ่กว่า และมันแทบจะสัมผัสกับโครงของตาชั่งแล้ว บนถาดนั้นมีสิ่งของบางอย่างที่น่าจะเป็นน้ำหนักมาตรฐานวางอยู่ ส่วนถาดทางด้านซ้ายนั้นมีขนาดที่เล็กกว่า ในตอนนี้ดูเหมือนชารอนกำลังสนุกกับการจัดวางสิ่งที่ซับซ้อนและมีน้ำหนักเบาบนถาดนั้น นางมองสำรวจตาชั่งด้วยท่าทางลังเลว่าจะเอาชิ้นส่วนในมือไปวางไว้ตรงจุดไหน แต่ด้วยน้ำหนักที่เบากว่าชิ้นไหน ๆ บนโต๊ะนั้น ทำให้ดูเหมือนว่าไม่ว่ามันจะถูกวางไว้ตรงไหนของถาด มันก็จะไม่ส่งผลใด ๆ ทั้งสิ้น
ไม่นานนัก ริชาร์ดก็สังเกตเห็นออร่าของเวทมนตร์ที่กระจายออกมาจากรูปสลักขดมังกรและปีศาจที่สลักอยู่บนเสา และเขาก็รู้ได้ทันทีว่านั่นคือตาชั่งเวทมนตร์ ตาชั่งนี้ดูสมดุลไม่เพียงแต่เพราะน้ำหนักเท่านั้นทว่ายังรวมไปถึงเวทมนตร์ที่มีอยู่ภายในวัตถุแต่ละชิ้นด้วย นอกจากนี้มันยังไวต่อสิ่งกระตุ้นบริเวณรอบ ๆ และจะตอบสนองต่อพลังงานของธาตุที่ผิดปกติบนเพลนซึ่งจะส่งผลต่อความสมดุลของมัน นั่นหมายความว่า นี่คือเครื่องมือที่สามารถใช้ทดสอบคุณภาพของเวทมนตร์ในแต่ละวัตถุ รวมไปถึงสามารถใช้ในการทำนายอนาคตได้อีกด้วย
ริชาร์ดยืนดูอย่างเงียบ ๆ ไม่รบกวนนาง เขาชอบความเงียบเช่นนี้ และยังชื่นชอบเสน่ห์อันเย้ายวนอย่างประหลาดที่เลเจนดารี่เมจเผยออกมาโดยไม่รู้ตัวด้วย และเมื่อเวลาผ่านไป ชารอนก็สังเกตเห็นริชาร์ดหลังจากที่เขายืนอยู่พักใหญ่ นางเหลือบมองเขาพร้อมพึมพำออกมา “นุ่มนวลและดีเยี่ยม” ก่อนที่นางจะโยนวัตถุชิ้นที่อยู่ในมือลงบนถาดด้านซ้ายที่กำลังยกสูงกว่าอีกด้านของตาชั่ง
*แกร๊ง !* เสียงกระทบกันดังกราว ๆ ของวัตถุที่เป็นโลหะและทองคำเวทมนตร์กังวานขึ้น มันใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเงียบหายไป น้ำหนักอันน้อยนิดของถาดทางด้านซ้ายดูหนักอึ้งขึ้นมาราวกับถูกน้ำหนักของภูเขากดทับ และส่งผลให้ถาดถูกกดต่ำลงจนถึงจุดต่ำสุด
ชารอนมองริชาร์ดก่อนหันกลับไปมองตาชั่ง และนางก็หันกลับมามองริชาร์ดอีก นางทำแบบเดิมซ้ำ ๆ อยู่หลายครั้งก่อนที่สีหน้าและท่าทางของนางจะแปรเปลี่ยนไป