นครแห่งบาป City of Sin - ตอนที่ 27.3 พลังเปลี่ยนโลก [3]
คำตอบของริชาร์ดทำให้เฟย์มองเขาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหัว “นั่นไม่ใช่เหตุผลที่แท้จริงของเจ้าหรอก ข้ามองตาเจ้าก็รู้… แต่ช่างมันเถอะ ข้าไม่ควรยุ่งอยู่แล้ว แต่เจ้าจงรู้ไว้ซะว่าที่นี่คือดีพบลู ทุกอย่างที่นี่เป็นสมบัติของท่านชารอน หากเจ้ามีเรื่องไม่สบายใจก็มาหาข้าหรือท่านชารอนได้
อีกอย่าง ดีพบลูก็เป็นโลกของเหล่าเมจ อำนาจทางโลกไม่สามารถแผ่ขยายมาถึงที่นี่ได้ หากพบว่าสิ่งที่เจ้าเจอส่งผลกระทบต่อโลกภายนอกมากเกินไป ก็จงบอกพ่อของเจ้า ตระกูลอาเครอนนั้นมีอำนาจทำให้ผู้คนหวาดกลัวได้ และมาร์ควิสกาตอนเองก็เริ่มเป็นที่ยอมรับในเฟาสต์ เมืองหลวงในตำนานแล้ว นั่นหมายความว่าเขามีอำนาจมากพอที่จะอยู่ในจุดสูงสุดของโลกได้”
ริชาร์ดละสายตาจากเฟย์ เขาใช้เวลาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงพูดออกมา “ข้าไม่อยากขอความช่วยเหลือจากมาร์ควิสกาตอน”
ด้วยปัญญาที่มีทำให้เฟย์รับรู้ถึงความลับที่ลูกศิษย์ของเขาซ่อนไว้ในน้ำเสียงในขณะที่พูดถึงกาตอนทันที ทว่านั่นก็ไม่ได้ทำให้เขาประหลาดใจเลย ทุกคนจากตระกูลอาเครอนล้วนเป็นคนที่แข็งแกร่ง ซึ่งตระกูลอื่น ๆ บางตระกูลในนัวแลนด์ก็เป็นเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นทายาทตระกูลเซนต์ปีเตอร์และวิสมา อะกาเรส โซแลม จูเลียส ฯ ต่างก็แข็งแกร่งทั้งสิ้น
เฟย์พยักหน้าและพูดเสียงเบาว่า “ยังมีอีกเรื่องที่ข้าสงสัย ศิลปะของการสังหารนั้นเกินกว่าขอบเขตของหลักสูตรนี้ ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ทำให้เจ้ามองเห็นความเป็นไปได้ต่าง ๆ แต่ถึงยังไง การผสมผสานความรู้จากวิชาพื้นฐานทั้ง 46 วิชานั้น แม้แต่อัจฉริยะก็ยังทำไม่ได้ เพราะมันต้องใช้ทั้งความขยันหมั่นเพียรกับสติปัญญา และสติปัญญาที่แท้จริงก็ย่อมย่อมไม่ใช่เพียงแค่ความเฉลียวฉลาด แต่เจ้า ริชาร์ด หากพูดถึงเรื่องปัญญาแล้ว เจ้าไม่ใช่คนที่มีปัญญาเฉียบแหลมที่สุดในดีพบลู ข้านึกว่าเจ้าจะสามารถสร้างรูนได้ก็ต่อเมื่อเจ้าอายุครบ 15 ปีซะอีก แต่เจ้ากลับทำได้ทั้งที่ยังอายุแค่ 12 ปีเท่านั้น มันไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย”
เฟย์รู้ดีว่าแม้เขาจะถามออกไปแบบนั้น แต่มันก็ย่อมไม่มีคำตอบสำหรับคำถามอยู่ดี ความจริงก็คือริชาร์ดได้ก้าวผ่านขั้นตอนที่สำคัญที่สุดของการเป็นรูนมาสเตอร์แล้ว ในเมื่อเขามีคุณสมบัติทั้งหมดเพียงพอ เหตุผลก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป
จากการศึกษาปรัชญาเวทมนตร์อย่างเข้มงวด เฟย์รู้ว่ามันต้องมีเหตุผลบางอย่างอยู่เบื้องหลังแน่นอน เพียงแค่เขาเองก็ยังไม่รู้ว่าเหตุผลนั้นคืออะไร แต่นั่นแปลว่าเขายังหาไม่เจอเท่านั้น ใช่ว่ามันไม่มี
นัวแลนด์เป็นทวีปที่มีความลับมากเหลือเกิน และจักรวาลก็มีเพลนอยู่นับไม่ถ้วน แน่นอนว่ามันไม่มีทางที่จะถูกค้นพบได้หมด มันไม่ใช่เรื่องเหลวไหลเลยที่จะคิดว่ามีเทพบางองค์ที่เบื่อหน่ายมากซะจนมอบวิชาความรู้เกี่ยวกับการสร้างรูนให้ริชาร์ดอย่างไม่มีที่มาที่ไป แม้แต่เซนต์ปีเตอร์ผู้สร้างเครื่องมือศักดิ์สิทธิ์ก็ยังเผยก่อนสิ้นใจว่าแรงบันดาลใจของเขาส่วนมากก็มาจากเทพเจ้าทั้งนั้น
เฟย์ลุกขึ้นยืนพร้อมทั้งเก็บรูนไปให้พ้นทาง “ช่างมันเถอะ อย่าเสียเวลาไปกับเรื่องเล็กน้อยเลย ไม่ว่าเหตุผลนั้นจะคืออะไร การพัฒนาของเจ้าอาจเกี่ยวข้องกับโชคลาภก็ได้ แต่โชคลาภจะเป็นส่วนหนึ่งของความแข็งแกร่งของเจ้าก็ต่อเมื่อเจ้าได้รับมันมากขึ้นเท่านั้น”
หลังจากนิ่งเงียบไปสักพัก แกรนด์เมจเฟย์ก็พูดขึ้นอย่างลึกซึ้ง “ริชาร์ด เจ้าคงยังไม่รู้ว่าตัวเองโชคดีแค่ไหน นี่เป็นความลับที่รู้กันไปทั่ว ข้าจึงไม่จำเป็นต้องปิดบังเจ้า ตามนิสัยของท่านชารอน นางมักชอบให้มีนักเรียนแค่คนเดียวเท่านั้นในแต่ละขอบเขตเพื่อที่นางจะได้ส่งต่อความรู้ของนางต่อไปได้ เหล่านักเรียนของนางเปรียบเสมือนไข่มุกเม็ดงามบนมงกุฎของเวทมนตร์ และนั่นก็เป็นจริงโดยเฉพาะกับรูนมาสเตอร์”
“แล้วข้าควรทำยังไง ?” จู่ ๆ ริชาร์ดก็ตระหนักและรับรู้ความรู้สึกถึงความประสงค์ร้ายที่เขาเคยรู้สึกได้จากสตีเว่นและมินนี่ก่อนหน้านี้ รวมไปถึงการที่แรนดอล์ฟวางแผนจะฆ่าเขาทั้ง ๆ ที่ระหว่างเขากับพวกนั้นไม่เคยมีเรื่องบาดหมางใจใด ๆ กันมาก่อน
“ข้ารู้มาว่าแรนดอล์ฟอยากจะขึ้นเป็นรูนมาสเตอร์ และเขาก็ดูมุ่งมันมาก ๆ ด้วย แต่ก็นั่นแหละนะ ตอนนี้เจ้านำหน้าเขาขาดลอยไปแล้ว ข้าจึงอยากบอกให้เจ้ารีบหาทางกำจัดปัญหาของเจ้าออกไปซะ แต่อย่าลืมดูแลตัวเองด้วยล่ะ”
ริชาร์ดรับรู้ได้ว่าเฟย์พยายามจะสื่อถึงอะไรแต่เขาก็ยังไม่เชื่ออยู่ดี “แต่ที่นี่คือดีพบลู มันจะแก้ปัญหาง่าย ๆ ได้ยังไง !” แกรนด์มาสเตอร์เฟย์หัวเราะ “ไม่ว่ากฎหมายจะทรงพลังมากแค่ไหน มันก็ใช้ได้กับคนที่มีเหตุผลเท่านั้นแหละ”
ริชาร์ดพิจารณาคำพูดนั้น ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่ามันหมายถึงอะไรก่อนจะพยักหน้าให้เฟย์
เมจชราเก็บสัมภาระเสร็จพอดีกับที่นักเรียนบางคนซึ่งเขาเรียกตัวไปเริ่มทยอยมากันอย่างรวดเร็ว
“มากับข้า เด็กน้อยผู้โชคดี ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นว่ารูนมาสเตอร์สร้างปาฏิหาริย์ได้ยังไง ข้ามั่นใจว่าหลังจากได้เห็นแล้วเจ้าจะเข้าใจโลกของรูนมาสเตอร์มากกว่าการฟังเรื่องราวต่อ ๆ กันไปมาที่จริงบ้างไม่จริงบ้าง”
1 ชั่วโมงผ่านไป ริชาร์ดและเฟย์นั่งอยู่บนเก้าอี้ในห้องทดลองที่ตั้งอยู่ภายนอกดีพบลู สถานที่แห่งนี้ทั้งกว้างใหญ่และเปิดโล่ง เพื่อใช้เป็นสถานที่ที่สามารถทดสอบเวทมนตร์ขนาดใหญ่ได้ หรือแม้กระทั่งคาถาระดับเลเจนดารี่ โดยปกติแล้วมันถูกใช้เป็นสนามประลองของอสูรเพื่อทดสอบสัตว์มายาหรือสัตว์ต่าง ๆ ที่ถูกรวบรวมมาใหม่
ม้าศึกหุ้มเกราะที่ดุดันถูกนำตัวมาที่สนามประลอง ภายใต้สายตาของริชาร์ด นี่เป็นสัตว์อสูรที่พบได้เฉพาะในดีพบลู ลำตัวของมันมีขนาดใหญ่กว่าม้าศึกทั่วไปมาก เพราะมีเกราะกำบังหลายชั้นที่หุ้มตัวมันอยู่ราวกับเหล็กกล้า อสูรชนิดนี้ไม่สามารถทำให้เชื่องได้ กีบเท้าโลหะของมันนั้นสามารถจัดการกับหมีขั้วโลกได้อย่างง่ายดาย ในขณะที่ความว่องไวและความสามารถในการกระโดดสูงของมันเทียบได้กับกวางเมอร์ ปัจจัยที่น่าทึ่งเหล่านี้ทำให้มันกลายเป็นนักล่าตามธรรมชาติ
ส่วนที่มีค่ามากที่สุดของม้าศึกสวมชุดเกราะก็คือสะเก็ดโลหะตรงหลังของมัน ซึ่งแข็งแกร่งมากกว่าเหล็กที่แข็งที่สุดเสียอีก แต่น้ำหนักของสะเก็ดโลหะนี้กลับเบาหวิวราวกับขนนก ยิ่งไปกว่านั้น มันสามารถใช้เวทมนตร์ได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องมีกระบวนการที่ซับซ้อนใด ๆ เลยในการที่จะติดรูนลงไป
ม้าศึกเหล่านี้เดินทางมาโดยใช้เส้นทางยาวไกลที่ทั้งมืดมิดและคับแคบ การป้องกันไม่ให้สัตว์มายาที่เกรี้ยวกราดพวกนี้พยศขึ้นมานั้นคือการให้ม้าศึกชุดเกราะเดินทางมาถึงและเข้ามายังห้องทดลอง พื้นที่โล่งจะทำให้พวกมันเกิดหยุดชะงัก ภายในห้องทดลองคือพื้นที่กว้างใหญ่ที่มีเส้นรอบวงมากกว่า 1,000 เมตร และยังมีพื้นดินทุกรูปแบบอยู่ในนี้ แต่หลังจากการทดลองมากมาย เศษซากของมานาเข้มข้นที่หลงเหลืออยู่ รวมทั้งรอยเปื้อนเลือดของสัตว์มายาตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมาก็ทำให้พวกมันรู้สึกระแวงและเกิดสัญชาตญาณป้องกันตัวขึ้นมาเองไปโดยปริยาย
ในขณะที่ม้าศึกหยุดชะงักไปนั้น ริชาร์ดมองเห็นว่าขวดมานาตรงหน้าอกของมันถูกถอดออกไปและถูกแทนที่ด้วย[รูนอจิลิตี้ขั้นพื้นฐาน] ดูแล้วนั่นไม่ใช่การฝังที่ง่ายนัก เขาเห็นว่าหนังของมันถูกตัดแต่ง และรูนก็ถูกวางลงไปบนจุดที่เหมาะสมด้วยความพิถีพิถัน
ม้าศึกในชุดเกราะเริ่มหายใจแรงขึ้น รูนที่ฝังอยู่บนหน้าอกของมันเริ่มสั่นไหว นี่เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่ารูนได้ดูดซับมานาของตัวอสูรไว้และเริ่มที่จะทำงานแล้ว
เมื่อถูกกระตุ้นความกระหายเลือด ม้าศึกจึงเกิดพยศขึ้นมา ! มันลุกขึ้นยืนด้วยสองขาและส่งเสียงร้องดัง ๆ ส่วนกีบเท้าของมันที่สัมผัสพื้นทำให้เกิดแสงสว่างวาบเสมือนสายฟ้าฟาดราวกับว่ามันต้องการกระโดดข้ามกองไม้และพังรั้วกั้นเพื่อออกไปเจออิสระอย่างไรอย่างนั้น และเมื่อมันกระโดดขึ้นกลางอากาศ รูนก็เริ่มส่องแสงสว่างวาบออกมา
ม้าศึกได้แสดงความสามารถที่น่าประหลาดใจโดยการกระโดดได้ไกลอย่างไม่น่าเชื่อ มันข้ามกองไม้กองแรกไปได้แต่ก็ชนเข้ากับกองที่สอง แต่แค่นี้ก็นับได้ว่าระยะทางในการกระโดดของมันไกลขึ้นกว่าครึ่งเท่าแล้ว !
เศษแผ่นไม้ลอยฟุ้งไปทั่วในขณะที่ไม้ท่อนนั้นกลิ้งไถลไปเพราะแรงกระแทก ท่อนไม้ยาวกว่าครึ่งเมตรที่รับแรงกระแทกอย่างจังนั้น แทบจะหักเป็นสองท่อนเลยทีเดียว !
แรงกระแทกนั้นส่งผลให้ม้าศึกวิงเวียนและหัวหมุนไม่รู้ทิศทาง แต่พอมันเริ่มกำหนดทิศทางได้ รูนที่หน้าอกก็เริ่มส่องแสงขึ้นมาอีกครั้งเพื่อช่วยเพิ่มความเร็วให้กับมัน
อย่างไรก็ตาม ลักษณะการเป็นไปเช่นนี้ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าม้าไม่สามารถควบคุมพลังของรูนนี้ได้ บางครั้งมันก็วิ่งไปไกลเกินไป บางครั้งก็คำนวณระยะทางผิดพลาดจนปะทะเข้ากับขอบรั้ว หรือแม้แต่กระโดดสูงไปบ้าง ต่ำไปบ้างจนมันสูญเสียการทรงตัวและทำให้ตัวมันร่วงลงหน้าคว่ำกองกับพื้น
เสียงดังโครมครามก้องกังวานไปทั่วทุกที่ เศษไม้ เศษหิน เศษโคลนก็ฟุ้งกระจายไปทั่ว ร่างสูงใหญ่ของม้าศึกแทบจะกลายเป็นปีศาจที่มืดมิด ขณะที่มันวิ่งไปทั่วด้วยความเร็วที่คาดไม่ถึง ชนทุกอย่างที่ขวางหน้า ซึ่งด้วยน้ำหนักตัวและความเร็วของมัน ประกอบกับแรงกระแทกเพียงน้อยนิดที่มันสามารถทำให้เกิดความเสียหายที่น่าหวาดกลัวได้นั้น นับว่ามันได้กลายเป็นอาวุธที่น่ากลัวอย่างมาก
เมื่อริชาร์ดได้เห็นม้าศึกในชุดเกราะวิ่งไปทั่วด้วยความเร็วราวกับสายฟ้าฟาด เขาก็ถึงกับอ้าปากค้าง เขาคุ้นเคยกับอสูรที่พบเห็นได้บ่อยแต่ก็ไม่เคยนึกฝันเลยว่าอสูรเหล่านั้นจะมีความเร็วได้มากขนาดนี้ ในตอนนี้ การที่ได้มาเห็นพละกำลังที่น่ากลัวของม้าศึกที่ได้รับรูนเสริมความเร็วแล้วนั้น มันก็ดูราวกับว่านี่เป็นสัตว์สายพันธุ์ใหม่เลยทีเดียว !
— นี่คือพลังของรูนที่สร้างจากรูนมาสเตอร์อย่างนั้นหรือ ? —
ทันใดนั้น ริชาร์ดรู้สึกปากแห้งผากขึ้นมา เขารู้สึกราวกับว่าตัวเองเป็นเด็กน้อยที่จับดาบเหล็กขึ้นมาเล่น แต่พอกวัดแกว่งมันไปมาก็กลับพบว่ามันเป็นดาบที่สามารถทำลายล้างทุกอย่างได้ในพริบตา