นครแห่งบาป City of Sin - ตอนที่ 27.1 พลังเปลี่ยนโลก [1]
ฤดูใบไม้ผลิได้วนมาอีกครั้ง ช่วงนี้เป็นช่วงที่ริชาร์ดย่างเข้าอายุ 13 ปี แน่นอนว่าเด็กชายไม่ได้รู้เลยว่าฤดูใบไม้ผลิครั้งนี้จะมีความหมายอย่างมากสำหรับเขา
ในฐานะผู้ควบคุมสงคราม มันไม่จำเป็นเลยที่รูนมาสเตอร์จะต้องลงมือสังหารด้วยตัวเอง แต่มันเป็นสิ่งที่จำเป็นมากต่อคนที่อยู่ในระดับอย่างริชาร์ด
อย่างไรก็ตาม การที่ริชาร์ดใช้เวลาในโรงแรมที่อยู่เขตรอบนอกทุก ๆ คืนทำให้เขาได้ความรู้ใหม่ ๆ เพิ่มเติมเกี่ยวกับองค์ประกอบธาตุ มิติ และอื่น ๆ สิ่งที่เคยเป็นเพียงแค่ตัวเลขคงที่ในตอนนี้ได้เชื่อมโยงกันแล้ว วิชาต่าง ๆ ที่เขาได้ร่ำเรียนมาก็เริ่มมีความสัมพันธ์กันอย่างคาดไม่ถึง
วิชาเกี่ยวกับองค์ประกอบของคาถาสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ ยกตัวอย่างเช่นคาถาไฟร์บอล ไม่ว่าคาถานี้จะถูกปลดปล่อยออกมาในป่าหรือทะเลทราย ลักษณะพื้นฐานของมันก็จะเหมือนกันโดยจะระเบิดทันทีเมื่อถูกเป้าหมาย ทว่าหากใช้คาถานี้ในทะเลทรายจะทำให้คุณสมบัติธาตุไฟของมันโดดเด่นยิ่งขึ้น ในทางกลับกันหากใช้ในป่าจะไม่มีการเสริมคุณสมบัติด้านนี้ ทว่าด้วยการที่มีใบไม้เป็นเชื้อเพลิงจะทำให้มันลุกลามเป็นวงกว้างได้ดียิ่งขึ้นซึ่งนั่นหมายถึงประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น
แค่คาถาคาถาเดียวอาจจะไม่ส่งผลที่มากมายเท่าไหร่นัก ทว่าเมื่อนำวิชาเหล่านี้ไปประยุกต์ใช้ในการทำสงคราม โดยเฉพาะด้านกลยุทธ์ มันก็จะมีนัยสำคัญต่อผลแพ้ชนะในสงครามอย่างยิ่งยวด
นี่ทำให้เขาเข้าใจอย่างแท้จริงถึงความหมายของรูนมาสเตอร์ สิ่งที่พวกเขาทำ และเหตุผลที่พวกเขาถูกเรียกว่าผู้ควบคุมสงคราม
เขาลุกขึ้นมาและพุ่งเข้าไปในห้องทดลองก่อนจะเตรียมสิ่งของออกมากว่า 100 ชิ้นก่อนคลี่แผ่นหนังอสูรระดับสูงออกและหยิบปากกาเวทมนตร์ที่มีหัวที่ทำจากมิธริลพิเศษออกมาจำนวนหนึ่ง และเริ่มต้นลงมือวาดรูปแบบของวงเวทย์
แม้ค่ำคืนนี้จะผ่านไปอย่างเงียบสงบ แต่รังสีของเวทมนตร์ก็ไม่ได้จางหายไปเลย เวลาผ่านไปรวดเร็วอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว เขาใช้ปากกาเวทมนตร์ที่แตกต่างกันไปมากกว่า 22 ชนิด โดยทำเสียหายไป 6 ชนิด และใช้วัสดุเวทมนตร์อื่น ๆ ไปอีกไม่น้อยกว่า 200 อย่าง ในที่สุดเขาก็สร้างวงเวทย์ขึ้นมาได้สำเร็จ แผ่นหนังสี่เหลี่ยมเริ่มจะแข็งกระด้างขึ้นมาแล้วและลำแสงก็เริ่มแผ่ออกมารอบ ๆ แผ่นหนังนั้น ตราบใดที่เขาสามารถถ่ายเทมานาเข้าไปข้างใน วงเวทย์นี้ก็จะเริ่มทำงานโดยอัตโนมัติเพื่อเพิ่มความคล่องแคล่วให้กับตัวเขาในทันที
เมื่อได้เห็นหนังแผ่นนี้ ริชาร์ดก็แทบจะไม่เชื่อสายตาของตัวเองด้วยซ้ำ นี่คือผลงานที่เกิดจากค่ำคืนที่ผ่านไปราวกับความฝัน หากมองแค่ส่วนสำคัญหลัก ๆ และมองข้ามข้อผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่มี สิ่งนี้มันอาจทำให้เขามีชื่อเสียงในโลกภายนอกได้เลย
นี่คือรูน ! ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่รูนขั้นพื้นฐานธรรมดา ๆ — อจิลิตี้ขั้นพื้นฐาน (ความคล่องตัวขั้นพื้นฐาน) แต่มันก็คือรูนอยู่ดีนั่นแหละ !
ริชาร์ดได้เรียนรู้ทฤษฎีและวิชาพื้นฐานมามากมายในหลายปีที่ผ่านมานี้ และในตอนนี้เขาสามารถสร้างรูนขึ้นมาได้แล้ว แม้รูนอันนี้ยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องพัฒนาต่อไปและมันแทบจะไร้ประโยชน์ก็ตามที แต่นี่ก็ถือเป็นก้าวที่สำคัญมากของเขาเอง ! เมื่อเมจสามารถร่ายคาถาใดคาถาหนึ่งได้แล้วนั้น มันก็คงไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะร่ายคาถาอื่น ๆ ในระดับเดียวกันได้ รูนมาสเตอร์กับการสร้างรูนก็คงเหมือน ๆ กัน !
เมื่อมีรูนหยาบ ๆ นี้ไว้ในครอบครอง จิตใจของเขาก็เต็มไปด้วยความคิดมากมายที่ไหลพรั่งพรูเข้ามาในหัว ทั้งความขยัน การคาดเดาสันนิษฐาน รวมถึงความทุกข์ทรมาน ทั้งหมดนี้ต่างก็ประดังประเดเข้ามาในความคิดของเขาทั้งสิ้น
ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาไม่เคยปล่อยให้เวลาของตัวเองไร้ประโยชน์ การขยันหมั่นเพียรอย่างค่อยเป็นค่อยไปของเขาในที่สุดก็บรรลุผล ความเจ็บปวดและความร้อนรนที่เขาซ่อนไว้ในส่วนลึกคือสิ่งที่ผลักดันให้เขาประสบความสำเร็จ
และหากใครอยากจะรู้ถึงแหล่งที่มาของแรงจูงใจของเขา ก็สามารถอธิบายได้อย่างง่ายดายด้วยประโยคเดียว: ความสำเร็จเกิดขึ้นจากการสั่งสม
ความคิดทุก ๆ แบบมักจะเกิดขึ้นในจิตใจของริชาร์ดเสมอแต่เขาก็ปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความคิดเหล่านั้นเพียงแค่ 3 นาทีก็ถือว่าเกินพอ แม้เขาจะสร้างสิ่งเจ๋ง ๆ ขึ้นมาได้ แต่เขารู้ดีว่าทุกอย่างในดีพบลูนั้นถูกสร้างขึ้นมาสูงเหนือเมฆ และเมื่อคิดเช่นนั้น เขาก็รู้สึกว่าผลงานของตัวเองอาจจะยังไม่โดดเด่นพอ
ข้าวของและวัตถุดิบต่าง ๆ ที่เขาต้องใช้มีจำนวนมากซึ่งมันมาพร้อมค่าธรรมเนียมที่สูงละลิ่ว แม้กระทั่งมานาโพชั่นที่เขาดื่มอยู่ทุกวัน รวมถึงที่อยู่อาศัยอันกว้างใหญ่ซึ่งกว้างซะจนเขารู้สึกว่ามันอยู่ยากนั้นล้วนแล้วแต่ถูกสร้างขึ้นเพื่อตอบสนองความพึงพอใจของชารอน ถ้าจะพูดตามตรงนั่นก็คือ ชีวิตของเขาขึ้นอยู่กับอารมณ์ของเลเจนดารี่เมจ ก่อนที่พรสวรรค์ของเขาจะเผยออกมาอย่างแท้จริง ตัวเขาก็ยังเหมือนเป็นเพียงภาพวาดแขวนผนังที่แม้จะสวยงามเท่าไหร่แต่กลับมีไว้เพื่อเชยชมเท่านั้น มันไม่สามารถใช้ประโยชน์ใด ๆ ได้
นักสุภาษิตเคยกล่าวไว้ว่า ไม่มีอะไรในโลกที่ได้มาฟรี ๆ แล้วสิ่งที่เขาได้รับมาจากเมจระดับเลเจนดารี่ผู้นี้ล่ะ มันจะฟรีได้ยังไงกัน ?
ปฏิกิริยาตอบสนองของนายาทำให้เขาได้รู้ว่าพ่อที่เขาเกลียดเข้าไส้นั้นเป็นที่รู้จักกันไปทั่วทั้งทวีป แล้วเขายังรู้มาอีกว่า ผู้คนต่างก็รู้สึกเกรงกลัวกาตอน อาเครอนมากกว่าที่จะชื่นชอบในตัวเขา
ทว่าถึงอย่างไร เรื่องราวในอดีตที่ได้รับรู้มามันก็ทำให้เขาคาดเดาถึงที่มาของความพึงพอใจจากชารอนได้ แน่นอนว่าความขยันหมั่นเพียรของเขายังคงมีส่วนในเรื่องนี้แต่อิทธิพลของกาตอนน่าจะมีส่วนมากกว่า
ริชาร์ดรู้ดีว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เขามี รวมถึงเงินที่เขาใช้ช่วยเอรินให้ผ่านสถานการณ์แย่ ๆ ไปได้นั้น ล้วนแล้วแต่มาจากพ่อของเขาทั้งสิ้น เขาเคยอยากรู้เรื่องราวต่าง ๆ ของชายผู้นี้แต่ในตอนนี้เขาไม่อยากจะนึกถึงด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม เขาไม่อาจปฏิเสธทุกอย่างที่เขามีได้ เพราะมันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะดำเนินไปตามเส้นทางของเวทมนตร์โดยปราศจากความร่ำรวยและเงินทองที่คอยค้ำจุนเขาเอาไว้ แต่ด้วยความดื้อรั้นที่เขามี เขาจึงคิดว่าวันนึงตัวเขาเองจะสามารถหาเงินมาคืนให้กาตอนได้อย่างครบถ้วนพร้อมดอกเบี้ย ก่อนจะทำความฝันของแม่ให้เป็นจริงและจะได้ไม่ต้องเจอหน้าพ่ออีกต่อไป
หรือบางที พ่อและลูกชายอาจจะได้พบกันอีกในสนามรบที่ไหนสักแห่ง ยังไงซะ โลกนี้มันก็เต็มไปด้วยเรื่องราวที่คาดไม่ถึงอยู่แล้ว
เขาได้รับรู้มาจากการเรียนวิชาปรัชญา หากว่าในอนาคตเขาได้คืนทุกสิ่งทุกอย่างให้กับกาตอนไป นั่นหมายถึงเขาจะสามารถใช้ทองคำของกาตอนได้อย่างที่หวังหรือเปล่า ? ถ้าเป็นคนอื่นอาจไม่กระวนกระวายใจในเรื่องนี้ แต่เขาไม่สามารถทำแบบนั้นได้ ลึก ๆ แล้วในสายเลือดของเขาเต็มไปด้วยความหยิ่งยโสที่ได้มาจากทั้งพ่อและแม่ และความหยิ่งในศักดิ์ศรีนี้ทำให้เขาไม่สามารถโกงตนเองได้อย่างน่าไม่อาย
ในตอนนี้รูนที่เขามีถือได้ว่าเป็นจุดเปลี่ยน หนังบาง ๆ แผ่นนี้คือหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าเขาจะสามารถสร้างรูนทั่วไปได้ในไม่ช้า และยังพัฒนาจาก ‘อจิลิตี้ขั้นพื้นฐาน’ ไปเป็นรูนอื่น ๆ ได้ด้วย ในฐานะที่เขาเป็นคนที่อาศัยอยู่ในดีพบลู เขาย่อมรู้ดีว่าราคาของรูนขั้นพื้นฐานจะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน เขารู้สึกว่าตอนนี้เขาสามารถสร้างรายได้จากการสร้างและขายรูนได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ แม้ว่ามันยังเทียบไม่ได้กับจำนวนเงินที่ได้รับจากชารอนในแต่ละเดือน แต่มันก็ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี
หากเขามีทองคำจำนวนมากขึ้นมันก็จะทำให้เขาหาวัตถุดิบได้เพิ่มขึ้น ฝึกฝนได้เร็วขึ้น และยังทำให้เขามีอิสระมากขึ้นอีกด้วย
‘ถ้า…’ คำ ๆ นี้ผุดขึ้นมาในหัวของเขาแต่เขาก็ต้องหยุดมันไว้เพียงเท่านั้น ลึก ๆ แล้วเขาก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งที่เขาอยากจะรู้ก็คือ: ถ้าเขาสร้างรูนได้เร็วกว่านี้ เขาจะช่วยเอรินไว้ได้รึเปล่านะ ?
มันเป็นคำถามที่ไร้เดียงสาและเพ้อฝัน ทว่าสัญชาตญาณลึกๆ ของเขา กลับให้คำตอบอันโหดร้ายว่า ‘จะไม่มีอะไรเปลี่ยนไปทั้งนั้น ทุกอย่างมันเกิดขึ้นไปแล้ว เวลาไม่สามารถย้อนกลับมาได้’
……
ขณะที่ริชาร์ดศึกษาโลกของดีพบลูอย่างใกล้ชิด เขาก็เริ่มเข้าใจความเป็นจริงภายในนี้มากขึ้น มันเริ่มชัดเจนในใจของเขาแล้วว่าทุกคนต่างก็ซ่อนใบหน้าที่แท้จริงไว้ภายใต้หน้ากาก และเขาก็เริ่มมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ที่เคยถูกเมฆหมอกบดบังเอาไว้
เวลาไหลผ่านไปอย่างเรียบง่าย แต่โลกใบนี้กลับสลับซับซ้อนอย่างยิ่ง