นครแห่งบาป City of Sin - ตอนที่ 23.2 ประสบการณ์ที่แสนเจ็บปวด [2]
สตีเว่นนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะเปล่งเสียงหัวเราะออกมา “ข้าคิดไม่ถึงเลยนะว่าเจ้าจะฉลาดขนาดนี้!ใช่แล้ว ข้าไม่ใช่ผู้คุมกฎแต่….”
“ไม่มีแต่ ! อย่าคิดแม้แต่จะแตะต้องตัวข้า ไม่งั้นข้าจะร้องเรียกคนมาช่วยจริงๆด้วย!” หญิงสาวพูดด้วยเสียงที่ดังขึ้น พวกเขาอยู่ในพื้นที่ที่ค่อนข้างห่างไกลจากผู้คน และแต่ละส่วนภายในดีพบลูก็ถูกออกแบบให้ช่วยลดการรั่วไหลของเสียงให้ได้มากที่สุด เสียงกรีดร้องที่ดังที่สุดของนางก็คงจะไปได้ไม่ไกลพอที่จะช่วยชีวิตนางได้ แต่โชคยังเข้าข้างเอรินที่มีเครื่องบันทึกเวทมนตร์ที่ถูกติดตั้งอยู่ทั่วไปในพื้นที่สาธารณะภายในดีพบลู ซึ่งนั่นหมายความว่าเสียงของนางก็จะถูกเก็บบันทึกเอาไว้ด้วย
ดีพบลูอยู่ภายใต้การปกครองของเลเจนดารี่เมจ หากสตีเว่นพยายามที่จะลงมือกับนาง ชารอนก็จะพบตัวผู้กระทำได้อย่างรวดเร็ว และแน่นอนว่าหากเขาทำเช่นนั้นผลลัพธ์ที่ได้ก็จะเป็นเหมือนกับแลนดอล์ฟที่ถูกลงโทษและถูกเนรเทศออกจากดีพบลูไป ความผิดทุกอย่างมีบทลงโทษที่สมเหตุสมผล ซึ่งเอรินรู้ถึงข้อนี้เป็นอย่างดีว่าคงไม่มีใครหน้าไหนยอมสละตำแหน่งที่มีทั้งสิทธิและอำนาจในฐานะนักเรียนของชารอนไปเพียงเพราะเมจตัวเล็กๆอย่างนางแน่นอน
สตีเว่นหยุดการกระทำอย่างที่เอรินคิดไว้ ออร่าของชายผู้นี้สร้างความหวาดกลัวให้นางไม่น้อย นางไม่ได้พูดอะไรอีกหลังจากนั้น และรีบหมุนตัวเพื่อที่จะวิ่งไปยังจุดเทเลพอร์ต แม้รู้ดีว่าการเทเลพอร์ตจะต้องสูญเสียเหรียญทองจำนวนมาก นางก็ยอมที่จะจ่ายเพื่ออยู่ให้ห่างจากสตีเว่นให้มากที่สุดในตอนนี้
“เจ้าอาจจะต้องคิดทบทวนใหม่อีกครั้ง” ทันใดนั้นเสียงของสตีเว่นก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงเหรียญทองกระทบกันไปมาดังขึ้นอย่างสดใส ซึ่งนั้นทำให้เอรินเกิดความลังเลขึ้น
‘คงจะมีอย่างน้อย 200 เหรียญ!’ เอรินคิดในใจพร้อมกับหันกลับไปมองอย่างช้าๆ หัวใจของนางเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆในขณะที่นางหันกลับมา เอรินคิดง่ายๆว่า ‘ในระยะห่างเท่านี้ยังไงข้าก็ปลอดภัยแล้ว…..’
สตีเว่นยังคงจ้องมองนางอยู่อย่างนั้น สายตาของเขาราวกับหมาป่าที่กำลังจ้องมองดูเหยื่อ รอยยิ้มอันสงบนิ่งของเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจ เข้ายกถุงหนังที่อยู่ในมือขวาขึ้นพร้อมกับแกว่งมันไปมา ถุงหนังใบนั้นไม่ได้มีใหญ่เท่าไหร่นัก แต่มันยืดออกจนตุง และดูใหญ่กว่าขนาดที่ควรจะเป็นอยู่ไม่น้อย
เอรินมั่นใจมากขึ้นว่าภายในถุงนั้นจะต้องมีเหรียญทองไม่ต่ำกว่า 200 เหรียญอย่างแน่นอน ประสบการณ์อันโชกโชนและประสาทสัมผัสอันฉับไวของนางทำให้นางมองเห็นแสงเรืองๆที่บางเบาอยู่ในความมืด ถุงหนังใบนี้ต้องทำมาจากวัสดุเวทมนตร์อย่างแน่นอน !
หนังเวทมนตร์มีราคาที่สูงมาก และพบเจอได้ไม่บ่อยนักที่จะมีการนำหนังมาทำเป็นถุงใส่ของ มีเพียงสมาชิกของตระกูลขุนนางผู้เป็นใหญ่เท่านั้นที่จะสามารถซื้อของฟุ่มเฟือยแบบนี้ได้ ภายในถุงสามารถเพิ่มพื้นที่ข้างในและแสงสว่างได้ ส่วนวัสดุที่ใช้ก็มีความทานในการใช้งานอย่างมาก ซึ่งถุงนั้นยังถูกตกแต่งด้วยคาถาขั้นพื้นฐาน และการตกแต่งลักษณะนี้มีมูลค่าเกินกว่าที่ราคาจะระบุได้
รอยยิ้มของสตีเว่นปรากฎขึ้นราวกับงูยักษ์ที่เพิ่งหลอกล่อกบมาเป็นเหยื่ออันโอชะได้สำเร็จ “เมื่อกี้ข้าเพิ่งสัมผัสตัวเจ้าไป นี่เป็นค่าตอบแทน มาเอาไปสิ!”
เอรินรู้สึกถึงคอที่แห้งผากจนไม่สามารถเปล่งเสียงพูดออกมาได้ชั่วขณะ นางอยากจะหมุนตัวแล้ววิ่งหนีไป ทว่าเท้าและขากลับพาร่างกายเคลื่อนเข้าไปใกล้สตีเว่น ขณะที่ความคิดมากมายวิ่งผ่านสมองของนางอย่างไม่หยุด
‘เขาไม่สามารถบังคับให้ข้าทำอะไรได้ทั้งนั้น อีกอย่างเขาก็สัมผัสตัวข้าแล้วด้วย นี่เป็นเงินตอบแทนของข้า ตอบให้กับสิ่งที่แลกไป ใช่แล้ว…..’ ขณะที่เอรินกำลังตกอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง ทันใดนั้นนางก็เดินเข้ามาถึงตัวชายหนุ่มโดยไม่รู้ตัวตัว และเขาก็รู้ดีว่านางกำลังคิดอะไร สตีเว่นรีบคว้ามือของนางไว้พร้อมกับนำถุงนั้นวางใส่ลงไป เขายิ้มแล้วกล่าวว่า “นี่เป็นของเจ้า”
“แต่ข้า….” ทันใดนั้นเสียงของเอรินก็หายไปชั่วขณะ ตอนนี้อาการมึนงงเกิดขึ้นกับเอรินโดยที่นางแทบไม่รู้ตัวเลยว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่คืออะไรกันแน่
“ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการเงินมาก และในดีพบลูก็เป็นสถานที่ที่สามารถหางานแลกเงินได้อย่างอิสระ และนี่คือคำแนะนำ…..” สตีเว่นหยุดพูดครู่หนึ่ง ก่อนจะกวาดตามองร่างของเอรินอีกครั้ง “หากเจ้ารักษารูปลักษณ์ของเจ้าไว้แล้วไปนอนกับข้า ข้ามั่นใจว่าข้าจะให้ค่าตอบแทนอย่างดี และข้าก็สามารถช่วยจ่ายหนี้ทั้งหมดของเจ้า…..”
“ไม่ ข้าทำไม่ได้….” เอรินส่ายหัวอย่างแรง ใบหน้าของนางซีดเผือดพร้อมกับก้าวถอยออกไปทีละก้าว ทว่านางยังคงจับถุงใบนั้นไว้แน่น
สตีเว่นยืนพร้อมกับเอาแขนไขว้ไว้ด้านหลังโดยไม่ได้แสดงท่าทีกดดันนางอีกต่อไป “ข้าไม่รีบหรอก เอากลับไปตัดสินใจใหม่อีกครั้ง ข้ายื่นเสนอนี้ให้เจ้าพิจารณาเป็นเวลาหนึ่งเดือน หลังจากนั้นข้าจะมาเอาคำตอบ”
ในตอนนั้นเองที่เอรินรีบหันหลังกลับ แล้วรีบพุ่งตัวออกไปในทันที
มินนี่ปรากฎตัวขึ้นด้านหลังสตีเว่นราวกับวิญญาณที่ปรากฎตัวออกมาจากอากาศ นางใช้สายตาเบื่อหน่ายมองตามแผ่นหลังของหญิงสาวที่วิ่งออกไป พร้อมกับพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “คนที่อยู่ในอาณาเขตดีพบลูอย่างนางที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อเงิน นี่หรือคนที่เจ้าต้องการ ? ถ้าเป็นอย่างนั้นก็อย่ามาแตะต้องตัวข้าเลย ”
เมื่อได้ฟังสตีเว่นก็หัวเราะออกมา แล้วพูดเสียงทุ่มต่ำว่า “การแต่งงานของเราได้ถูกจัดตั้งขึ้นแล้ว ตามกฎหมายข้าสามารถแตะต้องตัวเจ้าได้ตามที่ข้าต้องการ!”
เขาดึงมินนี่เข้ามาประชิดตัวพร้อมกันนั้นก็ใช้มือขวาของเขาสอดเข้าไปใต้เสื้อคลุมบนร่างบางแล้วลูบไล้ไปมา มินนี่หน้าถอดสีด้วยความโกรธ ความพยายามของนางในการสะบัดตัวออกจากการกอดรัดของเขา ไม่เป็นผลเลยแม้แต่น้อย นางไม่สามารถเอาชนะพละกำลังของชายหนุ่มอายุ 17 ปีที่มีพลังที่แข็งแรงได้เลย
“มาสเตอร์ไม่ปล่อยเจ้าแน่!” มินนี่แผดเสียงร้องดังลั่น มือ เท้า แขน และขา พยายามเตะ และต่อย เข้าที่ร่างกายของชายหนุ่มเพื่อให้หลุดออกจากอ้อมแขนเขา ตอนนี้สมองของนางว่างเปล่า ลืมเลือนไปแม้กระทั่งว่าตัวเองเป็นเมจไม่ใช่เพียงหญิงสาวธรรมดา
“มาสเตอร์?” สตีเว่นหัวเราะขำ “เจ้าคิดว่าเจ้ามีปัญญาที่จะจ่ายค่าเล่าเรียนภายในดีพบลูโดยที่ไม่พึ่งพาตระกูลของข้างั้นเหรอ? มีหลายสิ่งที่เปลี่ยนไปในช่วงเวลาหนึ่งเดือนมานี้ หากไม่ใช่เพราะการช่วยเหลือจากพวกข้า มาร์ควิสไนออลก็คงจะไม่สามารถรักษาดินแดนของตัวเองไว้ได้ เขามุ่งมั่นทุ่มเททุกอย่างเพื่อจะเปลี่ยนเหรียญทองทุกเหรียญให้เป็นลูกศรเวทมนตร์ แล้วเจ้าคิดว่าเขาจะหาเงินมากมายมาสนับสนุนลูกสาวอัจฉริยะของเขาให้อยู่อย่างสบายภายในดีพบลูได้อย่างไรล่ะ? หยุดทำตัวไร้เดียงสาเสียที ถ้าเขามีความสามารถทำไมพ่อของเจ้าจะต้องขายเจ้าให้กับพวกข้าล่ะ ? ”
ใบหน้าของเด็กสาวเริ่มซีดเซียวลงเมื่อได้ยินคำว่า ‘ขาย’ การค้าขายได้ดำเนินไปภายใต้เงื่อนไขของการแต่งงาน การแต่งงานที่ฟังดูเป็นคำพูดสวยหรูเป็นเพียงฉากบังหน้าแท้ที่จริงเป็นเพียงการแลกเปลี่ยน การแลกเปลี่ยนผลประโยชน์อย่างเร่งด่วนทำโดยการขายเธอออกไปให้กับอีกตระกูล
“มิสมินนี่ที่รัก หากไม่มีข้า ชีวิตที่หรูหราและผ่อนคลายของเจ้าในฐานะนักเรียนของเลเจนดารี่เมจก็จะหายไปทันทีในวันพรุ่งนี้ เจ้าอยากให้มันเป็นอย่างนั้นจริงๆหรือ ? ” คำพูดของสตีเว่นพัดผ่านมินนี่เหมือนสายลมเย็นจัดที่มาจากน้ำแข็งแห่งนรก ข้อต่อในร่างกายของนางแข็งทื่อและการดิ้นรนทั้งหมดก็เริ่มแผ่วเบาลง
มือแกร่งที่เย็นเฉียบของเขาค่อยๆลูบไล้ต่ำลงไปเรื่อยๆ “ถ้าเจ้าตัดสินใจได้แล้ว…ก็แยกขาออกสิ!”
ในตอนนั้นร่างกายของมินนี่ก็เกิดอาการสั่นเทิ้มอย่างรุนแรง น้ำตาไหลเอ่อล้นออกมาจากดวงตาที่ปิดสนิท เมื่อสตีเว่นเห็นอย่างนั้นก็เอ่ยวาจาออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก สง่างามตามแบบของเขาพร้อมกับจุดรอยยิ้มน้อยๆบนมุมปาก “สำหรับเอริน ข้ามีเพียงเหตุผลเดียวที่สนใจนางคือเจ้าเด็กริชาร์ดนั่นแสดงออกว่าชื่นชอบนางอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นข้าก็ต้องทำให้นางกลายมาเป็นของข้าก่อน ส่วนเรื่องเจ้าเด็กริชาร์ด….เจ้าจะช่วยข้าใช่หรือไม่ ?
มินนี่ที่รัก เจ้าคงจะหมกมุ่นอยู่กับงานวิจัยเวทมนตร์ของเจ้ามากเกินไปจนลืมสนใจโลกภายนอกมานานแล้วสินะ ข้ามั่นใจว่าเจ้าคงจะไม่ได้สนใจแม้แต่ข่าวคราวของครอบครัวตัวเองด้วยซ้ำใช่ไหมล่ะ? เจ้ารู้ไหมว่าใครเป็นคนโจมตีมาร์ควิสไนออลจนกลายเป็นแบบนี้ ? ข้าจะบอกเจ้าให้ก็ได้….. คนที่ลงมือกับพ่อของเจ้าคือไวเคานต์อลิซ อาเครอน! คนในตระกูลเดียวกับริชาร์ด อาเครอน! เจ้าควรจะดีใจนะ เพราะถ้าหากคนที่ลงมือเป็นกาตอนบิดาของริชาร์ดล่ะก็ ท่านมาควิสก็คงจะยื้อได้ไม่นานพอจนกำลังเสริมของพวกข้าไปถึงแน่…… ถ้ามีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น เจ้าคิดว่ามันคุ้มค่าหรือยังสำหรับการแต่งงานเข้าตระกูลโซแลม? หึ ถ้าเป็นแบบนั้นเจ้าจะกลายเป็นเหมือนหญิงสาวที่อยู่ข้างถนน แต่จะว่าไปร่างกายของบุตรสาวของมาร์ควิสผู้พ่ายแพ้ก็น่าจะมีมูลค่าไม่น้อย และสินค้าแบบนี้ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นสินค้าที่ยังพอซื้อได้อยู่ด้วยนะ
เอาล่ะ! ทั้งหมดที่ข้าพูดก็เพื่อจะบอกเจ้าว่าริชาร์ดเป็นศัตรูของพวกเราทั้งคู่ ซึ่งนั้นเป็นเหตุผลที่เจ้าจะต้องช่วยข้านะที่รัก ”
สตีเว่นตบเบาๆเข้าที่ใบหน้าของมินนี่ แล้วแย้มรอยยิ้มอย่างพึงพอใจ เมื่อได้เห็นสายตาของนางกำลังจับจ้องไปยังบริเวณที่เป็นพื้นที่ส่วนตัวของริชาร์ดด้วยสายตาที่เคียดแค้น