นครแห่งบาป City of Sin - ตอนที่ 23.1 ประสบการณ์ที่แสนเจ็บปวด [1]
การมาถึงของสตีเว่นได้รับความสนใจเพียงน้อยนิด แทบไม่ต่างจากละอองน้ำที่ละลายหายไปในเกลียวคลื่นในทันที การกลับมาของชารอนในสิบวันต่อมาก่อให้เกิดความปั่นป่วนเล็กๆขึ้น แต่นั่นก็ไม่ได้สำคัญอะไรมากมายนัก เพราะการมาถึงของเลเจนดารี่เมจก็มักจะเต็มไปด้วยความยิ่งใหญ่เป็นธรรมดาอยู่แล้ว แม้ว่านางจะเพียงแค่เดินทางเข้าไปในป่าไวท์เดียร์เป็นระยะทางหนึ่งร้อยกิโลเมตรเพื่อท่องเที่ยวก็ตาม แต่หลังจากชารอนกลับมาแล้ว ก็ยังคงไม่มีใครรู้เกี่ยวกับผลของการต่อสู้ระหว่างเลเจนดารี่ทั้งสอง แม้แต่สตีเว่นเองก็ไม่ได้รับรู้ข่าวคราวใดๆจากครอบครัวของเขาเลย
ภายในดีพบลูทุกอย่างยังคงเป็นปกติ กฎระเบียบต่างๆยังคงถูกควบคุมอย่างเข้มงวดเช่นเดิม ริชาร์ดตระหนักได้ว่าความสุขของชารอนน่าจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เพราะบัดนี้เขาได้รับเงินจากความสุขของชารอนถึง 800,000 เหรียญแล้ว นอกจากนั้นเขาก็ยังค้นพบอีกว่านอกจากเงินที่เพิ่มขึ้นแล้วยังมีตารางเรียนที่อัดแน่นขึ้นด้วยวิชาเรียนที่เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
ริชาร์ดได้สมัครเข้าเรียนวิชาพื้นฐานวงเวทย์ที่ซับซ้อนซึ่งเป็นบทเรียนตัวต่อตัวโดยแกรนด์เมจ อุปกรณ์ในบทเรียนนี้มีมูลค่าสูงลิบลิ่วเพราะเป็นวัสดุระดับสูง และด้วยราคาสิ่งของที่แพงผิดปกติของดีพบลูนี้ทำให้โบนัสมหาศาลของริชาร์ดเริ่มละลายเหมือนหิมะที่ถูกแดดในฤดูใบไม้ผลิอีกครั้ง ซึ่งก็ริชาร์ดก็คาดการณ์ว่ารายรับที่เขาได้รับนั้นน่าจะหมดลงก่อนที่ฤดูร้อนมาถึงอย่างแน่นอน ในตอนนี้เขาเริ่มกังวลเกี่ยวกับเรื่องเงินของเขาอีกครั้ง
เอรินยังคงคอยเป็นคนส่งอาหารให้เขาอย่างเป็นปกติ ริชาร์ดกินอาหารมากขึ้นกว่าเดิมจนน่าประหลาดใจ ความถี่ในตักอาหารเข้าปาก และเวลาที่ใช้ไปในมื้ออาหารของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่เพราะมีเอรินจึงทำให้เขาไม่ต้องลำบากกับเรื่องการจัดหาอาหารเหล่านี้เลย
และทุกครั้งที่มื้ออาหารของเขาจบลง เอรินมักจะให้ความใกล้ชิดเขาในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป บางครั้งนางก็เข้ามาจูบ บ้างก็เข้ามากอดรัด แม้จะดูเหมือนเป็นการกอดแบบธรรมดา แต่ก็ทำให้ริชาร์ดได้เรียนรู้กายวิภาคทั่วไปของร่างกายผู้หญิงได้ลึกซึ้งขึ้น และในบางครั้งมันก็ทำให้เลือดลมภายในร่างกายของเขาสูบฉีดพลุ่งพล่านอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่เขาก็มักจะสงบสติอารมณ์ตนเองด้วยการทำสมาธิเพื่อให้ทุกอย่างสงบนิ่ง
อย่างไรก็ตามแม้เขาจะแสดงออกด้วยการปฎิเสธ แต่ริชาร์ดกลับรู้ดีว่าความรู้สึกต่างๆที่เกิดขึ้นภายในจิตใจของเขาเป็นอย่างไร แม้ว่าเขาจะยังเด็กและไม่มีประสบการณ์มาก่อน แต่สัญชาตญาณของเขาก็ผลักดันให้เขาสำรวจร่างของหญิงสาวด้วยตัวเขาเอง หลังจากที่ริชาร์ดกินอาหารเสร็จแล้วหญิงสาวจะอยู่กับเขาอีกไม่เกิน 5 นาที แล้วจะออกจากพื้นที่ส่วนตัวของเขาไป ความแม่นยำทางเวลาของนางทำให้ริชาร์ดรู้สึกเหมือนร่างกายของนางมีนาฬิกาบอกเวลาฝังอยู่
หนึ่งวันก่อนที่จะถึงสิ้นเดือน ในช่วงเวลา ‘ของหวาน’ หลังจบมื้ออาหาร
เอรินจับมือริชาร์ดพร้อมกับวางทาบไปบนหน้าอกของนาง เขาสัมผัสได้ถึงปุ่มปมของเม็ดไข่มุกหยุ่นบนหน้าอกนุ่มของนาง ริชาร์ดรู้สึกกระตือรือร้นมากขึ้นและตื่นเต้นน้อยๆอย่างบอกไม่ถูก ผิวสัมผัสที่อยู่ใต้นิ้วมือของเขาเด่นชัดมากขึ้นเรื่อยๆ เลือดในกายริชาร์ดสูบฉีดอย่างรุนแรง ในตอนนี้แทบจะเหลือเพียงสัญชาตญานเท่านั้นที่นำพาการกระทำของเขา เมื่อรู้ตัวอีกทีริชาร์ดก็ถลกชายเสื้อของเอรินขึ้นแล้ว
สิ่งสวยงามที่ถูกซ่อนอยู่ภายใต้เสื้อคลุมตัวบางก่อนหน้านี้ถูกเปิดเผยออกมาตรงหน้า รูปร่างอรชรของหญิงสาวดึงดูดให้ริชาร์ดใช้กำลังดึงทึ้งเสื้อผ้าชิ้นสุดท้ายของนางออกไป หญิงสาวดูเหมือนจะสับสนเล็กน้อยในช่วงเริ่มต้น แต่ไม่นานนางก็เป็นคนคว้ามือเขาแล้วจับดึงให้ไปวางทาบเนื้อเนียนพร้อมกับบดเบียดร่างกายของนางไปยังร่างของเขาอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่านี่จะเป็นการรดน้ำขั้นพิเศษที่ทำให้ผลไม้เติบโตได้อย่างสมบูรณ์แล้วสิ !
ทว่ายังไม่ทันที่ริชาร์ดจะได้เริ่มขั้นตอนต่อไป เอรินก็เด้งตัวออกอย่างรวดเร็วพร้อมกับร้องออกมาอย่างรีบเร่ง “โอ้ยแย่แล้ว!หมดเวลาแล้ว!” นางรีบดึงเสื้อผ้าของตัวเองให้กลับเข้าสู่สภาพเดิมก่อนที่จะเก็บจานชามทุกใบและเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
‘พรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้นอีกไหมนะ…..’ ริชาร์ดคิดอย่างสงสัย หัวใจของเขายังคงเต้นรัวเร็ว เลือดในกายถูกสูบฉีดไปทั่วอย่างรวดเร็วจนเขาแทบจะหายใจไม่ออกไปชั่วขณะ…..
วันต่อมาทุกอย่างเป็นปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และในวันนี้เอรินก็มีท่าทีที่เศร้าโศกมากเสียจนนางไม่สามารถปกปิดความรู้สึกของตัวเองได้ และเมื่อริชาร์ดเอ่ยถามถึงสิ่งที่เกิดขึ้น นางกลับไม่เล่าอะไรให้เขาฟังแม้แต่น้อย หลังจากมื้ออาหารจบลง เอรินก็คว้ามือของเขาพร้อมกับกดลงที่หน้าอกของนางเบาๆครั้งหนึ่ง ก่อนจะวิ่งออกไป
ดูเหมือนว่าสิ่งที่เอรินทำไปเหล่านั้นล้วนมีมูลค่าทั้งสิ้น เพราะไม่ว่านางจะใกล้ชิดกับริชาร์ดในรูปแบบไหน เอรินก็ยังคงได้เหรียญทองตอบแทนอยู่ดี ริชาร์ดรู้ดีว่าเหรียญทองเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากสำหรับการใช้ชีวิตในดีพบลู ทว่าเหรียญทองเพียงเหรียญเดียวไม่ได้มีค่าอะไรเลยเมื่ออยู่ในนี้ และมันดูเหมือนจะไม่เพียงพอสำหรับหญิงสาวที่จะมีอาหารดีๆสักมื้อด้วยซ้ำ นี่จึงเป็นสาเหตุที่ริชาร์ดมักจะตั้งคำถามต่างๆมากมายกับนางอยู่บ่อยครั้งเพื่อที่เขาจะได้จ่ายค่าตอบแทนให้กับการตอบคำถามของนางได้ อย่างไรก็ตามหญิงสาวยังคงรักษากฎเป็นอย่างดีเพราะเมื่อไหร่ที่เขาถามคำถามง่ายๆ นางก็จะคิดค่าตอบแทนด้วยมูลค่าที่ถูกลงโดยไม่คิดที่จะเอาเปรียบเขาแม้แต่น้อย
ในความจริงแล้วข้อมูลของเอรินยังดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือเท่าไหร่นัก ข้อมูลที่มีราคาแพงที่สุดที่เขาจ่ายให้นางคือเรื่องของพาพินและผู้ติดตามของเขาที่หายไปหลังจากการดวลกันในครั้งก่อน ซึ่งดูเหมือนว่าจะมีบางคนที่ไม่ได้กลับไปยังบ้านของตัวเอง และดูเหมือนว่าในเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับแลนดอล์ฟด้วย ข้อมูลทั้งหมดเขาต้องจ่ายไปในราคา 120 เหรียญ หากมองจากเหรียญทองจำนวนเพียงเท่านี้ ริชาร์ดก็รู้ทันทีว่าเงินที่นางได้ในแต่ละเดือนนั้นน้อยนิด และไม่เพียงพอที่จะสนับสนุนการเรียนในหนึ่งวันของเขาเลยด้วยซ้ำ
ความคิดของเอรินเปลี่ยนไปตั้งแต่วันนั้น เมื่อนางเริ่มมีปฏิสัมพันธ์กับริชาร์ดมากขึ้น ความสนิทสนมของพวกเขาทั้งคู่ทำให้แม้ว่าผลไม้จะสุกงอมเต็มที่แล้วนางก็เลือกที่จะไม่เก็บมัน
ริชาร์ดก็รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้เช่นกัน แต่ไม่ว่าเขาจะถามอะไรไป นางก็ยังคงเงียบและไม่ตอบกลับมาเหมือนทุกครั้ง ทุกครั้งที่เขาก้มหน้าก้มตากินอาหารบนโต๊ะเขามักจะรู้สึกได้ถึงเสียงสะอื้นของหญิงสาวแทนที่จะเป็นรอยยิ้มเหมือนที่เคยรู้สึกได้ก่อนหน้านี้ และนั่นก็ทำให้โลกของเขาดูหม่นหมองลงไปเรื่อยๆ ความกระตือรือร้นที่เขาเคยมีเหมือนเมื่อครั้งก่อนๆที่อยู่กับนางก็เจือจางลงไปเรื่อยๆเช่นกัน….
…
ในหนึ่งเดือนมานี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรมากมายเท่าไหร่นัก มีเพียงชายหนุ่มคนหนึ่งที่เรียกตัวเองว่า ‘สตีเว่น’ ออกมาแนะนำตัวต่อหน้าคนนับร้อยหน้าชั้นเรียนในฐานะนักเรียนคนใหม่ของชารอน — เวลาผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับการมาถึงของฤดูร้อน
ในทุกครั้งที่เอาอาหารมาส่ง ดูเหมือนว่าเอรินจะมีความเร่งรีบมากยิ่งขึ้น และนางก็เริ่มทำตัวเหินห่างจากริชาร์ดอย่างเห็นได้ชัด งานเสริมพิเศษเพื่อแลกกับหนึ่งเหรียญในแต่ละวันของนางหยุดลงไป อาหารในแต่ละมื้อของริชาร์ดมีปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆจนริชาร์ดรู้สึกว่ามันยากเหลือเกินที่จะกลืนลงคอไปให้หมด
ริชาร์ดเติบโตขึ้น เขาสูงขึ้นและแข็งแกร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ชั้นเรียนของเขาเริ่มมีวิชาที่ว่าด้วยการฝึกพื้นฐานทางกายภาพในฐานะวอริเออร์แล้วด้วย การฝึกในเวทมนตร์ของเขาก็ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วจนแทบไม่น่าเชื่อ แต่ก็น่าเสียดายที่เวลาส่วนใหญ่ของเขาก็ยังคงหมดไปกับวิชาเรียนที่น่าเบื่ออยู่ดี
การมาถึงของฤดูร้อนนับว่าเป็นช่วงเวลาที่งดงาม ในฤดูนี้อ่าวโฟลจะดูสวยงามที่สุด ผิวทะเลเปล่งประกายระยิบระยับคล้ายเส้นใยบนผ้าไหมผืนงาม น้ำทะเลและคลื่นเป็นสีฟ้าสดใส อากาศเต็มไปด้วยความสดชื่นและบริสุทธิ์ พืชพรรณสีเขียวมีความหนาแน่นมากที่สุดตลอดทั้งปี การเดินทางสัญจรไปมาของผู้คนเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด คู่รักจำนวนมากต่างพากันมาอาบแดดที่ชายหาดพร้อมกับชื่นชมความงามของทิวทัศน์ที่จรรโลงใจ อย่างไรก็ตามริชาร์ดกลับไม่สามารถสัมผัสถึงความรู้สึกสดใสเหล่านี้ได้เลย ในใจเขายังคงมีแต่ความกังวลและหนักอึ้ง
คืนหนึ่งขณะที่เอรินออกจากห้องพักของริชาร์ดเหมือนอย่างเคย รูนที่เปล่งประกายแวววับตรงมุมเสื้อผ้าของนางในขณะที่ประตูปิดลงก็ทำหน้าที่ส่งสัญญาณออกไปไกล เมจที่สวมใส่เสื้อคลุมสีดำยืนอยู่ในมุมมืด ณ จุดหนึ่งในระยะไกล คนผู้นั้นมองตามเงาของหญิงสาวที่กำลังเคลื่อนที่ห่างออกไปเรื่อยๆ เขาจ้องมองนางที่ก้าวเท้าเดินอย่างรวดเร็ว หลังสัญญาณแจ้งเตือนบอกเขาว่าเอรินออกไปภายในเวลาที่กำหนด เขาก็พยักหน้าและดึงฮูดขึ้นคลุมศีรษะตัวเองก่อนที่จะหายเข้าไปในเงามืด
เอรินรีบเดินไปตามเส้นทางที่นำขึ้นไปสู่ชั้นบนอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าการเทเลพอร์ตจะมีความสะดวกสบายมากกว่า ทว่าพวกมันต้องแลกมากับค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น มีเพียงเมจที่ได้รับการแต่งตั้งจากดีพบลูเท่านั้นถึงจะสามารถใช้มันได้ และแม้ว่าการใช้เท้าเดินขึ้นไปจะใช้เวลามากกว่าปกติ แต่สำหรับผู้ที่มีความแข็งแรงเพียงพอก็สามารถเดินขึ้นไปถึงด้านบนในเวลาสั้นๆได้ไม่ยาก
เมื่อมาถึงบริเวณหนึ่ง เอรินพบว่ามีใครบางคนยืนขวางเส้นทางของนางไว้ เขาปรากฎตัวขึ้นอย่างรวดเร็วจนเอรินเกือบจะเซเข้าสู่อ้อมกอดของใครคนนั้น หญิงสาวหวีดร้องเสียงลั่น โชคดีที่นางไหวตัวได้ทันจึงไม่ได้ชนปะทะเข้ากับเขา นางรีบกล่าวขอโทษพร้อมกับเตรียมตัวจะเดินผ่านเขาไป ทันใดนั้นมือแข็งแรงข้างหนึ่งก็เข้ายึดข้อมือนางไว้ แขนกำยำคว้ารวบตัวนางและรัดร่างของนางแน่นจนไม่สามารถสะบัดให้หลุดออกได้ เอรินรู้สึกเหมือนกระดูกที่ข้อมือของนางแทบจะแตกหักในเวลานั้นเอง
“เจ้าคือเอริน ? ” เมจหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งถามขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ทว่าน้ำหนักมือที่บีบรัดข้อมือของนางไว้ทำให้เอรินรู้ว่าคนๆนี้ไม่ได้อารมณ์ดีหรือสุภาพเหมือนน้ำเสียงที่เขาใช้
“ข้าคือเอริน ไม่ทราบว่าท่านคือใคร ? ” เอรินถามด้วยน้ำเสียงสุภาพพร้อมกับพยายามแสดงท่าทางสื่อให้รู้ว่าเขาควรจะปล่อยมือ แต่ความพยายามของนางกลับไม่เป็นผลแม้แต่น้อย
“ข้าชื่อสตีเว่น ถ้าเจ้าเป็นพวกขายข้อมูลเพื่อแลกกับเงิน ดังนั้นเจ้าเองก็ควรจะรู้นะว่าข้าเป็นใคร” ชายหนุ่มกล่าวพร้อมกับยิ้มออกมา
ความดุดันและเย็นยะเยือกนั้นทำให้เอรินรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นกบที่กำลังถูกงูรัด และกำลังจะกลายเป็นอาหารของมัน เหงื่อเย็นเฉียบผุดขึ้นตามร่างกายของนางจนทำให้เสื้อผ้าเหนียวเหนอะหนะ ทำให้เอรินรู้สึกไม่สบายตัว ในใจของนางเกิดความรู้สึกวูบวาบขึ้นเมื่อได้ยินชื่อของเขา ดีพบลูอยู่ภายใต้การดูแลของชารอน ดังนั้นทุกคนก็ย่อมต้องรู้จักชื่อเสียงเรียงนามของนักเรียนทุกคนของนางเป็นอย่างดี ทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้นเอรินก็รู้สึกหวาดกลัวและความสิ้นหวังขึ้นมาอย่างฉับพลับ
“มิสเตอร์สตีเว่นที่นับถือ ข้าทำทุกอย่างตามเวลาโดยไม่มีความล่าช้าและไม่ได้ทำสิ่งอื่นนอกเหนือจากนั้นเลย ท่านต้องการอะไรจากข้าหรือ ? ” นางเปล่งเสียงร้องออกมาด้วยความกลัว
สตีเว่นเอนตัวไปหาพร้อมกับยื่นหน้าเข้าใกล้ใบหน้าของเอริน ในขณะที่เขาใช้มือขวาของเขาเกี่ยวกระหวัดรัดเข้าที่เอวของหญิงสาว และมันก็ค่อยๆเลื่อนขึ้นพร้อมกับสัมผัสเข้าที่หน้าอกของนาง อีกมือหนึ่งของเขาเชยคางนางขึ้นจนทำให้ปลายจมูกของทั้งคู่เกือบจะสัมผัสกัน
“ข้าได้ยินมาว่าเจ้าได้รับเหรียญจากริชาร์ดทุกวัน ไหนบอกข้าสิว่าเจ้าได้รับมันมายังไง” สตีเว่นถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำราวกับเสียงขู่ฟ่อของงู ลิ้นยาวสีแดงราวกับลิ้นของงูของเขาสัมผัสเข้าไปที่ริมฝีปากของหญิงสาวขณะที่เขาพูด
เอรินรู้สึกถึงความหนาวเหน็บในร่างกายที่เย็นลึกไปถึงกระดูก สตีเว่นแผ่ออร่าที่ทำให้เอรินรู้สึกหวาดกลัวออกมา ตอนนี้ร่างกายของนางกำลังแข็งทื่อ ดูเหมือนว่านางกำลังถูกสกิลที่ทำให้เกิดความหวาดกลัวบางอย่างปกคลุมร่างกาย และความสามารถนี้ดูเหมือนจะเป็นอบิลิตี้พิเศษเฉพาะที่มีเพียงสายเลือดเช่นเขาเท่านั้นที่ทำได้ และมันทำให้เอรินรู้สึกสิ้นหวังมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ เพราะความสามารถในการใช้อบิลิตี้ทางสายเลือดที่ชายหนุ่มผู้นี้ใช้เป็นสิ่งที่หาได้ยาก แม้แต่ภายในดีพบลูก็ยังแทบจะไม่สามารถพบได้!
ทันทีที่หญิงสาวนึกถึงคำพูดของสตีเว่นนางก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงรีบผลักเขาออกไปอย่างรวดเร็วและตะโกนเสียงดังใส่หน้าคนคนนั้น “เจ้าไม่ใช่เมจผู้คุมกฎนะ!”