นครแห่งบาป City of Sin - ตอนที่ 182 การแก้แค้น ตอนที่ 1
นิยาย นครแห่งบาป City of Sin เล่ม 2 ตอนที่ 182 การแก้แค้น ตอนที่ 1
บลัดไซท์และกองกําลังของเขาครอบครองพื้นที่ทั้งบริเวณนี้ไปจนถึงพื้นที่บริเวณ รอบ ๆ ส่วนสําคัญที่สุดคือปลายของน้ําพุซึ่งตั้งอยู่ในอาณาเขตของเขา นอกจากโรงแรมที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงแล้ว รายได้เพียงอย่างเดียวของมาร์คก็คือคาสิโนที่มีอยู่ เพียงแห่งเดียวเท่านั้น อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตอนนี้จะเป็นช่วงเวลาที่คนมักมาเยอะที่สุด แต่ก็แทบไม่มีคนอยู่ที่นี่เลย
ริชาร์ดครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนที่เขาจะสรุปว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสังเวียนเมื่อตอนเย็น ข่าวสารเรื่องนี้ไม่น่าจะแพร่กระจายไปได้เร็วขนาดนั้น เพราะดูเหมือนว่าธุรกิจนี้ดําเนินไปได้ไม่ค่อยราบรื่นมาระยะหนึ่งแล้วซึ่งน่าจะเป็นเหตุผลที่ว่าทําไมเขาถึงส่งแซมออกไปเก็บค่าผ่านทางอยู่นอกค่ายบลัดสโตน ด้วยบุคลิกของมาร์คและวิธีที่เขาใช้จัดการกับธุรกิจ มันคงจะเป็นเรื่องแปลกหากเขาสามารถปรับปรุงธุรกิจคาสิโนนี้ให้ดีขึ้นมาได้
ค่ายบลัดสโตนไม่ได้กว้างใหญ่นัก กองทัพของริชาร์ดจึงใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที่ใน การไปให้ถึงฐานของมาร์ค แม้ว่าทหารแนวหน้าจะส่งสัญญาณเตือนล่วงหน้าให้กับคนเกือบครึ่งค่ายแล้วก็ตาม ทว่าชนเผ่าครึ่งออร์คก็แทบจะรับมือไม่ไหวจากการจู่โจมอย่างฉับพลันของริชาร์ดกับกองทหารของเขา
ตรงทางเข้าสู่ฐานของมาร์ค ทุกคนเพิ่งลงจากหลังม้าขณะที่โอเกอร์ทั้งสองเพิ่งเดินทางมาถึงเช่นกัน มีเดียมแรร์เร่งความเร็วขึ้นเมื่อเขาเห็นริชาร์ดยกมือให้สัญญาณ เขาพุ่งตัวไปยังทางเข้าพร้อมส่งเสียงคํารามในค่าคอก่อนกระโจนขึ้นเมื่อกาลังจะออกแรงปะทะและใช้ค้อนทุบเข้าไปยังประตูอย่างโหดเหี้ยม เสียงกึกก้องดังขึ้นขณะที่ประตูเปิดออกชนิดที่ว่ากระเด็นลอยออกไปยังลานกว้าง ควันและฝุ่นฟุ้งกระจายขึ้นจากพื้นดินในทันที
เมื่อเขายืนอยู่ตรงหน้าทางเข้าหลัก เศษกระดาษจากหนังสือแห่งการครอบครองก็ปรากฏขึ้นในมือของริชาร์ด หมาป่า 5 ตัวปรากฏตัวขึ้นในวินาทีต่อมาก่อนโจมตีทุกสิ่งที่เคลื่อนไหวอยู่ตรงหน้าอย่างเหี้ยมโหด เสียงกรีดร้องและเสียงแห่งความตกใจกลัวดังไปทั่วลานกว้างจนกลายเป็นความยุ่งเหยิงวุ่นวาย
ทหารยามตามแนวกําแพงกําลังหลับใหลในขณะที่กลุ่มของริชาร์ดเข้าโจมตีอย่างรวดเร็วมากเสียจนพวกเขาเพิ่งรู้ตัวว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ลูกธนู 2 ดอกได้พุ่งผ่านความมืดและปักลงในค่าคอแล้วซึ่งทําให้พวกเขาตะโกนออกมาไม่ได้ ริชาร์ดยืนอยู่หน้าประตูและร่ายคาถาเนเจอร์เบ็คคอนอย่างสงบ และในตอนนี้เขายังส่งหมาป่าอีก 5 ตัวให้ออกไปก่อความวุ่นวายให้มากขึ้นอีก
เมื่อฝูงหมาป่า 10 ตัวพุ่งเข้าไปในลานกว้าง ริชาร์ดก็เริ่มร่ายคาถาไฟร์บอลที่คุ้นเคย ทว่าคนของเขาหลายคนเริ่มมองเขาด้วยสีหน้าแปลกประหลาด
นั่นเป็นเพราะเวทมนตร์จะส่งผลกระทบต่อทุกคนที่อยู่ในการต่อสู้ระยะประชิดด้วย ซึ่งแน่นอนว่าต้องรวมถึงพันธมิตรของผู้ร่ายคาถา อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์ของริชาร์ดทําให้เขาสามารถร่ายคาถาออกมาได้โดยไม่ต้องยั้งมือ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น รังสีของไฟร์บอลจํานวนมากที่ถูกหน่วงเวลานั้นกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่าง รวมถึงหมาป่าที่เขาเพิ่งจะอัญเชิญออกมาด้วย เหมือนว่าทุกคนที่ไม่คุ้นเคยกับเขาจะต้องทรมานอย่างแสนสาหัสเมื่อไฟร์บอลเหล่านั้นพุ่งออกมา ทว่าผลลัพธ์ของมันก็จะยอดเยี่ยมพอ ๆ กับความเสี่ยง
ในครั้งนี้เป้าหมายของไฟร์บอลเหล่านี้คือบริเวณชั้น 2 ในบ้านพักของมาร์ค ไฟร์บอล 3 ลูกพุ่งไปสู่พื้นตรงจุดเดียวกันและระเบิดออกมาพร้อม ๆ กัน นี่ทําให้เสียงประหลาดใจของบลัดไซท์กลายเป็นเสียงร้องขอความช่วยเหลือ ขณะที่ทั่วทั้งลานกว้างก็ถูกปกคลุมไปด้วยเปลวไฟลุกโชนในพริบตาและยังมีเปลวไฟบางส่วนพลุ่งออกมาให้เห็นทางหน้าต่างอีกด้วย
ถึงแม้ว่ารูปร่างของแซมจะแข็งแกร่งกําย่าแต่เขาก็ยังสั่นสะท้านเมื่อเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่นานนักขาอันสั่นเทาของเขาก็ทําให้เขาล้มลงจนกันกระแทกพื้น
เมื่อไฟดับลง ริชาร์ดก็ส่งสัญญานโดยการชี้ไปยังลานกว้าง คนของเขาพุ่งเข้าไปอย่างโหดเหี้ยมทันทีและเริ่มการสังหารหมู่ หมาป่าสายลมหลายสิบตัวที่วนเวียนอยู่ด้านหลังก็กระโจนขึ้นกาแพงเพื่อโจมตีศัตรูเช่นเดียวกัน
ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น เสียงโห่ร้องท่ามกลางสงครามก็เริ่มเบาลงเรื่อย ๆ เงาร่างสูงและแข็งแกร่งของมาร์คปรากฏขึ้นบนลานและจ้องมองริชาร์ดที่ยืนอยู่ข้างประตู รังสีความเกลียดชังและความเดือดดาลฉายชัดในแววตาของเขา เขาค่ารามออกมาอย่างบ้าคลั่งก่อนที่เดียวในมือทั้งสองของเขาจะพุ่งไปยังร่างของริชาร์ด
บลัดไซท์เดินโซเซทุกย่างก้าว เสื้อผ้าของเขาเปียกโชกไปด้วยเลือดสีแดงเข้ม เขายังก้าวไปไม่ถึง 2 ก้าวด้วยซ้ําเมื่อแสงสีเหลืองพุ่งเข้าหาเขา คาถาจากทีรามิสุทําให้เขาเคลื่อนไหวช้าลง 1 ใน 3 ส่วนของความเร็วปกติ จากนั้นอาวุธกว่า 10 ชิ้นก็ได้ที่มแทงเข้าไปที่ร่างกายของเขาโดยที่มีเชฟเฟิร์ดออฟอีเทอร์นอลเรสท์จ้วงเข้าใส่หลังของเขาเป็นการปิดท้าย
ก่อนลมหายใจเฮือกสุดท้ายของมาร์คจะหมดไป เขาครามออกมาเสียงดังและยังก้าวต่อไปอีกจนทุกคนประหลาดใจ อย่างไรก็ตาม เปลวไฟศักดิ์สิทธิ์จากท้องฟ้าตกลงบนร่างของเขาทําให้เขากรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ทว่าในเวลานี้เขายังเดินโซเซต่อไปอีกอย่างไร้จุดหมายแต่เดินต่อไปได้อีกไม่กี่ก้าวก็ล้มหัวทิ่มลงพื้น น้ําหนักของร่างกายทําให้ร่างของเขาไถลไปข้างหน้าเล็กน้อยก่อนหยุดลงตรงเท้าของริชาร์ด
ผ้าเช็ดหน้าสีขาวหิมะลอยมาตกลงบนศีรษะของมาร์คอย่างช้า ๆ หลังจากนั้นริชาร์ดก็ก้าวเข้าไปเหยียบและบดเท้าของเขาบนกะโหลกของศัตรูที่ล้มลงทันที
โฟลว์แซนด์บังเอิญเดินออกมาจากลานในตอนนั้นและเห็นเหตุการณ์เข้าพอดี นางกระซิบข้างหูของริชาร์ดเพื่อพูดให้เขาวางใจ “ตอนนี้ไม่มีศัตรูอยู่รอบตัวเจ้าแล้ว เจ้าไม่จําเป็นต้องทําขนาดนี้ก็ได้…”
ริชาร์ดหยุดสิ่งที่เขาทําอยู่และยื่นมือออกไปหยิกแก้มก้นของนางเบา ๆ โดยไม่แสดงสีหน้าอะไรออกมา อย่างไรก็ตาม โฟลว์แซนด์ไม่ได้อุทานหรือส่งเสียงใด ๆ ขณะที่นางพูดต่อไปอย่างใจเย็น “ทั้งหมดนี้คือคนของเรา เจ้าไม่จําเป็นต้องทําแบบนี้เช่นกัน..
คําพูดนี้ของนางเริ่มทําให้ริชาร์ดหายใจติดขัดอีกครั้งทั้งที่เขาเพิ่งจะกลับเป็นปกติเมื่อไม่นานมานี้
การต่อสู้จบลงนานแล้วทว่าเปลวไฟยังคงลุกท่วมบ้านพัก 2 ชั้นของมาร์คอยู่ โอล่าเอาหีบขนาดใหญ่ออกมาจากท่ามกลางเปลวไฟรวมถึงกระสอบขนาดต่าง ๆ อีกประมาณ 1 โหลที่อยู่ที่คนของเขา พวกเอลฟ์นั้นอ่อนไหวต่อความมั่งคั่งเป็นอย่างยิ่ง แม้แต่คลังสินค้าของเหล่าขุนนางผู้มีประสบการณ์ที่ซุกซ่อนไว้ย่อมไม่อาจรอดพ้นสายตาของพวกเขาไปได้ ไม่ต้องพูดถึงบลัดไซท์ที่ไม่มีอะไรในสมองนอกจากกล้ามเนื้อเท่านั้น
โอล่าเดินไปยืนข้างริชาร์ดก่อนยื่นหีบนั้นให้เขาและแวะเตะร่างของมาร์คที่หนึ่ง “มันเป็นคนยากจน ! มันมีไม่ถึง 300 เหรียญด้วยซ้ํา !” เขาบอกอย่างหงุดหงิด
ริชาร์ดพยักหน้าเล็ก ๆ ก่อนหันไปหาแกงดอร์และถามขึ้น “มีผู้รอดชีวิตกี่คน ?”
แกงดอร์ยักไหล่ก่อนตอบ “ผู้รอดชีวิตส่วนใหญ่คือกลุ่มที่วิ่งหนีตั้งแต่แรกตรงลาน มีแค่คนตายและพิการ ถึงแม้ว่าอยากจะหนีแต่พวกเขาก็ไม่สามารถวิ่งหนีได้ ส่วน เชลยนั้นลืมไปได้เลยมาสเตอร์”
ริชาร์ดตระหนักถึงความหมายที่ซ่อนอยู่ในคําพูดของแกงดอร์ก่อนพบว่ามันเป็นปัญหาของตัวเขาเอง เนื่องจากตอนนี้เขาอยู่ในดินแดนเปื้อนเลือดจึงไม่จําเป็นที่จะต้องจับศัตรูและเปลี่ยนให้เป็นทหารของเขา ทว่าทองคําและทาสจะเป็นสิ่งที่ดีกว่า
มาก
เขาพยักหน้าให้แกงดอร์ก่อนชี้ไปที่ร่างของมาร์ค “เอาล่ะ พามันมาด้วย เราจะมุ่งหน้ากลับ !” ทุกคนกระโดดขึ้นขี่ม้าโดยร่างของมาร์คก็ถูกโยนขึ้นไว้บนหลังม้าเช่นกัน พวกเขาเดินทางกลับไปยังที่พักอย่างไม่รีบร้อน ทว่าไม่นานนักก็สังเกตเห็นฝีเท้าที่หนักและดูมีความโกลาหลอยู่ไกล ๆ เจ้าของฝีเท้าเหล่านั้นคือทหารลูกครึ่งออร์คที่เริ่มปรากฏตัวออกมาจากมุมเพื่อหยุดการเดินทางของริชาร์ด พวกเขาเป็นวอริเออร์แห่งบลัดสโตนซึ่งเป็นกองกําลังหลักในการรักษาความสงบเรียบร้อยภายในค่าย
พวกนั้นเคลื่อนที่ออกมาอย่างรวดเร็วแต่ก็ทําได้เพียงยืนขวางทางริชาร์ดไว้เท่านั้น อย่างไรก็ตาม กลุ่มของริชาร์ดก็ถือว่าได้ทําเป้าหมายสําเร็จไปแล้ว เพราะก่อนที่มาร์คจะรักษาบาดแผลของเขาได้หลังจากหลบหนีไปยังฐาน ริชาร์ดได้ส่งกองทหารออก ไปล่วงหน้าเพื่อเตรียมสังหารเขาแล้ว แน่นอนว่าเรื่องนี้คงเป็นไปไม่ได้หากปราศจากความช่วยเหลือจากแซมเนื่องจากเขารู้จักมาร์คเป็นอย่างดี หากไม่มีแซมน่าทาง กองกําลังของริชาร์ดคงจะไม่สามารถกระทําการได้เร็วเช่นนี้และคงต้องใช้ความพยายามมากขึ้นอีกจึงจะชนะการต่อสู้