นครแห่งบาป City of Sin - ตอนที่ 176 โครงการหวังผลกําไร ตอนที่ 2
นิยาย นครแห่งบาป – City of Sin เล่ม 2 ตอนที่ 176 โครงการหวังผลกําไร ตอนที่ 2
ริชาร์ดนํากองกําลังของเขามุ่งหน้ามายังเส้นทางที่ถูกปิดกั้นโดยที่ยังคงแสดงท่าทางเช่นเดิม “เอาล่ะ ก็ได้พวกข้าต้องการเดินทางไปค่ายบลัดสโตนเพื่อเสี่ยงโชคค่าทางผ่านต่อคนเท่าไหร่ ? เมื่อก่อนพวกข้าเคยเดินทางผ่านเส้นทางนี้มาแล้วแต่ยังไม่เคยต้องจ่ายค่าผ่านทางคนในค่ายบลัดสโตนรู้เรื่องเกี่ยวกับการเก็บค่าผ่านทางนี้รึเปล่า ?”
ชายที่หน้าตาดุดันนั่งลงแล้วใช้มือลูบขวานของเขาเบา ๆ เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่น่ากลัวว่า “1 เหรียญเงินต่อคนและ 2 เหรียญเงินสําหรับเจ้าตัวใหญ่นั่นจากที่
ข้าดูกลุ่มของพวกเจ้าแล้ว ข้าก็พอจะรู้ว่าเจ้าน่าจะเป็นกลุ่มคนที่ยากไร้สินะเจ้าไม่มีแม้แต่ม้ายังกล้าที่จะไปเสียงโชคในบลัดสโตนอีกรึ ? แถมยังเป็นคนดีอยากจะจ่ายค่าผ่านทางอีกอ้อถ้าเจ้าไม่มีเงินเจ้าก็สามารถแลกกับสิ่งที่เจ้ามีอยู่ตอนนี้ก็ได้เมื่อเจ้าจ่ายค่าผ่านทางให้พวกข้าแล้วพวกเจ้าจะได้รับการคุ้มครองและจะไม่มีใครในบลัดสโตนกล้ารังแกเจ้าหัวหน้ามาร์คนะเป็นนายใหญ่ของ ค่ายบลัดสโตนรู้ไว้ด้วย !”
ริชาร์ดขมวดคิ้วก่อนถามขึ้น “ไม่ใช่ว่าสตอร์มแฮมเมอร์หรอกที่เป็นนายใหญ่ของค่ายบลัดสโตน ? นี่พวกเขาเปลี่ยนหัวหน้าคนใหม่ไปแล้วหรือไง ?”
ใบหน้าของชายผู้นั้นเปลี่ยนสีไปในทันที่ก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงโมโห “แน่นอนว่าสตอร์มแฮมเมอร์ยังคงเป็นเจ้านายของพวกเราอยู่แต่บลัดไซท์มาร์คก็เป็นผู้มีสิทธิ์มีเสียงในค่ายแห่งนี้ ! หยุดพล่ามเรื่องไร้สาระของเจ้าแล้วรีบจ่ายค่าผ่านทางมาซะ !”
มีเดียมแรร์เริ่มโกรธ มันแยกเขี้ยวพร้อมกระทืบเท้าลงกับพื้นอย่างแรงและทันทีที่มันพุ่งตัวไปด้านหน้านั้นพื้นดินก็เกิดการสั่นสะเทือน
เมื่อชายผู้นั้นมองเห็นโอเกอร์ขนาดใหญ่ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปในทันทีเขากําขวานในมือแน่นก่อนที่จะตะโกนออกมาว่า“เฮ้ยย นั่นเจ้าจะทําอะไร !?”เพื่อนร่วมกลุ่มที่อยู่ด้านหลังของเขากําอาวุธในมือแน่นเพื่อเตรียมพร้อมกับการต่อสู้ที่จะเกิดขึ้นเช่นกันแม้ว่าชายที่ดุร้ายผู้นั้นจะไม่ได้กลัวโอเกอร์ที่เติบโตเต็มวัยทว่าเขาก็ไม่กล้าประมาทมีเดียมแรร์ที่กําลังเคลื่อนตัวมาด้านหน้าเช่นกันเพราะในเวลานี้เขารู้สึกได้ว่าโอเกอร์ตนนี้แตกต่างจากคนอื่น ๆ ที่เขา เคยเจอ
ในเวลาชุลมุนนั้นริชาร์ดก็สามารถจับตามองสถานการณ์ที่อยู่ด้านหลังสิ่งกีดขวางได้ในทันทีด้านหลังมีค่ายที่เป็นพื้นที่พักอาศัยสําหรับ 20-30 คนและในเวลานี้พวกเขามีจํานวนทั้งหมด 28 คนรวมถึงคนที่กําลังเจรจาอยู่ด้านหน้าของเขาในเวลานี้ด้วยคนเหล่านั้นมี อาวุธและเกราะที่แตกต่างกันออกไปบ้างก็เป็นอาวุธที่ทํามาจากกระดูกสัตว์บ้างก็เป็นอาวุธที่ทํามาจากเหล็กบางคนสวมใส่ชุดเกราะที่ทํามาจากหนังทั้งตัวพร้อมด้วยรองเท้าบูทคนส่วนมากใน กลุ่มเหล่านี้มีผิวสีดําแดงซึ่งดูไม่ออกว่าเป็นสีผิวที่เกิดจากแดดที่แผดเผาหรือเป็นเพราะสิ่งสกปรกที่ปกคลุมไปทั่วร่างกายกันแน่แต่เมื่อมองเห็นสภาพแวดล้อมภายในดินแดนเปื้อนเลือดก็ดูเหมือนว่าการอาบน้ำจะไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนภายในที่แห่งนี้จะทํากัน
หลังจากที่ริชาร์ดสังเกตทั้งพื้นที่และคนเหล่านี้แล้วเขาก็มั่นใจเกี่ยวกับความสามารถของคนเหล่านี้ในทันทีหัวหน้า กลุ่มของพวกเขาดูเหมือนจะอยู่ระดับ 10 และน่าจะอยู่ในรูปแบบของไนท์ฝึก หัดในขณะที่คนอื่น ๆ อยู่เพียงระดับ 5 และ 8 ทว่าหลังจากที่เขาได้ตัดสินจาก ท่าทางที่ดุร้ายรุนแรงของพวกนี้แล้วก็เห็นได้ชัดว่าพวกนี้คงเคยเจอกับการนองเลือดมาเยอะพอสมควรจนน่าจะเทียบ เท่ากับเหล่าทหารชํานาญศึกที่อยู่ภายนอกอีกด้วย
ริชาร์ดหยิบเหรียญทองที่เขามีออกมาก่อนจะโยนไปตรงหน้าผู้นําที่ดุร้ายคนนั้น “พวกข้าไม่ได้จะทําอะไรก็แค่จะจ่ายค่าผ่านทางนี่ ! 1 เหรียญทองสามารถที่จะจ่ายให้สําหรับคนในกลุ่มของข้าทั้งหมดได้หรือไม่ ?”
เหรียญทองหมุนอยู่กลางอากาศและสะท้อนแสงอาทิตย์ที่อยู่ด้านบนจนทําให้เกิดแสงจ้าที่แสบตา 1 เหรียญทองมีค่าเทียบเท่ากับ 120 เหรียญเงินทว่าในกลุ่มของริชาร์ดมีคนน้อยกว่า 30 คนเสีย อีก ดังนั้นแม้ว่าเขาจะเพิ่มจํานวนของหมาป่าสายลมอีก 10 ตัวก็ยังมีราคาน้อยกว่า 1 เหรียญทองอยู่ดี
เสียงเหรียญดังขึ้นในมือของชายที่ดุร้ายผู้นั้นก่อนที่เขาจะกางนิ้วออกเพื่อดูมันอย่างละเอียดอีกครั้งทันทีที่เขามองเห็นเหรียญในมือ เขาก็สูดหายใจเข้าและร้องออกมาด้วยน้ำเสียงต่ํา
“โอ๊ะ ! นี่มันเหรียญของวิหารหนิ !”
แม้ว่าเหรียญนั้นจะมีน้ำหนักเท่ากับมาตรฐานของเหรียญอื่น ๆ ทว่ารูปร่างของเหรียญกลับมีความแตกต่างไปจากปกติเหรียญนี้จะพบได้มากที่สุดคือภายในวิหารอาณาจักรและเหล่าชนชั้นสูงแต่ เหรียญของวิหารมีคุณภาพที่สูงที่สุดเพราะด้วยการสร้างที่ประณีตจึงเป็นเรื่องยากที่จะทําซ้ําออกมาให้มีลักษณะเหมือนกันได้นั่นทําให้เหรียญนี้มีมูลค่ามากกว่าเหรียญอื่น ๆ โดยมันมีมูลค่าเทียบเท่ากับ 150 เหรียญเงินเลยทีเดียว
เหรียญทองที่ริชาร์ดโยนออกไปนั้นมาจากวิหารแห่งความกล้าหาญเมื่อชายผู้นั้นเห็นเหรียญในมือดวงตาของเขาก็เป็นประกายซึ่งแสดงให้เห็นถึงความโลภและในเวลาเดียวกันคนอื่น ๆ ที่อยู่ ด้านหลังของเขาก็อดไม่ได้ที่จะแสดงท่าทางตื่นเต้นออกมาเช่นกัน
ริชาร์ดกระแอมออกมาสองสามครั้งก่อนที่จะกล่าวขึ้นมาว่า“พวกข้าจ่ายค่าทางผ่านให้เจ้าแล้วทีนี้เจ้าจะมอบป้ายบลัดไซท์ให้กับข้าได้หรือยัง ? และในเมื่อข้าจ่ายให้เจ้าไปแล้วข้าก็หวังว่าพวกข้าจะสามารถผ่านค่ายบลัดสโตนไปได้ด้วยดี”
ชายผู้นั้นเก็บเหรียญในมือของเขาไว้
ในกระเป๋า แววตาของเขาเต็มไปด้วยความโลภที่มากขึ้นและเขาก็พูดออกมาเสียงดัง “ไม่ !ข้าเปลี่ยนใจแล้วหรียญเดียวไม่พอข้าต้องการ 2… ไม่สิ ! ข้าต้องการ 10 เหรียญถึงจะเปิดทางให้พวกเจ้าผ่านไปได้ !”
“ก่อนหน้านี้เจ้าไม่ได้บอกว่าคนละ 1 เหรียญเงินหรอก ? ทําไมเจ้ายังต้องการเพิ่ม ?” ริชาร์ดถามออกไปแม้ว่าเขาจะรู้คําตอบอยู่แล้ว
“ตอนนี้ราคาคือ 1 เหรียญทองต่อคน !” ชายดุร้ายผู้นั้นเปล่งเสียงออกมา
“เปลี่ยนราคาตั้งแต่ตอนไหนกัน ?” ริชาร์ดถาม
ชายดุร้ายผู้นั้นแกว่งขวานในมือของเขาก่อนตอบกลับไป “เมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว !”
ชายคนอื่น ๆ ที่ยืนอยู่ด้านหลังของเขาก่อนหน้านี้เดินไปข้างของชายดุร้ายผู้นั้นก่อนที่จะสะกิดแล้วพูดขึ้นว่า “หัวหน้า ! พวกมันมีผู้หญิงมาด้วย !”
ชายดุร้ายผู้นั้นมองไปที่คนด้านข้างของตนเองก่อนที่จะกล่าวออกมาว่า “ข้าไม่สนใจผู้หญิง ! เราอยู่ที่นี่ก็เพื่อเก็บค่าผ่านทางไม่ใช่ปล้นผู้หญิงถ้าเรามีเงินเราจะหาผู้หญิงในค่ายเมื่อไหร่ก็ได้ ! สมองของเจ้าช่างไร้ค่าเสียจริง !”
ชายที่อยู่ด้านข้างแสดงท่าทางหวาดกลัวออกมาทว่าเขาก็ยังคงพูดต่อไป “หัวหน้าแต่ผู้หญิง 2 คนนั้นแตกต่างจากคนอื่น ๆ มาก ช่วยพิจารณาอีกครั้งเถอะ”
หลังจากได้ยินเช่นนั้น ชายดุร้ายผู้นั้นก็หันไปมองผู้ร่วมเดินทางของริชาร์ดทันทีกลุ่มของคนตรงหน้าเขาในเวลานี้ช่างน่าสนใจเสียจริงไม่เพียงแต่พวกเขาจะมีโอเกอร์ถึง 2 ตนแต่ยังมีเอลฟ์และหมาป่าอีกกว่า 10 ตัวด้วยเห็นได้ชัดว่าเขาไม่ทราบความแตกต่างระหว่างหมาป่าธรรมดากับหมาป่าสายลมทว่าเขาก็ไม่ได้สนใจหมาป่าเหล่านั้นแกงดอร์เป็นอีกคนหนึ่งที่เขาให้ความสนใจ เนื่องจากเขามีร่างกายที่กํายําและใหญ่โตอีกทั้งยังมีออร่าที่ส่งออกมาจากตัวของเขาด้วยภายนอกของแกงดอร์ทําให้คนอื่นๆรับรู้ได้ว่าคนผู้นี้คือวอริเออร์เผ่าบาร์บาเรียนที่แข็งแกร่งถัดจากแกงดอร์คือเหล่าไนท์ฝึกหัดอีก 3 คนที่มีความน่าเกรงขามและภายในกลุ่มก็ยังมีหญิงสาวอีก 2 คนที่ร่วมเดินทางมาด้วยนั่นก็คือโฟลว์แซนด์และวอเตอร์ฟลาวเวอร์พวกนางมีเสื้อคลุมสีขาวปกคลุมไว้ตั้งแต่หัวจรดเท้าเพื่อป้องกันความร้อนที่มาจากแสงแดดแม้ว่าใบหน้าของพวกนางจะไม่ได้เห็นชัดในเวลานี้ทว่ามันก็สามารถแสดงให้เห็นถึงความสง่างามได้เป็นอย่างดี
สายตาของเขาหยุดที่ขาของวอเตอร์ฟลาวเวอร์ขาขาวราวหิมะของนางเผยออกมาจากผ้าคลุมของตนเองและไหนจะเผยให้เห็นเท้าเปล่าของนางซึ่งไม่ได้สวมใส่รองเท้าเหมือนกับคนอื่นๆอีกปลายเท้าของนางสัมผัสพื้นดินเพียงเบาๆเท่านั้นราวกับว่านางกําลังยืนอยู่บนทรายและหินที่แผดเผา
หลังจากที่ชายผู้นั้นมองไปที่ขาขาวๆของวอเตอร์ฟลาวเวอร์แล้ว เขาก็กลืนน้ำลายอีกใหญ่ลงคอไปโดยไม่รู้ตัว
ริชาร์ดล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าของเขาก่อนที่จะกําเหรียญในมือออกมาอีกครั้งทว่าชายผู้นั้นกลับโบกมือปฏิเสธ“เดี๋ยวเจ้าไม่ต้องรีบร้อนจ่ายค่าผ่านทางเพิ่มให้กับข้าก็ได้นี่แม่สาวน้อย!ถอดเสื้อคลุมของเจ้าให้ขาดหน่อยสิ ! ถ้าเจ้าเต็มใจที่จะอยู่เป็นเพื่อนข้าสักครู่หนึ่งข้าจะไม่เก็บค่าผ่านทางกับพวกเจ้า !”
ร่างของวอเตอร์ฟลาวเวอร์ย่อลงที่พื้นเบา ๆ พร้อมกับที่นิ้วเท้าทั้งสิบของนางได้เปล่งแสงออกมากระทบพื้น นี่เป็นสัญญาณที่แสดงให้เห็นแล้วว่านางเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้ริชาร์ดหัวเราะออกมาก่อ นที่จะโยนเหรียญอีก 10 เหรียญไปบนอากาศ
เหรียญที่ถูกโยนขึ้นไปชนกันบนอากาศก่อนที่จะตกลงมาในมือของเขาอีกครั้งซึ่งทันทีที่เสียงชนกันของเหรียญในมือเขาดังขึ้น เขาก็จับมันยัดใส่กระเป๋าดังเดิมขณะยิ้มแล้วถามขึ้น “ข้าต้องเรียก เจ้าว่าอะไร ?”
“ใคร ๆ ก็เรียกข้าว่าแซมขวานยักษ์”ชายดุร้ายผู้นั้นพูดออกมาด้วยสีหน้าที่ภาคภูมิใจและแกว่งขวานในมือของเขาโชว์ทันใดนั้นแกงดอร์ก้มหน้าลงเล็กน้อยเพื่อจ้องมองขวานหนาและใหญ่ในมือของเขาและหลังจากที่เขาเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งขวานของเขาก็เตรียม ที่จะพุ่งตัวไปด้านหน้าในทันที
“ฟังนะแซม ข้าจะไม่จ่ายค่าทางผ่านให้กับเจ้าอีกแล้ว และถ้าเจ้าไม่อยากตาย ก็จงยอมจํานนให้กับพวกข้า !” ริชาร์ดยิ้มก่อนที่จะโบกมือให้สัญญาณ “จับพวกมันทั้งหมด ! ถ้าใครขัดขืนก็ฆ่ามันทิ้งซะ !”
หลังจากที่เขาพูดจบเสียงของกลุ่มที่อยู่ด้านหลังของเขาก็ดังขึ้นก่อนที่จะพุ่งตัวไปด้านหน้าเพื่อเริ่มสังหารเหล่าคนตรงหน้าในทันที