นครแห่งบาป City of Sin - ตอนที่ 167 ความบังเอิญ ตอนที่ 3
นิยาย นครแห่งบาป – City of Sin เล่ม 2 ตอนที่ 167 ความบังเอิญ ตอนที่ 3
พรีสต์ผู้นั้นตัวแข็งที่อด้วยความกลัวพลางมองต่ำลงช้า ๆ การที่ได้เห็นกริชสีดำปักอยู่ตรงอกของเขาอย่างหาคำอธิบายไม่ได้ทำให้เขาเงยหน้าด้วยสีหน้าตกตะลึงเพื่อมองไปยังใบหน้าอันมีเสน่ห์ที่อยู่ตรงหน้า
ไนท์ผู้นี้ช่างงดงามยิ่งนัก มันเหมือนมีอากาศลึกลับอยู่รอบ ๆ ตัวนาง ดวงตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกนั้นดูเหมือนว่านางกำลังตกอยู่ในการต่อสู้กับคนรักของนางตลอดกาล วินาทีที่นางเข้าใกล้เขานั้นนางเอนตัวเข้ามาจนใบหน้าของทั้งสองห่างกันแทบไม่ถึง 10 เซนติเมตรจนพรีสต์สามารถรับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ จากใบหน้าที่เปล่งประกายและมีเสน่ห์ของนาง
เขาดิ้นรนเพื่อก้มศีรษะลงอีกครั้ง นอกเหนือจากร่องหน้าอกลึกของนางและส่วนที่เหลือของร่างกายที่เปิดเผยเพราะเครื่องแต่งกายน้อยชิ้นนั้น สิ่งที่น่าตกตะถึงที่สุดคือมือทั้งสองของนางที่กำลังจับกริชสองคมไว้แน่น
ถึงแม้ว่ากริชจะถูกฝังอยู่ในหน้าอกของเขาทว่าแผลของเขากลับไม่ได้ขยายใหญ่โดยมีเพียงเลือดที่ไหลออกมาเล็กน้อยเท่านั้น ในตอนแรกเขาเห็นปลายกริชแทงเข้าไปก่อนหน้านี้เพียงนิดเดียวทว่าในตอนนี้มันแทงเข้าจนมิดด้ามแล้วซึ่งเขาไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับการมองเห็นมัน
พรีสต์ชราไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรออกมาแต่เขาก็ยังไม่ตายในทันทีเนื่องจากกริชสั้นนั้นแทงทะลุกระดูกสันหลังไม่ใช่หัวใจของเขา และเส้นเลือดของเขาก็ยังคงสูบฉีดอย่างแรงจากหัวใจที่ยังเต้นอยู่
จู่ๆ ไนท์สาวก็เผยรอยยิ้มมุ่งร้ายออกมาและทันใดนั้นนางก็วางมือลงบนหน้าอกของเขาแล้วออกแรงผลักอย่างฉับพลัน ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่นางทำเพื่อให้แทงซี่โครงของเขาและดึงหัวใจที่กำลังเต้นแรงออกมาได้ง่ายขึ้น
พรีสต์เงยหน้ามองท้องฟ้า เขาอ้าปากค้างในขณะที่ดวงตาก็เบลอมากขึ้นเรื่อย ๆ ไนท์สาวยื่นลิ้นสีแดงเข้มของนางออกมาเลียใบหน้าของเขาอย่างเลือดเย็นและหลังจากนั้นนางก็เอาหัวใจของเขาใส่เข้าปากของตนเององเขา
* กรุบ ๆ ๆ !* เสียงบดขยี้ดังขึ้นในขณะที่นางกัดและเริ่มเคี้ยว แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากกัดไปไม่กี่ครั้งนางก็ขมวดคิ้วก่อนจะพ่นเศษเนื้อและเลือดออกมาขณะที่ปากก็สบถเสียงดัง “เหม็น !”
และหลังจากนั้นนางก็ยกมือขึ้นเพื่อโยนชิ้นส่วนหัวใจที่เหลือออกไปกลางอากาศ เกิดเปลวไฟอ่อน ๆ สว่างขึ้นเมื่อมันเคลื่อนที่ผ่านอากาศ เสียงลมหวิวดังผ่านนางไปขณะที่อสูรที่เป็นสัตว์พาหนะของนางกลืนหัวใจทั้งดวงนั้นเข้าไปในคราวเดียวแล้วมันก็ไปอยู่กลางสนามรบดวงตาของมันแคบลงขณะที่เปิดปากกว้างด้วยความดีใจราวกับว่าหัวใจเล็ก ๆ ดวงนั้นเป็นสิ่งที่รสชาติดีที่สุดที่มันเคยลิ้มลอง
อสูรตัวนี้บดขยี้ทหารกว่า 12 คนด้วยน้ำหนักของมัน ดูจากการชักกระตุกเล็กน้อยของร่างกายเหล่านั้นมันเหมือนกับว่าพวกเขาได้จบชีวิตลงแล้ว
ในจังหวะนั้นเองที่ร่างของพรีสต์เฒ่าลื่นล้มลงไปกองกับพื้นเสียงดังไนท์หยิบผ้าเช็ดหน้าสีขาวสะอาดออกมาจากที่ไหนสักแห่งและเช็ดคราบเลือดออกจากถุงมือยาวให้นาง การต่อสู้ยังคงโหมกระหน่ำอยู่ในบริเวณรอบ ๆ อย่างต่อเนื่องทว่าสงครามได้สิ้นสุดลง แล้วการสูญเสียเหล่าพรีสต์และเคลริคส่งผลกระทบต่อกองทัพศัตรูอย่างหนักและการสูญเสียคาถาที่คอยสนับสนุนพวกเขาทำให้ประสิทธิภาพของพวกเขาลดลงมากกว่า 30% ทันที ไนท์เกราะดำหลายสิบคนยังคงก้าวออกมาจากประตูมิติ ซึ่งทำให้กองทัพแนวหน้าพากันทรุดลงไปจนกลายเป็นเหมือนการฆาตกรรมหมู่ สถานการณ์ยากลำบากเช่นนี้ทำให้ทหารหลายคนเลือกที่จะละทิ้งหน้าที่และหลบหนีอยู่ตามขอบเขตของสนามรบ
ในที่สุดไนท์สาวก็เช็ดถุงมือจนสะอาดจากนั้นนางก็ซับคราบเลือดและเศษเนื้อออกจากมุมปากของตนเองทว่าริมฝีปากของนางยังคงเป็นสีแดงเข้มราวกับว่ามันจะมีเลือดไหลออกมาได้อีกในทุกเวลานางมองไปยังร่างของพรีสต์ที่ตาเบิกโพลงก่อนถ่มน้ำลายใส่เขาอย่างดูถูกดูแคลน “เฮ้อะ ! เป็นถึงพรีสต์ระดับ 15 ก็ยังเหม็นเน่า ! อืม… แต่ก็ไม่ต่างจากที่คิดไว้ เนื้อแก่ ๆ มันไม่เหมาะกับข้าหรอกข้าต้องหาอะไรที่นุ่มและอร่อย…”
ตอนนั้นการต่อสู้ได้สิ้นสุดลงแล้ว เหล่าไนท์ที่ดุร้ายได้ทำลายการซุ่มโจมตีด้วยความช่วยเหลือของเกรทเมจ พวกเขาจัดการแม้กระทั่งกับคนที่พยายามหลบหนี ซึ่งเหล่าผู้ที่หลบหนีเองก็ไปได้ไม่ไกลก่อนที่พวกเขาจะถูกจับตัว
แม่ทัพที่สูงเกือบ 3 เมตรเดินเข้าไปหาไนท์สาวผู้นั้นอีกครั้งก่อนโค้งคำนับเกือบ 90 องศาเพื่อให้อยู่ในระดับเดียวกันกับนาง เขาพูดด้วยน้ำเสียงเคารพอย่างไม่น่าเชื่อ “ศัตรูถูกสังหารหมดแล้วท่านหญิง ฝ่ายเราสูญเสียไป 9 คนจากการต่อสู้ ในตอนนี้พวกเราจึงมีจำนวนทั้งหมด 71 คน ท่านมีคำสั่งให้พวกเราทำอะไรต่อไป ?”
ไนท์สาวไม่ได้เร่งรีบในขณะที่นางสำรวจไปรอบ ๆ สนามรบศพมากกว่า 600 ศพเกลื่อนไปทั่วพื้นที่โดยมากกว่าครึ่งหนึ่งนั้นเป็นเหล่าทหารและม้าอย่าง ไรก็ตาม ในตอนที่ยังมีชีวิตพวกเขาล้วนตอบโต้กลับอย่างน่ากลัวแม้กระทั่งตอนที่พวกเขากำลังจะตาย
สนามรบเต็มไปด้วยเลือดเนื่องจากตามกองศพต่าง ๆ ยังคงมีเลือดไหลออกมาเรื่อย ๆ จนดูเหมือนมันจะย้อมสีแดงให้ทั่วดินแดนทั้งหมด ไนท์สาวสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อสูดกลิ่นเหม็นคลุ้งในอากาศ นางหลับตาด้วยความรู้สึกเคลิบเคลิ้มจนสีหน้าที่ไม่สามารถอธิบายได้เผยขึ้นบนใบหน้า นางพึมพำออกมาหลังจากที่เงียบมายาวนาน “ไม่ว่า เจ้าอยู่ที่ไหนเลือดก็มีกลิ่นที่ดีเสมอ !”
หัวหน้าไนท์หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง “จริงที่สุด !”
ไนท์สาวลืมตาอีกครั้ง “สำหรับเพลนที่จำกัดอยู่ที่ระดับ 18 นั้น การส่งพรีสต์ระดับ 15 มานับว่าเป็นความพยายามที่ดีที่เดียวแต่มันก็ไร้ประโยชน์สำหรับข้า เอาล่ะ รวบรวมทุกคนมา ข้าต้องการให้สนามรบนี้สะอาดภายใน 10 นาที แล้วหลังจากนั้นก็ไปดูซิว่าคนในฐานมัวทำอะไรกันอยู่แล้วทำไมประตูมิติถึงเปิดขึ้นตรงสถานที่บ้า ๆ นี่จนเราถูกซุ่มโจมตี !”
หลังจากออกคำสั่ง นางก็เดินไปหามันติคอร์ขนาดใหญ่พร้อมพูดขึ้นอย่างเย็นชา “อืม… ข้าหวังว่าจะมีมนุษย์แสนอร่อยอยู่ในฐาน แล้วข้าจะพิจารณาไว้ชีวิตพวกไร้ค่าเหล่านั้นหากข้าได้รับความพึงพอใจในคืนนี้”
หัวหน้าไนท์หัวเราะออกมาอย่างลึกล้ำ “ดูเหมือนว่าคืนนี้จะมีเลือดมากขึ้นอีกนะท่านหญิงซินแคลร์ !”
ซินแคลร์ตอบอย่างโหดร้าย “หุบปากอย่ามาทำลายความสุขของข้า !” ไนท์ผู้นั้นเงียบไปทันทีก่อนที่ร่างของเขาจะสั่นสะท้านเล็กน้อย
ไม่ว่าจะเป็นขุนนางคนใด หากมาจากหัวแลนด์จะต้องจำไนท์สาวผู้นี้ได้เป็นอย่างดี นางคือซินแคลร์ ชั้มปีเตอร์ หนึ่งในเหล่าบุตรสาวฝีมือดีแห่งตระกูลชมปีเตอร์ ในขณะเดียวกันผู้คนก็จดจำวอริเออร์ชั้นดีของตระกูลนี้ได้ดีเช่นกัน พวกเขามีชื่อเรียกว่า — แบร์การ์ดไนท์
จากสัตว์ที่ใช้สำหรับเป็นพาหนะของไนท์เหล่านี้ แบร์การ์ดเป็นเผ่าพันธุ์ที่พิเศษ แต่ละตัวอยู่ในระดับ 12 เป็นอย่างต่ำและจะสามารถรองรับรูนได้ทั้งหมด 3 รูนเป็นมาตรฐาน ด้วยการที่ดำรงอยู่มาไม่กี่ร้อยปีจึงทำให้ชมปีเตอร์มีสัตว์พาหนะสำหรับขี่พวกนี้อยู่ประมาณ 150 ตัวเท่านั้น ทว่าการที่ซินแคลร์พาพวกมันจำนวนมากกว่าครึ่งมายังเพลนนี้ได้ย่อมพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าพวกเขาสนับสนุนการต่อสู้ครั้งนี้มาก อีกทั้งมันยังแสดงให้เห็นถึงความจริงใจและมุ่งมั่นที่จะอยู่ในแวดวงระดับสูงของเฟาสต์ หากซินแคลร์เผชิญกับเคราะห์ร้ายในการโจมตีครั้งนี้ ทั้งตระกูลคงไม่ห่างไกลจากการต้องสูญเสียเกาะลอยฟ้าของพวกเขาอย่างแน่นอน
ซินแคลร์อยู่ในระดับ 15 เท่านั้นเนื่องจากอายุของนางยังแค่ 20 ต้น ๆ อย่างไรก็ตาม ผู้คนส่วนใหญ่ต่างก็มุ่งเน้นไปที่ภาวะการเป็นผู้นำในสงครามของนางมากกว่าเรื่องอื่น รูปแบบการบัญชาการที่แปลกและดุร้ายของนางถูกแสดงให้ทุกคนได้เห็นซึ่งทุกคนก็ชื่นชมนางดี แต่หากไม่ใช่เพราะความรุ่งเรืองอย่างรวดเร็วของอลิซ อาเครอนที่อยู่อันดับสูงสุดในตอนนี้นั้น ซินแคลร์คงจะได้เป็นแม่ทัพหญิงที่เฉิดฉายที่สุดในสหพันธ์ศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว
ในเพลนรองที่มีขีดจำกัดพลังอยู่ที่ระดับ 18 ชัมปีเตอร์ได้ส่งซินแคลร์ เกรทเมจ 2 คนซึ่งอยู่ในระดับ 14 และแบร์การ์ดไนท์ 80 คน พร้อมด้วยการสนับสนุนจากฐานที่มีอยู่ก่อนแล้วให้ออกมาทำสงครามเพลน ซึ่งนี่ก็มากพอที่จะใช้เป็นวิธีการในการควบคุมเพลนนี้ แล้วมันจะมีโอกาสล้มเหลวได้อย่างไรกัน ? ไม่มีอะไรน่ากังวลมากไปกว่าค่าใช้จ่ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับตระกูลซึ่งก็คือการขนส่งพวกเขาทั้งหมดมาที่นี่
อย่างไรก็ตาม อุบัติเหตุใดก็อาจเกิดขึ้นได้ในเพลนที่มีอยู่นับไม่ถ้วน เพราะครึ่งชั่วโมงต่อมาซินแคลร์ก็ยืนอยู่หน้าฐานของชมปีเตอร์ด้วยใบหน้าซีดเผือด